คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :: Beautiful Blues - "I Knew I were a Troble"
11
I Knew I Were a Trouble
สิบสองวันก่อนหน้านี้
บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้จุดหมายเหลือเกิน
แท่ด...แท่ด...แท่ด...
ฉันกำลังเดินอยู่บนถนนในซอยแคบๆ ลมหนาวที่พัดมาทำฉันตัวสั่นเป็นระยะ มือสองข้างกอดตัวเองแน่น ค่อยๆ กระชับเสื้อฮู้ดและกางเกงขายาวของลีเวียร์ที่ฉันแอบขโมยหนีออกมาตอนเขากำลังหลับ
"เอายังไงต่อดีพิกซี่"
"แว้กกก~"
"ดูเหมือนว่าเรายังมีเรื่องต้องสะสาง...แต่จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ"
ฉันว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่ลิบๆ ทางใจกลางเมืองแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองข้อความ 'I'm Still Alive' ข้างตัวของพิกซี่...
"...หรือไม่ก็...ขอให้ฉันได้เจอกับโจเอลอีกสักครั้ง ฉันมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกเขา"
"..."
"ฉันหมายถึงอยากจะขอบคุณเขาน่ะ... =_="
"..."
"แต่ยังไงก็แล้วแต่ จุดนี้ขอเพิ่มพลังด้วยเหล้ามาร์ติน่าสักหน่อยก็แล้วกัน"
ฉันพูดตัดบทกับตัวเองก่อนจะก้าวเท้าออกเดินต่อ จะว่าไปแล้วน่าแปลกตรงที่ฉันพยายามหาเหล้ามาร์ติน่าในกระท่อมของลีเวียร์ แต่มันกลับไม่มีให้ขโมยเลยสักขวด ตอนนี้ในย่ามที่ฉันหยิบติดมาจึงมีแต่พวกผลไม้และอาหารกระป๋องบางอย่าง ฉันมองซ้ายมองขวา ได้ยินมาว่ามีโรงงานกลั่นเหล้าอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมือง บางทีมันอาจจะใกล้กับทางออกไปป่าต้องห้ามในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินสักทาง แต่จะหากี่ครั้งก็ไม่ยักจะเคยเจอแฮะ
โอ๊ย...มันอยู่ที่ไหนกันนะไอ้โรงงานนั่นน่ะ
หรือว่า...ฉันควรไปที่บาร์!?
ไม่! ไม่ควรเด็ดขาด นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วด้วย อีกอย่างนะ ป่านนี้ลีเวียร์คงตื่นแล้ว ได้เวลาที่เขาจะเข้าบาร์ไปทำงานแล้ว ให้ตาย! ฉันจะเอายังไงต่อดีนะ
พรึบ!
ฉันจับฮู้ดให้คุลมใบหน้าลงมาอีกก่อนจะเดินตัดถนนไปเรื่อยๆ ชะอุ๊ย ว่าแต่นี่ฉันมาโผล่ที่งานอะไรเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดที่ตรงนี้เคยเป็นลานสวนสาธารณะกว้าง หากบัดนี้กลับถูกตกแต่งด้วยแสงไฟห้อยระโยงตระการตา พวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทยอยกันขนของมาตั้งซุ้มขายตามเต็นท์ เครื่องเล่นเก่าๆ ถูกเปิดให้เล่นอีกครั้ง ว้าว...ฉันอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์จัง อุ๊ย! แล้วก็...ม้าหมุนด้วย >_<
"นี่มันงานอะไรน่ะ..."
ฉันพึมพำเบาๆ กับพิกซี่ ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเสียงดนตรีของเพลงเก่าที่ถูกเปิดจากที่ไหนสักแห่งเข้าไปในงาน ผู้คนในเมืองเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆ ฉันพยายามทำตัวให้ดูกลมกลืนไปกับฝูงชน สังเกตสีหน้าของผู้คนต่างกำลังดูมีความสุขไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการได้มากับครอบครัว เพื่อนสนิท มิตรสหาย หรือจะเป็น...คู่รัก
คู่รัก...?
