ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Beautiful Blues ll ปัจฉิมบทรักร้ายลัทธิลวง

    ลำดับตอนที่ #9 : :: Beautiful Blues - "She's Still Here, Isn't She?"

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 57








    1
    8

    She's Still Here, Isn't She?

     

    วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างดีขึ้นนับตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านของโจเอล ฉันใช้เวลาตลอดทั้งเช้านั่งคุยกับเอลิอัส เขาเล่าให้ฟังถึงความจริงทั้งหมด เขาเคยอยู่ในบ้านหลังนั้นในฐานะทายาท เอลิอัสเล่าว่าด็อกเตอร์วีเบอร์ลันเสียสติ เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินเพื่อค้นหาความจริงต่างๆ เกี่ยวกับการหาทางหนีออกจากเมลเวย์

    "ตอนแรกเราอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ มีลุงกับป้าและลูกพี่ลูกน้องของฉันอีกสองคน พวกเขาสนใจที่จะเป็นหนูทดลองก็เลยตกลงว่าจะหนีเข้าไปในป่าต้องห้ามโดยใช้วิธีที่พ่อบอก ไม่สิ พวกเราทุกคนต่างหาก แต่แม่เป็นคนเดียวที่ไม่อยากเผชิญกับความเสี่ยงนั้นก็เลยพาฉันหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในเมือง ไม่นานนักพ่อก็มอบตัวกับโปลิเชียน ฉันกับแม่ก็เลยเดาว่าคนอื่นๆ น่าจะทำตามที่พ่อบอก พวกเขาหายตัวไปในป่าต้องห้าม อาจจะตายแล้วก็เป็นได้ แต่นั่นก็ยังคงเป็นคำถามและเป็นเหตุผลที่ฉันอยากกลับไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อตามหาความจริง"

    "งั้นก็แสดงว่านายเองก็ไม่รู้ว่าลุงกับป้าแล้วก็ลูกพี่ลูกน้องของนายหายตัวไปไหนสินะ"

    "ใช่ ไม่มีคำตอบ วันพิธีสังเวยจำเลยของพ่อ แม่ไม่อนุญาตให้ฉันออกจากบ้านด้วยซ้ำ แม่เกรงว่าจะมีใครสงสัยเรื่องนี้ เพราะนับตั้งแต่หนีออกจากบ้านเข้ามาอยู่ในเมือง ฉันก็ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับพ่ออีก"

    "แล้วแม่นายทำใจกับเรื่องนี้ยังไง"

    "แม่ร้องไห้อยู่หลายวัน แต่ข้อดีของมันคือยิ่งทำให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้น"

    ตอนนั้นเองที่ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปที่นัยน์ตาคู่นั้นซึ่งกำลังรื้นไปด้วยน้ำตา...

    ปุ

    "ฉันเข้าใจ...การสูญเสีย"

    ฉันว่าพลางยื่นมือไปตบบ่าเขาเป็นการให้กำลังใจ เอลิอัสใช้มืออีกข้างวางทับมือของฉัน นี่สินะการสูญเสีย เขาสูญเสียพ่อไปแบบเดียวกับที่ฉันสูญเสียพ่อแม่

    "มีบางสิ่งที่ฉันแปลกใจและอยากขอถามนายหน่อย"

    "อะไร"

    ฉันหยิบบันทึกของพ่อเขาขึ้นมาพลางเปิดไปยังหน้าหนึ่ง

    "หน้านี้บอกวิธีการเอาตัวรอดในป่าต้องห้ามเอาไว้"

    เอลิอัสย่นคิ้วพลางเงยหน้ามองมาที่ฉัน

    "ทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่า..."

    "ใช่ นี่แหละคือสิ่งที่พ่อกับแม่ฉันเคยพร่ำบอกก่อนจากไป นายรู้! นายเคยอ่านมัน นายรู้วิธีการเอาตัวรอดในป่าต้องห้ามมาโดยตลอดแต่นายแค่กลัวที่จะ..."

