ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wall In Your Heart

    ลำดับตอนที่ #4 : สิงห์ : มึงจะมากไปแล้วนะ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 56




           “มีอะไร” นั้นเป็นคำแรกที่อีกฝ่ายพูดกับผม

    “ก็...นาย...เออ...นายพอจะรู้เรื่องเรามาบ้างแล้วใช่ไหม” ผมซึ่งนั่งลงฝั่งตรงข้ามของอีกฝ่ายเอ่ยด้วยความไม่ค่อยเคยชิน ที่จริงส่วนหนึ่งมาจากที่ฝ่ายนั้นทำหน้าเฉยเมยไร้อารมณ์  ในตาหลังกรอบแว่นสีดำอันใหญ่จ้องมองมาที่ผมอย่างกับมองอากาศธาตุที่ว่างเปล่า แล้วยิ่งประกอบกับผิวขาวซีดแบบแปลก ๆ นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนตุ๊กตาชาววังเก่า ๆ ที่มีแต่รอยร้าว...ถ้าขืนแตะต้อง มีหวังแตกไม่เหลือชิ้นดีแน่ ๆ

    “ไม่...ไม่รู้” อีกฝ่ายตอบน้ำเสียงเรียบเฉย ...ทำไมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่าไอ้นี่มันเริ่มกวนตีนผมแล้ว!!!!

    “เหรอ...” ผมข่มอารมณ์ภายในใจไว้และเริ่มพูด “คือเรื่องของเรื่องก็คือ เราต้องย้ายออกจากหอภายในวันอาทิตย์นี้น่ะ ทางบ้านมีปัญหานิดหน่อย เลยอยากจะ...เออ...คือพูดก็พูดเถอะ เราอยากจะขอไปอาศัยอยู่กับนายสักพัก เราจะช่วยค่าน้ำค่าไฟ...ครึ่งหนึ่งก็ได้...ไหว้ล่ะ นะ เราไม่มีทางไปแล้วจริง ๆ วะ” ผมยกมือขึ้นไหว้ปะลก ๆ 

    อีกฝ่ายเงียบไปราวสามวินาทีก่อนพูด...เสียงเรียบ...เหมือนเดิม!!!

    “ค่าเช่าละ”

    “คือ...เรา...”

    “ไม่มีใช่ไหม”

    “อือ” ผมรับคำ

    แล้วก็เงียบไปอีกสองสามวินาที ก่อนจะว่าต่อ เสียงเรียบ...(ซึ่งเริ่มทำให้ผมรำคาญ) เหมือนเดิม

    “งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” จบคำก็ตั่งท่าจะลุกขึ้น ผมลุกตาม

    “ทำไมล่ะ” ผมว่าเสียงแข็ง “เราอยู่ไม่นานหรอก สองสามเดือนไม่เกินนั้น หรือกลัวว่าเราหนีออกจากบ้านมา เรื่องนั้นอาจารย์ยืนยันได้นะ เราก็เป็นนักบาสโรงเรียน ไม่ใช่คนใจแตกหนีออกจากบ้านจริง ๆ”

    มันนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจยาวและว่า “เป็นหรือไม่เป็นนักบาสแล้วไงวะ...ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า หนึ่ง เรากับนายไม่รู้จักกันเลย หน้าก็เพิ่งจะเคยเห็น นิสัยใจคอก็ไม่เคยรู้ จะมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง คนธรรมดาที่ไหนเขาทำกัน สอง ค่าใช่จ่ายนายก็ไม่ช่วยออก ก็จริงอยู่ที่นายบอกจะช่วยค่าน้ำไฟ แต่นั่นมันส่วนน้อย แถมเราก็ยังต้องออกค่าน้ำไฟส่วนของเราอยู่ดี แล้วค่าใช่จ่ายส่วนใหญ่ที่เป็นค่าห้องเราก็ต้องออกเอง ไหนจะค่ากินอีก ถ้านายเอาเงินมาออกค่าน้ำค่าไฟแล้วไม่พอกิน แบบนั้นเราก็ซวยอีก แถมยังเอาเปรียบกันเกินไป แล้วก็ สาม เราชอบอยู่คนเดียวมากกว่า”

    อีกฝ่ายพูดจบก็ตั่งท่าจะเดินออกจากห้อง ผมไม่ยอม ทั้งสายตา ท่าทางและน้ำเสียงของมันไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากวนตีนกันแถมยังดูถูกกันชัด ๆ

    “เฮ้ย พูดแบบนี้หมายความว่าอะไรวะ ถ้าจะไม่ให้อยู่ก็บอกแค่คำเดียวก็ได้ว่า...”

    “กูก็บอกมึงไปแล้วไง” มันสวนขึ้นเสียงนิ่งไม่สะทกสะท้าน “หรือจะให้พูดอีกทีก็ได้นะ กูไม่ให้มึงอยู่ พอใจยัง” มันตั้งท่าจะเดินหนี ผมรีบกระชากเสื้อตรงหัวไหล่ของมันไว้

    “แล้วทำไมต้องพูดนั้นด้วยล่ะ ก็จริงที่มึงกับกูไม่รู้จักกัน แต่กูก็บอกแล้วว่าอาจารย์ก็รู้เรื่องนี้ เขายืนยันกับมึงได้ว่ากูไม่ใช่คนเลวอะไร ส่วนเรื่องเงินกูไม่เถียงเพราะบ้านกูไม่ได้รวยเหมือนบ้านมึงที่เอาเงินไปเช่าคอนโดหรู ๆ ให้ลูกเหี้ย ๆ อย่างมึง คิดว่าตัวเองดีนักหรือไงวะ” ผมจบคำนั้นด้วยการผลักอกอีกฝ่าย จนกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้และหันหลังเดินออกมาจากห้อง

    “อ๋อ ที่มึงมาหากูนี่ก็เพราะคิดว่ากูมีเงิน? รวย?” มันว่า “ไอ้เชี่ย...น่าสมเพชฉิบหาย”

    ต่อจากนนั้นผมก็จำไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ขาของผมเดินกลับไปที่ไอ้ห่านั้นแล้วก็ชกมันเข้าที่กรามเต็มหมัดจนมันล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×