คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กฎ - รัก - ลับ : Chapter 1
ออดเลิกเรียนดังขึ้น ก่อนที่เด็กมัธยมปลายหลายคนเดินออกมาจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้านกัน ลมพัดโชยแรงอ่อนๆ ฟ้าค่อนข้างมืดคลับคลายว่าฝนกำลังจะตกลงมาในอีกไม่ช้า
“โน้นไง พี่ตาล” เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับเด็กสาวที่ยืนข้างๆเขา ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินออกจากโรงเรียน
“เออ ถ้างั้นฉันไปก่อนแหละกัน เสาร์อาทิตย์ฉันจะไปทำรายงานกะไอ้ตาลมัน ” เด็กสาวพูด
“โทรบอกแม่ยัง พี่กาวน์” เด็กหนุ่มถาม
“เออ โทรบอกแล้ว แล้วก็พี่กุ๊กกับแม่ไปต่างจังหวัดกลับวันอังคาร สงสัยสุดสัปดาห์นี้ แกคงต้องอยู่คนเดียวแล้วล่ะมั้ง ฉันไปแหละน่า”
“บาย”
เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆมองผู้เป็นพี่ ก่อนที่เธอจะเดินลับตาไป
“กั๊ก ”
เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังจากข้างหลังเขา
“ไอ้ส้ม ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอแก”
“ถ้ากลับแล้วจะเห็นมั้ยหล่ะ”
“แหม ไอ้นี่กวน เออ แล้วนี่รถเมล์ยังไม่มาเหรอ”
“อืมม์ ฉันรอตั้งนานแล้วเนี่ย ไปยืนรอป้ายรถเมล์กัน”
ส้มพูดก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่ป้ายรถเมล์
เมื่อเดินมาถึงป้ายรถเมล์ กั๊กก็สังเกตเห็นรถเมล์สายที่ส้มจะขึ้น กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา
“ฉันว่าแกกลับไปก่อนเหอะ รถเมล์แกมาแล้วโน้น”
“อ่านะ ฉันกลับก่อนแหละกัน บาย เจอกันวันจันทร์ ระวังเปียกฝนนะ”
ส้มพูดก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ไป
กั๊กยิ้มให้ก่อนที่รถเมล์ของเขาจะตามมาข้างหลัง
“กูกลับบ้านก่อนแหละกัน ไอ้เพียว เจอกันวันจันทร์นะเว้ย” เสียงของเด็กหนุ่มที่ยืนข้างกั๊กพูดกับเพื่อนของเขา
“เออ โชคดีเว้ย” เพียวพูด
รถเมล์คันที่กั๊กนั่งเคลื่อนมาจอดก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นไป ที่นั่งริมหน้าต่างเหลืออยู่เพียงที่เดียว เขารีบตรงไปนั่ง ก่อนที่เด็กหนุ่มที่ยืนข้างเขาที่ป้ายรถเมล์ จะตามมานั่งข้างๆ
“อโศก ครับ” กั๊กพูดพร้อมยื่นเงินให้พนักงาน
“ตังค์ทอนค่ะ” เขารับเงินทอนมาด้วยความรีบจึงทำให้เหรียญสิบในมือเขากลิ้งไปทางหัวรถ
เด็กหนุ่มข้างเขารีบลุกขึ้นไปเก็บให้ด้วยความรวดเร็ว
“นี่ครับน้อง” เขายื่นเหรียญสิบให้กั๊ก
“ขอบคุณครับพี่ ” กั๊กลากเสียง
“นัทครับ พี่ชื่อนัท” เด็กหนุ่มคนที่เก็บเหรียญสิบให้กั๊กเอ่ยนามของเขาออกมา
“อ่านะพี่ ไม่ได้ถามชื่อซะหน่อย” กั๊กพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก
“แป๋ว หน้าแตกเลยเรา แล้วน้องชื่ออะไรอ่ะครับ”
“กั๊กครับ พี่ลงไหนอ่ะครับ”
“ลงที่เดียวกะนายนั่นแหละ”
“อ๋อเหรอครับ ถ้างั้น ”
กั๊กเงียบไปชั่วครู่
“พี่ก็จ่ายเงินได้แล้ว คือพี่กระเป๋าเค้ารอนานแล้วอ่ะคับ”
เขาพูดก่อนที่นัทจะฉีกยิ้มออกมาแล้วหันไปจ่ายเงิน
ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างเริ่มทึบขึ้นด้วยเมฆฝน ก่อนที่สักพักทั่วท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยน้ำฝน
“ฝนตกหนักจังเลยเนอะ” นัทพูด
“ครับ หนักมาก ผ้ายังไม่ได้เก็บเลย” กั๊กพูดก่อนจะละสายตาจากกระจกมาทางนัท
สายตาของนัทจ้องมองกั๊กอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่กั๊กจะเผลอยิ้มไม่รู้ตัว
“มองยังกะ หน้าผมเหมือนญาติพี่งั้นแหละ”
“โห่ ก็มองไปงั้นแหละ” นัทพูดก่อนจะหัวเราะด้วยสายตาที่หม่นๆ
“อ่ะนะ พี่เป็นอะไรป่าว ตาหม่นๆ”
“เออ เปล่า ไม่เป็นอะไร” นัทพูดก่อนจะหันไปมองด้านหน้า
“ใกล้ถึงแหละ” เขาพูดอีกก่อนจะลุกขึ้นโดยมีกั๊กเดินตามไป
กั๊กเปิดกระเป๋าแล้วควานหาร่มของเขา ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมา มันเป็นร่มสีฟ้าอ่อนๆใสๆ