    "ฉันไม่ได้กลัว"

    "..."

    "ฉันแค่ไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว แล้วนี่ก็เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ถ้าเกิดฉันหนีออกไปแล้วโปลิเชียนรู้เรื่องนี้เข้า ฉันไม่อยากมีจุดจบเหมือนคนอื่นๆ ฉันไม่อยากเสี่ยง"

    "นั่นแหละที่เขาเรียกว่ากลัว"

    "โอเค ฉันอาจจะหนีออกไปสักวันหนึ่ง แต่ตอนนี้ฉันยังหาเหตุผลที่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันยังมีแม่ที่จะต้องคอยดูแล"

    คราวนี้ฉันไม่พูดอะไรต่อนอกจากครุ่นคิดกับตัวเองว่าทำไมด็อกเตอร์วีเบอร์ลันถึงรู้วิธีการเอาตัวรอดในป่าต้องห้ามได้ เอ๊ะ...หรือว่า...

    "หรือว่าบางทีพ่อแม่ฉันแล้วก็พ่อของนายอาจจะ..."

    "..."

    "ยังไม่ตาย..."

    "หืม? เธอว่าไงนะ..."

    "นายเห็นข้อความบนตัวพิกซี่มั้ย..."

    "เอ๋..."

    "นั่นเป็นข้อความจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ทุกคนคิดว่าเธอตายไปแล้ว"

    "ในพิธีสังเวยจำเลยน่ะเหรอ"

    "ใช่"

    "นั่นหมายความว่า..."

    "บางทีคนที่เข้าไปในหอคอยนั่นอาจจะยัง..."

    แอดดด...

    ตอนนั้นเองที่มีใครสักคนเปิดประตูบ้านออก ฉันรีบชักมือที่กุมแขนเอลิอัสอยู่กลับอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้มาเยือนที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่กลับเป็นโจเอลและเอเลน่าที่กลับมาพร้อมกันนั่นเอง

    "อ้าว เอลิอัส ทานอะไรมารึยังเอ่ย"

    ฉันกับเอลิอัสรีบโผเข้าไปช่วยเอเลน่าถือของ ฉันเงยหน้ามองโจเอลที่ถือของจำนวนหนึ่งตามหลังมา เขามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเอลิอัสกับฉันนั่งคุยกันอยู่ หวังว่าเขาจะไม่เห็นภาพเมื่อตะกี๊นะ แต่เอ๊...ถึงเห็นแล้วยังไงล่ะ ฉันกับโจเอลก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยนี่

    "ขอโทษด้วยครับที่เข้ามาในบ้านโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า"

    "ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไม่ต้องคิดมาก ดีซะอีก หลายวันมานี้แคลตาคงเบื่อจะแย่ คุยแต่กับฉันจะไปสนุกอะไรล่ะจริงมั้ย"

    เหมือนเอเลน่าเองก็รู้ถึงความเบื่อหน่ายของฉัน -.,-;

    "ไม่จริงสักหน่อย สองสามวันมานี้หนูได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารได้เยอะเลย สนุกออก น่าเบื่อตรงไหนกัน"

    "ผมหิวชะมัด แม่ครับ...ช่วยทำอะไรให้ทานหน่อยน้า..."

    โจเอลเดินเข้ามารับของในมือฉันไปหลังจากเขาวางของของตัวเองเสร็จสรรพ ฉันได้แต่ส่งให้เขาแบบขอไปที แหงล่ะ หมอนี่ไม่ยอมให้ฉันแตะต้องอะไรสักอย่าง แม้แต่ฉันทำท่าจะหยิบไม้กวาดก็ยังไม่ยอม เรื่องยกของนี่ลืมไปได้เลย เฮ้อ ฉันชักจะกลัวว่าเอเลน่าจะมองว่านี่เป็นเรื่องไม่ดีจัง

    "ได้สิ เอลิอัสอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ"

    "เอ่อ..."

