คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รถสาย 114
เก่งนั่งรถเมล์เล็กจนถึงหมวดขนส่งการทางแล้วรีบวิ่งสุดชีวิต
“รอด้วย รอด้วย”
เค้าเผลอตะโกนออกมาทั้งๆที่ในใจก็รู้ว่าแค่คำตะโกนของเค้าไม่อาจทำให้รถเมล์คันใหญ่หยุดได้ แต่ไม่ทันขาดคำรถเมล์กลับหยุดลงราวกับว่ามันยอมฟังคำตะโกนของเก่ง เค้ารีบวิ่งขึ้นรถและหาที่นั่งเหมาะๆที่พอจะหาได้ เค้าค่อยๆนั่งลง รถก็เริ่มแล่นไป
“ตรวจตั๋วด้วยค่ะ ตรวจตั๋วด้วยค่ะ”
พนักงานตรวจตั๋วเดินตรวจตั๋วมาเรื่อยๆ ขณะที่รถกำลังแล่นไป เค้าเริ่มมองดูรอบกายคนหนุ่มสาวนั่งอยู่รอบๆต่างยื่นตั๋วสีเหลืองๆแทนที่จะเป็นตั๋วสีเขียวหรือตั๋วยาวๆที่เค้าจะเห็นเป็นประจำ ไม่นานนักรถก็เลี้ยวไปทางถนนเส้นหลักซึ่งนั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านขอเค้า ทางที่รถควรจะเลี้ยวกลับไม่เลี้ยวเลี้ยวทางอื่น เค้าเริ่มมองหาป้ายหมายเลขรถแต่มันกลับไม่อยู่ในที่ๆควรจะอยู่ เค้าวิ่งไปหาพนักงานตรวจตั๋วซึ่งเดินอย่างเนิบๆมาหาเค้า
“พี่ครับนี่ใช่รถไปอู่ทองรึเปล่าครับ”
“ไม่ใช่หรอกหนูนี่รถไปกรุงเทพนะ หนูคงขึ้นรถผิดแล้ว”
“หนูรีบวิ่งไปบอกคนขับรถว่าจอดที่หน้าตลาดนัดน่ะ ตรงนั้นจะมีรถตุ๊กตุ๊กอยู่” พนักงานพูดอย่างรีบเร่งแต่หน้าตากับน้ำเสียงไม่ได้รีบเร่งเลยซักนิด
เก่งวิ่งไปที่หน้ารถแล้วทำตามที่พนักงานหญิงนั้นบอก รถค่อยๆหยุดลง เค้าวิ่งสุดชีวิดไปทีรถตุ๊กตุ๊กคันหนึ่ง รถตุ๊กตุ๊กขับอย่าเร็วที่สุดแม้จะมันจะเร็วไม่ได้ตามดั่งใจเก่ง รถวิ่งผ่านซอยกว้างๆซึ่งเป็นทางลัดไปหมวดขนส่งการทาง ทุกอย่างของเก่งในเวลานี้เหมือนมันจะเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้าเหมือนกับว่าเวลาทั้งหมดใช้ไปทดแทนเวลาที่เร่งรีบมาทั้งวัน แต่หากจิตใจของเค้าร้อนรนเร่งรีบกว่าเช้าวันนี้เสียอีก
รถจอดลงที่หน้าหมวดขนส่งการทาง
“หนูๆจะไปไหน” ชายอ่วนผิวคล้ำนิดๆเอยถามเก่งซึ่งกำลังจะลงจากรถของเค้า
“ไปอู่ทองครับ”
“แล้วค่ารถเท่าไหร่ครับ”
“40 หนู” เก่งรีบควักเงินออกมาให้ทันที
“เอ้าๆหนูรีบๆเข้า นี่ๆรถคันนี้ก็กลับอู่ทองได้” ชายอ้วนพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่รถสาย 114 มันไปเมืองกาญแต่ก็ผ่านอู่ทอง”
