คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ไปช็อปปิ้ง
“บอม บอม ไอ้บอมตื่นเซ่”ผมรู้สึกตัวด้วยเสียงแหลมๆที่แผดดังในห้อง...แม่ผมเองฮะมาปลุกตอนเช้าอย่างนี้ต้องโดนใช้แหงมๆ ผมแกล้งหลับต่อโดยหวังว่าแม่จะทนไม่ได้และลุกไปเอง ผมไม่ได้ชั่วนะฮะแค่ขี้เกียจน่ะ เหอๆ
“ไปซื้อของให้แม่หน่อยซี่บอมลูกรัก”นั่นไงล่ะทำเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานเชียว
“ฮืม...แม่ก็ให้ไอ้เบียร์มันไปเด๊ะ”ผมทำงัวเงียโบ้ยไปให้น้องชายสุดที่รัก
“ก็ไปปลุกมันแล้วไม่ยอมตื่นอะ แกไปให้แม่หน่อยซี่ นะ”
ตูรู้ว่าเมิงตื่นนะไอ้เบียร์
ผมเดินลงบันไดด้วยสติที่ยังไม่สมบูรณ์ดีนักแม้ว่าจะผิดหลักการเป็นนักกีฬาที่จะต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออกกำลังกาย แต่ก็นะนานๆจะปิดเทอมซะทีก็ขอหน่อยเหอะ
“เอาอะไรมั่งอะแม่”ผมเดินไปหยุดที่ประตูครัวแล้วเอ่ยถาม มองๆไปแม่ผมก็ยังสวยอยู่นะฮะส่วนโค้งส่วนเว้ามีครบสมบูรณ์เสียแต่เธอห้าวไปหน่อยเท่านั้นไม่เหมือนยัยเด็กบ้านั่นหรอกมายืนเถียงผมได้ฉอดๆ
“เอาซอสหอยกับน้ำปลา เงินวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวนะลูก”เธอตอบโดยไม่ละมือจากการเด็ดผักบุ้ง
“คร้าบ”
เช้านี้มีผัดผักบุ้งแน่นอน...ฟันธง!
ผมขับรถโดยสามัญสำนึกของคนไทยช่วยชาติแบบว่าประหยัดพลังงานไง เอ่อ...อย่าทำหน้าเบ้แบบนั้นสิ อะ บอกความจริงก็ได้แค่ที่นี่อากาศดีเท่านั้นแหละครับเลยปิดแอร์และเปิดกระจกแทนเพื่อรับอากาศบริสุทธ์ ผู้คนก็นิสัยดีเห็นได้จากพวกเราเป็นคนย้ายเข้ามาใหม่ก็มาทักทายอย่างดี(อาจจะมีแตกแถวออกมาอย่างยัยคนนั้น)ยิ้มแย้มแจ่มใสต่างจากในกรุงเทพชะมัด ถ้าตัดเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างออกไปผมก็อยากจะมาอยู่ที่นี่นะ สบายจะตาย
ในที่สุดผมก็ขับมาถึงร้านที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน(ตามที่น้าแถวบ้านบอกมา)เป็นร้านใหญ่จริงๆนั่นแหละเทียบได้กับซูเปอร์มาเก็ตล่ะมั้ง
“รับอะไรดีคะ”แม่ค้าสาวเอ่ยทักโดยที่ยังไม่เงยหน้ามาจากหนังสือ
อะไรของเจ๊เนี่ย มารยาทแม่ค้าน่ะมีม้ายยยยยยยย
“ซอสหอยกับน้ำปลาครับ”พูดจบก็เดินสุ่มๆไปยังล็อกที่ใกล้ที่สุด โอ้...ลัคกี้แฮะเจอซะด้วย ผมหยิบทั้ง 2 อย่างมาแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อยรอยยิ้ม
“OoO”
“OoO”
“เฮ้ย”
เราสองคนประสานเสียงกันดังลั่น ตกใจมากมายที่แม่ค้าคนนี้ดันไปเป็นยัยเด็กแก่แดดเมื่อวานซะได้ เธอเองก็คงตกใจไม่น้อยแหละถึงได้ทำหน้าเหวอขนาดนั้น
“นะ นายตามราวีฉันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“อะไรนะ นี่ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า ฉันนี่นะจะตามมาราวีเธอ เธอต่างหากล่ะ”ผมสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“แล้วนายมานี่ทำไม มาแก้แค้นรึไงรู้ไว้ด้วยนะว่าฉันต่างหากที่ควรจะไปแก้แค้นนาย”
