ตอนที่ 12 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 11 ll แม่ของเขา เราต้องไฝว้ {LOADING 100%}
11
แม่ของเขา เราต้องไฝว้
“หา / หา!”
สองเสียงของผู้ชายที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมาอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อฉันเผลอพรั้งปากพูดคำอุบาทว์บางอย่างออกไป
ไม่นะ ฉันแค่คิดทำไมมันมีเสียงละ TT
“พะ เพลียน่ะ เพลียมากเวรี่ฮอต ร้อนเนอะเก๋งเนอะ ฮ่าๆ”
ฉันรีบทำท่าทางพัดนู้นพัดนี่ บ่งบอกถึงความร้อนที่พุ่งพล่านไปทั่วพื้นที่บ้านทันที โก๋และเก๋งพยักหน้าให้แบบงงๆ แต่เก๋งจะมายืนแก้ผ้าต่อหน้าพี่แบบนี้ไม่ได้นะลูก
แม้มันจะดีล้ำค้ำจุนโลกก็เหอะ
“งั้นผมขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะ ไม่คิดว่าพี่จะมาอะ”
เก๋งรีบหันหลังกลับวิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจว่าฉันจะพูดอะไรต่อ โก๋ยืนยิ้มให้ฉันด้วยท่าทีดูเหมือนระแวง เดี๋ยวนะ นายกลัวอะไรยะ
“ชอบเก๋งเหรอ” โก๋ที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ส่งระเบิดมาให้หนึ่งลูกเต็มๆ หน้า โดยที่ฉันไม่ทันตั้งรับแม้แต่อย่างใด “จีบเก๋งจีบยากนะ มันไม่เคยมีแฟนแถมดูกลัวผู้หญิงด้วย”
โก๋พูดเสร็จก็รินน้ำใส่แก้วก่อนจะยื่นมาให้ฉันตามมารยาทการรับแขก ฉันรับแก้วในมือโก๋ก่อนจะมานั่งที่โซฟาเพื่อรอเจ้าบ้านอย่างเก๋งลงมา แน่ล่ะจีบเก๋งยากไปหมดละ ทั้งเจ้าตัวที่ดูไม่ได้คิดอะไร ไหนจะคู่แข่งมากหน้าหลายตาที่ต่างจ้องจะงับเขาอีก เขาเป็นเกย์หรือเปล่าอันนี้ฉันก็ไม่กล้าถาม แถมฉันยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขาไปขืนใจใครไว้ ร้ายแรงอะไรพรรคนั้น
แต่ในตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกถึงรังสีอำมหิตเหมือนแผ่ไปทั่วบ้านยังไงไม่รู้แหะ เหมือนมีลางจะมีการเกิดสงคราม
ทันทีที่ฉันเหลือบตาไปทางซ้ายของบ้านซึ่งน่าจะเป็นทางห้องครัว ฉันก็เจอกับคุณป้าที่แต่งตัวเหมือนจะไปดูคอนเสิร์ตจัสตินบีเบอร์แอนด์เลดี้กาก้าอะไรทำนองนั้น ทรงผมสีบลอนด์ลอนใหญ่ปัดไปทางด้านข้างของคุณป้าทำให้ดูเด็กลงไปห้าสิบเปอร์เซน บวกกับการใส่ส้นสูงเข้ามาในบ้านและอีโต้ในมือเหมือนเพิ่งไปสับหมา เอ้ย หมูมาหมาดๆ
ใครวะ…
ฉันรีบยกมือไหว้เขาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นแววตาอาฆาตนั่นส่งมา ยิ่งพอมีพร็อบเป็นอีโต้ประกอบยิ่งน่ากลัวเป็นบ้า
“เอ้าแม่…” โก๋หันไปมองป้าก่อนจะเอ่ยทักทายขึ้น “นี่ก้อยเป็นรุ่นพี่ในคณะไอ้เก๋งน่ะ เขามาเยี่ยมเก๋ง”
ได้ทีโก๋ก็แนะนำฉันให้ป้าแกรู้จักทันที…แม่งั้นเหรอ…ดูท่าทางจะดุสมคำล่ำลือเหมือนที่เก๋งเคยบ่นไว้ไม่มีผิด…