ทั้งคู่รีบวิ่งลงจากรถเมล์ไปที่ป้ายรถเมล์
“บ้านกั๊กอยู่ซอยไหนอ่ะครับ” นัทถาม
“เออ ซอยนี้ไง” กั๊กพูดก่อนจะชี้ไปที่ซอยที่ใกล้ป้ายรถเมล์มากที่สุด
“อืมม์ พี่มีร่มป่ะครับ ถ้าไม่มีจะได้เดินไปพร้อมกัน” เขาบอกนัทก่อนจะกางร่มออก
“ใช่ครับ ไม่มีครับ ถ้างั้นกั๊กเอามาให้พี่ถือดีกว่า” นัทพูดก่อนจะฉวยเอาร่มที่อยู่ในมือกั๊กไปถือ
“ขอบคุณครับ” กั๊กยิ้มให้ก่อนจะกล่าวขอบคุณ
ทั้งคู่เดินเข้าซอยไปด้วยกันใต้ร่มคันสีฟ้าใส ในขณะที่ฝนยังตกพรำอยู่ ขณะเดียวกันที่บทสนทนาของทั้งคู่กำลังดำเนินไปเรื่อยๆ
“เออ...แล้วนี่กั๊กอยู่ มอ.สี่ ห้องอะไรอ่ะครับ” นัทเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนา
“สี่ห้องห้า แล้วพี่อ่ะ”
“ห้าห้องสามครับ”
“เออ...รั้วสีน้ำตาลข้างหน้าเนี่ยอ่ะครับ” กั๊กพูดก่อนจะชี้มือไปที่รั้วสีน้ำตาลอ่อนๆของบ้านหลังหนึ่ง
“บ้านกั๊กเหรอ” นัทถาม ในขณะที่มือของเค้ากำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อ
“ใช่ครับ แล้วบ้านพี่หลังไหนอ่ะครับ”
“อืมม์...รั้วสีเขียวข้างหน้าอ่ะ ถัดไปอีกสองหลัง” นัทบอกพร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าซับไปตามใบหน้าของตัวเอง
“ถึงแล้ว...เอางี้เดี๋ยวผมเดินไปส่งพี่ก่อนแล้วผมค่อยเดินกลับมาบ้าน” ทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านของกั๊ก ก่อนที่กั๊กจะเสนอไปส่งนัทที่บ้านก่อน
“อ๋อ...ไม่เป็นไร อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ฝนก็ไม่ได้ตกหนักอะไรนี่ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่กลับเองดีกว่านะ” นัทยิ้มให้ก่อนจะยัดร่มนั้นใส่ในมือกั๊ก ก่อนที่เค้าจะวิ่งออกไป
“ฝันดีนะ”
นัทหยุดวิ่งเมื่อวิ่งไปถึงหน้ารั้วบ้านตัวเองก่อนจะหันมาตะโกน
“ครับ”
กั๊กตะโกนกลับไปก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ความชุ่มชื่นเพียงเล็กน้อยอยู่บนของทางเดินเข้าบ้าน ต้นไม้น้อยใหญ่ช่วยกันบดบังให้เม็ดฝนเล็ดลอดลงมาพียงเล็กน้อย บ้านของกั๊กเงียบเป็นปกติ เนื่องจากทั้งพี่สาว พี่ชาย และแม่ของเขาไม่อยู่บ้าน ก็คงต้องเหลือแต่เขาคนเดียว
“แม่...แม่ครับ...แม่” นัทเดินเข้าบ้านไปก่อนจะส่งเสียงเรียกผู้เป็นแม่
“แม่...” เขายังคงส่งเสียงเรียกก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินไปที่โทรทัศน์
กระดาษโน้ตใบสีเหลืองที่เขียนด้วยปากกาหมึกสีแดงแปะติดอยู่กับโทรทัศน์
นัทเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาดู ลายมือที่เขาจำได้ติดตา เนื้อความในโน้ตนั้นบ่งบอกว่าแม่ของเขาออกไปข้างนอกและคงกลับดึกๆ
นัทเดินถือโน้ตใบนั้นขึ้นบันไดเข้าไปในห้องของเค้า มือของเขาค่อยๆเปิดตู้เสื้อผ้าออกก่อนจะแปะโน้ตใบนั้นเข้ากับบานตู้เสื้อผ้า ที่มีโน้ตหลากสีเนื้อความที่มีเนื้อหาแบบนี้อยู่เต็ม
เขาปิดบานตู้เสื้อผ้าเข้าไปก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับมัน น้ำตาใสๆเอ่อคั่งอยู่ในดวงตา เขาทรุดลงนั่งพิงตู้เสื้อผ้า น้ำตาที่เอ่ออยู่เมื่อครู่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองของเค้า
นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงกั๊กดังขึ้นเมื่อมันถึงเวลาตีห้าตรง เสียงของมันมีอิทธิฤทธิ์ทำให้กั๊กตื่นจากภวังค์อย่างรวดเร็ว
เขาค่อยๆสะลึมสะลือ เอื้อมมือไปปิดเสียงปลุกของนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
นัทที่พิงหลับอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า เขายังคงหลับอยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อคืน ก่อนที่สักพักโทรศัพท์มือถือของเค้าจะส่งเสียงปลุกให้เค้าตื่นเมื่อถึงเวลาหกโมงสิบห้า
เวลาตอนนี้เจ็ดโมงกว่าๆแล้ว กั๊กกำลังลากสายยางจากในบ้านออกมารดน้ำต้นไม้นอกบ้าน
ปุ๊ง!
