คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : :: Beautiful Blues - "You Know I'm Die Hard"
12
But You Know I'm Die Hard
ง่ำ~
"โอ้...อร่อยจังเลย! >.,<"
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ใจฉันไปเสียหมดทุกเรื่องจริงๆ เพราะทันทีที่เราขึ้นมาบนชิงช้าสวรรค์ เขาก็ยื่นพวกของกินที่เพิ่งซื้อมาให้ฉันกินหมดเลย ตอนนี้ฉันกับพิกซี่ใช้ฟันแทะหมูชุบแป้งทอดอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนโจเอลก็ได้แต่ใช้สายตามองมาที่เราสองคนอยู่อย่างนั้น
"กินให้อิ่มเลยนะ"
"ง่ำๆ หืม...ฉันกินหมดเลยได้เหรอ"
"ใช่ๆ กินเลย ฉันกินจนเบื่อแล้วล่ะ"
"นี่นายประชดรึเปล่า ฉันไม่ได้กำลังแย่งนายกินใช่มั้ย ง่ำๆๆ~"
"บ้า! ฉันจะประชดเธอทำไมเล่า แค่มองดูเธอกินฉันก็อิ่มแล้ว :)"
ประโยคนี้ทำเอาใบหน้าฉันเกิดรอยยิ้มบางๆ รู้สึกได้ว่ามีรอยสีแดงอ่อนๆ เจือขึ้นมาที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ
ฉันค่อยๆ กอดแขนตัวเองเมื่อชิงช้าเริ่มพาเราสูงขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศบนนี้หนาวกว่าข้างล่างนิดหน่อย แต่วิวทิวทัศน์นี่สวยงามดีจริงๆ เราสามารถมองเห็นเมลเวย์เกือบทั่วทั้งเมือง เห็นป่าต้องห้ามที่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้สีเขียวขจีแต่กลับมืดสนิทในเวลานี้ แสงจันทร์บนท้องฟ้าสาดแสงส่องลงมาต้องกับหลังคากระท่อมที่ตั้งกระจัดกระจายไปทั่วเมือง จะว่าไปสามปีที่ผ่านมา ที่นี่เปลี่ยนไปไม่น้อยเลย แหงล่ะ พวกเขาสร้างตึกใหม่ๆ ขึ้นมากมาย มีการพัฒนาเครื่องจักรต่างๆ อีกด้วย
"นายจำได้ไหม"
"อะไรเหรอ"
"บ้านหลังนั้น"
ฉันชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่แถวๆ ตลาด บ้านที่เขาเล่าลือว่าเคยมีคนตาย และมีคุณยายคนหนึ่งอาศัยอยู่ เรื่องเล่าจากบ้านหลังนั้นที่เล่าต่อๆ กันทำเอาเด็กๆ ทั้งหมู่บ้านกลัวไปหมด ไม่มีใครกล้าเดินผ่านหรอก เว้นก็แต่...ฉันนี่ล่ะ
"อ๋อ จำได้สิ กระท่อมคุณยาย"
"ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ที่นั่นแล้วเหรอ"
"ไม่มีแล้ว คุณยายเสียชีวิตได้สองปีแล้วล่ะ"
"อ้าว เธอไม่ได้ตายตั้งนาน...แล้วเรอะ"
ฉันกับโจเอลหัวเราะประสานกันเบาๆ ก่อนที่เขาจะเล่าต่อ
"มันก็แค่เรื่องเล่า จริงๆ คุณยายไม่ได้เป็นผีอย่างที่เล่าลือกันหรอก คนที่ตายในบ้านจริงๆ แล้วคือคุณตาต่างหาก หลังจากนั้นคุณยายแกก็เลยเพี้ยนๆ ไม่พูดไม่จา เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน พวกผู้ใหญ่ก็เลยกลัวว่าแกจะเป็นอันตรายต่อพวกเด็กๆ ก็เลยแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกไม่ให้พวกเด็กๆ เข้าไปยุ่มย่ามกับคุณยาย"
"ไร้สาระชะมัด"
"เป็นธรรมดาของคนในเมลเวย์รึเปล่า
"หืม...?"
"ฉันชักจะเริ่มชินกับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ"
ฉันยิ้มบางๆ ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
"รู้สึกโชคดีจังโจเอล"
"โชคดีอะไรเหรอ"
"โชคดีที่พ่อแม่ฉันไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่นๆ"
ภาพวันหนึ่งในอดีตลอยเข้ามา
"แต่เท่าที่จำได้ตอนนั้นเธอก็กลัวมากถึงขั้นรบเร้าให้ฉันไปเป็นเพื่อนไม่ใช่รึไง"
"ก็แหม...พวกคนอื่นๆ ก็กลัวคุณยายกันแทบทั้งเมืองนี่นา"
อันที่จริงความทรงจำระหว่างฉันกับคุณยายก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยเสียทีเดียวนะ อย่างน้อยนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันคิดถึงคุณยายขึ้นมาในวันนี้ ครั้งหนึ่งแม่สั่งให้ฉันเอาอาหารไปให้คุณยายที่กระท่อม อืม...อันที่จริงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่แม่เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบบนี้กับผู้อื่นเสมอ
'ก็หนูกลัวนี่นา'
'กลัวอะไรเล่า เลิกเชื่อเรื่องงี่เง่าที่คนอื่นๆ แต่งขึ้นเพื่อหลอกเด็กๆ สักที'
ฉันล่ะนับถือในความมีเมตตาของแม่จริงๆ พ่อแม่ฉันเป็นคนดีเกินกว่าที่จะมีจุดจบแบบนั้น
"แต่สุดท้ายคุณยายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันสักหน่อยไม่ใช่รึไง"
โจเอลพูดขึ้น มันทำให้ฉันคิดถึงรอยยิ้มที่คุณยายส่งให้ตอนที่ฉันยื่นกล่องมักกะโรนีที่แม่ทำแล้วฝากให้ฉันเอาไปให้ ภาพคุณยายแกะกล่องอาหารแล้วใช้ส้อมตักขึ้นกินอย่างหิวโหยนั้นเรียกน้ำตาให้รื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ เฮ้อ...การรู้จักให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนนี่มันดีอย่างนี้จริงๆ นะคะแม่...