“เพื่อนเขายังไม่มาเยี่ยมเลย เป็นแค่พี่ในคณะมีสิทธิ์อะไรคะน้อง”
นะ น้องเลยเหรอ…
ฉันพยายามฝืนยิ้มส่งแม้ประโยคคำถามของแม่เก๋งจะทำเอาฉันหน้าซีดเสียเซลฟ์ไปบ้างก็เถอะ
“คือหนูสนิทกับเก๋งในระดับนึงค่ะ แล้วพอดีว่ามีธุระจะคุยกับเขานิดหน่อยเลยแวะมาหาค่ะ”
“น้องโก๋คะ หนูไปเข้าครัวแทนแม่แปปได้ไหมคะลูก แม่ขอคุยกับคุณน้องคนนี้นิดนึง”
ดูเหมือนว่าลางร้ายกำลังจะมาเยือนฉันแบบเต็มๆ โก๋เกาหัวพลางพยักหน้าให้แม่ตัวเองก่อนจะลุกไปรับอีโต้ในมือแม่และเดินไปที่ครัวตามคำสั่ง ฉันพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาอย่าเพิ่งไป แต่ก็ไม่เป็นผล แม่ของเก๋งเดินมานั่งข้างๆ ฉันเป็นที่เรียบร้อย เธอฉีกยิ้มให้ฉันแม้มันจะยิ้มแต่ก็เป็นยิ้มอาฆาตชอบกล
“หนูขอโทษนะคะถ้าเข้ามารบกวน” ฉันรีบยกมือไหว้ผู้เป็นแม่สามีอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แม่เก๋งยกมือห้ามก่อนจะกระตุกยิ้มมาให้
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ปากเริ่มแห้งผาก ให้ตายสิไม่เคยตื้นเต้นและเกร็งอะไรเท่านี้มาก่อน ขนาดไปออดิชั่นเป็นนักร้องค่ายเกาหลียังไม่ขนาดนี้เลยเหอะ
“น้องไม่ใช่แฟนน้องเก๋งใช่ไหม” ฉันรีบส่ายหน้าไปโดยทันที “แล้วน้องมีความสัมพันธ์อะไรกับน้องเก๋งจ๊ะ”
คำถามประโยคเด็ดจากปากแม่เอ่ยถามจนฉันอยากให้เจ้าตัวที่มีชื่อในประโยคลงมาเร็วๆ ฉี่จะแตกอยู่แล้ว ยิ่งพอได้เห็นแววตากดดันของคุณแม่เนี่ย ถึงแม่จะแซ่บแต่งหน้าจัดแต่งตัวเริศหน้าเด็ก แต่แม่มีความอำมหิตแผ่รอบตัวสูงมาก ฉันกลัว
“ปะ เป็นแค่พี่น้องในคณะค่ะ” แต่ในอนาคตไม่แน่นอนค่ะ
“พี่มองตาพี่ก็รู้ว่าน้องคิดยังไงกับลูกของพี่”
“คือหนู…”
“ไหนลองพรีเซนต์ความเผ็ดของตัวเองมาให้พี่สักสามข้อสิ”
ไม่ทันที่ฉันจะได้ปฏิเสธอะไรออกไป อยู่ๆ แม่เก๋งก็ยิงคำสั่งมาให้ฉันตอบคำถามของเขาโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“หนู…” ปากสั่นทำไมวะก้อย ใจเย็นนะเว้ยก้อย แกทำได้ แกทำได้
ในทันทีที่สายตาของฉันพยายามหลบหน้าหลบตาคุณแม่ จู่ๆ สายตาก็พลันไปเห็นดีวีดีซีรี่ย์เกาหลีที่ตั้งกองสง่าอยู่ข้างๆ เครื่องเล่นดีวีดี ดูท่าทางว่าซีรี่ย์เหล่านั้นจะเป็นของแม่แหะ ถ้าฉันจี้จุดเอาของโปรดของแม่เก๋งมาพูด ฉันจะอยู่รอดปะวะ…
“ว่าไง หรือไม่มีอะไรเลย”
“หนูเต้นโคฟเวอร์ได้ค่ะ” โอ้ย ก้อย T^T นั่นไม่ใช่ความเผ็ด
“แล้วไงต่อ”
“นะ หนู…ไม่เคยมีแฟนค่ะ หนูยังเวอร์จิ้น…” อันนี้ก็ไม่น่าใช่เรื่องมาอวดปะหว่า TT
“อืม ข้อสุดท้ายล่ะ”
“หนู…” ฉันเหลือบไปมองกองซีรี่ย์นั่นอีกครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเต็มปอดและพ่นประโยคสุดท้ายออกไป “หนูดูซีรี่ย์เกาหลีมาทุกเรื่องแล้วค่ะ!”