    "ใช่ เดี๋ยวฉันจะทำอะไรอร่อยๆ ให้ชิมด้วย"

    ฉันเสนอ ทุกคนคงแปลกใจในความร่าเริงขึ้นของฉัน

    "อืม...ได้ครับ"

    "ดีมากจ้ะ"

    เอเลน่าเองก็ดูมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้แขกทานด้วย เราสองคนปล่อยให้สองหนุ่มนั่งพูดคุยกันที่โต๊ะอาหาร บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเหมือนจะเป็นลาง ไม่สิ...ไม่ถึงกับเป็นลางหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกหรือต้องการจะสื่อถึงบางสิ่ง มันมาจากสายตาของโจเอลที่มองมายังฉันราวกับคนต้องการจับสังเกตอะไรบางอย่าง

    เขาทำแบบนี้ไม่ได้นะ...ในเมื่อเราคุยและตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก

    ....เพราะถ้าเป็นแบบนั้น

    ฉันก็คงไม่เหลือเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปน่ะสิ

     

    สองชั่วโมงต่อมา

    "อร่อยมากเลย เธอเก่งขึ้นเยอะเลยแคล"

    โจเอลพูดพลางเอามือลูบหน้าท้องตัวเอง บอกตามตรงว่าฉันเกลียดสายตาและรอยยิ้มของเอเลน่าทุกครั้งที่โจเอลชมนู่นชมนี่ฉัน แหงล่ะ อะไรๆ ก็แคลตาๆ หมด นี่คือสิ่งที่ฉันเดาว่าเอเลน่าก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน

    "ก็ได้แม่ของนายนั่นล่ะ"

    "ไม่ต้องชมแม่หรอก แม่ก็แค่คอยชี้ๆ"

    "ว่าแต่เอลิอัส นายว่าอาหารมื้อนี้เป็นไง"

    ฉันหันไปมองเอลิอัสบ้าง เขาดูสงบเสงี่ยมเวลาทานอาหารเหลือเกิน

    "อืม ซุปมะเขือเทศกลมกล่อมดีนะ แต่จานนี้เผ็ดไปหน่อย"

    "นายไม่ชอบทานเผ็ดเหรอ"

    "ฉันทานเผ็ดไม่ค่อยเก่งน่ะ"

    "อ้าว แล้วทำไมไม่บอก"

    "ไม่เป็นไรๆ แต่มันก็อร่อยดีนะ"

    เขาว่าพลางใช้ช้อนตักขึ้นมาชิมอีกนิด แล้วก็เผลอส่งเสียงซี้ดออกมาก่อนจะสำลัก

    แค่กๆ~

    "นั่นไง เอ้า รีบดื่มน้ำเข้าไปเร็วเข้า"

    "แค่กๆ"

    "นายนี่นะ...ไม่เห็นต้องฝืนเลยตาบ้าเอ๊ย"

    "แค่กๆๆ~ T,.,T"

    ฉันอดขำไม่ได้ หมอนี่ก็ชอบทำตัวตลกตลอดเวลา บอกว่าไม่กินเผ็ด แต่พอทำเผ็ดให้ก็กลัวคนอื่นเสียใจถึงขั้นลองชิมให้ดูต่อหน้า แล้วดูสิเนี่ยเป็นไง ไอแค่กๆ ใหญ่เลย

    "แสบคอจัง...แค่ก~"

    "ดื่มน้ำเข้าไปอีก"

    "ขอบคุณนะ TOT"

    "ฮ่ะๆๆ"

    ฉันหัวเราะร่าอย่างมีความสุข โจเอลยังคงมองมาที่ฉันไม่หยุด ฉันเองก็แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้มีท่าทีแคลงใจอะไร

    "อ่า เดี๋ยวผมช่วยล้างนะครับ"

    เอลิอัสลุกขึ้นยืนทำท่าจะเก็บจานให้หลังจากพบว่าทุกคนทานเสร็จแล้ว

    "ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันล้างเอง"

    ฉันขัดขึ้นพลางลุกยืนเก็บจาน

    "เธอทำ เดี๋ยวฉันล้าง เป็นธรรมเนียมน่า"

    "แต่นายเป็นแขกนี่นา"

    "ไม่เห็นเป็นไรเลย"

    "วางเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

    "อย่าซนสิแคลตา"

    "ม่ายยย~"

    "เอามาเถอะนะ"

    "ม่ายยยยยย!"