"ทำไมเธอถึงตายเหรอโจเอล"
"..."
ตอนนั้นเองที่โจเอลเงียบไปขณะหนึ่ง เขานิ่วหน้าเหมือนไม่อยากตอบ แต่นั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้คำตอบในทันที
"เป็นฝีมือของพวกโปลิเชียนใช่มั้ย"
"ได้โปรด..."
"..."
"อย่าพูดให้ฉันรู้สึกผิดเลย"
"..."
"พวกเขาคิดว่าคุณยายเป็นบ้า และสร้างความหวาดผวาให้กับคนในเมือง หลายครั้งที่มีคนป่วย หลายครั้งที่พวกเขาโทษว่าเป็นคำสาปของคุณยาย บ้างก็เล่าลือว่าเธอเป็นแม่มด..."
"บ้าน่า นี่มัน...ไม่ยุติธรรมเลย!"
"ฮึก...."
"พวกเขาเลยส่งตัวคุณยายเข้าพิธีสังเวยจำเลยอย่างนั้นน่ะเหรอ"
"แคล"
คราวนี้โจเอลเสมองไปทางอื่นอย่างรู้สึกผิด ถึงแม้ว่าในใจฉันรู้ดีว่าเขาไม่เหมือนคนอื่น จึงมีสิ่งหนึ่งที่ฉันสงสัยมาโดยตลอดและอยากจะถามเขาเหลือเกิน
"ฉันขอถามอะไรนายอย่างหนึ่งสิโจ"
"..."
"ถ้านายไม่ได้อยากทำเรื่องพวกนี้ ถ้านายไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับการเป็นโปลิเชียนเลย แล้วทำไมนายถึง..."
"..."
"นายถึงอยากเป็นอย่างคนพวกนั้น"
โจเอลเงียบไปครู่หนึ่ง กลืนน้ำลายแล้วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
"เธอลืมไปแล้วเหรอ ฉันกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก"
อา ถ้าจำไม่ผิดเขาอยู่กับแม่แค่สองคนเท่านั้นนี่นะ
"พ่อฉันเป็นโปลิเชียนเก่า"
"..."
"แล้วรู้ไหม ก่อนตายเขาพูดว่าอะไร"
"..."
"เขาบอกว่า...ฮึก..."
"..."
"เขาอยากให้ฉันเป็นอย่างเขา"
"..."
"...เขาอยากให้ฉันเป็นคนเก่งกาจและเด็ดขาดอย่างพวกนั้น แต่ให้ตาย...มันฝืนใจตัวเองชะมัดเลย ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมาน ฉันรู้สึกตัวเองอ่อนแอเกินกว่าจะรับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไหว"
อืม...เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง
"แต่นายก็คงถอนตัวไม่ได้แล้วงั้นสินะ"
ใช่ การจะออกจากสถานภาพการเป็นโปลิเชียนได้มีอยู่สองเหตุผลเท่านั้น หนึ่งคือเกษียณ สองคือ...ตาย
"ฆ่าฉันสิแคล"
"ไม่ตลก"
"ตอนนั้นขนาดพ่อกับแม่เธอก็ไม่ค่อยชอบใจกับการตัดสินใจของฉันเท่าไหร่นี่"
"ตอนนี้พวกเขาคงเข้าใจแล้วล่ะ"
ฉันคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของผู้ชายตรงหน้า แล้วพอฉันทำท่าจะดึงมือกลับ เขาก็กลับฉุดมันไว้ไม่ยอมปล่อย
"อันิที่จริง...มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ..."
"เอ๋..."
"เธอเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่เสียดายกับการต้องมาอยู่ในสถานภาพนี้เลย อย่างน้อยถ้าถึงวันที่เธอถูกพวกนั้นจับจริงๆ ฉันจะเป็นคนหนึ่งที่จะช่วยเหลือเธอได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาก็ตาม"
คราวนี้เป็นฉันที่เงียบ จังหวะนั้นเองที่ชิงช้าหยุดอยู่กลางอากาศพอดี เสียงเพลงจากด้านล่างลอยแว่วขึ้นมาถึงด้านบน โจเอลมองตาและจับมือฉันค้างอยู่อย่างนั้น จู่ๆ หัวใจฉันก็เต้นตึกตักขึ้นมา ไม่สิ...มันเต้นอยู่นานแล้ว เพียงแค่ว่าตอนนี้มันค่อยๆ เร็วและดังขึ้นเท่านั้นเอง
"ทำไมนายถึงดีกับฉันจัง"
"ไม่รู้สิ"
"..."