อืม...คู่รักอย่างนั้นเหรอ
ปลายสายตาของฉันตอนนี้คือผู้ชายที่กำลังโอบหญิงสาวถือปืนยิงลูกบอลหนังเพื่อให้ได้ตุ๊กตาขนสัตว์น่ารักเชียวล่ะ ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ พวกเขาดูมีความสุขกันมากเลยทีเดียว หากแต่ดูเหมือนว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังสนใจสัตว์เลี้ยงที่เกาะบนบ่าฉันอยู่ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ใครๆ ก็มีสัตว์เลี้ยง ฉันไม่ได้เป็นคนเดียวในเมลเวย์ที่เลี้ยงนกเค้าแมวสักหน่อยนี่
เพียงแต่ว่าการเลี้ยงสัตว์ของที่นี่ต้องรักษาไว้ให้ดี เนื่องจากเราไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ฉะนั้นอาจจะถูกใครขโมยไปทำเป็นอาหารเมื่อไหร่ก็ได้ ฮ่ะๆ ตลกดีแฮะ
"ไปตรงนู้นกันเถอะ"
คราวนี้ฉันตัดสินใจเดินผ่านเต็นท์ร้านขายอาหารนานาชนิดไปเรื่อยๆ เหลือบมองดูในย่ามว่ามีอะไรที่สามารถเอาไปแลกของที่ดีกว่าได้บ้าง อ้อ ฉันบอกไปแล้วหรือยังนะว่าในเมลเวย์เรามีกฎหมายว่าบุตรแห่งบลูส์ทุกคนจะต้องมีงานทำ จะอยู่เฉยลอยหน้าไปมาไม่ได้เป็นอันขาด (เป็นพวกโปลิเชียนที่เอากฎหมายเข้าจับอีกนั่นแหละ -.,-) ผู้ใดไม่มีงานถือว่าผิดกฎหมาย ถือว่าเป็นภาระให้คนในเมือง บทลงโทษอาจจะทารุณถึงขั้นถูกส่งตัวเข้าพิธีสังเวยจำเลย
แต่เท่าที่รู้ก็ไม่มีใครเคยโดนทำโทษเพราะฝ่าฝืนกฎหมายนี้หรอกนะ
หรืออาจจะมีในสามปีให้หลังตอนที่ฉันไม่อยู่ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน -_-
แน่ล่ะ มีอาชีพอิสระเยอะแยะจะตายไป อย่างไนกี้เป็นช่างตัดผ้า เชนก็ด้วย ลีเวียร์เป็นบาร์เทนเดอร์ พวกโปลิเชียนไม่ค่อยสนใจหรอกว่าใครจะทำงานอะไร นานๆ ทีเขาถึงจะออกตรวจถามและสำรวจประชากรในเมือง
ซึ่งตอนนี้ก็นับว่าฉันจัดอยู่ในภาวะเสี่ยงมาก
แหงล่ะ...ฉันไม่มีงานนี่นา
"เข้ามาดูก่อนได้จ้ะ ไก่ย่าง หมูย่าง ตับและม้ามย่างก็มีนะ เชิญเข้ามาเลือกสรรได้เลย!"
ฉันกลืนน้ำลายดังอึกทันทีที่เห็นแผงอาหารตั้งตระหง่านอยู่ในร้านตรงหน้า แม่ค้าวัยกลางคนที่กำลังส่งเสียงเรียกลูกค้าหันมองมาที่ฉันเป็นระยะๆ หล่อนคงรู้สึกได้ว่าฉันกำลังอยากกินอาหารจากร้านหล่อนแค่ไหน ฮือๆ แต่ฉันจะเอาอะไรไปแลกดีล่ะ
แกร๊กๆ
ทนไม่ไหวละ ฉันตัดสินใจก้มหน้าลงหาของในย่ามและพบกับซอสกระป๋องขวดหนึ่ง รสชาติของมันก็ไม่ได้อร่อยมากนักหรอก ว่าแล้วก็รีบหยิบออกมา ฉันทำท่าจะเดินเข้าไปเลือกอาหารหน้าร้านด้วยความหิว แต่ทว่าตอนนั้นเองที่...
กึก!
"เอ่อ...เอาอันนี้ไม้หนึ่ง แล้วก็นี่อีกสองไม้ครับ"
อ๊ะ O_O
ฝีเท้าฉันเป็นอันต้องชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่ามีใครสักคนเดินตัดหน้าฉันเข้าไปซื้อ ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับผ้าคลุมสีน้ำเงิน กางเกงผ้ายีนสังเคราะห์ขายาว ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ชี้ตั้งเปิดหน้าขึ้น กลิ่นจากเรือนร่างของเขาที่พัดมาพร้อมกับสายลมเบาๆ ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
บลูส์...ทำไมมันถึงบังเอิญขนาดนี้ล่ะนี่...
