ตอนที่ 10 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 09 ll เราก็เกรงใจเขา แต่ใครเล่าจะทนไหว {LOADING 100%}



9
เราก็เกรงใจเขา แต่ใครเล่าจะทนไหว
“ไม่เอาอะ เก๋งต้องขี่หลังพี่”
“จะบ้าเหรอพี่ เร็วๆ เดี๋ยวตามไปดูไม่ทันนะ”
ฉันมองไปที่กลุ่มแฟนคลับที่เริ่มหายไปที่ละกลุ่มสองกลุ่มจนเกือบลับตามองไม่เห็นแม้แต่เงา แม้กระทั้งเสียงกรี๊ดก็เริ่มจางลงเรื่อยๆ
“ไหวแน่นะ”
ฉันถามชายร่างสูงที่นั่งเตรียมท่ารองรับน้ำหนักตัวฉันอย่างใจจดใจจ่อ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะที่จะแบกคนตัวเท่าโอ่งราชบุรีแบบฉันวิ่งไปในระยะเกือบสองร้อยเมตรเนี่ย
“ถ้าพี่ไม่รีบขึ้นผมเปลี่ยนใจแน่”
“โอเค พี่ขึ้นแล้วๆ”
เก๋งเริ่มงัดไม้ขู่มาเล่นงานฉัน ไม่ได้การโอกาสทองจะปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้ ฉันจัดการขึ้นคร่อมหลังเก๋งโดยทันที สองมือของเก๋งกระชับต้นขาฉันแน่น ก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
“ฮึบ!!”
แล้วทำไมเก๋งต้องทำเสียงฮึดอะไรดังปานนั้นล่ะพ่อคุณ!
“ตรงไปเลยๆ ระวังๆ”
ฉันใช้ฝ่ามือตบอกเก๋งเบาๆ นี่ไม่ใช่การเร่ง แต่มันคือการลวนลามทางอ้อมอย่างนึงของก้อยเองค่ะ หน้าอกเก๋งแน่นมาก อยากจะลูบแต่ก็เกรงใจ เนียนๆ เอามือแตะแบบบังเอิญนี่แหละ -^-
“พี่ควรจะกินให้น้อยลงนะผมว่า”
เก๋งที่วิ่งแบกฉันอยู่ก็เอ่ยประโยคนึงขึ้นมา ทำเอาฉันเจ็บแปลบขึ้นมาดื้อๆ นี่ไม่ใช่การเตือนอย่างเป็นห่วงเป็นใย เขาเหมือนกำลังอ้อมค้อมประมาณว่า...
‘อิอ้วน กินน้อยๆ หน่อยนะ หนักฉิบหายให้ตายสิ’
อยู่ๆ ฉันก็เหมือนได้ยินประโยคนี้แทรกซ้อนขึ้นมา น้ำตาจะไหล
“จะว่าพี่อ้วนก็บอกพี่มาเลย พี่ไม่โกรธ ฮ่าๆ” ในเสียงหัวเราะมีน้ำตาซ่อนอยู่
“เปล่า ถ้าพี่กินน้อยลงพี่อาจจะวิ่งไวกว่านี้ เมื่อกี้พี่วิ่งผมนึกว่าเดินจงกลมเหอะ”
“พี่ขาสั้น ไม่เกี่ยวกับกินเยอะ T^T”
ปากคอเราะร้ายหนักเด็กคนนี้ ทำไมรู้สึกว่ายิ่งพอได้รู้จักเขาจะยิ่งพูดมากขึ้นเรื่อยๆ อะ หรือว่าฉันคิดไปเอง แถมไม่ใช่การพูดมากธรรมดายังพ่วงสารพัดคำเหน็บแหนมมาอีก
เก๋งหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าฉันเถียงเขาไม่สำเร็จ ความไวและเสียงหอบของเขาเล่นทำเอาฉันเป็นห่วงเบาๆ ในตอนนี้เรามาถึงเกตสิบอย่างปลอดภัยไร้กังวล แต่เก๋งก็ไม่ยอมปล่อยให้ฉันลงยืนแต่อย่างใด ที่แน่ๆ ตอนนี้ฉันมองเห็นด้านล่างชัดเจนเลยค่า สูงกว่าเด็กที่ยืนต่อตัวบนเก้าอี้พลาสติกนี่อีก
“พี่ขี่หลังผมนี่แหละ จะได้มองเห็น” เก๋งเอี่ยวคอมาพูดกับฉัน นั่นเกือบทำให้ฉันเผลอหอมแก้มเขาแน่ะ รู้งี้ไม่น่าผงะหน้าออกมาเลย น่าจะยื่นปากไปจุ๊บให้รู้แล้วรู้รอด “พี่มองเห็นไหมอะ”