เก่งเดินขึ้นบนรถด้วยความดีใจที่ยังมีรถหลงรอบมาให้เค้าขึ้น เค้าเดินขึ้นไปแม้มันจะไม่ใช่รถแอร์แต่ก็สภาพดีพอสมควร เค้ามองหาที่นั่งเหมาะๆ เค้าไม่รู้ว่าจะนั่งที่ไหนดีเพราะมันว่างมากๆไม่แปลกที่มันจะว่างขนาดนี้เพราะทุกคนยกเว้นเค้าและบางคนควรจะกลับไปกับรถเทียวสุดท้าย เค้าเลือกที่นั่งบริเวณกลางรถแถบขวาชิดริมหน้าต่างเค้ามองไปรอบๆตัวเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่งตรงข้ามกับเค้า ชายผู้นั้นดูสูงสง่าแม้จะนั่งอยู่ เค้าสวมเสื้อแขนกุดสีเขียวเข้มกับกางเกงยีนส์ขาดรุ่ย ข้างๆตัวเค้านั้นมีอะไรบางอย่างยาวๆดูเป็นทรงกระบอกพาดไปทางหน้าต่างห่อด้วยหนังสือพิมพ์บางๆเหมือนไม่ใช่เพื่อกันกระแทกแต่กันไม่ให้ใครรู้ถึงของภายในเท่านั้น เค้าไม่คิดที่จะไปแส่เรื่องของชาวบ้าน เค้าจะนั่งเงียบๆและมองออกนอกหน้าต่างซึ่งด้านนอกเป็นผืนหญ้ากว้างไปจนสุดลูกหูลูกตา
รถค่อยๆแล่นออกอย่างช้าๆจนกระทั่งออกจากตัวเมืองไปในเวลาที่ดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า เมฆบางๆลอยอยู่สูงขึ้นไปเหมือนผืนผ้า ท้องนภาหากไม่เป็นสีส้มเหมือนทุกวัน แต่ท้องฟ้าในตอนนี้ดูงดงามยิ่ง แสงจากดวงสุริยันฉายออกเป็นสีชมพูอมม่วงทั่วผืนฟ้าไปหมด
รถวิ่งมาถึงยังชุมชนหนึ่งที่ผู้คนมักคึกคักในเวลาเช้าและยามอาทิตย์อัสดงเช่นนี้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินขึ้นบนรถอย่างเชื่องช้าและเดินตรงมายังบริเวณที่เก่งนั่ง เธอใส่เสื้อแขนตุ๊กตาสีฟ้าอ่อนๆที่ปลายแขนและคอประดับลายลูกไม้ ผมของเธอหยิกเป็นลอนสะบัดไปด้านหลังเผยให้เห็นต่างหูระยิบระยับคล้ายเพชรยาวลงมาระหัวไหล่ เข้าได้ดีกับกระโปรงสีขาวยาวไสวไปตามแรงลมอ่อนๆที่เหมือนมีประกายกากเพชรเล็กๆล่องลอยอยู่ หน้าตาที่อ่อนหวานน่ารักชวนตกตะลึงดังเช่นนางฟ้านางสวรรค์ และเธอก็ค่อยนั่งลงยังที่นั่งบริเวณด้านหน้าของเก่ง ทำให้รถที่กำลังแล่นอยู่ดูเหมือนหยุดลง ลมที่พัดเข้ามาในรถดูจะหอมหวนเหลือเกิน
“แม่จะโว้ย”
“ช่างงดงามอะไรอย่างนี้”เก่งเผลอพูดออกไปอย่างเบาๆเบาพอที่แม่นางฟ้าจะไม่ได้ยินเค้าพูด
รถแล่นต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นเวลาที่เค้าควรจะถึงบ้านได้แล้วแต่หากทางนั้นยังตรงไปข้างหน้าจนสุดขอบฟ้า เค้าก็ยังไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ แต่หากไปคิดเรื่องลางบอกเหตุที่โรงหนังว่ามันจะบอกเค้าเรื่องอะไรกันแน่เรื่องที่เค้านั่งรถผิดสายหรือโชคดีที่มีรถเมล์หลงสายมาให้เค้านั่งกลับบ้าน เค้านั่งคิดไปคิดมาอย่างเงียบๆ และเผลอหลับไป
ความคิดเห็น