    เคร้ง~!

    ( O_O) (O_O )

    ฉันกับเอลิอัสมองหน้ากันตอนที่จู่ๆ โจเอลก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับแย่งจานในมือของฉันและเอลิอัสรวมถึงเก็บจานที่เหลือไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเหมือนคนที่กำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง

    "เดี๋ยวฉันล้างเอง"

    เขาว่าทิ้งท้ายพลางหอบจานทั้งหมดไปที่อ่าง เราสามคนรวมถึงเอเลน่าต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกงุนงง อะไรของเขานะ ทำไมครั้งนี้ดูแปลกๆ เขาไม่พอใจที่ฉันเล่นกับเอลิอัสอย่างนั้นเหรอ เขามีสิทธิ์ทำแบบนี้รึไง

    "เดี๋ยวฉันช่วย"

    เอลิอัสทำท่าจะเดินเข้าไปช่วย

    "ไม่ต้อง"

    กึก...

    "อยู่ตรงนั้นแหละ แคลตาคงมีอะไรอยากคุยกับนายเยอะเลย"

    ฉันย่นคิ้วด้วยความสงสัยปนแปลกใจ อะไรของเขานะ ทำไมต้องแสดงทีท่าหงุดหงิดขนาดนั้นด้วย ให้ตายเหอะ

    "เอ่อ...งั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ"

    ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการสร้างความกดดันให้เอลิอัสโดยแท้

    "อ๋อ ที่นายบอกว่าต้องกลับไปช่วยแม่ใช่มั้ย"

    ฉันแสร้งทำเป็นฝ่ายสนับสนุนไปด้วย แหงล่ะ ขืนให้เขาอยู่ต่อก็คงจะไม่สะดวกใจเท่าไหร่ แต่จริงๆ อีกสักพักโจเอลก็ต้องกลับไปทำงานต่อแล้วนี่นา หรือว่าฉันไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์ดี

    อา...ไม่รู้ฉันทำตัวเป็นคนบ้านนี้ตั้งแต่ตอนไหน

    อย่าลืมสิ เธอเป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้นนะแคลตา

    "ใช่ๆ"

    "อืม งั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่"

    "โอเค ไว้เจอกันนะ"

    "ขอบคุณมากสำหรับ..."

    ฉันทำท่าจะพูดว่าเหล้ามาร์ติน่าออกไป แต่เกรงว่าคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ โชคดีที่แอบเอาไปเก็บในกระเป๋าย่ามในห้องนอนก่อนที่โจเอลกับเอเลน่าจะกลับมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    "สำหรับ...การมาอยู่เป็นเพื่อนเช้านี้"

    "อื้ม"

    "วันหลังพาเจ้าไคออสมาด้วยนะ..."

    "...?"

    "ฉันหมายถึงเอเวียนน่ะ ฮ่ะๆ"

    "ได้เลย ^_^"

    เคร้ง~

    ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงจานกระทบกันแรงมาก

    "ฉันกลับก่อนล่ะ"

    "บาย"

    "บาย"

    พอเดินไปส่งเอลิอัสที่หน้าประตูเรียบร้อย ฉันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เอเลน่ากำลังจิบชาตบท้ายหลังอาหาร เธอเลิกคิ้วก่อนจะส่งยิ้มให้เล็กน้อย ส่วนฉันก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ทางที่ดีน่าจะไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ก่อนดีกว่า

    "หนูขอตัวไปอาบน้ำให้พิกซี่ก่อนนะคะ"

    "ตามสบายเลยจ้ะ"

    "พิกซี่~"

    "แว้กกก~"

    แล้วฉันก็หนีออกมาจากตรงนั้นได้สำเร็จ...

