ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Beautiful Blues ll ปัจฉิมบทรักร้ายลัทธิลวง

    ลำดับตอนที่ #2 : :: Beautiful Blues - "I Knew I were a Troble"

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 57





    11

    I Knew I Were a Trouble

     

    สิบสองวันก่อนหน้านี้

    บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้จุดหมายเหลือเกิน

    แท่ด...แท่ด...แท่ด...

    ฉันกำลังเดินอยู่บนถนนในซอยแคบๆ ลมหนาวที่พัดมาทำฉันตัวสั่นเป็นระยะ มือสองข้างกอดตัวเองแน่น ค่อยๆ กระชับเสื้อฮู้ดและกางเกงขายาวของลีเวียร์ที่ฉันแอบขโมยหนีออกมาตอนเขากำลังหลับ

    "เอายังไงต่อดีพิกซี่"

    "แว้กกก~"

    "ดูเหมือนว่าเรายังมีเรื่องต้องสะสาง...แต่จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ"

    ฉันว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่ลิบทางใจกลางเมืองแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองข้อความ 'I'm Still Alive' ข้างตัวของพิกซี่...

    "...หรือไม่ก็...ขอให้ฉันได้เจอกับโจเอลอีกสักครั้ง ฉันมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกเขา"

    "..."

    "ฉันหมายถึงอยากจะขอบคุณเขาน่ะ... =_="

    "..."

    "แต่ยังไงก็แล้วแต่ จุดนี้ขอเพิ่มพลังด้วยเหล้ามาร์ติน่าสักหน่อยก็แล้วกัน"

    ฉันพูดตัดบทกับตัวเองก่อนจะก้าวเท้าออกเดินต่อ จะว่าไปแล้วน่าแปลกตรงที่ฉันพยายามหาเหล้ามาร์ติน่าในกระท่อมของลีเวียร์ แต่มันกลับไม่มีให้ขโมยเลยสักขวด ตอนนี้ในย่ามที่ฉันหยิบติดมาจึงมีแต่พวกผลไม้และอาหารกระป๋องบางอย่าง ฉันมองซ้ายมองขวา ได้ยินมาว่ามีโรงงานกลั่นเหล้าอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมือง บางทีมันอาจจะใกล้กับทางออกไปป่าต้องห้ามในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินสักทาง แต่จะหากี่ครั้งก็ไม่ยักจะเคยเจอแฮะ

    โอ๊ย...มันอยู่ที่ไหนกันนะไอ้โรงงานนั่นน่ะ

    หรือว่า...ฉันควรไปที่บาร์!?

    ไม่! ไม่ควรเด็ดขาด นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วด้วย อีกอย่างนะ ป่านนี้ลีเวียร์คงตื่นแล้ว ได้เวลาที่เขาจะเข้าบาร์ไปทำงานแล้ว ให้ตาย! ฉันจะเอายังไงต่อดีนะ

    พรึบ!

    ฉันจับฮู้ดให้คุลมใบหน้าลงมาอีกก่อนจะเดินตัดถนนไปเรื่อยๆ ชะอุ๊ย ว่าแต่นี่ฉันมาโผล่ที่งานอะไรเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดที่ตรงนี้เคยเป็นลานสวนสาธารณะกว้าง หากบัดนี้กลับถูกตกแต่งด้วยแสงไฟห้อยระโยงตระการตา พวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทยอยกันขนของมาตั้งซุ้มขายตามเต็นท์ เครื่องเล่นเก่าๆ ถูกเปิดให้เล่นอีกครั้ง ว้าว...ฉันอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์จัง อุ๊ย! แล้วก็...ม้าหมุนด้วย >_<

    "นี่มันงานอะไรน่ะ..."

    ฉันพึมพำเบาๆ กับพิกซี่ ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเสียงดนตรีของเพลงเก่าที่ถูกเปิดจากที่ไหนสักแห่งเข้าไปในงาน ผู้คนในเมืองเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ ฉันพยายามทำตัวให้ดูกลมกลืนไปกับฝูงชน สังเกตสีหน้าของผู้คนต่างกำลังดูมีความสุขไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการได้มากับครอบครัว เพื่อนสนิท มิตรสหาย หรือจะเป็น...คู่รัก

    คู่รัก...?

