ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ∞Infinity2 - Never Ending Story [SaeYuki] - AKB48 Fanfic

    ลำดับตอนที่ #1 : [Intro] ความทรงจำของมาเรีย

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 55


           

    หลายครั้งครา
    (วนเวียนเรื่อยไป)
    ข้ามผ่านความทุกข์ตรม
    (ฤดูใบไม้ผลิจะกลับมาอีกครั้ง)
    ความรักนี้
    (กลิ่นหอมของเธอ)
    หัวใจดวงนี้
    (ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ)
    ..จะรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ


    โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมเเขน
    ดำรงอยู่เคียงคู่กันเเละกัน
    เผาไหม้ด้วยเปลวไฟแห่งรัก

    เราจะมีชีวิตอยู่ .. ตราบชั่วนิจนิรันดร์

    " ในวันนั้น .. รุกะกลายเป็นละอองจางหายไปในอ้อมกอดของฉัน 

    ในวงเเขนของฉันนั้น คงหลงเหลือไว้เพียงเเค่ไออุ่นของความรักเท่านั้น
    เหมือนที่รุกะเฝ้าตามหาฉันมาตลอด 250 ปี  .. ฉันก็จะใช้ชีวิตนิรันดร์ที่มีอยู่นี้ ออกตามหาคุณ

    รอยแผลเป็นเล็กๆที่หลังคอ .. ฉันเชื่อนะ ว่ามันคือหลักฐานแห่งรักของเรา "

    เพลงบทสุดท้ายจากละคร 
    แปลและเรียบเรียงภาษาไทยโดย  by ekyism 
    http://ekyism.exteen.com/20101107/summary-akb48-s-first-musical-kagekidan-12300-8734-infinity-



    นิรันดร์ของมาเรีย - ปฐมบท

    "เมื่อนับปีก็ดูไม่ยาวนาน แต่เมื่อต้องโดดเดี่ยวในความเป็นนิรันดร์ ก็เหมือนถูกกุมขังอยู่ในห้วงแห่งความมืดทั้งเป็น"


    แม้เวลานี้จะผ่านไปเพียง 3 ปี ตั้งแต่รุกะได้มอบลมหายใจที่ไม่มีวันดับให้
    แม้วันนั้นจะได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยึดมั่นกับการเดินทางออกตามหาผู้เป็นที่รักยิ่ง ไม่ว่าจะนานเท่าไร ก็จะรอคอยการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งกับรุกะ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตนิรันดร์ร่วมกันตลอดไป

    แต่มาเรียกลับไม่คิดว่า ชีวิตนิรันดร์ที่รุกะเลือกเพื่อที่จะรอคอยเธอ กลับต้องแลกมาด้วยสิ่งต่างๆมากมายถึงขนาดนี้

    รุกะ นรกแบบไหนกัน ที่เธอต้องทนทรมานถึง 250 ปีเพื่อรอชั้นกลับมา
    ความอ้างว้างที่เธอเคยแบกรับ ตอนนี้ชั้นได้ลิ้มรสชาติของความรักของเธอแล้ว....รุกะ


    เมื่อเธอถูกแวมไพร์กัด และกลายเป็นผู้ครองพลังเหนือธรรมชาติที่มีชีวิตอมตะ
    เธอก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

    สิ่งธรรมดาที่มนุษย์ครอบครองได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจเอื้อมถึงของ "อมนุษย์"


    "ตัวตน" คือสิ่งแรกสุดที่เธอต้องสูญเสียไป

    เมื่อครอบครองพลังแล้ว คนธรรมดาจะมองไม่เห็นเธออีกต่อไป
    ปีแรกของเธอคือการบอกลา "มาเรีย"

    พาดหัวข่าวการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนักเรียนหญิงม.ปลายไปอย่างลึกลับ กับการให้การของกลุ่มลัทธินิยมแวมไพร์ ว่าเป็นการถูกลักพาตัวไปของปีศาจดูดเลือด ที่ออกมาจากนิยาย เร่ร่อนอยู่ในชิบูย่า
    เป็นเรื่องขบขันของสื่อมวลชนอยู่ช่วงนึง แล้วเรื่องก็เงียบไปอย่างหมอก

    เหลือแต่เพียงรอยน้ำตาของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่รักใคร่ของเธอ

    แม้ว่าเธอได้ตัดสินใจแล้ว ว่าเธอจะทิ้งทุกอย่างเพื่อพลังที่จะได้อยู่กับคนรัก
    แต่หัวใจของเธอ ก็ยังต้องแบกรับความเจ็บปวดของการจากลาอยู่ดี

    รุกะ.. นอกจากเลือดในกายชั้นจะเย็นไปแล้ว หัวใจชั้นจะเย็นลงไปอีกด้วยหรือเปล่านะ?