     

    [Joel]

    เป็นครั้งแรกที่ผมกลับมาบ้านแล้วเจอความรู้สึกแบบนี้ ภาพแรกที่เปิดประตูเข้าบ้านไป คำถามแรกคือทำไมหมอนั่นถึงมาอยู่กับแคลตาได้ พวกเขาคุยเล่นกัน สายตาที่แคลตามองเอลิอัส...สายตาที่เอลิอัสมองแคลตา สายตาที่ทั้งคู่มองให้กัน...

    เคร้ง~

    นับตั้งแต่แคลตายอมมาอยู่ที่บ้าน เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันสนิทเหมือนเดิมสักเท่าไหร่ แคลตาเริ่มกลายเป็นพวกถามคำตอบคำ เวลาผมกลับบ้านมาเธอก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ก็วุ่นอยู่กับการให้แม่ผมสอนทำอาหาร ทั้งๆ ที่ผมพยายามใช้เวลาว่างในการกลับบ้านมาเพื่อจะได้เจอเธอ

    หรือว่านี่อาจจะเป็นการทำให้เธอรู้สึกเบื่อ...

    แต่จะให้พาเธอออกไปไหนมาไหนตอนนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ช่วงนี้โปลิเชียนเริ่มทำตัวแปลกๆ พวกชาวบ้านก็เช่นกัน มีข่าวลือว่าแคลตายังอยู่ในเมืองเนื่องจากมีข่าวเรื่องขโมย

    ช่างงี่เง่าเป็นบ้า

    ถ้าจะให้ผมปฏิเสธอะไรแทนก็คงดูไม่เหมาะ

    "ผมไปทำงานก่อนนะ"

    "เดินทางดีๆ จ้ะ"

    ผมบอกแม่ก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายตั้งท่าเตรียมว่าจะออกจากบ้าน ลังเลใจอยู่นานมากว่าจะเดินไปล่ำลาแคลตาสักหน่อยจะเป็นการดีหรือไม่ แต่คิดอีกที...ไม่ดีกว่า =_=

    "โจเอล"

    หากทว่าทันทีที่ผมคว้ารองเท้าบูตตั้งท่าจะใส่ แม่กลับเรียกชื่อผมไว้

    "ครับ"

    "แม่รู้นะว่าในหัวลูกคิดอะไรอยู่"

    "ฮะ...อะไรเหรอครับ"

    ผมได้แต่มองแม่ที่เพิ่งถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ

    "ผู้หญิงเขาถ้าชอบก็คือชอบนะ"

    "หมายความว่าไงเหรอครับ"

    ผมถามพลางนั่งลงกับพื้นเพื่อใส่รองเท้า

    "สิ่งที่ลูกทำเมื่อสักครู่น่ะ ไม่ได้หมายความว่าลูกจะเรียกร้องความสนใจจากคนที่ลูกชอบได้หรอกนะ ลูกต้องหัดแข็งใจแล้วก็เผื่อใจไว้บ้าง ถ้าลูกยังอยากจะมีความสุขแบบนี้ ลูกก็ควรจะรักษามันไว้ดีๆ"

    "แม่ไม่เข้าใจหรอกครับ"

    "ทำไมแม่จะไม่เข้าใจล่ะ"

    "ผม..."

    "โจเอล"

    "..."