ฉันหลับตาปี๋เหมือนจะถูกแม่เก๋งเอาแจกันบนโต๊ะมาทุ้มหัว แม่เก๋งหัวเราะเสียงเบาก่อนจะปรบมือเสมือนว่าคำพูดของฉันไม่ผิดอะไร ฉันค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองคนตรงหน้าที่นั่งยิ้มกริ่มมาให้ฉัน
“พี่ชอบจุงกิมากอะ หล่อเนอะ” อยู่ๆ แม่ของเก๋งก็ตีไหล่ฉันเบาๆ เหมือนการสะกิดเรียกมาคุยอะไรทำนองนั้น ฉันได้แต่หัวเราะแหยๆ ก่อนจะเบ้หน้าไปทางอื่น เหมือนรอดตายเลยว่ะ
จะคุยกับติ่งก็ต้องใช้ความติ่งมาคุยกันเนี่ยละวะ TT
“ใช่ค่ะๆ ยิ่งเรื่องที่จุงกิเล่นเป็นมนุษย์ต่างดาวก้อยชอบมาก ฮาๆ”
“…”
แม่เก๋งชะงักก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อฉันพูดเรื่องพระเอกสุดโปรดของแม่เก๋งไป ทำไมอะ จุงกิไม่เคยเล่นบทมนุษย์ต่างดาวหรอกเหรอ…
ฉิบหาย…
“หนูจำผิดแน่ๆ เลย ฮาๆ T0T” จะหัวเราะหรือร้องไห้ฉันเลือกไม่ถูก
“นั่นมันอีกคนค่ะน้อง นี่ๆ เรื่องนี้ดูหรือยัง”
เหมือนแม่เก๋งจะไม่ได้จับผิดการโกหกอะไรของฉัน เธอลุกขึ้นไปที่เครื่องเล่นดีวีดี ก่อนจะค้นกองแผ่นซีรี่ย์และหยิบมาหนึ่งแผ่นส่งมาให้ฉัน อันที่จริงฉันแทบจะไม่เคยดูเลยด้วยซ้ำ ดูล่าสุดก็ตอนมอสามล่ะมั้ง พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างมานั่งดู ฉันรับแผ่นในมือแม่เก๋งมาก่อนจะพลิกดูเนื้อเรื่องย่อหลังปกแผ่นทันที มันคือซีรี่ย์นางเอกแอบรักพระเอกในมหาวิทยาลัยดนตรี พระเอกดูโง่ๆ งงๆ ส่วนนางเอกก็ดูบื้อๆ ซึ่งทั้งสองมีอุปสรรคในความรักคือพระเอกมีคนชอบเยอะ เลยทำให้นางเอกต้องฝ่าฟันคนพวกนั้นไปให้ได้…
ใครเอาเรื่องดิฉันมาเขียนคะ ติดต่อมาหาทีค่ะ!
“หนูยังไม่เคยดูเลยค่ะพี่” การเรียกแม่เก๋งว่าพี่บอกได้เลยว่าไม่ชินปากสุดๆ แม้ว่าเธอจะหน้าเด็กก็จริง แต่เธอก็อยู่ในฐานะแม่ของเก๋งปะวะ “งั้นหนูขอยืมไปดูบ้านนะคะ”
“ดูที่นี่เนี่ยละ”
“หะ…”
ฉันเหวอไปเล็กน้อย เมื่อแม่เก๋งดันบอกคำสั่งที่ทำเอาฉันค้างไปในห้วงอากาศ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ปะ แม่เก๋งบอกให้ฉันดูซีรี่ย์ที่บ้านเขาอะ T^T
“คือพอดีพี่กับน้องโก๋ต้องไปงานทำบุญบ้านญาติที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้เย็น อยู่เป็นเพื่อนน้องเก๋งได้ไหมล่ะ แล้วค่อยกลับ ดูฆ่าเวลาไปก่อน เก๋งไม่สบายไม่มีใครดูแลนาง”
ดูเหมือนว่าฉันกำลังจะได้โชคแหะ
“อ่อ ถ้าให้อยู่เป็นเพื่อนไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าพี่อนุญาตก้อยก็อยู่ได้ค่ะ”
“อยู่ไปเถอะ พี่ชอบน้องนะ ไหนๆ ก็คอซีรี่ย์เกาหลีเหมือนกัน คุยกันสนุกสนานดีออก” แม่เก๋งลูบหัวฉันเฉย แต่ฉันก็ยังไม่ชินแถมเกร็งตัวจนแทบจะตะคริวกินไปทั้งร่างแล้วเนี่ย “น้องเก๋งมันเป็นคนไม่ค่อยชอบกินยา พยายามบอกเวลาให้น้องกินยาที เดี๋ยวห้าโมงพี่ก็ไปแหละ ฝากทีนะ”