"อาจเพราะเธอเป็นเหมือนน้องสาวฉัน เราโตมาด้วยกัน แถมพ่อแม่เธอก็ดีกับฉันมามากมาย ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลยสักนิดถ้าฉันจะช่วยเหลือเธอ"
"แต่นี่มันเสี่ยงถึงขั้นอาจจะทำให้นาย...ตาย"
"แต่หากนั่นเป็นการทำให้เธอรอด ฉันก็ยอม..."
โจเอลเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉันนิ่ง ใบหน้าที่ต้องกับแสงจากพระจันทร์ช่างดูสง่างามไม่น้อย ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นที่มองมาแทบเรียกสติฉันให้หลุดกระเจิง
"เมื่อถึงตอนนั้น เธอต้องสัญญากับฉันว่าเธอจะตัดขาดกับเหล้ามาร์ติน่า เธอจะไม่หวนกลับมาที่นี่อีก"
โจเอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"ไม่...ไม่มีทาง"
"..."
"ฉันให้นายตายไม่ได้เด็ดขาด"
"ฮ่ะๆ"
"ให้ตายเถอะบลูส์...ฉันนี่มันตัวปัญหาจริงๆ เลย"
ฉันนิ่วหน้ามองไปที่สองมือซึ่งกำลังประสานกันอยู่ของเรา โจเอลใช้มืออีกข้างเชยคางฉันขึ้นก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ"
"ฉันสัญญาว่าไม่มีทางที่พวกนั้นจะจับตัวฉันได้เด็ดขาด แล้วนายก็ไม่จำเป็นต้องแสดงตัวปกป้องฉันด้วย สามปีที่ผ่านมาฉันยังเอาตัวรอดมาได้เลย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวอีกแล้วนี่นา"
โจเอลยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เขาเสมองออกไปด้านนอกแล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้า
"มีอะไรเหรอ"
"ดูนั่นสิ"
"อะไร"
"คุณยายออกมาโบกมือให้เธอแน่ะ"
ขวับ!
ฉันหันไปมองที่กระท่อมคุณยายหลังนั้นและพบกับความว่างเปล่า กรี๊ด! หมอนี่หลอกฉันอย่างนั้นเหรอ
เพียะ!
"ไม่ต้องมาหลอก!"
"^_^"
ท่ามกลางลมหนาว ลมที่พัดมาก็เหมือนจะมาพร้อมเรื่องราวในอดีตมากมาย ตลอดที่นั่งอยู่บนชิงช้า เราพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องตอนเด็กๆ เป็นการย้อนวันวานไปเรื่อยเปื่อย โจเอลเล่าให้ฉันฟังว่ามีอะไรในเมลเวย์ที่เปลี่ยนไปบ้างโดยการใช้นิ้วชี้ไปตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง ฉันรู้สึกเพลิดเพลินกับการได้ฟังเขาเล่าไม่น้อย
...อยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานๆ ชะมัด...
ถ้าเขาเอ็นดูฉันเหมือนเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ ฉันก็เต็มใจที่จะให้เขาเป็นพี่ชายนะ...
อย่างน้อยการกลับมาเยือนเมลเวย์ครั้งนี้ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงตายและเกิดเรื่องราวมากมายที่ทำให้เกือบเอาตัวไม่รอด แต่มันก็คุ้มไม่น้อยที่ฉันได้ช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้กลับมาเหมือนกัน
ถ้านี่เป็นการกลับมาเมลเวย์ครั้งสุดท้ายจริงๆ ล่ะก็...
ฉันก็คงไม่มีอะไรให้ติดค้างหรือเสียใจอีกแล้ว
[Elius]
ฟิ้ววว...
อากาศวันนี้ค่อนข้างหนาวเหลือเกิน เทศกาลเฉลิมฉลองก่อนวันขึ้นปีใหม่วนเวียนมาอีกครั้ง พ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาดก็เลยยกแผงกันมาขายที่งานประจำปี เสียงเจื้อยแจ้วของร้านอื่นๆ ตะโกนเรียกลูกค้าแข่งกันขาย บอกตามตรงว่าผมรู้สึกรำคาญ ใช่! ตั้งแต่เปิดร้านขายพวกเครื่องประดับมา ต่อให้ไม่ต้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายผมก็ยังขายได้ เพียงแค่นั่งเฉยๆ ถ้าลูกค้าสนใจเดี๋ยวก็คงเข้ามาดูเองล่ะ
ผมเชื่ออย่างนั้นนะ -_-;
"อันนี้เท่าไหร่เหรอพ่อหนุ่ม"
"สร้อยเส้นนั้นเหรอครับ"
"ใช่"
"ขอผมดูหน่อย"
ผมรับสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งในงานแฮนด์เมดของแม่มาจากมือคุณป้าที่กำลังเป็นลูกค้าของผมตอนนี้มาดู
"เอ่อ...ป้ามีอะไรมาแลกล่ะครับ"
"ป้าทำรองเท้าน่ะ"
"อ่อ งั้น...คงไม่พอล่ะครับ"
"งั้นแหวนโลหะวงนี้ล่ะสนมั้ย"
"ขอผมดูหน่อย"
คุณป้ายื่นแหวนวงหนึ่งมาให้ ผมรับมันมาก่อนจะพินิจดู อา...ก็สวยดีแฮะ
"ตกลงครับ"
แล้วผมก็ยึดแหวนวงนั้นมาวางไว้ในมือ คุณป้าคลี่ยิ้มก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือเส้นนั้นไปอย่างปลื้มใจ ปกติถ้าได้พวกสร้อยหรือแหวนมาผมก็จะเอามาขายต่อทันที แต่แหวนวงนี้สลักเป็นตัวเกล็ดหิมะสวยเชียวล่ะ แม่ต้องชอบแน่ๆ ผมตัดสินใจเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมก่อนจะนั่งขายชิ้นอื่นต่อ และตอนนั้นเองที่จู่ๆ ผมก็คิดถึงเรื่องไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างรู้สึกผิด
อา...นี่ถ้าแม่รู้เรื่องที่สร้อยคอเส้นนั้นถูกขโมยไปแล้ว แม่ต้องฆ่าผมแน่ๆ
ขอให้พวกโปลิเชียนจับยัยหัวขโมยขี้เมาอะไรนั่นให้ได้ทีเถอะ...