    "ถ้าลูกยังอยากให้เธออยู่ที่นี่ ลูกก็ไม่ควรทำให้เธอลำบากใจที่จะอยู่"

    "แม่คิดว่าทุกวันนี้แคลตาฝืนใจอย่างนั้นเหรอครับ"

    ผมพูดเป็นเชิงกระซิบเพราะกลัวว่าเธอจะได้ยิน

    "มันเกือบจะเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะถ้าเกิดลูกยังทำอย่างนั้นอีก ผู้หญิงไม่ชอบอะไรแบบนี้หรอกนะ"

    "แบบนี้นี่ยังไงเหรอครับ"

    "ทำตัวหวงเกินใช่เหตุไง"

    ตอนนั้นเองที่แม่พูดประโยคหนึ่งออกมา ประโยคนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเดือนขึ้นมาปุดๆ หัวใจเหมือนถูกใครสักคนบีบให้เละไปเสียบัดนั้น มือสองข้างกำแน่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ

    "แม่คิดอย่างนั้นจริงเหรอ"

    "ให้เวลาเธอหน่อยนะ การรักใครสักคนโดยให้เขารักเราตอบน่ะมันไม่ง่ายอย่างที่ลูกคิดหรอก"

    "แม่พูดเหมือนผมดูใหม่เกินไปสำหรับการรักใครสักคน"

    ตึง!

    ผมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะทำท่าผลักประตูออกจากบ้านไป

    ผ่าง! o_O

    "อ้าวโจเอล!"

    หากทว่าทันทีที่เปิดประตูออกมา ผมก็ดันเจอกับใครคนหนึ่ง คนที่ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ ทำไมจู่ๆ...หมอนี่ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของผมได้ เขาค่อยๆ ลดระดับมือที่กำลังจะเคาะประตูลงหลังจากเห็นผมเปิดประตูออกมาพอดี

    "มีอะไรเหรอโรเนล"

    ผมเรียกสติตัวเองและค่อยๆ สงบสติอารมณ์ให้แผ่วเบาลงอย่างช้าๆ รีบปิดประตูบ้านก่อนจะเดินกอดคอโรเนลออกมาจากตรงนั้น

    "เปล่า ฉันแค่แปลกใจว่านายหายไปไหน พอดีฉันมีเรื่องด่วนนิดหน่อย"

    "เรื่องด่วน? ไม่เห็นต้องมาหาฉันถึงที่บ้านเลยนี่นา"

    "ทำไมล่ะ ฉันแค่อยากจะมาทักทายแม่ของนาย..."

    "แม่หลับอยู่น่ะ"

    "อ้าวเหรอ..."

    "อาฮะ"

    "สงสัยฉันหูฝาด ฉันได้ยินเสียงนายคุยกับใครในบ้าน นึกว่าแม่นายซะอีก"

    ชิท! ไม่น่าโกหกมันเลย -_-

    "สงสัยจากบ้านอื่นรึเปล่า"

    "คงงั้น"

    โรเนลยักไหล่ ผมรีบลากมันออกมาจากหมู่บ้านโดยเร็ว เดาว่าหมอนี่คงจะรู้สึกแปลกใจในท่าที่ของผมไม่น้อย เพราะปกติผมจะให้เขาเข้าไปหาอะไรดื่มในบ้านก่อน เนื่องจากนี่ก็ยังไม่ถึงเวลาเข้างานด้วยซ้ำ จะอ้างว่าต้องรีบไปมันก็ไม่ใช่ แต่ช่างเถอะ จะให้โรเนลเข้าไปในกระท่อมตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเกิดเขาเห็นแคลตาขึ้นมาล่ะ ใช่ว่าหมอนี่จะจำแคลตาไม่ได้สักหน่อย เขาเคยเห็นหน้ายัยนั่นมาแล้วด้วยเหอะ

    "ว่าแต่เรื่องด่วนที่ว่าของนายคืออะไร"

    ผมแสร้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่องทันที

    "อ้อ พอดีฉันได้เบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับยัยหัวขโมยขี้เมา"

    "หืม?"