    อืม...คู่รักอย่างนั้นเหรอ

    ปลายสายตาของฉันตอนนี้คือผู้ชายที่กำลังโอบหญิงสาวถือปืนยิงลูกบอลหนังเพื่อให้ได้ตุ๊กตาขนสัตว์น่ารักเชียวล่ะ ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ พวกเขาดูมีความสุขกันมากเลยทีเดียว หากแต่ดูเหมือนว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังสนใจสัตว์เลี้ยงที่เกาะบนบ่าฉันอยู่ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ใครๆ ก็มีสัตว์เลี้ยง ฉันไม่ได้เป็นคนเดียวในเมลเวย์ที่เลี้ยงนกเค้าแมวสักหน่อยนี่

    เพียงแต่ว่าการเลี้ยงสัตว์ของที่นี่ต้องรักษาไว้ให้ดี เนื่องจากเราไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ฉะนั้นอาจจะถูกใครขโมยไปทำเป็นอาหารเมื่อไหร่ก็ได้ ฮ่ะๆ ตลกดีแฮะ

    "ไปตรงนู้นกันเถอะ"

    คราวนี้ฉันตัดสินใจเดินผ่านเต็นท์ร้านขายอาหารนานาชนิดไปเรื่อยๆ เหลือบมองดูในย่ามว่ามีอะไรที่สามารถเอาไปแลกของที่ดีกว่าได้บ้าง อ้อ ฉันบอกไปแล้วหรือยังนะว่าในเมลเวย์เรามีกฎหมายว่าบุตรแห่งบลูส์ทุกคนจะต้องมีงานทำ จะอยู่เฉยลอยหน้าไปมาไม่ได้เป็นอันขาด (เป็นพวกโปลิเชียนที่เอากฎหมายเข้าจับอีกนั่นแหละ -.,-) ผู้ใดไม่มีงานถือว่าผิดกฎหมาย ถือว่าเป็นภาระให้คนในเมือง บทลงโทษอาจจะทารุณถึงขั้นถูกส่งตัวเข้าพิธีสังเวยจำเลย

    แต่เท่าที่รู้ก็ไม่มีใครเคยโดนทำโทษเพราะฝ่าฝืนกฎหมายนี้หรอกนะ

    หรืออาจจะมีในสามปีให้หลังตอนที่ฉันไม่อยู่ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน -_-

    แน่ล่ะ มีอาชีพอิสระเยอะแยะจะตายไป อย่างไนกี้เป็นช่างตัดผ้า เชนก็ด้วย ลีเวียร์เป็นบาร์เทนเดอร์ พวกโปลิเชียนไม่ค่อยสนใจหรอกว่าใครจะทำงานอะไร นานๆ ทีเขาถึงจะออกตรวจถามและสำรวจประชากรในเมือง

    ซึ่งตอนนี้ก็นับว่าฉันจัดอยู่ในภาวะเสี่ยงมาก

    แหงล่ะ...ฉันไม่มีงานนี่นา

    "เข้ามาดูก่อนได้จ้ะ ไก่ย่าง หมูย่าง ตับและม้ามย่างก็มีนะ เชิญเข้ามาเลือกสรรได้เลย!"

    ฉันกลืนน้ำลายดังอึกทันทีที่เห็นแผงอาหารตั้งตระหง่านอยู่ในร้านตรงหน้า แม่ค้าวัยกลางคนที่กำลังส่งเสียงเรียกลูกค้าหันมองมาที่ฉันเป็นระยะๆ หล่อนคงรู้สึกได้ว่าฉันกำลังอยากกินอาหารจากร้านหล่อนแค่ไหน ฮือๆ แต่ฉันจะเอาอะไรไปแลกดีล่ะ

    แกร๊กๆ

    ทนไม่ไหวละ ฉันตัดสินใจก้มหน้าลงหาของในย่ามและพบกับซอสกระป๋องขวดหนึ่ง รสชาติของมันก็ไม่ได้อร่อยมากนักหรอก ว่าแล้วก็รีบหยิบออกมา ฉันทำท่าจะเดินเข้าไปเลือกอาหารหน้าร้านด้วยความหิว แต่ทว่าตอนนั้นเองที่...

    กึก!

    "เอ่อ...เอาอันนี้ไม้หนึ่ง แล้วก็นี่อีกสองไม้ครับ"

    อ๊ะ O_O

    ฝีเท้าฉันเป็นอันต้องชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่ามีใครสักคนเดินตัดหน้าฉันเข้าไปซื้อ ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับผ้าคลุมสีน้ำเงิน กางเกงผ้ายีนสังเคราะห์ขายาว ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ชี้ตั้งเปิดหน้าขึ้น กลิ่นจากเรือนร่างของเขาที่พัดมาพร้อมกับสายลมเบาๆ ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

    บลูส์...ทำไมมันถึงบังเอิญขนาดนี้ล่ะนี่...