“อะเอ่อ…พี่คะ” ทันทีที่แม่เก๋งลุกขึ้น ฉันก็จับแขนแม่เก๋งไว้ก่อนจะเอ่ยประโยคนึงออกไป “หนูจะดูแลลูกของพี่ให้ดีที่สุดนะคะ ^^”
“จ๊ะ”
แม่เก๋งยิ้มมาให้ทำให้ฉันเบาอาการเกร็งไปได้หนึ่งสเต็ป ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่คิดนี่นา ถ้าจับจุดเป็น วะฮ่ะฮ่า! เหมือนผู้ชนะสิบทิศเลยแหะ ฉันยืดอกดั่งกับคนได้ชัยชนะแม่สามีมาครอบครอง ไม่มีใครทำได้ ผู้หญิงหน้าไหนก็ทำไม่ได้ถ้าไม่ใช่นิ้วก้อยผู้มีความติ่งแสนฉลาด…
ไม่ทันที่ฉันจะภาคภูมิใจกับตัวเองเสร็จ เก๋งก็ลงมาจากชั้นสอง เขาเลิกคิ้วให้ฉันเมื่อเห็นว่าฉันถือซีรี่ย์ไว้ในมือ งงล่ะสิ
“เฮ้ยพี่ นั่นซีรี่ย์แม่ผมปะ” เก๋งเริ่มการโวยวาย เสียงของเขาแหบพร่าแสดงให้ถึงความป่วยอย่างชัดเจน ฉันพยักหน้ารับพลางขมวดคิ้วงง ทำไมต้องทำท่าโอเวอร์อะไรแบบนั้นด้วยล่ะ “พี่ แม่ผมห่วงซีรี่ย์มากนะ ขนาดผมยังจับไม่ได้เลย”
“แต่แม่เก๋งเอามาให้พี่ยืมดูอะ…” ฉันชูซีรี่ย์ไปให้เขาอย่างงงๆ ไม่ต่างจากสีหน้าเก๋งที่ก็งงไม่แพ้กัน
“แม่ผมเนี่ยนะ…”
“อืม วันนี้แม่เก๋งกับโก๋ไม่อยู่บ้าน พี่จะเป็นคนดูแลเราเอง J”
ฉันส่งยิ้มไปให้เก๋งที่ยังคงทำหน้างงโลกไม่เลิก เก๋งมองฉันสลับกับทางเข้าครัวเหมือนสงสัยว่าแม่ตัวเองเนี่ยนะจะมาคุยกับฉันอะไรทำนองนั้น
“พี่คุยกับแม่ผมเหรอ” เก๋งรีบวิ่งมานั่งข้างๆ ฉันก่อนจะถามเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง “พี่คุยยังไงวะเนี่ย”
เก๋งอ้าปากงงสงสัย ฉันเลยทำได้แต่ยิ้มหัวเราะไปให้เก๋ง เขานี่เหมือนเด็กไม่มีผิด กลัวเป็นเด็กๆ ไปได้ แต่เรื่องแม่น่ะช่างเถอะ เอาเรื่องที่จะเกิดขึ้นคืนนี้ดีกว่า
เราจะอยู่กันสองต่อสองแหละ หึหึ
- GENG SAY -
“หึหึ”
ผมมองผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เอาแต่หัวเราะในลำคอ หน้าตาของเธอเหมือนมีจุดประสงค์จะทำอะไรบางอย่าง ผมต้องนั่งมองเธอมาสามนาทีไม่ยักจะทำอะไรนอกจากนั่งหัวเราะจริงๆ เหรอ
ตอนนี้แม่กับพี่โก๋ออกจากบ้านไปได้สักพัก ผมเพิ่งมารู้ด้วยว่าแม่ฝากผมไว้กับพี่ก้อย น่าตกใจจริงๆ ที่พี่ก้อยเป็นผู้หญิงคนแรกที่แม่ยอมคุยและยอมให้ผมสนิท ผมไม่เคยได้สนิทกับเพื่อนหรือผู้หญิงคนไหนเลยสักคนเพราะแม่ผมนี่แหละ ดุขนาดนี้ใครจะกล้าคุยกับผมล่ะ
“พี่ก้อย”
“หะ หา…”
เธอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมหัวเราะกับท่าทางเธอเล็กน้อย พี่เขาก็มีมุมแปลกของตัวเองนะ พักหลังมานี่ผมอยู่กับพี่เขามากกว่าอยู่กับไอ้ทีเสียอีก แถมชีวิตผมก็มีอะไรใหม่ๆ เข้ามาตลอด เช่นวันนี้ที่เธอมาหาผมถึงในบ้านนี่ไง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าบ้านผมเลยนะ