เสียงของสิ่งของบางอย่างระเบิดขึ้น เสียงนั้นดังมาจากบ้านที่ถัดไปไม่กี่หลัง กั๊กรีบวิ่งเข้าไปปิดน้ำในบ้าน ก่อนจะวิ่งไปที่บ้านของนัท ควันดำบางๆพวยพุ่งออกมาทางประตู
“พี่นัท...พี่นัท” กั๊กตะโกนเรียก
ก่อนที่สักพักนัทจะเดินออกมา พร้อมกับควันดำๆที่คละคลุ้งไปทั่ว
“อ้าว...กั๊ก” นัทฉีกยิ้มให้ ฟันขาวๆของเค้าตัดกับใบหน้าที่เปื้อนคราบดำๆเต็มไปหมด
“เป็นอะไรมากป่ะพี่” กั๊กเปิดประตูรั้วเข้าไปหานัทในบ้าน
“ไม่มีอะไรหรอก” นัทส่ายหน้า
“แล้วเมื่อกี้เสียงอะไรระเบิดอ่ะ” กั๊กถามพร้อมกับชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
“เออ...ไม่มีอะไร แค่หม้อหุงข้าวระเบิดอ่ะ” นัทพูดแล้วหัวเราะออกมา
“อ่ะนะ ไม่เป็นอะไรมากใช่ป่ะ” กั๊กถามด้วยสีหน้างงๆ
“อืมม์...ไม่เป็นไรครับ” นัทยิ้มให้กั๊กอีกครั้ง กั๊กยิ้มตอบแล้วเดินกลับออกมา
“เออ...ว่าแต่นาย...” นัทพูดขึ้นก่อนที่กั๊กจะหันขวับกลับมา
“นายเป็นห่วงพี่เหรอ” นัทถาม
“ครับ...เป็นห่วงว่าว่าบ้านแถวนี้จะไฟไหม้อ่ะครับ กลัว” กั๊กแลบลิ้นใส่ก่อนจะรีบวิ่งกลับบ้านไป
แสงแดดยามสายสาดเข้ามาทางหน้าต่าง กั๊กกำลังก้มหน้าก้มตาทำกับข้าวอยู่ในครัว
“กั๊ก! กั๊ก! ” เสียงของนัทดังมาจากหน้าบ้าน กั๊กก้มลงปิดแก๊สก่อนจะโผล่หน้าออกไปดูตรงประตูบ้าน
“มีอะไรครับ ตู้เย็นระเบิดเหรอ” กั๊กถาม
“มื้อนี้ ขอมาฝากท้องไว้บ้านกั๊กได้ป่ะครับ” นัทพูดขณะที่มือนั้นลูกบท้องด้วยความหิว
“ฝากท้อง...ทำไมไม่ไปโรง’บาลอ่ะพี่ 555+” กั๊กพูดแล้วหัวเราะร่า
“เข้ามาเลยครับ กำลังทำกับข้าวพอดี” เขาพูดแล้วยิ้มให้นัท ก่อนที่เขาจะเดินเข้าครัวไปเมื่อเห็นว่านัทกำลังเดินเข้ามาในบ้าน
“ไม่รู้ว่าจะกินได้ป่าวนะ” กั๊กถามขณะที่กำลังยกจานกับข้าวออกมาจากในครัว
“เดี๋ยวไปคดข้าวมาให้” เขาวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในครัว
“กั๊ก ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ” นัทถามขณะที่สายตานั้นมองกั๊กเดินถือจานข้าวออกมา
“โห่! เรื่องธรรมดามากๆ” กั๊กวางจานข้าวก่อนจะนั่งลงตรงข้ามนัท
“แล้วนี่ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ” นัทถามหลังจากที่เค้าสังเกตเห็นถึงความเงียบของบ้าน
“อ๋อ พี่ชายกะแม่ไปต่างจังหวัด ส่วนพี่สาวไปค้างบ้านเพื่อนครับ”
“ก็เลยอยู่คนเดียว...” นัทถามขณะที่มือหยิบช้อนส้อมขึ้นมา
“อืมม์” กั๊กพยักหน้า ก่อนที่ทั้งคู่จะก้มหน้าก้มตาทานข้าว
หลังจากข้าวมื้อเช้า นัทและกั๊กก็มานั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ในความรู้สึกของนัทตอนนี้ เค้ารู้สึกดีกับเด็กคนนี้ อาจจะเป็นเพราะได้พูดคุยกัน ได้ทำอะไรร่วมกัน ความรู้สึกดีระหว่างเขากะกั๊กเลยเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“กั๊กไม่เบื่อบ้างหรือไงอยู่บ้านคนเดียว” นัทถาม
“ไอ้เบื่อ มันก็เบื่อบ้างแหละ แต่ถ้าเราหัดเรียนรู้ เข้าใจ กับการอยู่คนเดียว มันก็แทบไม่มีอะไรต้องให้คิดหรอก ชินซะแล้วแหละ” กั๊กหันไปพูกับนัท
“นายนี่เข้าใจโลกดีเน่อะ” นัทยิ้ม
“เออ...แล้วนี่พี่นัทมีพี่น้องกี่คนอ่ะครับ” กั๊กเป็นฝ่ายถามก่อน
“อ๋อ มีอยู่สาม พี่ชายคนโต พี่คนกลางแล้วก็มีน้องสาวอีกคนหนึ่งอยู่กับพ่อ”
“อ้าว พ่อกะแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”
“อืมม์...ช่าย เค้าหย่ากันได้จะสามปีอยู่แลว แล้วนายอ่ะ”
“แม่ก็ไปๆมาๆ บ้านกับออฟฟิศ ส่วนพ่อเสียตั้งกะผมเด็กๆแล้ว”
“งืมม์...พี่สาวนาย มอ.ห้าห้องอะไรเหรอ”
“พี่กาวน์เหรอ ห้าห้องแปด”
“ห้าห้องแปดเพื่อนพี่ออกจะเยอะ ทำไมพี่ไม่รู้จักพี่สาวกั๊กอ่ะ”
“อ๋อ เราเพิ่งย้ายมาจากเชียงใหม่อ่ะ ผมเข้าตอน มอ.สาม ส่วนพี่กาวน์เข้าตอน มอ.สี่ คงจะเคยเห็นหน้ากันบ้างแบบผ่านๆอ่ะ”
“นายมาจากเชียงใหม่เหรอ พี่เคยได้ยินเพื่อนพี่พูดกัน ว่าแฟนเก่าของ เคน ห้าทับหก มาจากเชียงใหม่เข้ามาตอน มอ.สาม งั้นก็นายอ่ะดิ๊”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พี่เคนเค้าเป็นคนแรกนะที่ผมให้ความรักอ่ะ แต่มันก็กลับกลายมาทำร้ายตัวผมเอง...”