    อา...ใครว่าเรื่องบังเอิญ เรื่องมหัศจรรย์ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันกัน...ฉันคนหนึ่งนี่ล่ะที่ขอเถียง =_= เพราะตอนนี้ฉันได้แต่มองแผ่นหลังของเขาก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อย เอาให้แน่ใจแล้วว่านั่นเป็นเขาจริงๆ...

    หมับ!

    ฉันตัดสินใจคว้ามือเขาจากด้านหลัง โจเอลสะดุ้งตกใจไปเลย ฉันเองก็เช่นกัน ราวกับมีไฟฟ้าสถิตระหว่างมือเย็นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ระหว่างเราสองยังไงยังงั้น

    "โจ..."

    เขาหันหน้ามาด้วยความตกใจ ฉันค่อยๆ เลิกฮู้ดขึ้นเล็กน้อยเพื่อเผยใบหน้าตัวเองให้เขาเห็น นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นค่อยๆ โตขึ้นเป็นไข่ห่านขณะมองมา เขาดูพูดไม่ออกราวกับไม่เชื่อสายตาว่าฉันจะยืนอยู่ตรงหน้าเขาตรงนี้

    "คะ...คะ...แคล"

    "เดี๋ยว!"

    ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นแตะไปที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเขา

    "ได้โปรดพาฉันไปที่ปลอดคนหน่อย"

    "อะ...อะ...อืม =_="

    หลังพยักหน้ารับปากเสร็จ โจเอลก็ลากแขนฉันเดินไปที่มุมเงียบๆ มุมหนึ่ง ข้างๆ เป็นกำแพงและมีตู้โทรศัพท์สาธารณะสีแดงเก่าๆ มันผุผังและคาดว่าน่าจะใช้ไม่ได้มานานแล้ว คงถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเลยล่ะมั้ง

    จะว่าไปก็มีอะไรแปลกตาแต่กลับใช้การไม่ได้ให้เห็นในเมืองนี่เยอะแยะจะตายไป เท่าที่ฉันรู้คือโลกใบนี้ถูกสร้างมาหลายหมื่นปีแล้ว เพียงแต่ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สามทำให้เกิดการแตกตัว เมลเวย์ถือกำเนิดขึ้นโดยลัทธิกลุ่มตาสีฟ้ากลุ่มหนึ่งที่ต้องการตั้งตนและตัดขาดจากโลกภายนอก

    เราถึงต้องมาติดแหง็กอยู่ในกรอบกฎหมายบ้าบอแบบนี้ไง -_-;

    "เธอหายตัวไปไหนมา ฉันตามหาตัวเธอให้วุ่น"

    "มีคนช่วยเหลือฉันไว้"

    "หืม...ใครน่ะ!?"

    "เอ่อ..."

    "แล้วพวกเขารู้รึเปล่าว่าเธอคือ..."

    โจเอลเว้นจังหวะพูดไปครู่หนึ่ง เขาคงไม่อยากพูดฉายาฉันออกมาเท่าไหร่ เกิดใครมาได้ยินเข้าคงจะซวยไปใหญ่ ไม่ใช่แค่ตัวฉัน แต่เป็นเขาด้วย

    "รู้"

    "เธอหมายความว่าไง"

    "พวกเขาเป็นคนดีมากน่ะ"

    บอกตามตรงว่าฉันเริ่มสับสนว่าจะบอกโจเอลเรื่องนี้ดีหรือไม่ อย่าลืมสิ เขาเป็นโปลิเชียนนี่นา การช่วยเหลือฉันมันผิดกฎหมาย แค่ลำพังตัวเขาเองที่ช่วยฉันไว้ก็นับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงพอสมควรแล้ว แต่เพราะเขาเป็นพวกนั้นก็น่าจะเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แต่ลีเวียร์ เชไนล์ แล้วก็ไนกี้นี่สิ สามคนนี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป ฉันไม่อยากให้พวกเขาเข้ามามีส่วนในเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอกนะ

    "ใครงั้นเหรอ"

    "แค่พวกชาวบ้านธรรมดาน่ะ"

    "..."

    "อันที่จริงพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวเรื่องนี้หรอก"

    ทันทีที่ฉันหลบสายตาโจเอล ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ทันเช่นเคยว่าในหัวฉันกำลังคิดอะไรอยู่

    "เธอคงไม่ไว้ใจฉันสินะ"

    แล้วก็เป็นคนตรงหน้าที่ค่อยๆ นิ่วหน้าลงซะอย่างนั้น

    "เฮ้ เปล่าสักหน่อย"

    "อย่าลืมสิว่าฉันเองก็อยู่ข้างเธอนะแคล"

    "แต่สถานภาพที่แท้จริงนายคือ..."