    ในปีแรกของมาเรีย เพราะด้วยแรงปรารถนาที่จะรอคอยและมีชีวิตอยู่เพื่อคนรัก
    มาเรียต้องเรียนรู้ การอยู่แบบแวมไพร์ ด้วยตัวเองโดยไร้ผู้ชี้นำ

    ถึงแม้นิยายหรือเรื่องเล่าปรำปราจะช่วยได้บ้าง แต่มาเรียก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่า แวมไพร์ต้องกินเลือดเป็นอาหาร
    และต้องมีชีวิตต่อสู้กับเหล่าผู้ล่าแวมไพร์

    ประทังชีวิต และ หนีเอาตัวรอด จึงเป็นบทเรียนแรกของมาเรีย

    ในช่วงชีวิตที่รุกะยังคงอยู่ มาเรียได้เห็นภูติรับใช้ที่รุกะสร้างขึ้นมาด้วยพลัง ทำให้เป้าหมายต่อไปของมาเรียคือการสร้างเพื่อน ใครซักคนที่สามารถอยู่ในโลกความอ้างว้างนี้ได้



    "มายูยุจะไปหาเลือดมาให้มาเรียเอง" ภูติที่เธอสร้างขึ้นมาสำเร็จเป็นตัวแรก ตอบเสียงใสกลับไป
    มายูยุ เธอจงมีชีวิตอยู่ เป็นเพื่อนชั้น คอยช่วยเหลือชั้นตามหารุกะ อย่าให้ใครมาเรียกเธอเป็นคนรับใช้ เพราะเธอคือเพื่อนของชั้นผู้เป็นอมตะ และผู้ที่มอบชีวิตให้เธอ

    คำสั่งผูกพันผู้เป็นเจ้าชีวิต และเพื่อนผู้ถูกสร้าง

    "มาเรีย...มายูยุจะไม่หักหลังมาเรียเด็ดขาด" 
    คำสาบานที่ผูกพันอย่างลึกซึ้ง 
    ทำให้เมื่อมีมายูยุมาร่วม เดินทางในนิรันดร์ด้วยแล้ว ชีวิตของมาเรีย ก็กลายเป็นวิถึของแวมไพร์ ผู้ล่าอย่างแท้จริง


    - ปี 2011 -

    ญี่ปุ่น

    พื้นที่ในตัวเมืองบางส่วนพังทลายลงเนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น
    มีผู้คนจำนวนมากติดอยู่ในซากอาคาร และพัดหลงกับครอบครัว

    บรรยากาศเมื่องใหญ่ของประเทศเศรษฐกิจ คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นควันและความพังพินาศของอาคารบ้านเรือน
    ถนนหนทางถูกตัดขาดหลายจุด

    เมื่อที่ผู้คนเคยเดินทางด้วยพาหนะแปลกตา ตอนนี้ต่างทะยอยเดินเท้า ไปสู่ศูนย์อพยพที่กระจายตัวอยู่รอบๆตัวเมือง
    เมืองเขตนี้อันตรายเกินกว่าที่จะอยู่อาศัยได้ เนื่องจากการรั่วไหลของสารเคมีจากเตาปฎิกรณนิวเคลียร์ ที่สร้างกระแสไฟให้กับเมือง

    การกู้ภัยให้ความช่วยเหลือ ก็ทำได้อย่างล่าช้าในบางจุด
    แม้จะมีเครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัย แต่การจะควานหาเด็กตัวเล็กๆ ที่ติดอยู่ในอาคารนั้นเป็นเรื่องที่แทบไม่มีลุ้นเลย

    มีครอบครัวนับพัน ที่เข้ามาสอบถามรายชื่อผู้สูญหาย และเข้าขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่
    คิวต่อแถวจุดค้นหาคนหาย ยาวไปไกลกว่า ที่จะมองเห็นปลายแถว

    เวลาดราม่าแบบนี้ เป็นเวลาดีของแวมไพร์



    มาเรียไม่นิยมการดื่มเลือดมนุษย์ ไม่รู้ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ในตัวเธอ หรือความขี้เกียจพัวพันในความยุ่งยาก
    จึงเลือกที่จะโจมตีฝูงสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์ม

    "มายูยุจัง ชั้นว่าเราควรจะเป็นเจ้าของฟาร์มมันซะเลยดีมะ จะได้ตัดเรื่องความยุ่งยากในการหาเลือดออกไป"

    "ก็ดีนะ มาเรียก็ใช้พลังสร้างภาพลวงตา ให้คนมองเห็นเป็นรูปร่างได้แล้ว น่าจะสามารถสร้างตัวตนไปขอซื้อฟาร์มซักที่ได้"

    "มายูยุจาเลี้ยงแกะ...ะะะ"

    "ตอนนี้เมืองเละเทะแบบนี้ คิดว่าการหาที่ซักผืนคงไม่ยาก และจะสร้างตัวตนสำมะโนครัวใหม่ ก็น่าจะพอทำได้ในสถานการณ์วุ่นวายแบบนี้"
    มาเรียวิเคราะห์ทางเลือกใหม่นี้อย่างสนใจ
    ช่วงที่ผ่านมา เธอมีเวลามากมายในการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเรื่องพลังของตัวเอง หรือเรื่องต่างๆในโลกนี้

    เป็นการง่าย ที่จะเดินเข้าออกตู้เซฟธนาคาร เพราะเธอไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
    เงินสด สิ่งของ แม้จะไม่มีความจำเป็นเลยต่อการดำรงชีวิต แต่ก็เป็นการฆ่าเวลาที่ดี