“พี่พูดตรงไปป่าว”
“อ๋อ ไม่เป็นไร ผมไม่ว่าอะไรหรอก...”
“นายก็อย่าทำหน้าอย่างงั้นดิ๊” นัทพูดหลังจากสังเกตเห็นสีหน้าของกั๊กตอนนี้
“หะ” กั๊กหันไปยิ้มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่สักพักฝนจะตกลงมา
“ฝนตกแล้วอ่ะ” นัทพูดขึ้น
“เดี๋ยวผมไปหยิบร่มมาให้ดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องตากฝนไป”
“ไม่เป็นไรหรอก บ้านอยู่แค่นี้เอง”
“ถ้างั้นเดี๋ยวกั๊กไปส่งหน้าประตูบ้านแล้วกัน” กั๊กพูดก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปที่ประตูบ้าน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มากินข้าวด้วยนะ” นัทพูดส่งท้ายก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนกลับบ้านไป
นัทวิ่งเปิดรั้วบ้านเข้าไปก่อนจะยืนยิ้มอยู่กลางสนามหน้าบ้าน ยืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างไร้เหตุผล กลางสายฝนที่กำลังเทลงมา ความรู้สึกหนาวเย็นจากความชุ่มชื่นของฝนสำหรับเค้ากลายเป็นความอบอุ่นจากคนที่เค้ารู้สึกดีที่สุดตอนนี้
“ฉันไม่เหงาแล้วโว้ย!”
นัทตะโกนออกมาด้วยความสุข ก่อนที่เสียงฟ้าจะลั่นลงมา เค้าตกใจรีบวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้ม
“กู๊ด มอร์นิ่ง! ” เสียงนาฬิกาปลุกรูปฮิปโปที่วางอยู่บนหัวนอนกั๊กส่งเสียงปลุกตอนเวลาตีห้าตรงเหมือนเดิม
กริ๊ก!
กั๊กเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาก่อนจะก้าวลงจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำไป
โทรศัพท์ของนัทปลุกเมื่อถึงเวลาเดิม แต่ไร้การตอบสนองจากนัท เขานอนคดตัวอยู่บนเตียง ผ้าห่มของเค้าลงไปกองอยู่กับพื้นด้านล่างเตียง ตัวของเค้าสั่นเทาด้วยความหนาว เพราะการยืนยิ้มไร้เหตุผลกลางสายฝนเมื่อวานของเค้า ทำให้เค้าเป็นไข้ นอนซมอยู่ตอนนี้
ควันพวยพุ่งออกจากหม้อหุงข้าว ผักที่เขาเตรียมไว้ทำกับข้าวยังคงวางอยู่ในชามใบใหญ่
“บักนัทเอ๊ย! บอกจะมากินข้าวด้วย”
กั๊กบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่ตอนนี้ปาเข้าไปเก้าโมงกว่าแล้ว
ยังไม่ทันที่กั๊กจะเก็บชามผักใส่ตู้เย็น เขาตัดสินใจเดินดุ่มๆไปที่บ้านนัท
“พี่นัท! พี่นัท!” กั๊กตะโกนเรียกอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน
ปุ๊ก!
เสียงนั้นดังมาจากในบ้าน กั๊กจึงหาทางเข้าไปในบ้านด้วยความรีบรน เค้าตัดสินใจปีนรั้วเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่เค้าจะปีนแล้วข้ามไปได้ ประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อคเปิดออก ทำให้เค้าค้างอยู่บนประตูรั้ว
“ไม่ได้ล็อคก็ไม่บอกวุ้ย”
กั๊กบ่นงุบงิบอีกครั้งก่อนจะกระโดดลงจากรั้วแล้วรีบเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
“พี่นัท!”
กั๊กตะโกนเรียกอีกครั้ง
โอ๊ย!