ขวับ!
และตอนนั้นเองที่สายตาเจ้ากรรมของผมดันหันไปเห็นอะไรบางอย่าง คิ้วของผมย่นเขาหากันทันที
"เอ๋..."
ผมพยายามสอดสายตามองไปที่ชิงช้าสวรรค์ ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินลงมาท่าทางคุ้นๆ แฮะ ถ้าจำไม่ผิด ผู้ชายคนนั้น...เอ๊ะ นั่นมัน...นายโปลิเชียนที่เจอกันเมื่อวานนี่นา เขาเดินหยอกล้ออยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เดาว่านั่นอาจเป็นแฟนสาวของเขาสินะ ว่าแต่...ผมเห็นหน้าเธอไม่ชัดเลย เนื่องจากว่าเธอใช้ฮู้ดคลุมอยู่เหมือนผม ที่บ่ามีนกเค้าแมวสีเทาหม่นเกาะอยู่ ว้าว...นกเค้าแมวสีเทาหม่นนั่นช่างดูสวยงาม คราวนี้ผมจึงได้แต่นั่งหวังอยู่ตรงนี้ว่าเธอคงอยากได้สร้อยสักเส้นบนแผง แล้วเอาเจ้านกตัวนั้นมาแลกทีเถอะ >_<
พรึบ!
ทว่าจังหวะที่ผมกำลังหันหน้ากลับมาก็เกิดเหตุอะไรบางอย่างขึ้นเมื่อเจ้านกนั่นเผลอกระพือปีกแล้วปัดฮู้ดที่คลุมศีรษะเธออยู่จนมันเปิดออก
คราวนี้ล่ะ...ผมได้มีโอกาสเห็นหน้าของเธออย่างชัดเจน
"ฮ่ะๆๆ"
เธอกำลังหัวเราะลั่นหันไปต่อว่าสัตว์เลี้ยงของตนก่อนจะรีบเอาฮู้ดขึ้นปิดศีรษะดังเดิม
เอ๋...ท่าทางมีพิรุธนั่น... o_O
ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนขึ้นจากเก้าอี้ไม้อย่างไม่เชื่อสายตา
เธอ...กับชายหนุ่มโปลิเชียนคนนั้น...
อา O_O
ผมว่าผมพอจะเข้าใจอะไรแล้วล่ะ ความแปลกใจที่เคยมีว่าทำไมยัยหัวขโมยขี้เมาถึงยังรอดปลอดภัยมาถึงตอนนี้เริ่มเหือดหายไป นั่นเป็นเพราะเธอได้รับความช่วยเหลือจากไอ้โปลิเชียนคนนี้มาโดยตลอดสินะ
ให้ตาย...นี่มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ
ถ้าพวกโปลิเชียนรู้ว่าชายคนนั้นกำลังทรยศล่ะก็...อา ถึงเวลาสนุกแล้วสิ
[Kalta]
พอลงจากชิงช้าสวรรค์ โจเอลก็พาฉันมาที่ร้านขนมร้านหนึ่งก่อนจะผายมือให้ฉันเลือกของหวานที่วางเรียงอยู่ในตู้มากมาย
"เธอชอบของหวาน"
"นายจำได้ด้วยเหรอ >_<"
"แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะยังชอบมันอยู่รึเปล่า แต่บอกเอาไว้ก่อนว่า...ที่งานนี้ไม่มีเหล้ามาร์ติน่าขายหรอกนะ"
ประโยคหลังเขาก้มลงมากระซิบข้างหูฉัน ฉันหันไปเหล่สายตาใส่เจ้าตัวก่อนชี้ไปที่เค้กก้อนหนึ่งซึ่งท่าทางน่ากินเชียว อุ๊ย เค้กก้อนนี้ทำจากข้าวโพดด้วย >O<
"เอาอันนี้ชิ้นหนึ่งครับ"
แม่ค้าสาวผมแกละยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เธอพยักหน้าก่อนหยิบเค้กก้อนนั้นใส่ถาดกระดาษเล็กๆ แล้วยื่นให้ ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอส่งยิ้มให้โจเอลครู่หนึ่ง โจเอลรับมันมาก่อนจะส่งต่อให้ฉัน
"นี่ค่ะพี่โจ~"
"ขอบคุณมากนะแซนดี้"
"ยินดีค่ะ ^O^"
เอ๋...?