    "มีชาวบ้านของหายอีกแล้ว"

    "อันนี้ฉันพอได้ยินมาแว่วๆ"

    "นั่นแหละ"

    "ว่าแต่จะหายได้ไง ยัยนั่นไม่ได้หนีเข้าไปในป่าต้องห้ามไปแล้วหรอกเหรอ"

    ผมแกล้งทำเป็นไขสือ เงี่ยหูฟังโรเนลพูดต่อ

    "ใครจะรู้ล่ะ ทุกครั้งที่ยัยนั่นแอบลักลอบเข้ามาก็ไม่มีใครรู้สักหน่อย"

    "อาจจะเป็นคนในเมืองขโมยกันเองก็ได้"

    "หืม...นายคิดอย่างนั้นเหรอ"

    โรเนลหยุดเดินครู่หนึ่ง ผมหันไปมองก่อนจะแกล้งทำเป็นยักไหล่ล้อเลียน

    "ใช่ว่าในเมืองเราจะไม่มีคนไม่ดีสักหน่อย"

    "แต่ฉันมีแผน"

    "แผน?"

    "เราต้องกำจัดยัยหัวขโมยขี้เมาให้โดยเร็วที่สุด"

    เหอะ! แค่คิดก็บ้าแล้ว!

    "ส่งตัวเข้าพิธีสังเวยจำเลยน่ะเหรอ"

    "ใช่ ถ้าเรากำจัดยัยนั่นได้สำเร็จ เราก็จะไม่ต้องมาคอยพะวงหรือโยนความผิดให้ใครอีกต่อไปแล้ว นายก็รู้ว่าเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองยามเมื่อจับมือใครดมไม่ได้ เราก็ต้องโทษไปที่ยัยหัวขโมยขี้เมาอย่างเดียว ทีนี้ล่ะ...เมลเวย์ก็จะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมสักที"

    เหอะ อยากจะขำชะมัดยาด! TOT

    "ทางที่ดีจับตัวยัยนั่นให้ได้ก่อนเถอะ"

    "ไม่ยากหรอก ตอนนี้เรามีเบาะแสอะไรบางอย่าง"

    "เบาะแส?"

    "ใช่"

    "เบาะแสอะไร"

    บอกตามตรงว่าตอนนี้หัวใจผมเต้นตึกตัก ได้แต่หวังว่าพวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรที่สามารถสาวไปถึงความจริง...

    "นายจำไอ้เด็กที่มาแจ้งความที่สถานีเราเมื่อวันก่อนได้รึเปล่า"

    "ใครกัน"

    "พ่อค้าขายเครื่องประดับไง"

    "เอ๋..."

    "เจ้านี่ทำตัวน่าสงสัย"

    "สงสัย? น่าสงสัยยังไง"

    พวกเขาคงกำลังหมายถึงไอ้... 'เอลิอัส'

    "ก็หลังจากวันนั้นที่หมอนั่นช่วยเราเปิดโปงยัยหัวขโมยขี้เมาที่แอบปลอมตัวอยู่ในชุดโปลิเชียน คืนต่อมาเขาก็เป็นคนแจ้งความเราอีกรอบว่าพบเห็นยัยนั่นที่งานเทศกาลประจำปี..."

    "นายหมายความว่า..."

    "ฉันว่าไอ้เด็กพ่อค้านั่นน่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่เราเจอตัวเจ้าเด็กนั่นที่บ้านร้างนอกเมืองพร้อมกับม้าตัวเดียวที่ยัยหัวขี้เมาขโมยไป ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวไปหมด บางทีนี่อาจจะเป็นแผนการ เจ้าเด็กนั่นอาจจะเป็นคนช่วยเหลือ..."

    "ไม่มีทาง!"

    ผมนึกภาพตามจนถึงขั้นเผลอหลุดปากออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    "หืม? นายพูดว่าไงนะ"

    "อ๊ะ...อ๋อ! ปละ...เปล่าน่ะ ฉันหมายถึงนี่ไม่น่าจะเป็นไปได้"

    ใช่ พวกเขากำลังสังเกตไอ้พ่อค้านั่นอยู่อย่างนั้นเหรอ งั้นก็แสดงว่า...