เสียงร้องครวญครางดังมาจากชั้นบนของบ้าน
กั๊กรีบวิ่งตามเสียงนั้นไป เสียงนั้นดังออกมาจากห้องๆหนึ่งซึ่งท่าทางน่าจะเป็นห้องนอนของนัท
“พี่นัท!” กั๊กตกใจเมื่อเห็นร่างของนัทลงมากองอยู่กับพื้น ก่อนที่เค้าจะรีบเข้าไปประคองนัทให้ลุกขึ้น
“ตัวร้อนจี๋เลย” กั๊กประคองนัทขึ้นไปบนเตียงก่อนจะหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นัท
“ขอโทษนะ” นัทพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ขอโทษที่พี่ไม่ได้ไปกินข้าวด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่สบายอ่ะ นอนห่มผ้าซะ เดี๋ยวมาเช็ดตัวให้”
กั๊กไม่รู้ว่าตัวเค้าเอง ทำอะไรอยู่ตอนนี้ เค้ารู้สึกเป็นห่วงรุ่นพี่คนนี้มาก ไม่รู้ว่าตอนนี้นัทรู้สึกเหมือนกับเค้าไหม รู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างแคร์ความรู้สึกของอีกฝ่าย และสิ่งที่เค้าอยากรู้ที่สุดคือความรู้สึกของนัท
กั๊กเดินกลับมาหานัทพร้อมกับชามใส่น้ำและผ้า
“เดี๋ยวพี่เช็ดตัวนะแล้วเดี๋ยวผมจะไปทำข้าวต้มให้กินนะ”
“อืมม์” กั๊กพูดแล้วเดินออกจากห้องไป เค้ารีบวิ่งตรงกลับไปที่บ้านก่อนจะจัดแจงทำอาหาร เพียงชั่วครู่ กั๊กเดินกลับมาหานัทพร้อมกับชามข้าวต้มและยา
“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน มา...” กั๊กพูดก่อนจะวางชามข้าวไว้บนหัวเตียง
“ป้อนด้วยดิ๊” นัทพูดแล้วอ้าปากกว้างๆ
“อ่านะ ไม่สบายเลยกินข้าวเองไม่ได้”
“งืมม์...นะป้อนหน่อย” นัททำสีหน้าที่เค้าคิดว่าน่าสงสารที่สุด
“ก็ได้ อ่ะ” กั๊กพูดก่อนจะค่อยๆบรรจงป้อนข้าวต้มเข้าปากนัททีละคำ
“ทำไมข้าวต้มมันเย็นงี้หล่ะ” นัทถามขึ้นเมื่อรับรู้ถึงรสชาติของข้าวต้ม
“ไม่เย็นแค่มันอุ่นเฉยๆ พอดีไม่ได้ตั้งใจจะให้มันอุ่นหรอก แต่จะได้ไม่ต้องเป่าไง”
“ขอบคุณนะ” นัทอดยิ้มไม่ได้สำหรับความตรงไปตรงมาของกั๊ก
“ดูเรื่องนี้ดีกว่าป่ะ ป้อง” เสียงของ เคน เค้ากำลังพูดกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่หน้าบอร์ดที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ยืนคุยกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่ส้มและโอ๊ตจะเดินมาเห็น
“เอ๊ย! เดี๋ยวโกโอ๊ต นั้นใช่พี่เคนป่ะ” ส้มกระซิบถามโอ๊ตเมื่อเธอเห็นเคนและป้องยืนอยู่ห่างออกไป
“ไหนๆ” โอ๊ตลุกลีลุกลนมองหาก่อนที่สายตาจะไปพบเข้ากับ ป้อง
“ไม่เห็นมีเลย เห็นแต่ไอ้ป้องห้องสี่” โอ๊ตพูด
“เออ...เห็นพี่ป้องฉันก็เห็น มองดีๆดิ๊เสื้อขาวอ่ะพี่เคน”
“เสื้อขาวเหรอ เออ...ใช่ ไอ้เคนนี่หว่า แล้วมันมาทำไมกะไอ้ป้องอ่ะ”
“แฟนใหม่พี่เคนเหรอ”
“ไอ้บ้า ไม่ใช่หรอก”
“วันนี้โกโอ๊ตกะส้ม เป็นสายลับซักวันได้ป่ะ” ส้มพูดด้วยสีหน้าที่มีเลศนัย
“เออพี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ดูเรื่องที่มันสองคนจะดูก็ได้”
“โอเช...อิอิ” ส้มทำหน้าระรื่นก่อนจะเดินตามป้องเข้าไปในช่องขายตั๋ว
“ว่าไง โอ๊ต มาดูหนังเหรอ” เสียงทักนั้นทำให้โอ๊ตสะดุ้งเล็กๆ
“อ้าว ไอ้เคนมาดูหนังเหรอ”
“ฉันถามแกก่อนแกก็ต้องตอบก่อน”
“อ๋อ ใช่มาดูหนัง”
“งืมม์ ไม่กวนแหละ” เคนพูดก่อนจะปลีกตัวออกไป
หลังจากที่ส้มซื้อตั๋วหนังเสร็จ เธอรีบตรงดิ่งมาหาโอ๊ตด้วยท่าทางรีบร้อน
“พี่ป้อง เปิ้ง อะไรนั้นอ่ะกะพี่เคน นั่ง เอฟ สิบสามกะสิบสี่...ส่วนเราสองคน ส้มเป็นคนเลือกเองกะมือ อี สิบสองกะสิบสาม เอาชนิดแบบว่าติดจอเลย”
“จอบ้าอะไรของแก จอหนังที่ต้องมาจับผิดไอ้เคนมันเนี่ยนะ”
“จับผง จับผิดอะไรกัน นี่ไม่รู้เลยเหรอว่า...” ยังไม่ทันที่ส้มจะพูดขึ้น เคนก็เดินเข้ามาอีกครั้ง
“ว่าไง ส้ม สบายดี”
“สบายดีค่ะ”