“อ่ะ เอ่อ…เขยิบไปซ้ายหน่อย” ฉันบอกเก๋งด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ คนแบกขยับตามคำขอของฉันทันที เขาไม่หนักหรอกเหรอ “ถ้าเก๋งเมื่อยปล่อยพี่ลงก็ได้นะ”
ฉันบอกเก๋งออกไป รอบๆ ตัวต่างพากันหันมามองที่เราสองคนดั่งกับตัวประหลาด น้องไม่เคยเห็นผู้ชายพาแฟน (มโน) มาติ่งเหรอคะ งานพรีเมี่ยมเลยนะคะน้องจับจองหามากันหรือยัง
“ไม่อะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว พี่จะได้เห็นชัดๆ ไม่ต้องมายืนเขย่งเท้า”
เก๋งพูดพลางแอบเบียดน้องคนข้างๆ ในตอนนี้ชัดแจ๋วมากค่า พื้นที่ด้านล่างฉันมองอย่างทั่วถึงเสมือนมาจองพื้นที่ตั้งแต่ตีห้า ฉันรีบล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนจะเตรียมตัวแสตนบายหน้ากล้องพร้อมถ่ายอย่างเต็มที่
เก๋งพยายามดันตัวฉันให้สูงขึ้นโดยการขย่มตัวขึ้นลงสม่ำเสมอ อ่าส์ ฟินมากแกเหมือนฉากเอ็นซีเคลื่อนที่เลยอ่ะ T.,T
“กรี๊ดดดดดดดดดดด! มิกซ์แมทซ์มาแล้ว!!”
“มิกซ์แมทซ์!!”
“กรี๊ดด!”
พลันเสียงกรี๊ดดังขึ้น ทุกคนในพื้นที่ต่างส่งเสียงเอะอะโวยวายกรี๊ดกร๊าดอย่างไม่ย่อท้อ ฉันชะเง้อหน้าลงไปมองเก๋งที่หลับตาปี๋พร้อมกับเอนหน้าไปทางอื่น เขาคงหูอื้อไปสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ แต่สำหรับฉันชินมากกับเสียงโวกเวกทั้งหลายเหล่านี้
“เก๋งระวังโดนเบียดนะ” ฉันก้มลงพูดใส่หูเก๋ง เมื่อเห็นเขาเริ่มเซเพราะแรงเบียดจากแฟนคลับรอบข้าง
“ไม่เป็นไรพี่ ผมมั่นคงดี รีบถ่ายรูปเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผม”
ฉันพยักหน้ารับคำของเก๋งทันทีก่อนจะมองลงไปเมื่อมิกซ์แมทซ์เดินออกมายืนเรียงหน้ากระดานสวัสดีไทยแลนด์ ฉันอยากจะส่งเสียงกรี๊ดนะ แต่ก็เกรงใจหูของเก๋งกลัวมันจะดับเอากลางคัน ผู้ชายทั้งหกเงยหน้ามาโบกมือบ๊ายบายพวกเรา นั่นจึงแทบทำให้ฉันน้ำตาจะไหล
“จินฮวาน!!” ฉันโบกมือทักทายสมาชิกมิกซ์แมทซ์อย่างเอาเป็นเอาตาย ร่างกายก็พยายามทรงตัวให้อยู่บนหลังเก๋งอย่างเต็มที่ “จีวอน ฟันหน้าของวง อร๊ายยย!”
ฉันรีบเปิดกล้องเมื่อเห็นสมาชิกที่ตัวเองชอบกำลังส่งยิ้มทักทายมา แต่ทันทีเมื่อกดลั่นชัตเตอร์ ข้อความๆ หนึ่งก็เตือนขึ้นมา
‘ความจำในเครื่องเต็ม’
โอ้ไม่! มันจะเต็มได้ไง ฉันแทบไม่เคยถ่ายรูปตัวเองไว้เลยนะ
พอฉันเปิดอัลบั้มเพื่อที่จะลบรูปที่ไม่จำเป็นออก ก็พบว่าทั้งเครื่องในอัลบั้มรูปภาพกลับมีแต่รูปของเก๋ง เก๋ง และก็เก๋งเต็มไปหมด ทั้งที่มหาวิทยาลัย ทั้งโรงอาหาร ทั้งสนามบาส และล่าสุดที่เขานอนตักฉัน ฉันถ่ายไปเกือบสามร้อยรูป!