“โหเธอนี่ช่างคิดร้ายซะจริง ที่นี่มันร้านค้านะฉันคงจะมาเข้าห้องน้ำมั้ง”ผมเถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้ แต่ดูเหมือนเสียงของเราจะดังไปหน่อยทำให้หญิงวัยกลางคนร่างเล็กคนหนึ่งเดินออกมาหน้าเครียด
“อะไร มีอะไรกันข้าวฟ่าง”
“ก็ดูผู้ชายคนนี้สิแม่ เจอกันเมื่อวานก็ทำลูกวอลเล่ย์ใส่หัวฟ่างแถมวันนี้ยังมาหาเรื่องฟ่างยันบ้าน”
“ไม่ใช่นะครับ เป็นเพราะเธอนั่นแหละที่มาหาเรื่องผมก่อนแล้ววันนี้ผมก็อค่ต้องการมาซื้อของ ไม่รู้เลยครับว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอ”
“เอาล่ะพอๆ พอได้แล้วเรื่องนี้แม่ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรเป็นอะไรแต่ขอให้จบเพียงเท่านี้เถอะ”คุณแม่ของเธอพูดอย่างขอร้องซึ่งผมก็ไม่ขัด
“งั้นคิดเงินด้วยครับ”ผมพูดกับแม่เธอเบาๆแต่เธอกลับพยักเพยิดให้ลูกสาวคิดแทน ยัยนั่นก็จ้องตาผมอย่างไม่ลดละซึ่งผมก็ตอบสนองโดยการยักคิ้วใส่
“65 บาท”
ผมยื่นแบงค์ร้อยให้ซึ่งเธอก็รับและส่งเงินทอนอย่างอันธพาลสุดๆ
“ใส่ถุงด้วยสิ”แม่เธอบอกเสียงเขียว
“ไม่ต้องหรอกแม่ มันเปลือง”ประโยคสุดท้ายเธอเน้นย้ำจนทำให้แม่เธอตั้งท่าจะแหวใส่อีกรอบ
“ไม่ต้องหรอกครับช่วยกันประหยัดดีกว่า”ผมยักคิ้วพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากส่งท้ายก่อนจะหยิบของออกไป
ตอนนี้ผมนั่งในรถแล้วแหละแต่ยังไม่ออกรถ กำลังนั่งดูเธอโดนแม่ต่อว่าจนหน้าหงาย มองได้ซักครู่เธอคงเหลือบมาเห็นผมมั้งเลยชูหมัดแยกเขี้ยวใส่ ผมโคลงหัวอย่างอ่อนใจก่อนจะขับรถออกไป
เช้านี้ซวยจริงๆให้ตายเถอะ
“มาแล้วคร้าบบ เฮ้ย! ป๊า”ประโยคหลังผมอุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นป๊ามานั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี
“เออ ป๊าเอง”
“ไหนว่าจะมาวันพรุ่งนี้ไงล่ะแล้วทำไมมาเร็วจัง”ผมถามอย่างฉงนเต็มที่เพราะปกติป๊าจะเป็นคนที่ยุ่งตลอดเวลาแต่วันนี้กลับปลีกตัวได้
“ก็รีบเคลียร์งานที่บริษัทมาเลยเนี่ย ทำไมล่ะไม่ดีใจหรือไง”เขาย้อนถาม
“ก็นะ ผมมันยังไงก็ได้อยู่แล้ว”ก็พูดไปงั้นแหละความจริงก็ดีใจสุดๆแต่สายตาผมคงจะชัดแจ้งไปหน่อยมั้งเขาถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขนาดนั้น
อยู่ไม่ไหวแล้วครับ...อาย ผมเดินเอาเครื่องปรุงทั้งสองขวดไปให้แม่ในครัว เห็นเจ้าเบียร์นั่งล้างผักอยู่จึงเอ่ยทักด้วยความหมั่นไส้
“ตื่นซะเช้าเชียวนะไอ้น้องรัก”
“เฮียก็ต้องให้แม่ปลุกเหมือนกันนั่นแหละ”
ดู๊...ดูมันย้อนผม
“เอาน่ะๆ พวกแก 2 คนนี่ยังไงกันนะเจอหน้ากันก็ทักทายยังกับหมาเลย”
เฮ้ย!