สุดยอดซะไม่มี…
“พี่มาหาผมทำไมเหรอ” ผมถามเธอไปโดยทันที
“เห็นข่าวในทวิตหรือยังอะ พี่ขอโทษนะไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะบานปลายอะไรขนาดนี้”
“ผมไม่เล่นทวิตอะ ทำไมเหรอ”
ผมรีบถามเธอด้วยความสงสัย ทวิตมีอะไรเกิดขึ้นที่คนอย่างผมควรรู้เหรอ แล้วพี่ก้อยมาขอโทษผมทำไมวะเนี่ย
“เรื่องสนามบินอะ” เธอเกาหัวแก้เก้อ “มีคนถ่ายรูปเราสองคนแล้วเขียนหัวข้อว่าเราเป็นแฟนกันแล้วเอาไปลงทวิตอะ”
ผมขมวดคิ้วงงกับเหตุการณ์ที่เธอเล่าไปเล็กน้อย คนเข้าใจผิดไม่เห็นแปลกนี่ ดูท่าทางพี่เขาจะจริงจังกลัวว่าผมจะคิดมากเรื่องนี้แน่ๆ เรื่องโซเชียลผมปล่อยวางมันไปนานแล้วอะ ข่าวส่วนใหญ่มักจะมโนกันเองทั้งนั้น ไม่เห็นจริงสักเรื่อง ไหนๆ เห็นพี่เขากลัวว่าผมจะคิดมาก ลองแกล้งพี่เขาดีกว่าถ้างั้น
“นั่นไงพี่ ผมโกรธนะ ไปตามลบข่าวเลย” ผมแสดงสีหน้าก้าวร้าวใส่พี่ก้อย คนตรงหน้าตกอกตกใจหน้าตาเหลอหลาเหมือนจะร้องไห้ออกมา “เฮ้ยพี่ ผมล้อเล่น”
ผมที่เห็นเธอน้ำตาเริ่มซึมก็ทำให้ผมรีบขยับไปใกล้ๆ ก่อนจะรีบเฉลยไปทันที ไม่คิดว่าแกล้งโกรธจะทำให้พี่เขาคิดมากขนาดนี้นี่นา
“เก๋งไม่โกรธพี่จริงๆ ใช่ป่ะ พี่ทำให้เราคิดมากปะเนี่ย พี่พยายามบอกคนลงข่าวแล้วนะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ตอนนี้เขากำลังตามแก้ข่าวให้อยู่ พี่ขอโทษนะเก๋ง TT”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ให้เขาเข้าใจแบบนั้นไปเถอะ ผมไม่ได้มีแฟนสักหน่อยแคร์ใครซะที่ไหน พี่ก็ไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอกลัวทำไมล่ะครับ”
ผมรีบปลอบพี่ก้อยเป็นการด่วนก่อนจะส่งแขนตัวเองไปที่หน้าพี่ก้อย เธอหันมามองผมแบบไม่เข้าใจ ผมเลยพยักหน้าให้เธอเช็ดน้ำตาลงแขนเสื้อผมได้เลย ไม่เป็นไรหรอก เช็ดมาเหอะ
“ไม่เป็นไรพี่เช็ดเสื้อตัวเองได้” ว่าเสร็จพี่ก้อยก็ยกชายเสื้อสั่งน้ำมูกเช็ดขี้หูขี้ตาอย่างเต็มที่ ผมเลยดึงแขนกลับมาที่ตัวเองตามเดิม เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมตามปกติ นี่มีคนแบบนี้ด้วยเหรอที่ปรับอารมณ์ได้เร็วทันใจขนาดนี้ “เก๋งกินยาหรือยัง”
พูดถึงยาผมก็ลืมกินไปเมื่อตอนกลางวัน แต่ลืมๆ กินไปก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้ผมก็เริ่มกลับมาปกติดีแล้ว ผมเป็นคนไม่สบายแปปแปปก็หาย เป็นได้ไม่นานหรอก
“เดี๋ยวค่อยกินก็ได้พี่ ผมไม่รีบ”
ผมรีบตัดจบเรื่องการกินยาโดยด่วน อย่าหาว่าผมเด็กหรืออะไรเลยนะ ผมเกลียดยาสุดๆ ไม่อร่อยแถมขมลิ้นอีก ใครจะไปอยากกินวะ
