keetareel
ดู Blog ทั้งหมด

1 litre of tears

เขียนโดย keetareel

วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับงานแล้วก็คนรอบข้างอย่างมาก..เราพยายามแค่ไหนก็กลับไปสู่จุดเดิมอยู่ดี..ทำให้คิดถึงพ่อขึ้นมา..ถ้าเรารู้ว่าอนาคตเราจะตายเมื่อไหร่จะรู้สึกยังไงนะ..พอดีไปอ่านเรื่อง1 litre of tears มาแล้วรู้สึกเพิ่มกำลังใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง..เราเองก็เคยพลาด..ตัดสินใจพลาดบางอย่างที่ทำให้เสียใจมาก..มากที่สุดในชีวิต...แต่การที่เลือกที่จะไม่เป็นอะไรไปนั้นคงทำไม่ได้...รู้ว่าพ่อรอ..รอพี่จนลมหายใจสุดท้าย..ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วอย่างนี้...
...เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า...ไม่มีผู้ชายคนไหนดีเท่าพ่ออีกแล้ว...ถ้าพ่อยังอยู่จะช่วยหนูออกจากปัญหาพวกนี้ได้ไหมนะ..
/////////*****//////////////

リットルの涙 (อิจิ ริตโตรุ โนะ นามิดะ หรือ 1 litre of tears) เป็นละคอนที่สร้างจากบันทึกประจำวัน (diary) ของเด็กผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ชื่อ คิโตะ อายะ ที่ป่วยด้วยโรคที่ชื่อว่า spinocerebellar degeneration ซึ่งเป็นโรคที่น่ากลัวและไม่มีทางรักษา โดยสาเหตุที่แท้จริงของโรคนั้น มาจากไหน ก็ยังไม่มีใครทราบ โรคนี้มันจะทำให้แกนสมองของผู้ป่วยค่อยๆเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับสภาวะของโรค ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วย แต่ละคน

แกนสมองเป็นส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของร่างกาย ให้ทำงานตามที่เราคิด เมื่อแกนนี้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ก็จะมีผลทำให้ร่างกายเกิดการผิดปกติ โดยจะเริ่มจะ ไม่สามารถควบคุมร่างกายให้เดินอย่างปกติได้ อาจจะทำให้เซไปเซมา ต่อมาก็จะทำให้การกะระยะด้วยสายตา คลาดเคลื่อน ทำให้เห็นวัตถุใกล้หรือไกลกว่าความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีผลกับการหยิบจับสิ่งของ แม้การเขียนก็จะเป็นไปอย่าง ลำบากมากขึ้น ส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มไม่ทำงานตามที่เราต้องการ จนถึงระยะสุดท้ายที่แม้แต่การพูดก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเมื่ออ้าปาก ก็ไม่สามารถบังคับให้ลมผ่านกล่องเสียงออกมาได้ โดยขณะที่ส่วนต่างๆของร่างกายนั้นไม่ทำงาน สมองของผู้ป่วยยังคงเป็นปกติทุกประการ รับรู้และเข้าใจ สภาวะรอบด้าน แต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือโต้ตอบได้อย่างที่ต้องการ

และเมื่อแกนสมองหดเล็กลงจนหายไป ก็จะมีผลทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

โรคของ อายะ ถูกตรวจพบระยะเริ่มแรกเมื่อเธออายุได้ 15 ปีเท่านั้น โดยหมอได้ให้เธอเขียนเหตุการณ์ที่ผิดปกติในแต่ละวัน เป็นบันทึก หรือจะเขียนเป็นไดอารี่ของชีวิตประจำวันก็ได้ แล้วทุกอาทิตย์หมอก็จะนำมอ่านเพื่อศึกษาและดูแล การเปลี่ยนแปลงของอาการ

มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับเด็กอายุ 15 ปีที่ต้องมารับรู้ว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ ทุกวันที่ผ่านไปก็หมายถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่เธอต้องเสียสละไป และเวลาของชีวิตที่น้อยลงทุกที

แต่แม้ว่า อายะ จะรู้ว่าโรคของตัวเองนั้น ไม่มีทางรักษาได้ เธอก็ไม่เคยคิดยอมแพ้ เธอทำทุกอย่างที่เธอทำได้อย่างเต็มความสามารถ อายะจดบันทึกมุมมองของชีวิต ประสปการณ์ และสิ่งต่างๆลงในไดอารี่ของเธอ ตั้งแต่อายุ 15 ปี จนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต เมื่อโรคนี้ทำให้เธอไม่สามารถที่จะจับปากกา ขึ้นมาเขียนเรื่องราวของเธออีกต่อไป

อายะเสียชีวิตเมื่อเธอมีอายุได้ 25 ปี นับเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีที่เธอต้องต่อสู้กับโรคร้ายนี้ หลังจากที่เธอเสียชีวิตไป ก็ได้มีการนำเอาไดอารี่ของเธอออกมาตีพิมพ์ในชื่อว่า "1リットルの涙" เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ได้ต่อสู้ต่อไป จวบจนปัจจุบัน ไดอารี่ของอายะ จำหน่ายไปแล้วกว่า 18ล้านเล่ม สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหลายล้าน ในญี่ปุ่น ด้วยถ้อยคำและเรื่องราวที่ไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตาของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
I am totally wowed and prpeared to take the next step now.