“มันยังไงกันล่ะแม่ที่ว่าทักทายยังกับหมาน่ะ”ไอ้เบียร์มันถาม
“ก็แง่งๆใส่กันไงแกนี่”
แม่ตอบเสร็จก็ยกชามผักเทใส่กระทะที่มีน้ำมันเดือดพลุ่งพล่านแล้วตามไปด้วยซอสหอย เสียงฟู่เมื่อผักทั้งจานลงสู่กระทะส่งกลิ่นหอมน่ากินสุดๆ ผมรีบยกหม้อข้าวออกไปตั้งที่โต๊ะกินข้าวพร้อมตักข้าวแจกจ่ายโดยไม่ลืมที่จะตักของตัวเองเป็น 2 เท่า
เก๊าะผมชอบผัดผักบุ้งนี่คร้าบบบบ
พอกินข้าวเสร็จเราก็ตกลงใจจะไปหาซื้อเสื้อผ้าของพวกเรามาเพิ่มเติมเพราะมาครั้งนี้ไม่ได้เตรียมอะไรมามากนัก
ที่ห้างแห่งนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น กว่า 70% ของสินค้าทั้งหมดคือสารพัดสารพันเครื่องแต่งกายที่มีตั้งแต่โลว์สุดจนถึงไฮสุดนอกจากนั้นก็เป็นสินค้าอื่นๆที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งพึงมีจึงไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดลูกค้าของที่นี่ส่วนมากเป็นวัยรุ่น
พวกเรา 2 คนพี่น้องแยกเดินกับป๊าและแม่โดยปาก็ให้เงินมาคนละ 3 พันบาท เขาคงเห็นว่าพวกเรามีเสื้อผ้ามาน้อยจริงๆล่ะมั้งเลยให้มามากขนาดนี้แต่ให้ตายเหอะเดินกันมา 2 ชั้นแล้วยังหาร้านเสื้อผ้าผู้ชายไม่ได้เลยอะแถมเวลาเดินไปผมและเบียร์ก็กลายเป็นจุดเด่นทันที คงเป็นเพราะความสูงและหน้าตาที่ออกแนวเท่ๆของเราพี่น้อง...เฮ้ยอย่าทำหน้างั้นดิ มีคนเขาบอกมาเยอะน่ะเลยทำใจยอมรับ แต่ผมไม่ชอบอย่างงี้เลยนะต่างจากไอ้เบียร์ที่แจกยิ้มให้สาวๆไปทั่วแถมเมื่อมีคนมาขอเบอร์ก็ยังใจป้ำให้เขาไปอีกทำให้สาวๆกลุ่มนั้นกรี๊ดกันยกใหญ่
“นี่เฮีย อย่ามามัวแต่ทำหน้าขรึมหน่อยเลยออกจะหล่อแท้ๆแต่กลับเก๊กจนไม่มีผู้หญิงคนไหนที่กล้าเข้าหาแล้ว”ไอ้เบียร์เอ่ยกับผมเมื่อเห็นผมเฉยเมยกับผู้หญิง
“ฉันไม่ได้เหมือนแกนี่ที่จะให้เบอร์กับคนที่ไม่รู้จัก”
“ก็ถ้าไม่ทำความรู้จักแล้วจะรู้จักได้ยังไงอะ”มันย้อนกลับมาซึ่งผมก็ได้แต่สะอึกเพราะมันก็จริงของมัน
“เออน่า เรื่องพี่สะใภ้แกไงๆฉันก็ต้องหาได้อยู่แล้ว”ผมพูดเพื่อตัดความรำคาญ
“ระวังผมจะแซงนะเฮีย”
“รู้ไหม ถ้าเมิงจะเงียบปากก็คงไม่มีใครเขาหาว่าเป็นใบ้หรอกไอ้น้องรัก”
นั่นแหละมันถึงได้เงียบซะที
อาวละในที่สุดก็มาถึงร้านที่หมายจนได้ เป็นร้านที่เล็กชะมัดแต่ก็เอาเถอะผมมันยังไงก็ได้อยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปเลือกดูข้างในแล้วหยิบตัวที่คิดว่าใช่ที่สุดออกมา
“เท่าไหร่ครับ”ผมถามแม่ค้าสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“199 จ๊ะแต่น้องน่ารักพี่คิด 190 ถ้วนละกัน”
ผมกับเบียร์มองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
ทำไมมันถูกยังงี้วะ!?!