“แล้วกินข้าวหรือยังอะ”
“กินแล้วครับ”
“งั้นเก๋งก็ต้องกินยานะ จะหนึ่งทุ่มแล้ว”
อยู่ๆ พี่ก้อยก็ลุกขึ้นไปหยิบกล่องยาที่แม่ผมวางไว้ให้ก่อนหน้านี้มาเปิด ผมเบ้หน้าเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นยาที่ลอยออกมาจากกล่องปฐมพยาบาลนั่นทันที เกลียดสุดๆ ก็พารานี่แหละเม็ดก็ใหญ่กลืนก็ลำบาก
“เขาให้กินก่อนนอนนะพี่” ผมรีบห้ามเมื่อเห็นเธอเริ่มรินน้ำใส่แก้วแล้ว “ผมยังไม่ง่วงสักหน่อย”
“เออจริงสินะ”
เหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องการกินยาสามเวลา เช้ากลางวันและก่อนนอนแหงๆ
พี่ก้อยจัดการเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เหมือนเดิม แต่ก็ยังวางยาพาราไว้สองเม็ดพร้อมน้ำบนโต๊ะคู่โซฟา เธอกะจะทำตามคำสั่งแม่ผมแบบจริงจังเลยใช่ไหมเนี่ย
“แล้วพี่จะไม่ดูซีรี่ย์เหรอ แม่ผมอุตส่าห์ให้ยืมเลยนะ”
ผมเบี่ยงประเด็นไปที่ดีวีดีที่เธอถืออยู่ในมือไม่ยอมปล่อย ดูท่าทางจะชอบมากแน่ๆ ถึงขนาดยืมแม่ผมกลับบ้านเนี่ย
“ไว้พี่เอาไปดูบ้านดีกว่า เก๋งรำคาญตายมีแต่ภาษาเกาหลี”
เธอยู่ปากเหมือนเกรงใจผมจริงๆ เอาตรงๆ เลยคือผมนั่งดูซีรี่ย์กองเท่าภูเขานั่นมาหมดทุกแผ่นแล้ว เพราะแม่บังคับทั้งผมและพี่โก๋ให้มาดูเป็นเพื่อน ผมได้ภาษาเพราะซีรี่ย์ของแม่ล้วนๆ เลยนะ แต่ไม่ค่อยนำออกมาใช้เพราะมันไม่จำเป็นกับผมสักหน่อย
“ผมดูได้ พี่อยากดูปะล่ะ”
ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าดีวีดีในมือพี่ก้อยมาก่อนจะลุกไปเปิดให้อย่างไม่รีรอ พี่ก้อยที่ตอนแรกเหมือนจะเกรงใจก็ยอมปล่อยให้ผมเปิดมันอย่างง่ายดาย ในตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วผมคิดผิดเปล่าวะที่ชวนพี่เขาดูซีรี่ย์เนี่ย
“ถ้าเก๋งเบื่อก็ขึ้นไปนอนได้นะ อ๋อ อย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วย”
เธอหันมาสั่งผมเมื่อผมมานั่งข้างเธออีกครั้ง สายตาของเธอดูจริงจังกับซีรี่ย์ที่กำลังเริ่มเล่นบนหน้าจอทีวี เรื่องนี้ผมยังไม่เคยดูเลยนี่หว่า แม่คงแอบไปดูตอนไหนแน่ๆ
“แล้วพี่จะกลับบ้านตอนไหนอะ พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้าหรือเปล่า”
ผมหันไปถามเธอเมื่อดูนาฬิกาเวลาก็จะดึกพอควร พี่ก้อยยกนาฬิกาข้อมือตัวเองมาดูก่อนจะส่ายหน้าพัลวัน
“พี่ไม่มีเรียนทั้งวัน วันนี้อยู่เป็นเพื่อนได้ทั้งคืน J”
“แล้วพี่ไม่กลับบ้านเหรอ มันดึกอันตรายนะ”