ไม่อ่ะ รูปนี้ไม่ลบเพราะเก๋งน่ารัก รูปนี้ด้วย ไม่ลบๆ ไม่ลบทั้งหมดนั่นล่ะ T^T
“พี่ถ่ายรูปพวกเขาหรือยังครับเนี่ย”
“อ่ะ…” ฉันชะงักไปทันทีที่คนในรูปมือถือฉันทักขึ้น เอาไงดี จะลบก็เสียดายไปสักทุกรูปเลย
“ถ่ายยังอะพี่” เก๋งถามขึ้นอีกครั้ง มือถือในมือของฉันสั่นจนควบคุมไม่ได้ สายตาแทนที่จะมองไปที่ไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ฉันกลับมองคนด้านล่างที่หันมามองฉันด้วยสายตาดูเป็นห่วงเกินเหตุ ความหอมจากเส้นผมของเขาพัดผ่านเข้ามาในรูจมูก ทำให้ฉันแอบเคลิ้มไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยตอบคนด้านล่างไป…
“ถ่ายแล้ว ถ่ายจนเมมเต็มสุดๆ ไปเลย!”
“อึ๊บ!”
เก๋งปล่อยให้ฉันยืนบนพื้นตามเดิมปกติ น้ำตาฉันแทบคลอเบ้า มาทั้งทีไม่ได้รูปอปป้าติดไม้ติดมือไปเลยเนี่ยนะ ช่างเป็นภาพแห่งความทรงจำจริงๆ TT
มิกซ์แมทซ์ออกจากเกตไปเป็นที่เรียบร้อย บรรดาฝูงแฟนคลับต่างแยกย้าย บ้างก็รีบขึ้นรถตามศิลปินไปที่โรงแรม ส่วนฉันน่ะเหรอ ยืนตัวแข็งทื่อคามือถือตัวเองอยู่นี่ไง
“เรากลับกันเถอะ…” ฉันหันไปบอกเก๋งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี้ด้าเท่าไร ทำไมฉันแลเป็นคนโลภมากแบบนี้ เสียดายไปซะทุกอย่าง
“ไม่สนุกเหรอพี่ ดูทำหน้า”
เก๋งยื่นหน้ามามองหน้าฉัน ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อยิ่งกว่าเดิมไปอีก หน้าตาสงสัยมองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันจะไม่หลบสายตา ไม่ๆ ไม่หลบเด็ดขาด!
“สนุกดิ พี่แค่รู้สึกว่าพี่เป็นภาระของเรายังไงไม่รู้”
ฉันเกาหัวแก้เก้อไป จริงๆ วันนี้มีความสุขมากนะ ได้อยู่กับเก๋งทั้งวันขนาดนี้ โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายซะที่ไหนล่ะ
“ไม่หรอกพี่ ถือว่าเรามาเที่ยวกับออกกำลังกายไปพร้อมกัน สนุกจะตาย”
เก๋งยิ้มร่าออกมาทันทีที่พูดจบ ทำไมเขายิ้มน่ารักแบบนี้ล่ะ น้อยมากนะที่ฉันจะได้เห็นยิ้มกว้างๆ ของเขาแบบนี้ ปกติทำหน้าตานิ่งๆ ดูแล้วเหมือนโกรธใครมาตั้งแต่ชาติที่แล้วงั้นแหละ พอยิ้มแล้วน่าเอ็นดูชะมัด
ฉันรีบหันหลังหนี พาเขาเดินออกนอกสถานที่นี่ทันที ไม่งั้นฉันคงยืนเบลออยู่ในสนามบินจนไม่เป็นอันกลับบ้านแน่ๆ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่มุ่งหวังจะจีบผู้ชายคนนี้ แอคแทคก็สะกดตาตรึงใจ รอยยิ้มก็พิฆาตซะไม่มี
“งั้น…พี่ไปส่งเราเหมือนเดิมแหละกัน” ฉันรีบเสนอการกลับบ้าน เมื่อเราเดินออกมาจากสนามบินจนมาโผล่ที่ข้างทางขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อย