อา...ใครว่าเรื่องบังเอิญ เรื่องมหัศจรรย์ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันกัน...ฉันคนหนึ่งนี่ล่ะที่ขอเถียง =_= เพราะตอนนี้ฉันได้แต่มองแผ่นหลังของเขาก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อย เอาให้แน่ใจแล้วว่านั่นเป็นเขาจริงๆ...
หมับ!
ฉันตัดสินใจคว้ามือเขาจากด้านหลัง โจเอลสะดุ้งตกใจไปเลย ฉันเองก็เช่นกัน ราวกับมีไฟฟ้าสถิตระหว่างมือเย็นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ระหว่างเราสองยังไงยังงั้น
"โจ..."
เขาหันหน้ามาด้วยความตกใจ ฉันค่อยๆ เลิกฮู้ดขึ้นเล็กน้อยเพื่อเผยใบหน้าตัวเองให้เขาเห็น นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นค่อยๆ โตขึ้นเป็นไข่ห่านขณะมองมา เขาดูพูดไม่ออกราวกับไม่เชื่อสายตาว่าฉันจะยืนอยู่ตรงหน้าเขาตรงนี้
"คะ...คะ...แคล"
"เดี๋ยว!"
ฉันยกนิ้วชี้ขึ้นแตะไปที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเขา
"ได้โปรดพาฉันไปที่ปลอดคนหน่อย"
"อะ...อะ...อืม =_="
หลังพยักหน้ารับปากเสร็จ โจเอลก็ลากแขนฉันเดินไปที่มุมเงียบๆ มุมหนึ่ง ข้างๆ เป็นกำแพงและมีตู้โทรศัพท์สาธารณะสีแดงเก่าๆ มันผุผังและคาดว่าน่าจะใช้ไม่ได้มานานแล้ว คงถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเลยล่ะมั้ง
จะว่าไปก็มีอะไรแปลกตาแต่กลับใช้การไม่ได้ให้เห็นในเมืองนี่เยอะแยะจะตายไป เท่าที่ฉันรู้คือโลกใบนี้ถูกสร้างมาหลายหมื่นปีแล้ว เพียงแต่ว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สามทำให้เกิดการแตกตัว เมลเวย์ถือกำเนิดขึ้นโดยลัทธิกลุ่มตาสีฟ้ากลุ่มหนึ่งที่ต้องการตั้งตนและตัดขาดจากโลกภายนอก
เราถึงต้องมาติดแหง็กอยู่ในกรอบกฎหมายบ้าบอแบบนี้ไง -_-;
"เธอหายตัวไปไหนมา ฉันตามหาตัวเธอให้วุ่น"
"มีคนช่วยเหลือฉันไว้"
"หืม...ใครน่ะ!?"
"เอ่อ..."
"แล้วพวกเขารู้รึเปล่าว่าเธอคือ..."
โจเอลเว้นจังหวะพูดไปครู่หนึ่ง เขาคงไม่อยากพูดฉายาฉันออกมาเท่าไหร่ เกิดใครมาได้ยินเข้าคงจะซวยไปใหญ่ ไม่ใช่แค่ตัวฉัน แต่เป็นเขาด้วย
"รู้"
"เธอหมายความว่าไง"
"พวกเขาเป็นคนดีมากน่ะ"
บอกตามตรงว่าฉันเริ่มสับสนว่าจะบอกโจเอลเรื่องนี้ดีหรือไม่ อย่าลืมสิ เขาเป็นโปลิเชียนนี่นา การช่วยเหลือฉันมันผิดกฎหมาย แค่ลำพังตัวเขาเองที่ช่วยฉันไว้ก็นับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงพอสมควรแล้ว แต่เพราะเขาเป็นพวกนั้นก็น่าจะเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แต่ลีเวียร์ เชไนล์ แล้วก็ไนกี้นี่สิ สามคนนี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป ฉันไม่อยากให้พวกเขาเข้ามามีส่วนในเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอกนะ
"ใครงั้นเหรอ"
"แค่พวกชาวบ้านธรรมดาน่ะ"
"..."
"อันที่จริงพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวเรื่องนี้หรอก"
ทันทีที่ฉันหลบสายตาโจเอล ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ทันเช่นเคยว่าในหัวฉันกำลังคิดอะไรอยู่
"เธอคงไม่ไว้ใจฉันสินะ"
แล้วก็เป็นคนตรงหน้าที่ค่อยๆ นิ่วหน้าลงซะอย่างนั้น
"เฮ้ เปล่าสักหน่อย"
"อย่าลืมสิว่าฉันเองก็อยู่ข้างเธอนะแคล"
"แต่สถานภาพที่แท้จริงนายคือ..."
