ตอนที่ 5 : Recur
Chapter 5
Recur
‘Happy birthday to you, Happy birthday to you,
Happy birthday, Happy birthday,
Happy birthday to you’
สิ้นเสียงเพลงที่บรรดาญาติพี่น้องร้องกันอย่างพร้อมเพรียง วอนอูก็จัดการเป่าเทียนทั้งเจ็ดบนก้อนเค้กให้ดับ เด็กน้อยยิ้มจนตาเป็นสระอิ ใบหน้าประดับไปด้วยความสุข ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคราบน้ำตาในเวลาต่อมา
“คุณจูฮยอนคะ!! มีสายจากโรงพยาบาล”
“คุณแทอูเสียชีวิตแล้วค่ะ”
จอนวอนอูกลับมาพักที่อพาร์ตเมนต์ของตัวเองได้สักสองสามวันแล้ว เขายังคงไม่ติดต่อแฟนหนุ่มของตัวเอง เจ้าตัวตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปหาอีกครั้งก็ต่อเมื่อแผลตามร่างกายหายดีแล้ว ยังไงซอกมินก็รู้จักร่างกายมนุษย์ดีที่สุด ถ้าเขารู้ขึ้นมาว่าวอนอูรับงานอะไรไม่ปรึกษากันก็คงจะทะเลาะกันใหญ่โตเป็นแน่
วอนอูจับผ้าพันแผลผืนใหม่พันรอบใต้อกตัวเองอย่างทุลักทุเล ยังดีว่าน้องสาวคอยช่วยจับผ้าให้ถึงได้ทำแผลตัวเองได้ไม่ยากนัก เมื่อจัดการแผลเสร็จเรียบร้อยก็สาวเท้ายาวๆ ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้อง พลางเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังเป็นระยะ
อีกสองชั่วโมง...
อึนอูยังคงนั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนโซฟากลางห้อง พอเห็นน้องสาวตัวเองทำตัวเป็นเด็กเรียบร้อยก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งปาก้อนกระดาษใส่ พอนางฟ้าตัวน้อยรู้สึกได้ก็ผุดลุกผุดนั่งขึ้นมาแยกเขี้ยวใส่พี่ชายฝาแฝดจนวอนอูต้องหัวเราะลั่น
นั่งแกล้งกันไปมาอยู่ครู่ใหญ่พอเห็นว่าจวนจะได้เวลาแล้ววอนอูจึงลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น จัดแจงเตรียมเค้กก้อนเล็กๆ ตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร จุดเทียนสองเล่มปักไว้กลางก้อนเค้กแล้วจึงเดินไปดับไฟ
งานวันเกิดของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นเงียบๆ แต่ก็มีความสุขเพียงพอสำหรับวอนอู แม้จะกังวลอยู่บ้างเพราะที่ผ่านมาเขาสูญเสียคนที่เขารักไปในวันเกิดทั้งสิ้น ก่อนจะเป่าเทียนเล่มน้อยจึงมีอาการลังเลอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแสงเทียนก็ดับวูบลงไปด้วยลมอ่อนๆ ข้างตัว
“สุขสันต์วันเกิดนะอึนอู... อยู่กับพี่นานๆ นะ”
…
“พี่ขอโทษนะ... ที่วันนั้นพี่ออกมาก่อน…”
…
“ข..ฮึก...ขอโทษที่ทำให้เราเป็นแบบนี้...”
ไฟในห้องพักถูกเปิดให้สว่างวาบขึ้นมาทั้งๆ ที่เจ้าของวันเกิดยังนั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่ที่โต๊ะอาหาร เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวเหมือนนางฟ้าเอื้อมมือมาปาดน้ำตาพี่ชายออกเบาๆ ถึงตรงนี้แล้ววอนอูอยากดึงน้องสาวมากอดแนบอกแทบใจจะขาด แต่แค่จะสัมผัสตัวก็ยังไม่ได้เลย สิ่งที่รู้สึกได้ก็เป็นเพียงแค่สายลมอ่อนๆ เท่านั้น
สายลมผู้คุ้มครองของนายทหารหนุ่มยังคงทำหน้าที่ลูบศีรษะพี่ชายเบาๆ ไปเรื่อยจนใบหน้าใสที่เหมือนตัวเองทุกประการเปลี่ยนมาฟุบลงกับโต๊ะอาหารแสดงอาการเหมือนว่าจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว อึนอูจึงลุกจากที่นั่งมาปิดไฟห้องรับแขกให้ดับวูบลงแล้วหายตัวไปในพริบตา ด้วยกลัวว่าพี่ชายจะหลับไม่สนิท
2.15AM
‘Seungcheol: วอนอู’
‘Seungcheol sent you a photo’
‘Seungcheol: คนนี้ใครเหรอ’
ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่กระเป๋ากางเกง เพราะถูกฝึกมาให้ตื่นตัวตลอดเวลาถึงได้ตื่นจากอาการหลับสนิทง่ายๆ แม้ตะวันจะยังอยู่อีกซีกโลกก็ตาม
วอนอูเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะอาหารด้วยอาการสะลึมสะลือ ค่อยๆ เลื่อนปลดล็อกโทรศัพท์ แปลกใจเล็กน้อยที่รุ่นพี่คนสนิทส่งข้อความในเวลาตีสามแบบนี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าเนื้อหาในข้อความจะต้องสำคัญแน่ๆ
!!!!!