ทำไม...ทำไมเขาพาเดินออกมาเลยล่ะ...
"นายไม่เอาอะไรไปแลกเหรอ"
"ไม่จำเป็นน่ะ"
"หืม?"
"สิทธิพิเศษของโปลิเชียนก็อย่างนี้แหละ"
อ๊ะ จริงสิ...พวกโปลิเชียนไม่ต้องใช้เงินหรือสิ่งของแลกของนี่นา ตายล่ะ ฉันลืมไปได้ยังไงกันนะ
"แต่นายไม่ได้แต่งยูนิฟอร์มสักหน่อย เธอรู้ได้ไงว่านาย..."
"เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง ใครๆ ในเมืองนี้ส่วนใหญ่ก็รู้จักฉันกันทั้งนั้นแหละ"
จะเรียกตัวเองว่ายอดมนุษยสัมพันธ์ดีว่างั้นเถอะ -.,-
"ดีชะมัดเลย"
แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด ถึงแม้โปลิเชียนทุกคนจะมีสิทธิ์กินฟรีใช้ฟรีในเมลเวย์แล้วเนี่ย มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาทุกคนจะถูกปลูกฝังเอาไว้คือการรู้จักเกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ถือสาเรื่องนี้หรอกเพราะคิดว่าการเป็นโปลิเชียนมันไม่ง่าย พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิต คอยดูแลและคุ้มกันคนในเมืองจากภัยอันตรายเชียวนะ
ฉันเดินตามโจเอลมานั่งตรงเก้าอี้ไม้ยาวๆ พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย บริเวณนั้นมีม้าสีขาวตัวหนึ่งถูกผูกเชือกไว้ข้างต้นไม้ ฉันหันไปหยอกเล่นลูบหัวเจ้าม้าขาวตัวนั้นเล็กน้อย รู้สึกคิดถึง 'ไคออส' ม้าตัวสีน้ำตาลที่พ่อเคยเลี้ยงไว้ แต่มันแก่ตายไปเมื่อนานมากแล้วล่ะ ตอนนั้นฉันยังเด็กมากๆ ด้วย
“แว้ดๆๆ”
พิกซี่ใช้จะงอยปากจิกแขนฉันใหญ่
"ดูสิ มันหวงเธอใหญ่แล้ว ฮ่ะๆๆ"
"ชิ ไม่ยุ่งก็ได้"
ฉันหันหน้ากลับมาก่อนจะง้อมันด้วยการส่งเค้กที่เหลืออยู่ให้กิน และจุดที่ฉันนั่งอยู่นั่นเอง พอมองตรงไปข้างหน้าฉันก็เห็นว่ามีอะไรบางอย่างตั้งเด่นหราอยู่ *O*
"โจเอล!"
"หืม?"
"ฉันอยากเล่นม้าหมุนจังเลย"
"แต่เราโตกันแล้วนะ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย"
"งั้นเดี๋ยวฉันนั่งรอเธออยู่ตรงนี้"
"ไปเล่นด้วยกันสิ"
"ไม่เอาล่ะ"
"นะๆ ไปเล่นด้วยกันเถอะ"
ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะลากแขนโจเอลให้ยืนขึ้นตาม ช่างดูเป็นลูกสาวที่กำลังอยากลากพ่อตัวเองขึ้นเครื่องเล่นยังไงยังงั้น =_=
"โธ่ ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้"
"ขอร้องล่ะ นานๆ จะได้มีโอกาสแบบนี้ทีนะ"
"แคล"
"ไหนบอกว่าเดือนหนึ่งนายจะหยุดได้แค่สามวันไง นี่มันก็เทศกาลปีใหม่ด้วย น่านะ นานๆ จะมีโอกาสทั้งที ไปเล่นกันเถอะ >_<"
ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมไปเล่นกับฉันเลยแฮะ
"เธอเอาผงกาแฟนี่ไป น่าจะใช้แลกเป็นค่าขึ้นได้"
ฉันยืนหน้าบึ้งมองถุงผงกาแฟที่โจเอลยื่นมาให้
พรึบ!
"นายจำไว้เลยยย"
พูดเสร็จฉันก็ฉกถุงกาแฟหันหลังเดินหนีไปที่ม้าหมุนทันที ดวงไฟที่ใช้ตกแต่งแขวนห้อยระโยงช่างดูสวยงาม บนนั้นมีแต่เด็กๆ ที่ทยอยขึ้นไปเล่นม้าหมุน ฉันยื่นถุงผงกาแฟให้ผู้หญิงอ้วนๆ ที่ยืนเฝ้าตรงประตูอยู่ เธอมองมันอย่างพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะให้ฉันขึ้นไปนั่งม้าหมุนเล่นอย่างขอไปที ฉันเลือกตัวที่เป็นรูปปั้นม้าซึ่งถูกออกแบบเสมือนจริงและกำลังโยกขึ้นลงอยู่บนนั้น ตอนนั้นเองที่...
หมับ!