"อา นั่นสิ...เธอจะไว้ใจฉันได้ยังไง"
"นี่ โจเอล...ฟังนะ..."
ฉันค่อยๆ ยื่นมือไปเชยคางคนตรงหน้า ร่องรอยของหนวดเคราที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่มีทำเอาฉันแอบขนลุกไม่น้อย แปลกๆ ดีจัง
"ฉันแค่ไม่อยากให้พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายเป็นโปลิเชียน นายเอาตัวรอดได้สบายอยู่แล้ว แต่พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา"
"ช่างเถอะแคล"
วินาทีนั้นเองที่ฉันได้แต่ยืนนิ่ง
หมับ...
โจเอลคว้าร่างฉันเข้าไปกอดแน่น เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"แค่เธอไม่เป็นไรฉันก็ดีใจแล้ว"
ตัวฉันแข็งทื่อเมื่อถูกคนตรงหน้าใช้แขนรัดร่างตัวเองแน่น ฮึ่ย ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ หน้าอกฉันกำลังชนกับแผงอกเขาอยู่นะ นี่เขาไม่รู้สึกตัวเลยรึไง =_=
"เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ เป็นห่วงเธอแทบแย่ พวกโปลิเชียนก็ออกไล่ล่าตัวเธอกันทั้งคืน ตอนนี้พวกเขาเดาว่าเธอคงกลับเข้าไปในป่าต้องห้ามแล้ว"
"ระ...ระ...เหรอ"
"พวกเขากำลังระดมคนให้ช่วยสกัดกั้นเธอจากทุกทิศทาง"
โจเอลวางคางลงบนไหล่ข้างขวาของฉัน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาแอบมองมาที่เราเล็กน้อย แต่มันก็โชคดีตรงที่ว่าตรงนี้เป็นมุมอับคน สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าไม่แปลกกับการที่ชายหญิงคู่รักจะแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะ อันนี้ฉันรู้ มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะฉันรู้อยู่แก่ใจดีว่าฉันกับโจเอลไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วย
อา...เอาล่ะ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง
ผละ~
"ฉันขอความช่วยเหลืออย่างหนึ่งสิโจเอล"
เขาผละร่างฉันออก (ในที่สุด) ก่อนจะย่นคิ้วใช้สายตาอ่อนช้อยมองต่ำลงมา
"อะไรเหรอ"
"ฉันอยากได้เหล้ามาร์ติน่าให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นฉันจะหนีกลับเข้าไปในป่า คราวนี้ฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว"
"เธอพูดอะไรของเธอ"
"ฉันขอร้องล่ะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายของฉันแล้วจริงๆ ฉันจะไม่กลับมาสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับคนในเมืองนี้อีกแล้ว ครั้งนี้ฉันกลับมาเพียงเพราะต้องการเสบียงให้ได้มากที่สุด"
ถ้าไม่ติดว่ามีสัตว์บางตัวนำความเดือดร้อนมาให้ฉันตั้งแต่เริ่มน่ะนะ... (ว่าแล้วก็ขอเหลือบตาหาพิกซี่ที่กำลังกระพือปีกเล่นไปมาอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะเล็กน้อย -_-)
"นั่นสัตว์เลี้ยงเธอเหรอ"
"อืม"
"เธอจะเอาตัวรอดกันลำพังแค่เธอกับนกเนี่ยนะ"
"ฉันผ่านมันมาหมดแล้วน่าโจเอล ไม่เห็นมีอะไรต้องห่วงเลย"
โจเอลได้แต่ยืนมองมาที่ฉันนิ่ง เขาหยุดแสดงความคิดเห็นไปชั่วขณะ ไม่บอกก็รู้ว่าเขาคิดยังไง
"ได้โปรด..."
"..."
"อยู่กับฉันเถอะนะแคล"
นั่นไง เดาไว้ไม่มีผิด
"เลิกวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอย่างที่เธอทำแบบนี้สักที ฉันจะดูแลเธอนับแต่นี้เอง"
ตึกตัก...ตึกตัก...