    "แล้วล่าสุด..."

    "..."

    "เรารู้มาว่านายพ่อค้าอะไรนั่นแอบไปซื้อเหล้ามาร์ติน่าจากที่บาร์เมื่อคืนนี้ แถมยังซื้อใส่ถุงกลับ มีคนพิลึกที่ไหนที่ซื้อจากบาร์เพื่อเอากลับบ้านบ้าง ไปซื้อที่โรงงานไม่ถูกกว่าเหรอ หมอนั่นจะมาหัดดื่มอะไรเอาป่านนี้ แบบนี้มันทำตัวมีพิรุธชัดๆ"

    "นายกำลังจะบอกว่าหมอนั่นไม่ได้ซื้อเหล้าไปดื่มเองอย่างนั้นสินะ"

    "หมอนั่นไม่เคยรู้เรื่องเหล้ามาร์ติน่ามาก่อน เขาต้องแอบซื้อไปให้ยัยขโมยขี้เมาแน่ๆ"

    ผมได้แต่อึ้งในสิ่งที่โรเนลพูดออกมา ในใจรู้สึกกลัวว่าความจริงจะหลุด แต่เดี๋ยวก่อน...เหล้ามาร์ติน่าอย่างนั้นเหรอ เอลิอัสแอบไปซื้อมาให้แคลตาสินะ อ้อ นี่คือสาเหตุที่เขามาที่บ้านของผมเช้านี้ใช่มั้ย...

    'ขอบคุณนะสำหรับ...'

    จู่ๆ ภาพตอนที่แคลตาพูดประโยคนี้กับเอลิอัสเมื่อก่อนหน้านี้ก็เข้ามาในหัว

    และหากทว่าตอนนั้นเองที่ผมมีแผนการบางอย่างลอยเข้ามา แผนการที่ว่านี่ก็คือการที่ไอ้เอลิอัสอาจจะกำลังมีแผนการอยู่เหมือนกัน ใช่! หมอนั่นอาจจะต้องการทำให้ตัวเองดูมีพิรุธเพื่อให้พวกโปลิเชียนสาวถึงตัวแคลตาก็ได้

    เหอะ...กะแล้วเชียวว่าเรื่องต้องเป็นแบบนี้ หมอนั่นไม่ได้คิดจะอย่างช่วยแคลตาตั้งแต่ทีแรก แต่ที่เขาทำทั้งหมดก็เพียงเพราะต้องการให้เธอเข้ามาอยู่ในกับดักซึ่งก็คือบ้านของผมนั่นเอง

    เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่...ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง

    "ฉันว่าฉันจะลองไปสืบเรื่องนี้หน่อย"

    โรเนลเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะย่นคิ้วถาม

    "ยังไง"

    "นายไปรอฉันที่สำนักงานใหญ่ ระดมคนให้ได้มากที่สุด เราจะบุกไปที่บ้านของนายพ่อค้าคนนั้นกัน" โรเนล

    "หา? เอาอย่างนั้นเลยเหรอ" โจเอล

    "ยัยหัวขโมยขี้เมานั่นยังคงอยู่ที่เมืองนี้"

    "..."

    "และอาจจะเป็นในบ้านหลังนั้นของไอ้พ่อค้าคนนั้นด้วยก็เป็นได้"



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++

    สั่งลากันด้วยตอนนี้นะครับ อัพเป็นตอนสุดท้ายเนื่องจากหนังสือลงเว็บแล้ววว >O<
    จะประกาศผลเกมวันที่ 12 มีนาคมซึ่งเป็นวันแรกที่หนังสือออกนะครับ

    http://www.jamsai.com/product/2868

    ยังไงก็ฝากเซ็ทนี้ด้วยน้า ~
    ปล. จะทยอยลบเรื่องต้นเดือนนะ :-)

    ดรีม


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×