“ให้ผมไปส่งพี่ดีกว่า นี่ก็…จะห้าทุ่มแล้วนะ” เก๋งโบกมือปฏิเสธฉันทันควันก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลาบนหน้าจอ “อีกอย่าง พี่เป็นผู้หญิงซอยบ้านผมมันเปลี่ยว อันตรายจะตาย”
“จะดีนะ…”
ฉันรีบโบกแท็กซี่ที่ขับผ่านมาโดยด่วน มันดึกมากจริงๆ และซอยบ้านเก๋งก็มืดแสนจะมืด เก๋งคงชินทางกลับบ้านตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ
ฉันและเก๋งขึ้นแท็กซี่มุ่งตรงไปที่บ้านของฉันทันที บรรยากาศในรถต่างเงียบงัน ฉันและเก๋งนั่งมองไปทางตรงอย่างเงียบๆ คนขับพยายามมองพวกเราผ่านกระจกส่องหลังอยู่ตลอด เขามองอะไรวะ
“เก๋งคบกับทีมานานยังอะ” ฉันรีบเบี่ยงประเด็นกลบความเงียบงันทันที ก่อนจะหันไปถามคนข้างๆ ที่นั่งนิ่งไม่แพ้กัน
“ตั้งแต่มัธยมอะ ทำไมเหรอพี่” เก๋งเลิกคิ้วกลับมา “พี่ชอบทีเหรอ”
“จะบ้าตาย โอ้ย ลบความคิดในสมองเดี๋ยวนี้”
ฉันรีบตีไหล่เก๋งเบาๆ เมื่อเขาพูดจาหยาบคายคล้ายจะด่าฉัน ฝันไปเหอะ ฉันไม่ถูกชะตาหมอนั่นตั้งแต่แรกพบ ไม่รู้สิ คนเรามักมีเซ้นรับรู้ปะว่าใครมาดีใครไม่มาดี ถึงทีมันจะดูเหมือนมาดีก็เหอะ แต่ฉันว่ามันแปลกๆ ยังไงไม่รู้
“แล้วพี่ชอบใครอะ”
ปัง!
เหมือนโดนยิงมาหนึ่งดอกกลางใจเต็มๆ หนึ่งนัด ฉันหันไปส่งยิ้มให้เก๋งแทนคำตอบ จะให้พี่ตอบใครดีล่ะหนู เจ้มิ๊วดีไหม TT
“เอ่อ พี่ชอบ…”
“ผมล้อเล่น ผมไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่หรอก” เก๋งพูดในขณะที่สายตามองไปข้างหน้า “เพราะผมรู้พี่ชอบผม”
เฮือกกกกก!
คนขับคะ! เปิดประตูรถให้หนูลงไปหน่อยค่ะ ตอนนี้เลย หนูกำลังจะโดนทำร้ายด้วยคำพูดแสนตรงของน้องเขาค่ะ ช่วยด้วยใครก็ด้ายยยย T[]T
“บะ บ้า…” ฉันหันไปพูดกับเก๋ง พยายามควบคุมหน้าตาตัวเองให้ปกติที่สุด แต่มันทำไม่ได้จริงๆ แก ฉันทำไม่ได้ หน้าของฉันตอนนี้ยุกยิกๆ เหมือนกับโดนมดคันไฟตอมหน้าแน่ะ
“อันนี้ผมก็ล้อเล่น ฮ่าๆ ผมตลกหน้าพี่อะ” และแล้วเก๋งมันก็ระเบิกเสียงหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย เล่นทำฉันหน้าเจื่อนลงทันที เล่นอะไรของเขาว่ะถามจริง
“แล้วเก๋งมีคนที่ชอบยัง” ไหนๆ แล้วเสือกมั้งสิ
“ผมเหรอ อืมมมม…” เก๋งใช้นิ้มเคาะคางตัวเองเหมือนครุ่นคิด “ไม่น่าจะมีแล้วล่ะ”
“อ่าว แปลว่าก่อนหน้านี้มีอะดิ”
“ครับ แต่เพราะผมจีบไม่เป็นเลยกระทำการผิดพลาดไปนิดนึง”
“ไปทำอะไรเขาอะ”
ฉันรีบเสนอหน้าเพราะความอยากรู้ แต่แล้วรถก็มาจอดหน้าบ้านพอดิบพอดี ฉันถอนหายใจเพราะยังไม่รู้เลยว่าเก๋งไปจีบผู้หญิงคนนั้นอีท่าไหน ถึงได้จีบไม่ติด คนแบบเขาไม่น่ารอดมือชะนีทั้งหลายได้เลยนะท่าทาง