“งานโรงเรียนครั้งนี้อ่ะ เห็นว่ากันว่าสี่ทับห้าจะไม่ลงการแสดงงั้นเหรอ”
“อ๋อ ยังไม่ได้ตัดสินใจกันอ่ะค่ะ ไว้ถามกั๊กมันก่อนว่าจะยอมลงการแสดงหรือเปล่า เพราะว่าถ้าลงคงต้องไปเจอกับรุ่นพี่แย่คนหนึ่ง ไม่รู้มันจะรับได้หรือเปล่า”
“ส้มพูดถึงใครเหรอ” เคนถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“เปล่า พูดเฉยๆ ไปโกโอ๊ต ไปดูหนังกันดีกว่า” ส้มก้มหัวเล็กน้อยเพื่อบอกลา ก่อนจะลากโอ๊ตเดินไปทางโรงภาพยนตร์
“ใครเหรอ เคน” ป้องถาม
“น้องไอ้โอ๊ตมันอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก ไปเหอะ” เคนหันไปยิ้มให้ป้องก่อนจะเดินไปดูหนังพร้อมๆกัน
/ เกลียดตัวเองจริงๆที่ยังทนยังรักเค้าอีก.../
เสียงโทรศัพท์ของกั๊กดังขึ้นข้างตัว
“ฮัลโหล”
“แก ตอนนี้ฉันอยู่โรงหนัง”
“มีอะไรเหรอ ไอ้ส้ม”
“อ๋อ คือฉันกำลังจะบอกว่าตอนนี้ฉันเห็นหน้าแฟนใหม่พี่เคนแล้ว”
“อืมม์ แล้วไง”
“โกโอ๊ตบอกว่า ชื่อป้องอยู่ห้าห้องสี่ บ้านอยู่ซอยเดียวกะแกอ่ะ”
“เพื่อนโกโอ๊ตเหรอ”
“เออ...ฉันไม่กวนแหละ หนังจะฉายแล้วด้วย”
“เออจ้ะ ดูหนังให้สนุกหล่ะ”
“งืมม์ หวัดดี”
“จ้ะ”
กั๊กวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหัวเตียงของนัท นัทนั้นนอนหลับอยู่บนเตียง หน้าของเค้าแดงจางๆด้วยอาการตัวร้อน ส่วนกั๊กนั้นก็กำลังทำความสะอาดห้องของนัทไปพลางๆ
หลังจากที่ส้มโทรมาเมื่อสักครู่ ความรู้สึกของกั๊กยังคงเป็นเหมือนเดิม บอกกับตัวเองเสมอๆว่า ลืมเค้าคนนั้นซะ ทุกครั้งที่คิดถึงเค้า
เวลาตอนนี้ก้าวเลยบ่ายโมงมาได้กว่าสิบนาทีแล้ว กั๊กรีบยกอาหารและยาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวก่อนจะรีบขึ้นไปบนห้องนัท เพื่อปลุกให้เขาลงมาทานข้าว
“ตื่นๆๆ ตื่นขึ้นมากินข้าวก่อนเร็ว” กั๊กเขย่าตัวนัทเบาๆ ก่อนที่เค้าจะสะลึมสะลือลุกขึ้นมา
“กี่โมงแล้วอ่ะ” คำถามแรกหลังจากที่นัทตื่นขึ้นมา
“บ่ายโมงแล้ว กินข้าวเร็ว ลงไปกินข้าวข้างล่างนะ” กั๊กพูดขณะที่นัทกำลังจะพยายามพยุงตัวเองลงจากเตียง ก่อนที่เค้าจะพบกับความสะอาดของห้อง เค้ากวาดสายตามองไปรอบๆห้องแล้วหันมายิ้มให้กั๊ก
“นายทำความสะอาดเหรอ” นัทถามด้วยความสงสัย
“อืมม์...พอดีว่างๆอ่ะ”
“ไม่เห็นจะต้องลำบากเลย”
“อ่านะ ไม่ต้องพูดแล้วไปกินข้าว”
นัทค่อยๆเดินนำไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะนั่งลงทานข้าว โดยมีกั๊กนั่งอยู่ตรงข้าม
“ตอนที่พี่นัทหลับอ่ะ ก็เลยถือวิสาสะเดินเล่นรอบบ้านเลย เห็นมันสกปรกๆอ่ะเลยจัดแจงเก็บกวาดเช็ดถูซะหมดบ้านเลย อ๋อ...ชุดนักเรียนที่อยู่ในตะกร้าอ่ะ ผมเอาลงเครื่องซัก ตากไปหมดแล้วนะ”
นัทที่กำลังตักข้าวเข้าไป เกิดอาการสำลักอย่างรวดเร็ว
“ทำหมดเลยเหรอ” นัทถามพลางซับปากที่เปื้อน
“อืมม์ ก็เห็นพี่ไม่สบายงี้ แม่ก็ไม่อยู่บ้าน ใครจะทำให้หล่ะ”
“ขอบคุณกั๊กมากๆเลยนะ”
“อ๋อ อีกอย่าง ไอ้เสื้อนักเรียนที่ตากอ่ะ รีดเก็บตู้เสื้อผ้าหมดแล้วนะ”
นัทสำลักข้าวออกมาอีกครั้ง
“เป็นอะไรเนี่ย ดูซินั้น น้ำหูน้ำตาไหลหมด” กั๊กพูดก่อนจะยื่นกระดาษทิชชู่ให้นัทเช็ด
“โห่ ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยหล่ะ เดี๋ยวพี่ลงมารีดเองก็ได้”
“อ่านะ พอดีไม่ใช่คนทำอะไรครึ่งๆกลางๆไง ซักเสร็จตากเสร็จก็ต้องรีดเก็บซิ แหม พี่นัทผมทำให้อ่ะ ผมไม่คิดอะไรหรอกน่ะ ก็เห็นว่าพี่ไม่สบายก็เลยช่วยงานบ้านเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณนายมากๆๆๆอีกครั้งเลยนะ ทีหลังพี่จะได้ไม่สบายบ่อยๆ อิอิ”
นัทหัวเราะก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ
