คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ใครคือเธอ
ณ หน้าโรงเรียน นาดาวบางกอก
รถคันเล็กสีขาวคันหนึ่งจอดหน้าโรงเรียน เด็กสาวคนหนึ่งรถจากโรงเรียนพร้อมกับยกมือไหว้และโบกมือบ๊ายบายคนในรถคันนั้น เมื่อรถคันนั้นขับออกไป เธอค่อยๆ เดินเข้าไปในโรงเรียนแต่ เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ดารา”
ดุจดาวได้ยินเสียงนั้นก็จริง แต่ก็ไม่หยุดเดินแต่อย่างใด แน่นอนล่ะ ไม่ใช่ชื่อเธอนิ
“ดารา”
เสียงเดิมร้องเรียกอีกครั้ง และเมื่อได้ยินซ้ำอย่างชัดๆ ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เสียงนี้มัน...เสียงเดียวกับเสียงในฝันเมื่อคืน ร่างเล็กหันกลับไปหาต้นเสียงทันที เมื่อเห็นหน้าคนเรียกกลับทำให้เธอต้องขมวดคิ้วสงสัยแทน
“พี่สไปรท์??”
“ไงดาว มีอะไรหรอ” สาวร่างบางทำหน้าสงสัย
“มีอะไรอยู่ๆก็หยุดเดิน และเรียกพี่ทำไม”
ไม่ใช่ เสียงไม่เหมือนแฮะ แล้วใครกันที่เรียกเราล่ะ ดุจดาวหลุบตาครุ่นคิดอย่างหนัก ปล่อยทิ้งให้คนตรงหน้าทำหน้างุนงงสงสัยมากขึ้น
“ดาว เป็นอะไรรึเปล่า ดูแปลกๆ”
“เปล่าค่ะ พี่สไปรท์ ดาวแค่นอนไม่พออ่ะค่ะ” ดุจดาวปฏิเสธพร้อมกับหัวเราะแฮะๆ
“ดาวนี่ น่ารักดีเนาะ” ร่างบางยิ้มให้ แค่คำพูดเพียงสั้นๆ ก็สามารถทำให้อีกคนถึงกับหน้ามีสีเลือดขึ้นมาจางๆ ได้แต่ก้มหน้าไม่เอ่ยอะไร
“นี่เขินพี่หรอเนี่ย ก่อนหน้านี้เราปลื้มขวัญไม่ใช่หรอ”
ยิ่งพูดเท่าไหร่ก็ยิ่งเขินเท่านั้น ร่างเล็กก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ปกติเธอปลื้มแค่พี่ขวัญนินา แต่ทำไมวันนี้คนๆนี้ถึงทำให้เธอเขินได้ล่ะ ดุจดาวสะบัดหัว สลัดความรู้สึกนี้ออกไป เธอกลืนน้ำลายและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเงยหน้าขึ้น
เมื่อได้สบตาอีกคน เหมือนมีภาพอะไรบางอย่างเข้ามาในหัวของเธอ
มีด...
เลือด....
คนที่กำลังกรีดร้อง... เด๋วนะ คนๆนั้น ทำไมหน้าตาถึงเหมือน....
“ดาว เธอเห็นอะไร” อยู่ๆ ร่างบางก็ถามขึ้นมา พร้อมกับทำหน้าเครียด
“ดาวเห็น....พี่สไปรท์” ดุจดาวตอบกลับไปเบาๆ และอยู่ๆ สติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบไป
“ดารา เจ้ารู้มั้ยว่าข้ารักเจ้ามากเพียงใด”
“หยุดกล่าวเถอะ ท่านมีคนอื่นแล้ว ไม่มีประโยชน์อันใดที่ข้าจะรักท่าน”
“ดารา ใครอื่นจะไม่มีวันเทียบได้กับเจ้า เจ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ข้ารัก”
“ไม่จริง ท่านก็พูดเยี่ยงนี้กับผู้หญิงของท่านทุกคน”
“เจ้าจงอย่าเชื่อในเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากผู้อื่น ขอให้เจ้าจงเชื่อใจข้า”
“ดุจดาว ดุจดาว”
“ดาว เหงื่อออกเยอะมากเลยค่ะครู ทำยังไงดีคะ”
“ถ้าเรียกไม่ตื่นแบบนี้ ครูว่าเรียกรถพยาบาลดีกว่านะ”
เสียงตื่นตระหนกใจ ทำให้ดุจดาวรู้สึกตัว เธออยากจะขยับตัว แต่...เด๋วนะ ทำไมขยับตัวไม่ได้ล่ะ
“ดาว แกอย่าเป็นอะไรไปนะเว้ย” แอลกุมมือของร่างเล็กไว้ พลางน้ำตาไหล เธอกลัวว่าเพื่อนของเธอจะเป็นอะไรไป เธอไม่รู้ว่าอยู่ๆ ทำไมดุจดาวถึงเป็นลม แถมหลับเป็นตาย ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นแบบนี้
แอล แกช่วยฉันด้วย ฉันขยับตัวไม่ได้ แกได้ยินเสียงฉันไหม แอล
ดุจดาวพยายามจะอ้าปากส่งเสียง แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดจากปากเธอ
เธอเป็นอะไรเนี่ย....