“พี่นอนตรงนี้ได้ เดี๋ยวเช้าพี่ก็กลับ” พี่ก้อยพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะสนใจที่หน้าจอทีวีที่เริ่มมีพระนางออกมาในฉากเรียบร้อย ผมลุกขึ้นไปที่ตู้เย็นที่ตั้งห่างออกไปไม่ไกลนักเพื่อหาของกินให้เธอ ในนี้มีอะไรบ้างนะ ส่วนใหญ่ก็เป็นของพี่โก๋ รายนั้นชอบกินแถมตุนของไว้เยอะมากๆ เอาออกมากินสองสามอย่างคงไม่เป็นไรหรอก
ผมคว้าขนมและน้ำอัดลมกระป๋องมาให้พี่ก้อย คนตรงหน้ารับไปด้วยท่าทางเกรงใจ ผมนั่งลงข้างเธออีกครั้งและจัดการฉีกถุงขนมให้เธอทันที
ผมเคยชินกับการทำแบบนี้ให้แม่มากๆ อะ น้อยนักที่จะมีผู้หญิงเข้ามาพัวพันกับชีวิตผม ไม่รู้สิผมกลัวด้วยล่ะ ผมมักจะใช้วิธีจีบผู้หญิงแบบผิดๆ เหมือนที่เคยทำกับพี่แอน
พอพูดถึงพี่แอนผมก็ห่วงความรู้สึกคนข้างๆ แหะ ผมลืมไปเลยว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมพี่แอนถึงปล่อยให้พี่ก้อยมายุ่งกับผมทั้งๆ ที่พี่เขาก็ชอบพี่ก้อยไม่ใช่เหรอ ผมไม่ได้จะแกล้งพี่แอนด้วยการยุ่งกับพี่ก้อยเพื่อหวังประชดอะไร แต่ผมรู้สึกแค่ว่าผมควรเปิดใจลองรู้จักใครให้มากกว่านี้ แต่บังเอิญคนที่เข้ามารู้จักผมดันเป็นคนที่พี่แอนสนิทนี่สิ…
“ฮึก ฮึก ฮึก”
อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นจากคนข้างๆ ผมแอบเหลือบไปดู ก็เห็นว่าพี่ก้อยกำลังร้องไห้ แถมเป็นการร้องไห้ในระหว่างการกินไปอีก ปากของเธอยังคงเคี้ยวมันฝรั่งทอดแต่น้ำตานี่ไหลอาบแก้มมาเป็นที่เรียบร้อย ผมมองไปที่หน้าจอก็พบว่ามันเป็นฉากตัวโกงเตะแมวตายเพื่อประชดนางเอก
พี่ก้อยยังคงอินกับเนื้อเรื่อง น้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆ ผมจะขำก็ขำนะ
“พี่ร้องไห้เหรอ” ผมก้มหน้าไปถามใกล้ๆ เพื่อจะหยอกพี่เขาเล่น
คนถูกทักรีบปาดคราบน้ำตาออกก่อนจะหันมาทำหน้ามึนๆ ใส่ผม
“พี่หาวต่างหากน้ำตาเลยไหล”
นี่มันข้ออ้างเด็กประถมนี่พี่
“งั้นถ้าพี่ง่วงพี่พิงไหล่ผมก็ได้นะ ผมอนุญาติ”
“ไม่เป็นไร พี่ยังดูไหว ไม่ง่วงหรอก”
พี่ก้อยปฏิเสธความหวังดีของผมและยังคงดื้อรั้นที่จะดูซีรี่ย์เรื่องนี้ จริงๆ มันนานเกือบสิบสองชั่วโมงเลยนะ กว่าจะจบก็พรุ่งนี้เช้านั่นแหละ ถ้าไหวผมก็นับถือเธอเลยจริงๆ
เนื้อเรื่องของเรื่องไม่มีอะไรมากแต่นางเอกนิสัยเหมือนพี่ก้อยจริงๆ ยอมรับว่าแรกๆ ที่ได้รู้จัก พี่เขาน่ากลัวมากสำหรับผม พอไอ้ทีบอกให้ผมสังเกตพี่เขาดูว่าพี่เขาจะตามผมมาไหม และมันก็เป็นเรื่องจริง พี่เขาตามมาส่งยันบ้าน แถมพอได้ไลน์ผมไปก็ส่งทักผมมาทุกวัน ในตอนแรกค่อนข้างรำคาญ แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้วล่ะ ถ้าพี่เขาไม่ส่งมานี่กลายเป็นเรื่องแปลกสำหรับผมไปละ