อืม จู่ๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาบอกว่าเขาจะดูแลฉันนับแต่นี้ นั่นหมายความว่า...เขาอยากให้ฉันไปอยู่กระท่อมหลังเดียวกันกับเขาอย่างนั้นเหรอ บ้าน่า แบบนี้มันต้องบ้าแน่ๆ ฉันอยู่กับเขาไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นความคิดที่บ้าที่สุดอย่างเห็นได้ชัดเลยจริงๆ
"มันอันตรายเกินไป"
"ช่างมันสิ อย่างน้อยนี่ก็ไม่ต้องทำให้ฉันต้องคอยเป็นห่วงเธอหรือเป็นกังวลเธออย่างที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว เธอจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้อีก ฉันสัญญานะว่าฉันจะปกป้องเธอให้ได้มากที่สุด"
"..."
"มาอยู่กับฉันเถอะนะแคลตา"
"..."
"นะ..."
"..."
"นะ...นะ..."
บอกตามตรงว่าฉันแทบไม่กล้าพูดคำว่าไม่...หรือปฏิเสธอะไรในคำเชิญจากปากของผู้ชายตรงหน้าได้เลย ฉันอยากจะหลบสายตาคู่นั้นแต่ก็ทำไม่ได้ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มสนิทประหนึ่งท้องฟ้ายามค่ำคืนกำลังมองมาอย่างอาลัยอ้อนวอน
ครั้งหนึ่งฉันเคยหนีเขาไปอยู่ในป่าต้องห้าม
ครั้งหนึ่งฉันเคยปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา
ตลอดสามปีที่ผ่านมาฉันได้แต่คิดว่าตัวเองคือตัวปัญหาของเมลเวย์ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีคนหนึ่งที่ไม่ได้คิดแบบนั้น เขายังรอการกลับมาของฉันอย่างมีความหวัง เขาได้แต่หวังว่าสักวันฉันจะจำเขาได้และได้เจอกันอีกครั้ง และนาทีนี้เองที่ภาพความทรงจำในอดีตระหว่างฉันกับโจเอลเหมือนค่อยๆ ประดาเขามาในหัวฉันอีกครา
"นี่มันงานเทศกาลวันก่อนขึ้นปีใหม่..."
"..."
"...ใช่มั้ย"
ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนจะตัดสินใจถามคำถามนั้นออกไปเป็นการเฉไฉ
"เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ"
"นี่ นายจำได้ไหม พอมาถึงเทศกาลนี้ทีไร ฉันจะแอบหนีพ่อกับแม่ไปเที่ยวงานกับนายทุกปีเลย"
"..."
"ฮ่าๆ คิดถึงวันเก่าๆ เนอะว่ามั้ย ฉันลืมช่วงเวลาดีๆ พวกนั้นไปได้ยังไงกันนะ"
โจเอลเอาแต่มองหน้าฉันด้วยสายตาแบบเดิม
"โจเอล"
"..."
"ฉันกำลังจะได้ช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นกลับคืนมาใช่มั้ย"
ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น รอยยิ้มจางๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขาทันที
"แน่นอน"
"..."
"เราจะมีเวลาที่ดีร่วมกันอีกครั้ง ฉันสัญญา"
โจเอลยกมือฉันขึ้นกุมประหนึ่งคู่รัก ให้ตาย...คู่รัก...เราจะเป็นคูรักกันได้ยังไง สำหรับฉันแล้วเขาเป็นเหมือนพี่ชายที่ดีคนหนึ่งต่างหาก ใช่ เขาเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่ดีกับฉันมาโดยตลอด เขาเองก็คงเห็นฉันเป็นน้องสาวที่รักมากคนหนึ่ง
"ฉันอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์จังเลยโจ"
โจเอลหันหน้าไปมองตามมือที่ฉันชี้ เขาหันหน้ากลับมาก่อนจะส่งยิ้มบางๆ มาให้
"งั้นช้าอยู่ทำไมเล่า"
ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังรื้นอยู่ตรงขอบตาของเขา จะว่าไปแล้วฉันเองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเขาเลยว่าจะอยู่กับเขาต่อหรือว่ายังไง
"ไปรำลึกวันเก่าๆ กันเถอะ"
โจเอลจูงมือฉันออกจากมุมอับตรงนั้น พิกซี่บินมาเกาะที่บ่าฉัน ฉันมองมือของโจเอลที่กำลังจับมือฉันให้เดินตามไปทางข้างหน้าก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองพิกซี่แล้วพูดพึมพำกับมันเบาๆ
"เฮ้อ...แย่จังเลยพิกซี่ ฉันนี่มันตัวปัญหาของทุกคนเลยให้ตาย"
ความคิดเห็น