แขนฉันถูกใครสักคนคว้าจากด้านหลัง ฉันรีบหันขวับไปมอง
"อ้าว...ไหนบอกจะไม่ขึ้นมาไง -_-"
ฉันมองโจเอลที่ยืนยิ้มอยู่ เขาลากแขนฉันให้ไปขี่รูปปั้นม้าตัวหนึ่งซึ่งใหญ่พอที่จะนั่งได้สองคน น่าจะทำขึ้นสำหรับผู้ใหญ่และเด็กนะ ทว่าทันทีที่ฉันขึ้นคร่อมตัวนั้นก็เป็นอันต้องตัวเกร็งทื่อไปเลยเมื่อจู่ๆ โจเอลก็ขึ้นมานั่งซ้อนด้านหลัง O_O
ตอนนี้ฉันเลยเหมือนอยู่ในอ้อมอกเขาก็ไม่ปาน จึงได้แต่นั่งวางมือนิ่งเมื่อโจเอลใช้แขนสองข้างจับหูม้าโอบตัวฉันไว้ อากาศหนาวๆ ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
โจ...ทำไมนายถึงได้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นอย่างนี้นะ...
ด้วยความที่เขาเป็นคนอกผายไหล่ผึ่งราวกับถูกฝึกมาอย่างดี จึงทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยไม่น้อยเวลาอยู่ใกล้ บางทีก่อนหน้านี้เขาอาจจะพูดถูก
ฉันไม่ใช่เด็กๆ อย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
"เดี๋ยวเธอก็งอนฉันอีก"
"เอ๊ะ..."
"ก็แหม เธอเป็นเด็กที่เอาใจยากจะตาย ง้อเธอให้หายยากเสียยิ่งกว่ารอแสงแดดในเเมลเวย์เสียอีก"
"เลิกรำลึกวัยเด็กสักที ฉันเริ่มเบื่อแล้วนะ"
"งั้นจะให้ฉันพูดเรื่องอะไรต่อดีล่ะ"
ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าอยากฟังเรื่องอะไร อ้อ! เรื่องนี้ไง~
"ฉันอยากรู้เรื่องโปลิเชียน"
"หืม?"
"ได้ข่าวว่ากว่าจะเป็นอย่างพวกนายได้นี่...ไม่ง่ายเลยสินะ"
ใช่ๆ ฉันได้ยินมาว่าการจะเป็นโปลิเชียนได้เนี่ยไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและไม่ได้เป็นกันง่ายๆ มันไม่ใช่อาชีพที่ดูน่าจะสบายเลยสักนิด!
"ก็ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ หลังจากนั้นก็ต้องถูกส่งตัวไปฝึก"
"งั้นนายก็คงจะมีความสามารถน่าดู"
"ดูจากหุ่นฉันแล้วเธอคิดว่าไงล่ะ"
ใบหน้าฉันค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ =_= การมาเยือนเมลเวย์ครั้งนี้ทำเอาฉันเห็นภาพอะไรต่อมิอะไรอุจาดสายตาตั้งมากมาย ตั้งแต่ไนกี้ ลีเวียร์ นี่ก็คงเหลือแต่โจเอลสินะที่ฉันยังไม่เห็นร่างกายที่ปราศจากเสื้อผ้าของเขา
อู้ย~!
...นี่ฉันคิดอะไรอยู่ในหัวเนี่ย =O=
"เอ่อ..."
ฉันถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก ให้ตายเถอะแคลตา เรื่องพวกนี้มันมาอยู่ในหัวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะว่าไปแล้ว...ฉันว่าหุ่นของโจเอลน่าจะฟิตกว่าสองคนนั้นนะ ในเมื่อเขาเป็นโปลิเชียน ซึ่งพวกโปลิเชียนส่วนใหญ่ก็น่าจะหุ่นประมาณ...เฮ้ย! เลิกคิดเรื่องพวกนี้เดี๋ยวนี้เลยแคล! >///<
"ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีวินาทีแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันอีกครั้ง"
โจเอลพูดขึ้น ฉันแต่ยิ้มและคิดเอาในใจว่า...
...ฉันก็ด้วยเหมือนกัน... :)
"ฉันไม่อยากให้เธอไปไหนจากฉันอีกแม้แต่เสี้ยววินาทีเลยแคล"
นั่นสินะ...ในเมื่อฉันรู้สึกปลอดภัยยามที่อยู่ใกล้เขาแบบนี้ จะให้ฉันหนีเขาไปไหนได้อีก
"ความรู้สึกทุกอย่างมันเหมือนถูกเติมเต็มหลังจากขาดหายไปนานร่วมสามปี"
และตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
"ฉันว่า...ฉันคงขาดเธอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"
โจเอลค่อยๆ วางคางลงบนไหล่ฉันอย่างนุ่มนวล เขาดึงฮู้ดที่คลุมหัวฉันอยู่ออกอย่างช้าๆ ผมฉันที่มัดรวบไว้ค่อยๆ กระจายหลุดออก เขาใช้มือข้างหนึ่งลูบที่ต้นแขนของฉันอย่างแผ่วเบา ใช้ริมฝีปากพรมจูบต้นคอ...
นะ...นี่มันอะไรกัน...
ทำไม...ทำไม...เขาถึง...