ความรู้สึกของนัท เหมือนกับคนหลงทางเจอคนที่เค้ารู้จัก เค้าคิดไม่ออกว่าทำไมกั๊กถึงต้องทำอะไรๆให้เค้ามากมายขนาดนี้ เค้ารู้สึกเกรงใจมากๆกับการกระทำต่างๆของกั๊ก และนี่คงเป็นอีกด้านของกั๊ก ตัวตนที่นัทยังไม่เคยเห็นในตัวกั๊ก
น้ำตาของนัทเอ่ออยู่ตรงขอบตาเมื่อเค้านั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับกั๊กระหว่างทานข้าว
“เป็นอะไร ข้าวต้มมันพะอืดพะอม กินแล้วร้องไห้เลยเหรอ”
“เปล่า พอดีแบบว่า...ไม่มีอะไรหรอก” นัทเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กั๊กด้วยแววตาหม่นๆ
“อืมม์...ครับ เดี๋ยวพี่นัททานยาแล้วนอนนะ แม่พี่นัทเค้าทำอะไรเหรอ ทำไมปล่อยให้พี่อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้อ่ะ นี่ถ้าเผื่อพี่เป็นอะไรขึ้นมาใครจะมาดูแลหล่ะเนี่ย” กั๊กพูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“แม่พี่เค้าพนักงานบริษัทนี่แหละ พอดีเค้าต้องไปติดต่อลูกค้าต่างจังหวัดบ้างแหละ แต่บางทีงานคงยุ่งเลยไม่ค่อยได้กลับบ้านน่ะ”
“แล้วพี่ชายคนโตพี่นัทหล่ะ”
“พี่น้อง เค้าอยู่หออ่ะนะ ไม่ค่อยได้มาบ้านซักเท่าไหร่”
“แล้วนี่พี่เคยไม่สบายอย่างงี้ป่ะ อยู่ดีๆก็ไข้ขึ้นอย่างเงี้ย”
“ไม่เคยหรอก พอดีเมื่อวานตากฝนไงเลยไม่สบาย”
“อ่านะมันก็ไม่น่าจะไข้ขึ้นนะ จากบ้านผมมาบ้านพี่นิดเดียวเองนิ๊”
“เออ...เออ...เหอะ เหอๆๆๆๆ” นัททำหน้านิ่งๆสักพักก่อนจะหัวเราะออกมา
ส้มกับโอ๊ตกำลังช่วยกันจ้องเคนกับป้องอย่างตาเป็นมัน แต่ในขณะเดียวกันที่หนังบนจอนั้นมันน่ากลัวจนทำให้ส้มไม่กล้าที่จะเปิดตาดู
เสียงกรื๊ดของส้มดังออกมาเป็นระยะๆ ระยะช่วงไหนที่ตกใจสุดขีดหรือน่ากลัวมากๆ เสียงกรื๊ดของส้มดูท่าทางจะตรึงสายตาคนดูในโรงได้มากกว่าหนังบนจอ
หลังจากหนังจบโอ๊ตกับส้มรีบเดินตามเคนและป้องไปอย่างไม่คลาดสายตา
“น่ากลัวมากๆอ่ะ” ส้มพูดกับโอ๊ต
“เออฉันรู้แล้ว วัดจากเสียงกรื๊ดแกอ่านะ”
“ดีนิดหนึ่ง พระเอกหล่อ”
“ใครว่ะเล่นเป็นพระเอก”
“อ๊อฟ เอเอฟหนึ่งไง เฉยจริงๆไม่รู้จัก”
“ฉันจะไปรู้ไหม บ้านไม่ได้ติดยูบีซีนิ๊”
“เฮ้ย เดี๋ยวแล้วแกกับฉันอยู่บ้านเดียวกันไหมเนี่ย”
“มันเป็นมุก อิอิ” โอ๊ตหัวเราะร่าก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆเดินตามเคนและป้องไป
“พนันกันว่า พี่เคนกะพี่ป้องจะไปไหน ส้มว่าไปเดินเล่นที่อื่นต่อ”
“ฉันว่าไปบ้านไอ้ป้องว่ะ ถ้าฉันถูกแกเลี้ยงไอติมฉันแท่งหนึ่ง ถ้าแกถูกฉันเลี้ยงไอติมแกแท่งหนึ่ง” โอ๊ตพูดก่อนจะเสนอแต้มต่อ
ทั้งโอ๊ตและส้มเดินตามเคนและป้องมาจนถึงลานจอดรถ ก่อนที่โอ๊ตจะตะโกนเรียกป้อง
“เฮ้ย ป้อง แกจะไปไหนต่อว่ะ” โอ๊ตใช้ความหน้าด้านเต็มที่เดินเข้าไปถาม
“อ๋อเดี๋ยวจะกลับบ้านเลยอ่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีฉันกะไอ้ส้มจะไปเอารายงานที่บ้านไอ้นัทอ่ะ ติดรถไปด้วยดิ๊”
“อ๋อได้ มาดิ๊”
ป้องพูดก่อนที่โอ๊ตและส้มจะขึ้นรถเก๋งของป้องพร้อมกับเคน
ระหว่างการเดินทางจากโรงหนังไปยังบ้านป้อง ไร้การสนทนาจากทุกคนมีเพียงแต่เสียงเพลงจากวิทยุเท่านั้น
“ขอบคุณนะไอ้ป้อง/ขอบคุณค่ะพี่ป้อง” โอ๊ตและส้มกล่าวขอบคุณพร้อมๆกันก่อนที่นัทจะเดินนำส้มเข้าบ้านนัทไป
ภาพด้านหน้าของทั้งคู่คือนัทและกั๊กที่กำลังคุยกันอย่างออกรสอยู่บนโต๊ะกินข้าว
“ไอ้นัท/ไอ้กั๊ก” โอ๊ตและส้มขานชื่อพร้อมกัน
“อ้าว จะมาทำไมไม่โทรมาบอกว่ะ” นัทพูดขึ้น
“แล้วแกมาอยู่นี่ได้ไงไอ้กั๊ก” ส้มถามหลังจากนัทพูดจบ
โอ๊ตและส้มรีบเดินดุ่มๆมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าว
“พอดีกูตามแฟนใหม่ไอ้เคนมาอ่ะ”
“อ่านะ” นัทตอบก่อนจะเห็นสายตาของโอ๊ตและส้มมองนัทและกั๊กด้วยสายตาแปลกๆ
“เฮ้ย ส้ม โอ๊ต ทำไมมองกูกับกั๊กอย่างงั้นหล่ะ พอดีกูไม่สบายกั๊กเลยมาดูแลอ่ะ”