“แอล ถอยออกไปก่อน เด๋วพี่เรียกดาวเอง” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นด้านหลัง เธอค่อยๆ เดินเข้ามานั่งข้างๆเตียง พร้อมกุมมือของร่างเล็กไว้ สไปรท์ค่อยๆ ก้มลงไปกระซิบบางอย่าง และนั่นก็ทำให้ดุจดาวค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น
“เฮ้ยยย ดาวแกฟื้นแล้ว” แอลตะโกนอย่างบ้าคลั่งและเข้าไปกอดร่างเล็กที่ได้แต่ขมวดคิ้ว เธอชะโงกหน้าขึ้นมองสบตากับผู้หญิงอีกคนข้างเตียงของเธอ คนที่ทำให้เธอสามารถตื่นขึ้นมาได้ ด้วยประโยคสั้นๆ ที่แม้จะแผ่วเบาว่า
“ดารา ถึงเวลาที่เธอต้องรู้ความจริงแล้วนะ”
“พี่สไปรท์ พี่รู้อะไร พี่บอกดาวมาเหอะ” ดุจดาวตะโกนร้องเรียกร่างบางอีกคนที่กำลังจะลุกออกไปจากห้อง
สไปรท์เหลือบมองแอลอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนี้เธอไม่ต้องการให้ใครรับรู้ และเหมือนแอลเองจะรู้ตัว เธอจึงปลีกตัวเลี่ยงออกไปจากห้อง
หลังจากที่แอลออกไป สไปรท์เดินไปล็อคประตูห้องพยาบาลเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา ร่างบางค่อยๆ เดินมานั่งลงข้างเตียงอย่างช้าๆ และเอ่ยขึ้น
“ดาว เธอเห็นอะไรบ้าง”
“ฉันไม่เห็นอะไร แต่ได้ยินเสียง มันชัดมาก เหมือนกับ.... เหมือนกับฉันเป็นคนพูดเอง”
“อืมมมม” สไปรท์พยักหน้ารับรู้
“พี่สไปรท์ ทำไมพี่ถึงพูดประโยคนั้น ทำไมพี่ถึงเรียกฉันว่า ... ดารา”
ดุจดาวขยับตัวเข้าใกล้สไปรท์มากขึ้น ตอนนี้เธอต้องการรู้ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ เสียงที่ได้ยิน หรือการที่อยู่ๆ เธอก็สลบไป ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมา เธอร่างกายแข็งแรงดี และไม่เคยเป็นลมเลยสักครั้งเดียว
“พี่เองก็ไม่แน่ใจนะ เหมือนมันมีอะไรดลใจให้พูดแบบนั้นอ่ะ”
คำตอบของสไปรท์ไม่ได้ให้ความกระจ่างใดๆแก่ร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย นั่นมันยิ่งกลับทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น
“พี่สไปรท์ พี่เป็นคนพูดเองนะ แล้วชื่อดารานี่ พี่ไปเอามาจากไหน พี่ต้องรู้สิ ความจริงที่พี่จะบอกอ่ะ”
ดุจดาวพูดยาวเหยียด แทบไม่หยุดพักหายใจ เธอเขย่าแขนของร่างบางแรงขึ้น เธอต้องการได้ยินความจริง
“แต่ปางก่อน ข้าถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ”
“อะไรนะ พี่สไปรท์” ดุจดาวงุนงง ที่อยู่ๆ ร่างบางก็ลุกขึ้นพรวดพราดขึ้น และพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งเธอไม่เข้าใจ
“ดารา เจ้าจำข้าไม่ได้หรอก แต่ข้าจำเจ้าได้ดี” ร่างบางหลุบตาลงต่ำมองมายังดุจดาว หากถ้าดุจดาวเอง มองดีๆ ก็จะเห็นว่าสายตาของร่างบางนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นสายตาที่ว่างเปล่าและ...เย็นชา
“เจ้าจงมองตาข้าสิ ดารา” ร่างบางค่อยๆย่อตัวลง เพื่อให้ดุจดาวมองตาเธอได้อย่างถนัด
“ว่าอย่างไร เจ้าเห็นอะไร”
เหมือนดังต้องมนต์ ดุจดาวเอ่ยคำบางคำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ท่านพี่ศุทธนิชา”
หลังจากเอ่ยคำนี้ อยู่ๆ น้ำตาของดุจดาวก็เริ่มไหลอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าน้ำตาไหลออกมาทำไม เธอไม่รู้ว่า ศุทธนิชา ที่ตัวเธอเองพูดถึงเป็นใคร ทำไมถึงต้องรู้สึกเศร้าขนาดนี้นะ
“ดารา เจ้าเป็นทั้งเพื่อนรัก ทั้งน้องรักของข้า ใยเจ้าถึงทำกับข้าเยี่ยงนี้”