"อย่าจากฉันไปไหนอีกนะ"
บลูส์...ฉันนี่โง่ชะมัดเลย
อันที่จริงมีบางจังหวะที่ฉันแอบคิดไปถึงขั้นนั้นเหมือนกัน แต่ก็ไม่นึกว่าโจเอลจะคิดกับฉันได้มากขนาดนี้ สิ่งที่โจเอลทำกับฉันไม่ใช่ความรู้สึกอย่างที่พี่ชายคนหนึ่งอยากปกป้องน้องสาวแค่นั้นอย่างนั้นหรอกเหรอ แต่เพราะเขากำลัง...รักฉัน...ใคร่ฉัน...
...อย่างคู่รัก...
"โจ"
อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยตอนที่ฉันเรียกชื่อเขา แหงล่ะ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่อยู่ในใจฉันมันเริ่มค้านขึ้นมาอย่างเดียวหรอก แต่เพราะตอนนี้เราอยู่ท่ามกลางสายตาของเด็กๆ คนอื่นด้วย
"ฉันว่ามันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่"
ฉันว่าพลางรีบเอาฮู้ดขึ้นมาปิดหัวดังเดิม โจเอลค่อยๆ ดึงหน้ากลับไปตั้งตรง
"งั้นเราไปที่อื่นกันดีมั้ย"
หืม?...บอกทีว่าหูฉันไม่ได้ฝาด หมอนี่ต้องการอะไรอย่างนั้นเหรอ
"ฉันหมายถึง...ระหว่างฉันกับนายมันคงยังไม่เหมาะ"
คราวนี้เราทั้งคู่ต่างเงียบกันไป บรรยากาศระหว่างเราเริ่มมาคุ
"เธอหมายความว่าฉันกับเธอไม่เหมาะสมกันเหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"
เอ่อ...จะพูดยังไงดีล่ะ -.,-
"ฉันว่า...มันยังไม่ถึงเวลา"
"แต่ฉันรอเธอ รอเวลานี้มานานมากพอแล้วนะแคล"
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพูดสิ่งที่วิ่งวนอยู่ในหัวใจมาสักพักใหญ่แล้ว
"ฉันนึกว่านายจะรักฉันเหมือนพี่ชายรักน้องสาวคนหนึ่ง"
คราวนี้เป็นโจเอลที่นิ่งเงียบไปเลย ฉันได้แต่มองไปข้างหน้าอย่างตาลอย จู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ บอกตามตรงว่าฉันพูดอะไรไม่ออก คอเหมือนจะแห้งเหือดไป อาจจะเป็นเพราะอากาศหนาวหรืออะไรก็แล้วแต่
ฉันควรพูดหรือทำอะไรสักอย่างใช่มั้ย
"นี่เธอคงไม่เข้าใจมาตั้งแต่แรก"
"..."
"เธอไม่เข้าใจว่าฉันรู้สึกกับเธอยังไง ทุกสิ่งที่ฉันพูด ทุกสิ่งที่ฉันทำ เธอคิดว่าฉันทำเพราะเธอคิดว่าฉันเป็นเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่ง...แค่นั้นเหรอ"
"แต่แค่นั้นมันก็น่าจะมากพอสำหรับคนคนหนึ่งแล้วไม่ใช่รึไง"
ฉันปัดแขนโจเอลออกก่อนจะปล่อยตัวลงมาจากม้าแล้วเดินหนี เขากระโดดเดินตามลงมา ฉันจึงรีบใช้จังหวะนั้นปาดน้ำตาก่อนจะรีบวิ่งลงจากเครื่องเล่นเพื่อตรงดิ่งไปหาพิกซี่ที่กำลังใช้จะงอยปากแทะเค้กอยู่ หากแต่วินาทีนั้นเองที่...
ปัง!
เสียงปืนที่ดังขึ้นทำเอาฉันรีบก้มตัวลงกับพื้นด้วยความตกใจ ฉันเงยหน้าขึ้นไปทางต้นเสียงก่อนจะพบว่าตรงทางเดินมีฝูงคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินแห่กันมาเป็นพรวน พวกพ่อค้าแม่ค้าที่ส่งเสียงขายของเป็นอันต้องเงียบสนิท เมื่อพบว่าพวกเขาคือพวก...
ปะ...ปะ...โปลิเชียน O_O
"ทุกคน! หยุดการเคลื่อนไหว! เราได้รับแจ้งว่ายัยหัวขโมยขี้เมาอยู่ที่นี่!!!"
ฉันเบิ่งตากว้างสะดุ้งเฮือก รีบหันหน้าไปมองโจเอลที่หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าบันไดทางลงจากม้าหมุน ฉันมองไปที่เขาราวกับคนที่ทำอะไรต่อไปไม่ถูก ในหัวบัดนี้ว่างเปล่า เมื่อพบว่าที่ที่ฉันนั่งอยู่ตรงนี้เป็นกลางทางเดินตรงหน้าของพวกโปลิเชียนพอดี โธ่โว้ย! มาได้จังหวะดีชะมัด แล้วนี่ฉันจะเอายังไงต่อดี ขยับตัวไปไหนก็ไม่ได้ด้วย ฉันค่อยๆ หันหน้าไปหาโจเอลที่ยืนอยู่บริเวณเครื่องเล่นเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
"แกทำอาชีพอะไร!"
"ทะ...ทะ...ทำเหมืองครับ!"
"แกล่ะ!?"
"ขะ...ขะ...ขายอาหารค่า! TOT"
พวกโปลิเชียนกำลังไล่ถามอาชีพของผู้คนที่อยู่ตรงทางเดิน ให้ตาย เดี๋ยวนี้เขามีบัตรแสดงตนแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...นั่นมันเขา...โปลิเชียนที่ชื่อโรเนลนี่นา!