“เป็นแฟนกันเหรอ” ส้มยิงคำถามชนิดที่ทั้งกั๊กและนัทยังไม่ได้ตั้งตัว
“ไอ้บ้า...พอดีไม่มีใครอยู่บ้านไง แล้วพอดีหม้อหุงข้าวบ้านพี่นัทเค้าระเบิดเลยมาดูแลเค้าเฉยๆ” กั๊กพูดกับส้ม
“เออ...แล้วไป” ส้มถอนหายใจยาว
“แล้วเป็นไงบ้าง ไม่สบาย” โอ๊ตถามนัท
“อ๋อ ก็มีไข้ตัวร้อน แค่นั้นแหละ”
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ” โอ๊ตทำหน้าบึ้งตึงก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
“เออส้มขึ้นไปข้างบนไปเอารายงานกับพี่หน่อยซิ” นัทพูดก่อนที่ส้มกับนัทจะเดินขึ้นไปบนห้อง
“ส้มพี่ถามอะไรไม่มากหรอกนะ” นัทเริ่มถามส้มเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนของเขา
“กั๊กเกิดวันที่เท่าไหร่อ่ะ”
“สิบเจ็ดกุมภา”
“อืมม์ เกิดก่อนพี่แค่สองวันเอง แล้วกั๊กชอบสีอะไรเหรอ”
“มันชอบสีส้มกะเขียว เออว่าแต่พี่จะถามไปทำไมเหรอ”
นัทเงียบไปชั่วครู่
“ก็พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง แต่เราเพิ่งรู้จักกันสองวันเองอ่ะ กั๊กเค้ารู้สึกเป็นห่วงพี่มากเลยนะ พี่ไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ...” นัทอธิบายไปน้ำตาไหลไปเรื่อยๆ
“วันนี้พี่ไม่สบายเค้าก็มาดูแลพี่ทั้งวันเลยอ่ะ ทำอาหารมาให้ดูแลพี่กินยาทุกอย่างเลยอ่ะ แล้วตอนพี่หลับเค้ายังทำความสะอาดซักผ้าให้รีดผ้าให้ พอพี่ถามเค้าก็บอกว่าเห็นพี่ไม่สบายเลยมาช่วย พี่รู้สึกเกรงใจมากๆเลยอ่ะ พี่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองงว่ากั๊กเค้ารู้สึกดีกับพี่นะ แต่พี่อยากเข้าข้างตัวเองว่าตอนนี้ พี่ชอบคนๆนี้มากๆเลยหล่ะ”
นัทเอามือปาดน้ำตาอีกครั้ง
“ส้มว่านะพี่นัท พี่นัทต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วหล่ะ ตั้งแต่ส้มรู้จักกะมันมาร่วมแปดปีเนี่ย นิสัยมันก็อย่างเงี้ยแหละ ชอบช่วยคนโน้นคนนี้ บางครั้งมันอาจจะช่วยคนอื่นโดยที่ไม่คำนึงถึงตัวมันเองด้วยซ้ำอ่ะ ถ้าพี่ชอบมันพี่ก็บอกมันไปเลยเพราะส้มก็ว่ามันน่าจะชอบพี่อยู่เหมือนกันแหละนะ”
ส้มอธิบายให้น้ำตาของนัทไหลออกมาอีก ก่อนที่นัทจะหยุดร้องไห้แล้วรีบเดินไปหยิบรายงานใส่มือส้ม แล้วเดินลงมาข้างล่างทั้งคู่
เวลาห้าโมงกว่าเป็นเวลาที่ทั้งสี่คนพูดคุยกันเสร็จถึงเรื่องของงานโรงเรียนที่จะมีขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
“เออ ไว้เดี๋ยวฉันไปหาการแสดงมาแหละกัน แล้วเดี๋ยวมาตกลงกันอีกที โอเค๊...” ส้มพูด
“เฮ้ย นัท ถ้างั้นเดี๋ยวกูกะไอ้ส้มกลับบ้านก่อนแหละกัน” โอ๊ตพูดขึ้น
“อืมม์ กลับบ้านดีๆหล่ะ”
“เออ พี่นัทถ้างั้นผมกลับบ้านก่อนแหละกันนะครับ อาหารเย็นกะยาวางอยู่ในครัวนะครับ หลับฝันดีนะ” กั๊กพูดก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับโอ๊ตและส้ม เมื่อทั้งสามเดินมาถึงหน้าบ้านกั๊ก ส้มจึงใช้โอกาสนี้ถามกั๊กเกี่ยวกับนัท
“กั๊ก แกรู้สึกยังไงกะพี่นัทเค้าว่ะ”
“ถามอะไรของแกเนี่ย” กั๊กพูดกับส้ม
“กลับบ้านดีๆหล่ะ”
กั๊กเดินเข้าบ้านไป ก่อนที่เค้าจะรีบอาบน้ำและเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว
วันนี้เหมือนกับวันที่แสนยาวนานของกั๊กและนัท วันที่เค้าได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และดูเหมือนว่านัทนั้นจะรู้สึกดีกับกั๊กมากถึงมากที่สุด
เช้าวันใหม่มาถึงอย่างเชื่องช้าในความคิดกั๊ก วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยวันพ่อ กั๊กจึงรีบตื่นแต่เช้าไปใส่บ้านที่หน้าบ้าน ก่อนจะรีบจัดแจงทำความสะอาดชั้นวางอัฐิพ่อไว้รอกาวน์และกุ๊กที่จะกลับบ้านมาวันนี้
ความคิดเห็น