    "อา นั่นสิ...เธอจะไว้ใจฉันได้ยังไง"

    "นี่ โจเอล...ฟังนะ..."

    ฉันค่อยๆ ยื่นมือไปเชยคางคนตรงหน้า ร่องรอยของหนวดเคราที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่มีทำเอาฉันแอบขนลุกไม่น้อย แปลกๆ ดีจัง

    "ฉันแค่ไม่อยากให้พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายเป็นโปลิเชียน นายเอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว แต่พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา"

    "ช่างเถอะแคล"

    วินาทีนั้นเองที่ฉันได้แต่ยืนนิ่ง

    หมับ...

    โจเอลคว้าร่างฉันเข้าไปกอดแน่น เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    "แค่เธอไม่เป็นไรฉันก็ดีใจแล้ว"

    ตัวฉันแข็งทื่อเมื่อถูกคนตรงหน้าใช้แขนรัดร่างตัวเองแน่น ฮึ่ย ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ หน้าอกฉันกำลังชนกับแผงอกเขาอยู่นะ นี่เขาไม่รู้สึกตัวเลยรึไง =_=

    "เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ เป็นห่วงเธอแทบแย่ พวกโปลิเชียนก็ออกไล่ล่าตัวเธอกันทั้งคืน ตอนนี้พวกเขาเดาว่าเธอคงกลับเข้าไปในป่าต้องห้ามแล้ว"

    "ระ...ระ...เหรอ"

    "พวกเขากำลังระดมคนให้ช่วยสกัดกั้นเธอจากทุกทิศทาง"

    โจเอลวางคางลงบนไหล่ข้างขวาของฉัน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาแอบมองมาที่เราเล็กน้อย แต่มันก็โชคดีตรงที่ว่าตรงนี้เป็นมุมอับคน สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าไม่แปลกกับการที่ชายหญิงคู่รักจะแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะ อันนี้ฉันรู้ มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะฉันรู้อยู่แก่ใจดีว่าฉันกับโจเอลไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วย

    อา...เอาล่ะ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง

    ผละ~

    "ฉันขอความช่วยเหลืออย่างหนึ่งสิโจเอล"

    เขาผละร่างฉันออก (ในที่สุด) ก่อนจะย่นคิ้วใช้สายตาอ่อนช้อยมองต่ำลงมา

    "อะไรเหรอ"

    "ฉันอยากได้เหล้ามาร์ติน่าให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นฉันจะหนีกลับเข้าไปในป่า คราวนี้ฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว"

    "เธอพูดอะไรของเธอ"

    "ฉันขอร้องล่ะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายของฉันแล้วจริงๆ ฉันจะไม่กลับมาสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับคนในเมืองนี้อีกแล้ว ครั้งนี้ฉันกลับมาเพียงเพราะต้องการเสบียงให้ได้มากที่สุด"

    ถ้าไม่ติดว่ามีสัตว์บางตัวนำความเดือดร้อนมาให้ฉันตั้งแต่เริ่มน่ะนะ... (ว่าแล้วก็ขอเหลือบตาหาพิกซี่ที่กำลังกระพือปีกเล่นไปมาอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะเล็กน้อย -_-)

    "นั่นสัตว์เลี้ยงเธอเหรอ"

    "อืม"

    "เธอจะเอาตัวรอดกันลำพังแค่เธอกับนกเนี่ยนะ"

    "ฉันผ่านมันมาหมดแล้วน่าโจเอล ไม่เห็นมีอะไรต้องห่วงเลย"

    โจเอลได้แต่ยืนมองมาที่ฉันนิ่ง เขาหยุดแสดงความคิดเห็นไปชั่วขณะ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคิดยังไง

    "ได้โปรด..."

    "..."

    "อยู่กับฉันเถอะนะแคล"

    นั่นไง เดาไว้ไม่มีผิด

    "เลิกวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอย่างที่เธอทำแบบนี้สักที ฉันจะดูแลเธอนับแต่นี้เอง"

    ตึกตัก...ตึกตัก...