    การเข้าถึงระบบข่าวสาร ก็เป็นช่องทางนึง ที่มาเรียเองก็คิดว่า น่าจะสามารถใช้มันออกตามหารุกะได้

    ก็ไม่เหลือบ่าฝ่าแรงสำหรับผู้เป็นอมตะ จะเข้าเรียนคลาสซักคลาสที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

    "มายูยุอยากเป็นไซบอก อ่ะมาเรียจัง" มายูยุชี้นิ้วไปที่อะนิเมในทีวีที่กำลังฉายอยู่
    "ก็น่าสนใจดีนะ" มาเรียคิดเล่นๆว่า ไหนๆก็มีเวลา จะตามใจมายุหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

    "เป็นแบบโดราเอม่อนหนะหรอ?" มาเรียแกล้งมายุ
    "มาเรียอ่ะ มายูยุจะเป็นไอดอล" พร้อมกับเสียงหัวเราะของสองคนดังขึ้นในมิติที่คนทั่วไปไม่ได้ยิน


    บริเวณนอกชานเมืองจึงเป็นส่วนพื้นที่ที่มาเรียกับมายูยุคิดว่าน่าจะเหมาะกับการเริ่มต้น
    ช่วงเวลาที่แผ่นดินไหวเกิดขึ้น เลยเป็นเวลาที่มาเรียกับมายูยุจะใช้ "เซอร์เวย์" สถานที่

    ตอนนี้รอบๆนอกเมืองมีฟาร์มและแปลงการเกษตรหลายที่ถูกทำลาย
    และมีฝุ่นหมอกควันครุกรุ่นอยู่ทั่วไป

    แม้จะไม่ใกล้กับตัวเมืองที่มีส่วนอาคารล้มตัวและพังทลาย แต่ควันไฟที่เกิดจากการไหม้ของพื้นที่ป่าและสวน ก็ทำให้สภาพพื้นที่ส่วนนี้ดูเลวร้าย ไม่แพ้ไปกว่าตัวเมือง

    พื้นที่ป่าสนนอกเขตชานเมือง คือพื้นที่ที่มาเรียหมายตาเอาไว้
    ในเวลาแบบนี้คนจะถูกอพยพออกนอกเมืองกันหมด ทำให้ไม่ต้องระวังตัว กับพวกนักล่าแวมไพร์หรือบรรดานักบวชมากนัก

    สวนป่าสนของเมืองนี้ ถูกเผาไปกึ่งหนึ่ง แต่ส่วนที่ยังเขียวชะอุ่มอยู่ก็ยังมี

    "เป็นป่าที่เข้มแข็งนะ" มาเรียพูดออกมาลอยๆ

    เมื่อเดินลึกเข้าไปในส่วนของพื้นที่สีเขียว ก็พบว่าอากาศบริวเวณนี้สะอาดกว่าข้างนอกมาก
    เพราะด้วยใบของต้นสนโดยรอบกรอบอากาศออกไป

    มาเรียไม่ต้องใช้อากาศในการหายใจก็จริง แต่ก็สูดหอมของใบไม้เข้าไปเต็มปอด

    เมื่อเดินลึกเข้าไปในส่วนป่าลึก ก็พบศาลเจ้าเล็กๆอยู่

    มาเรีย ทำความเคารพด้วยความเคยชินจากเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
    อมนุษย์จะยังได้รับพรจากเทพเจ้าหรือไม่นะ?

    พระเจ้าถ้าได้ยินเสียงของอมนุษย์ตอนนี้ ขอทรงให้ได้พบกับ รุกะด้วยเถิด

    เมื่อสิ้นคำอธิษฐาน มาเรียก็ได้กลิ่นคาวเลือด มาจากด้านในศาลเจ้า

    "มาเรีย ระวังตัวนะ" มายูยุกล่าวเสียงแข็ง พร้อมตั้งท่ารอดูเหตุการณ์ด้านหน้า

    "อืม" มาเรียตอบรับ พร้อมกับเดินไปสำรวจ ด้านในศาลเจ้า

    พบเด็กอายุประมาณชั้นประถมต้น นอนขดอยู่ในศาลเจ้าพร้อมกับมีเลือดออกที่หัวไหล่

    "เด็กบาดเจ็บหนะ" มาเรียบอกมายุเป็นสัญญาณว่า ปลอดภัย

    เมื่อมาเรียเข้าไปใกล้เด็กคนนั้นจนมองเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นชัดเจนก็อุทานออกมาด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะไม่มีเสียงว่า



    "รุกะ?"







    ในขณะที่เอามือเข้าไปและแตะที่แก้มของเด็กน้อยด้วยอาการสั่นเทา
    มือที่เย็นไร้ชีวิตดุจน้ำแข็งของมาเรีย ก็ปลุกเด็กน้อยที่กำลังงัวเงีย ขยี้ตาให้ตื่น แล้วพูดออกมาเป็นคำถามว่า "ยูกิ? (หิมะตกหรอ?)"

    To be continued.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×