แค่ได้ฟังน้ำเสียงตัดพ้อนี้ แม้ร่างเล็กจะไม่เข้าใจอะไร แต่รู้สึกได้ว่า ตัวเธอต้องเคยทำเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ มันเจ็บ เจ็บไปหมดทั้งหัวใจ
“ฉันต้องทำยังไง ถึงจะชดใช้เธอได้”
“เจ้าแค่...คืนคนรักของข้ามา ก็พอ”
“คนรัก?” ดุจดาวชะงัก เธอยกมือปาดน้ำตาที่ไหลมาออก
“เด๋วนะ ฉันยังไม่มีแฟนสักหน่อย แล้วจะเอาแฟนที่ไหนคืนเธอกัน”
“.....” ร่างบางไม่ได้ตอบอะไร และอยู่ๆ แววตาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“อะไรอ่ะดาว ฟงแฟนอะไร” สไปรท์ทำหน้างงๆ “และนี่ฉันมานั่งทำอะไรตรงนี่นิ โอ๊ยยยยยย มึนหัวมากอ่ะ”
สไปรท์เอามือกุมหัวค่อยๆ เขยิบขึ้นมานั่งข้างๆ ดุจดาว ที่ตอนนี้ทำหน้างงมากกว่า เธอหันไปมองหน้าอีกฝ่าย
“และนี่เป็นอะไรเนี่ย ร้องไห้เหรอ หูยยยยยย เว่ออ่ะ ขี้แย สมตัวมากเลยนะเนี่ย 5555”
“ไม่ตลกอ่ะ พี่สไปรท์” ดุจดาวเริ่มอารมณ์เสียและลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ในใจก็ยังคงสงสัย
“พี่สไปรท์ จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” ร่างเล็กถามย้ำอีกครั้ง
“จำอะไร ฉันคงเบลอมากอ่ะ มาอยู่นี่ได้ยังไง ยังเบลอๆ งงๆ อยู่เลย ว่าแล้ว ฉันของีบหน่อยละกัน เธอออกไปก็ปิดประตูให้ด้วยนะ”
ร่างบางไม่พูดเปล่า เธอทำจริงและไวมากด้วย เผลอแปบเดียว เธอล้มตัวลงนอนและหลับไปในทันที
หลังจากที่ออกมาจากห้องพยาบาล ร่างเล็กก็ค่อยๆ เดินกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ระหว่างทางเธอค่อยๆทบทวน สิ่งที่เกิดขึ้น น่าแปลก ยิ่งเธอพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ความทรงจำก็ยิ่งเลือนรางมากเท่านั้น จนเมื่อเธอเดินมาถึงหน้าห้อง สิ่งที่เธอได้คุยกับสไปรท์เมื่อครู่นี้ ก็เลือนหายไปหมดสิ้น หลงเหลือก็เพียงแต่ เรื่องที่เธอเป็นลมล้มไปก็เท่านั้น
“เป็นไงดาว แกดีขึ้นยัง” เสียงแอลดังขึ้น ทักเธอมาแต่ไกล
“เออ ก็ดีขึ้นมากแล้วอ่ะ” ร่างเล็กตอบไปพลางเดินไปที่ที่นั่งตัวเอง เธอเหลือบหันไปเห็นกล่องดินสอและหนังสือเรียนวางอยู่บนโต๊ะข้างโต๊ะเธอ เธอชะงักไปเล็กน้อย เด๋วนะ นังดิวมันใช้กล่องดินสอหน้าตาแบบนี้หรือวะ แต่ร่างเล็กก็ไม่เสียเวลาสงสัยอะไรนานนัก เพราะคนที่จะเฉลยทุกอย่าง ได้มานั่งลงข้างๆเธอแล้ว
“เธอ...” ร่างเล็กขมวดคิ้วและพึมพำเบาๆ
“อ๋อออออออ ดาว นี่ก้อย เพิ่งเข้ามาเรียนวันนี้วันแรก ครูเลยให้นั่งข้างแก และให้นังดิวไปนั่งตรงโน้นแทนอ่ะ” แอลตอบคำถามที่ค้างคาในใจทุกอย่างโดยที่ดุจดาวไม่ต้องอ้าปากถามให้เมื่อย
“อ๋อหรอ” ร่างเล็กได้แต่พยักหน้ารับรู้ แต่เมื่อคนที่เพิ่งมาถึงได้หันมาสบตากับเธอ ทันใดนั้นเองความรู้สึกเจ็บแปลบหวิวๆ ที่หัวใจก็ประทุขึ้นอีกครั้ง
ดุจดาวจับที่หน้าอกตัวเอง พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ความรู้สึกนี้ทุเลาลง
ความรู้สึกนี้ คืออะไร ทำไมถึง.... เจ็บแบบนี้
เธอเหลือบตามองอีกฝ่ายที่ตอนนี้มองเธออย่างงงๆ
สายตาแบบนี้ เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ.....
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า ... เอ่อ ดาว”
คนพูดไม่พูดเปล่า ค่อยๆเอื้อมมือมาแตะที่แขน เมื่อปลายนิ้วอีกฝ่ายสัมผัสโดนแขนของเธอ ความรู้สึกแปลบหวิวๆ นี้ ก็ค่อยๆทุเลาลง
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ....ก้อย เธอชื่อก้อยใช่ไหม”
ความคิดเห็น