ฉันยื่นเงินให้กับแท็กซี่แต่เก๋งกลับยื่นตัดหน้าฉันก่อน ฉันเลยพยายามยัดเงินใส่มือเขาแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเก๋งไม่รับมันเลยสักนิด เราสองคนลงแท็กซี่ทันที เหมือนเก๋งจะหารถเมล์กลับบ้านเองมั้งเขาเลยเลือกที่จะไม่นั่งแท็กซี่ต่อ
ฉันโบกมือบ๊ายบายเก๋งก่อนที่จะเปิดประตูรั้วหน้าบ้านตัวเอง แต่แล้วเสียงของเก๋งก็พูดยื้อฉันเอาไว้ก่อน เลยทำให้ฉันหยุดยืนคุยกับเขาสักพัก
“ขอบคุณพี่มากนะครับที่พาผมไปเปิดหูเปิดตาวันนี้”
“พี่ขอโทษด้วยนะที่พาไปในที่แบบนั้น ลืมนึกถึงใจเก๋งไปเลย” ฉันตีหน้าเศร้าเล่าความผิดไป
“ไม่นะพี่ ผมสนุกมาก ครั้งแรกเลยนะเนี่ย พี่มีความอดทนมากเลยนะรู้ปะ ทนร้อนทนเบียดทนเสียงกรี๊ดไหวด้วย ถึกจริง”
เก๋งยกนิ้วโป้งมาให้ฉันเป็นคำชม ฉันเผลอยิ้มออกมาด้วยความเขิน บ้าเอ้ย ทำไมต้องมาทำท่าน่ารักกับฉันด้วย
“ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส เราไปเที่ยวที่ดีๆ กว่านี้ดีกว่าเนอะ” ไหนๆ แล้วแอบเนียนชวนล่วงหน้าหน่อยเป็นไง อิอิ
“ได้เลย เห็นพี่มีความสุขผมก็ดีใจล่ะ”
…หะ
ฉันเหวอไปกลางอากาศประมาณสามนาทีได้ เมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฟาดหรือมโนอะไรไปเองใช่ไหม เขาพูดว่าเขาดีใจที่ฉันมีความสุข ฉันปริ่มมาก ดีต่อใจแม่ยิ่งนัก
“งะ งั้นพี่เข้าบ้านก่อนนะ” ฉันชี้ไปที่บ้านด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ใจนึงก็เขิน ใจนึงก็อยากอยู่ต่อนะ แต่เดี๋ยวเก๋งไม่มีรถกลับบ้านจะแย่เอา “กลับบ้านดีๆ นะเก๋ง”
“เออพี่ครับ” ฉันที่เตรียมหันหลังจะเข้าบ้าน อยู่ๆ เก๋งก็พูดขึ้นมาเหมือนจะพูดอะไรต่อ และนี่แหละเป็นประเด็นที่อาจทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนในคืนนี้
“หืม…”
“ที่พี่ถามว่า ไปทำอะไรให้คนที่ผมชอบเขาไม่ชอบผมอะ”
“…”
“ผมแค่เกือบขืนใจเขาแค่นั้นอะครับ…”
ขะ ขืนใจเลยเหรอ...


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ไม่นะพูดผิดพูดใหม่ได้นะลูกฮืออออ TT_____TT
อย่ามาทำลายความฝันอันสวยงามของแม่ยกแบบข้าเด็ดขาดนะมันไม่จริงใช่ม้ายยยยย~~~เสียจุย
โอเคเราจะไม่คิดเรื่องนั้นแล้วตอนนี้ขอหวีดก่อนอร๊ายยยย😍เขิลหนักมากตอนก้อยนางกระโดดขี่หลังเก๋งฟินนนนแบบ^×$+((@*/#^&+$_52882^
แต่เหตุใดเล่านุ้งก้อยคนงามของเราต้องนึกถึงฉากเอ็นซีที่เคยอ่าน5555555ติดตามต่อไปนะคะสู้ๆเด้อ ♡♡♡♡
เก๋งนี้แอบมีใจปะ????????