ผมหันไปมองพี่ก้อยเป็นระยะๆ ผมเห็นเธอแอบสัปหงกด้วยแหละ จนอยู่ๆ เธอก็ปล่อยถุงขนมในมือหล่นพื้นและก้มหน้าลงไว้แบบนั้น สุดท้ายก็แพ้ความง่วงของตัวเองสินะ ผมค่อยๆ ลุกเพื่อไม่ให้โซฟาเกิดอาการยวบยาบจนทำเธอตื่น ผมจับศีรษะเธอให้ค่อยๆ เอนไปที่พักแขนโซฟา ก่อนจะดันขาเธอให้วางเหยียดยาวไปกับที่นั่งโซฟาซะ ผมถอนหายใจออกเมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับดีไม่ตกใจตื่นหรืออะไร ผมนั่งย่อๆ ตรงหน้าเธอก่อนจะเขี่ยผมตรงหน้าออกไม่ให้มันปิดหน้าพี่ก้อย
มองๆ ไปเธอก็หน้าตาน่ารักมากเลยนะ ผู้หญิงมีแก้มดูมีเสน่ห์ดีออก ทำไมพี่เขาถึงไม่หาแฟนสักคนเพื่อมาดูแล พี่เขาจะได้มีคนไปตามศิลปินเป็นเพื่อน พาไปซื้อของเกาหลงเกาหลีเป็นเพื่อน ไปคนเดียวคงเหงาแย่ ผมเหน็บผมที่มาปิดบังหน้าเธอ แต่ในจังหวะที่เอื้อมมือไป จู่ๆ ผมที่นั่งยองๆ ก็เสียหลักหน้าเกือบชิดพี่เขาในระยะห่างเพียงแค่คืบ ลมหายใจพี่ก้อยรดชิดหน้าผมจังๆ ไม่ต่างจากผมที่พยายามกลั้นลมหายใจตัวเองด้วยความเกร็งสุดตัว
เกือบจูบพี่เขาแล้วไงไอ้เก๋ง
ในขณะที่ผมพยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้น จังหวะที่พี่ก้อยจะพลิกตัวหงาย ปากของผมกับปากของพี่ก้อยดันชนกันพอดีและก็ค้างอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน ผมนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะผงะตัวออกอย่างตกใจ มะ เมื่อกี้…
ผมรีบคลี่ผ้าห่มห่มคนที่นอนอยู่บนโซฟาอย่างรีบเร่ง ในตอนนี้หน้าผมร้อนจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วด้วยซ้ำ เป็นอะไรวะ อาการแบบนี้เนี่ย
ผมจับปากตัวเองพลางมองคนที่นอนหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างพี่ก้อย ผมรีบคว้ายาสองเม็ดขึ้นมากลืนก่อนจะกระดกน้ำตามอย่างงงใจตัวเอง ในตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว ทำไงดี
ให้ตายเถอะ ใครจะรู้วะว่าคนที่ตามผมมาตลอด
จะได้จูบแรกผมไปเนี่ย!

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขำก้อยอ่ะ ณ โมเม้นนั้นนางคงจะนั่งตัวเกรงชนิดที่ว่าขยับไม่เลยล่ะสิท่า
แต่โชคดีหน่อยก็ตรงที่นางจับจุดแม่ได้นี่แหละอิฉันอ่านไปก็ลุ้นไปว่าคุณแม่นางจะมีท่าทียังไงแต่ที่ไหนได้คอซีรีย์นี่เอง5555555555แต่คุณค่ะฉากสุดท้ายทำเอาโน้ตบุ๊คเราแทบพังเลยนะคะ
พหวีดดดดด6745r%$#GL"n*)@##LV;ในที่สุดฉากที่ฉันรอคอยก็มาถึงฮืออออออ TT______TT
คริสซีนเป็นอะไรที่ดีกับใจเป็นอย่างมากอร๊ากกกกกก!!!!!!มันแบบฮือออออชอบ
เอาค่ะเก๋งรีบๆหวั่นไหวเร็วๆนะคะลูกแม่ยกไม่อยากรอแล้วพี่เขาอุตส่าห์รุกแล้วสนองให้พี่เขาหน่อย
ติดตามต่อไปนะคะสู้ๆเด้อค่าเด้อ :D
อ่านแล้วเขินอ่ะ เก่งถ้าก้อยไม่สนพี่จะเปย์หนูเอานะจาาาาาาาา -/-