และดูเหมือนว่านี่จะเป็นวินาทีชีวิตของฉันอีกครั้งสินะ
แท่ด...แท่ด...แท่ด...
ฉันใช้จังหวะนั้นค่อยๆ ลุกจากพื้นแล้วกระโดดย่องหลบตัวไปยังต้นไม้ที่มีม้าสีขาวผูกอยู่
พรึบ! O_O
"เธออยู่นั่นครับ!!!"
"พิกซี่ ช่วยหน่อย! เร็วเข้า!"
พวกนั้นรู้แล้วว่าฉันอยู่ตรงนี้! อาจจะเพราะโปลิเชียนสักคนในนั้นที่สายตาดีไปหน่อย! พิกซี่รีบกระโดดมาช่วยฉันแกะเชือกม้าที่ผูกเอาไว้ออก และก่อนที่พวกโปลิเชียนจะวิ่งกรูกันเข้ามาล้อม ฉันก็รีบกระโดดขึ้นม้าสีขาวตัวนั้นอย่างชำนาญ (...?)
"ฮี้~~~!!!"
ร่างฉันแทบหงายหลัง พิกซี่กระพือปีกบินขึ้นมาที่หน้าตักฉันอย่างรวดเร็วหลังจากที่มันใช้ความสามารถในการแกะเชือกด้วยจะงอยปากเสร็จเรียบร้อย
"เกาะให้แน่นนะ!"
พอม้าสีขาวตัวนั้นเป็นอิสระ ฉันก็คว้าเชือกดึงขึ้นก่อนจะใช้เท้าเตะข้างลำตัวมันเป็นสัญญาณให้พุ่งตัวไปข้างหน้าตามที่ฉันเคยเห็นพ่อทำ ฉันเกือบตั้งหลักไม่ถูกแน่ะ การควบคุมม้ามันยากกว่าที่คิดอีกแฮะ!!!
"ฮี้!!!"
"เหวอออ O_O"
พวกโปลิเชียนกรูเข้ามาอย่างไม่นึกไม่ฝัน พวกเขาพากันหงายหลังล้มตึงกันไปเป็นพรวน เจ้าม้าสีขาวที่ฉันขี่อยู่ยกขาหน้าขึ้นเหมือนกำลังข่มคู่ต่อสู้ตรงหน้าก็ไม่ปาน เท่าที่รู้คือตัวมันเองก็คงไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ ดูจากสีหน้าพวกโปลิเชียนแต่ละคนตอนนี้แล้วเริ่มพากันเดือดปุดๆ!
"โอ๊ยยย ตกใจเป็นบ้าาา!"
และตอนนั้นเองที่...
"ตายซะเถอะ ไอ้..."
ฉันเห็นหัวหน้าโปลิเชียนคนหนึ่งที่ถือปืนอยู่ในมือทำท่าจะลุกขึ้นและลั่นไก
"ไป!!!"
ฉันตะโกนลั่นก่อนจะชักเชือกให้ม้าออกแรงวิ่งหนี
ปัง!!!
เสียงปืนดังขึ้นทำเอาหัวใจฉันแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ฉันหันไปมองโจเอลที่ยังคงยืนนิ่งมองมาจากที่เดิม เขาพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่ารีบหนีไป ฉันจึงพยักหน้าตอบเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องเป็นห่วงก่อนจะรีบขี่เจ้าม้าขาวนั่นออกจากงานเทศกาลทันที พวกชาวบ้านคนอื่นๆ รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงร้องแตกตื่นกันให้จ้าละหวั่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทางสักคน ในทางกลับกันพวกเขาพากันหลบทางให้ เนื่องจากเจ้าม้าสีขาวตัวนี้ออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันกำลังจะพาฉันไป...เอ่อ...ที่ไหนน่ะ!? =_=
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!"
ปัง!
"กรี๊ดดด!!!"
ปังๆ!
"กรี๊ดดด!!"
พวกชาวบ้านที่ได้ยินเสียงปืนพากันอุดหูกรีดร้องด้วยความตกใจ ฉันหันหน้าไปหาพวกโปลิเชียนที่ลั่นปืนขึ้นฟ้ามั่วซั่วไปหมด แหงล่ะ ถ้าลั่นมาทางฉันให้ตายยังไงก็ไม่ถูก เผลอๆ พวกชาวบ้านอาจจะโดนลูกหลงได้
เหยยย นี่มันอันตรายชัดๆ!!!
"เธอมัน...ตายยากของแท้จริงๆ เลย!!!"
ชะอุ๊ย! ดูเหมือนฉันจะได้ฉายาใหม่จากพวกเขาแล้ว พวกชาวบ้านที่ยืนกันอยู่แถวนั้นมองมาที่ฉันกันใหญ่
"นี่...ฝากบอกพวกเขาด้วยว่าฉันชอบฉายาใหม่มากเลย"
เป็นความบ้าของฉันแท้ๆ ที่ยังมีหน้าตะโกนคุยกับพวกชาวบ้านน่ะนะ -O-!
"เลิกเรียกฉันว่ายัยหัวขโมยขี้เมาสักที!!!"
"..."
"Please Call Me...Die Hard!!! Wooo!!!"
ความคิดเห็น