แล้วผมก็เดินไปดูกางเกงยีนส์ซึ่งตั้งอยู่ขวามือสุดของร้าน ผมลองจับมาทาบตัวแล้วก็ต้องทอดถอนใจเนื่องด้วยกางเกงมันเต่อขึ้นมาอยู่ที่ข้อเท้า
“มีตัวที่ยาวกว่านี้อีกไหมครับ”
“คงมีมั้งจ๊ะแป๊บนึงนะ”ว่าแล้วเธอก็เดินไปค้นชั้นล่างซึ่งก็ได้มา 1 ตัว ผมจึงสั่งให้คิดเงินรวมกับเสื้อ 4 ตัวนั่นผลปรากฏว่าเกือบพันเลยฮะส่วนไอ้เบียร์ก็พอๆกับผมแหละ
“น้องหุ่นดีจังเป็นนักกีฬาหรือเปล่าจ๊ะ”เธอถามขึ้นเมื่อกำลังจะเอาผ้าใส่ถุง
“พวกเราเป็นนักวอลเล่ย์ครับ”
“อ๋อ จ๊ะๆถึงว่าสิหุ่นดีมากเลย”
มันก็แน่อยู่แล้วอะครับ
เสร็จแล้วเราก็เดินต่อไปที่บู๊ธ AIIZ เพราะเห็นหลังป๊าและแม่แว๊บๆอยู่ที่นั่น
คุณนายอารยาแม่ผมกำลังเลือกใหญ่เลยครับ ข้างๆกันก็มีพนักงานสาวคอยดูแลอยู่ต่างจากป๊าผมที่เดินเลี่ยงออกมาหากางเกงที่อีกมุมหนึ่งอย่างโดดเดี่ยวผมจึงเดินเข้าไปหาท่าน
“ได้อะไรมาบ้างล่ะเรา”ป๊าถามเมื่อเงยหน้ามาจากถุงขนาดใหญ่ในมือผม
“ก็ส่วนมากก็เสื้อแหละป๊าหากาเกงใส่ไม่ค่อยได้”อาเฮียหัวเราะเบาๆก่อนจะก้าวไปข้างๆ
“งั้นมาดูนี่มา”เขาผายมือให้เห็นกางเกงขาสี่ส่วนที่เรียงรายหลากสีเป็นตับๆซึ่งผมกับไอ้เบียร์ก็เดินเข้าไปเลือกดูแต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจคุณนายที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอจับเอากางเกงมาทาบเรา 3 คนเป็นการใหญ่ก่อนจะได้ไปคนละ 3 ตัวเป็นอย่างต่ำ
“เสื้อน่ะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้แต่กางเกงนี่สำคัญนะหนุ่มๆ”เธอพูดซึ่งพวกเราก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
ขณะนี้พวกเรากำลังนั่งเหยียดขาอยู่ภายในรถเท่าที่ความกว้างจะอำนวยเพื่อบรรเทาความเมื่อยขบหลังจากที่โยนของทุกสิ่งทุกอย่างไปหลังรถ นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมได้รู้จักกับพลังงานเพื่อช็อปปิ้งของผู้หญิงอย่างถ่องแท้ เพราะหลังจากซื้อเสื้อผ้าที่ต่ออีกหลายร้าน(ซึ่งส่วนมากดำเนินการโดยเจ๊ใหญ่)เราก็ไปต่อกันด้วยซูเปอร์มาเก็ตชั้นล่างโดยซื้อทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็น รวมๆแล้ววันนี้พวกเราใช้ไปเหยียบ 2 หมื่นแล้วครับ
“โอ๊ยเมื่อยสุดๆ ฉันก็ไม่น่าบ้าซื้อเล้ย”แม่ผมบ่นใหญ่ซึ่งผมก็ได้แต่แย้งในใจ
ดูตอนนั้นไม่ออกอาการเมื่อยอย่างนี้เลยนี่ครับคุณแม่
ความคิดเห็น