    อืม จู่ๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาบอกว่าเขาจะดูแลฉันนับแต่นี้ นั่นหมายความว่า...เขาอยากให้ฉันไปอยู่กระท่อมหลังเดียวกันกับเขาอย่างนั้นเหรอ บ้าน่า แบบนี้มันต้องบ้าแน่ๆ ฉันอยู่กับเขาไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นความคิดที่บ้าที่สุดอย่างเห็นได้ชัดเลยจริงๆ

    "มันอันตรายเกินไป"

    "ช่างมันสิ อย่างน้อยนี่ก็ไม่ต้องทำให้ฉันต้องคอยเป็นห่วงเธอหรือเป็นกังวลเธออย่างที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว เธอจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้อีก ฉันสัญญานะว่าฉันจะปกป้องเธอให้ได้มากที่สุด"

    "..."

    "มาอยู่กับฉันเถอะนะแคลตา"

    "..."

    "นะ..."

    "..."

    "นะ...นะ..."

    บอกตามตรงว่าฉันแทบไม่กล้าพูดคำว่าไม่...หรือปฏิเสธอะไรในคำเชิญจากปากของผู้ชายตรงหน้าได้เลย ฉันอยากจะหลบสายตาคู่นั้นแต่ก็ทำไม่ได้ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มสนิทประหนึ่งท้องฟ้ายามค่ำคืนกำลังมองมาอย่างอาลัยอ้อนวอน

    ครั้งหนึ่งฉันเคยหนีเขาไปอยู่ในป่าต้องห้าม

    ครั้งหนึ่งฉันเคยปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา

    ตลอดสามปีที่ผ่านมาฉันได้แต่คิดว่าตัวเองคือตัวปัญหาของเมลเวย์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดแบบนั้น เขายังรอการกลับมาของฉันอย่างมีความหวัง เขาได้แต่หวังว่าสักวันฉันจะจำเขาได้และได้เจอกันอีกครั้ง และนาทีนี้เองที่ภาพความทรงจำในอดีตระหว่างฉันกับโจเอลเหมือนค่อยๆ ประดาเขามาในหัวฉันอีกครา

    "นี่มันงานเทศกาลวันก่อนขึ้นปีใหม่..."

    "..."

    "...ใช่มั้ย"

    ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนจะตัดสินใจถามคำถามนั้นออกไปเป็นการเฉไฉ

    "เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ"

    "นี่ นายจำได้ไหม พอมาถึงเทศกาลนี้ทีไร ฉันจะแอบหนีพ่อกับแม่ไปเที่ยวงานกับนายทุกปีเลย"

    "..."

    "ฮ่าๆ คิดถึงวันเก่าๆ เนอะว่ามั้ย ฉันลืมช่วงเวลาดีๆ พวกนั้นไปได้ยังไงกันนะ"

    โจเอลเอาแต่มองหน้าฉันด้วยสายตาแบบเดิม

    "โจเอล"

    "..."

    "ฉันกำลังจะได้ช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นกลับคืนมาใช่มั้ย"

    ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น รอยยิ้มจางๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขาทันที

    "แน่นอน"

    "..."

    "เราจะมีเวลาที่ดีร่วมกันอีกครั้ง ฉันสัญญา"

    โจเอลยกมือฉันขึ้นกุมประหนึ่งคู่รัก ให้ตาย...คู่รัก...เราจะเป็นคูรักกันได้ยังไง สำหรับฉันแล้วเขาเป็นเหมือนพี่ชายที่ดีคนหนึ่งต่างหาก ใช่ เขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่ดีกับฉันมาโดยตลอด เขาเองก็คงเห็นฉันเป็นน้องสาวที่รักมากคนหนึ่ง

    "ฉันอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์จังเลยโจ"

    โจเอลหันหน้าไปมองตามมือที่ฉันชี้ เขาหันหน้ากลับมาก่อนจะส่งยิ้มบางๆ มาให้

    "งั้นช้าอยู่ทำไมเล่า"

    ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังรื้นอยู่ตรงขอบตาของเขา จะว่าไปแล้วฉันเองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเขาเลยว่าจะอยู่กับเขาต่อหรือว่ายังไง

    "ไปรำลึกวันเก่าๆ กันเถอะ"

    โจเอลจูงมือฉันออกจากมุมอับตรงนั้น พิกซี่บินมาเกาะที่บ่าฉัน ฉันมองมือของโจเอลที่กำลังจับมือฉันให้เดินตามไปทางข้างหน้าก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองพิกซี่แล้วพูดพึมพำกับมันเบาๆ

    "เฮ้อ...แย่จังเลยพิกซี่ ฉันนี่มันตัวปัญหาของทุกคนเลยให้ตาย"

     





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×