ตุ้บ!
โทรศัพท์เครื่องเฉียดสามหมื่นร่วงหลุดจากข้อนิ้วเรียว วอนอูอ้าปากค้างกับภาพถ่ายที่ถูกส่งมา
แฟนหนุ่มของเขากำลังกอดจูบกับผู้หญิงที่วอนอูไม่รู้จัก
ไวกว่าความคิด วอนอูรีบหยิบฉวยมือถือที่ตกอยู่บนพื้นห้องขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยแล้วโทรออกทันที เขาไม่ทันได้นึกเรียบเรียงเรื่องที่จะพูดหรือผลกระทบที่จะตามมาเลยด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่วอนอูรู้คือตอนนี้เขาทั้งโกรธ ทั้งผิดหวัง หันไปข้างกายก็พบดวงตาใสของน้องสาวฉ่ำน้ำขึ้นมา นั่นยิ่งเร่งเร้าให้เขาอารมณ์ร้อนขึ้นไปอีก
(ฮัลโหลครับวอนอู โทรมาซะดึกเลย มีอะ-)
“พี่ซอกมินอยู่ที่ไหนครับ”
(พี่...)
“อีกสิบนาทีผมจะไปหาพี่ที่ห้อง”
(วอนอูเดี๋ยว-)
วอนอูไม่รอให้อีกฝ่ายจบบทสนทนา เขาออกจากห้องพักทันที ในมือกำโทรศัพท์มือถือแน่น ตาเรียวหันไปมองน้องสาวด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก ถึงเขากับอึนอูจะมีปัญหากันอยู่บ่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม แฝดน้องคนนี้ก็เหมือนเป็นแก้วตาดวงใจของวอนอู เป็นทั้งที่ให้พักพิงได้ในยามไม่เหลือใคร และเป็นคนที่วอนอูอยากจะปกป้องดูแลมากที่สุดในชีวิต จอนอึนอูในตอนนี้ยืนตาแดงก่ำแบบที่วอนอูไม่เคยสัมผัสมาก่อน นั่นยิ่งทำผู้เป็นพี่ยิ่งโกรธอีกคนที่เป็นเหตุผลให้น้องสาวตัวเองเป็นแบบนี้ ดวงหน้าที่เหมือนกันทุกประการสบกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่วอนอูจะพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณให้น้องสาวตามมา
เพราะโทสะอยู่เหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมดในเวลานี้...
ขาเรียวพาร่างผอมบางผิดวิสัยผู้ชายเดินขึ้นไปตามบันไดหอพักทหารที่เวลานี้ไม่มีแม้แต่เงามนุษย์ ไฟหอพักดับวูบทีละดวงตามทางเดินที่นายทหารหนุ่มผ่านโดยไม่ทราบสาเหตุ กล้องวงจรปิดพร่าจนจับภาพไม่ได้จนที่สุดก็สัญญาณตัดไปทีละตัว คงจะเป็นเรื่องวุ่นวายยามวิกาลของหอพักแน่ๆ ถ้าทหารยามไม่ได้แอบหลับในเวลาเข้าเวรจนปล่อยให้ใครบางคนเข้ามาได้
ก็อย่างว่า หอพักทหาร ใครมันจะกล้าบุกเข้ามาเวลานี้
ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่ทหารเหมือนกัน
ประตูห้องพักที่เขาคุ้นเคยถูกกระชากเปิดออกโดยที่วอนอูไม่ได้แตะมันแม้แต่ปลายนิ้วมือ สายตาสอดส่องไปทั่วหาชายหนุ่มที่ตัวเองรู้จักเป็นอย่างดี และในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาชายผู้นั้นก็วิ่งตามเข้ามาในห้องพักทีหลังจอนวอนอูด้วยาการกระหืดกระหอบ
Rrrr
‘พี่ซึงชอล’
โทรศัพท์ในมือเกิดสั่นขึ้นมาไม่รู้เวลา นิ้วเรียวตั้งใจจะกดตัดสาย แต่มันกลับพลาดไปเลื่อนหน้าจอรับสายเสียด้วยความเคยชินอย่างนั้น ซึ่งเจ้าของเครื่องก็ไม่ได้จัดการอะไร ปล่อยให้พี่ชายคนสนิทฟังก็คงไม่เสียหาย ดีเสียอีก เขาจะได้ไม่ต้องเล่าซ้ำสอง
(วอนอู เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเราอ่านข้อความแล้วไม่ตอบ... วอนอู... ฮัลโหล..)
“วันนี้พี่ซอกมินก็อยู่เวรเหรอครับ”
“ใช่ครับ พี่ตกใจแทบแย่ตอนเราบอกว่าจะมาที่ห้อง มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงจากโทรศัพท์ในมือเงียบไปเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ แต่วอนอูก็ยังไม่ได้ใส่ใจสายของซึงชอล เจ้าตัวแค่นหัวเราะกับท่าทางสบายๆ ที่ติดจะลุกลี้ลุกลนของแฟนหนุ่ม ถ้าอยู่เวรจริงซอกมินไม่ทิ้งงานมาหาเขาหรอก รายนั้นรักงานเสียยิ่งกว่าอะไร
“แม้แต่ตอนนี้พี่ก็ยังจะโกหกอีกเหรอ...”
“โกหกอะไรกันครับวอนอู เราไม่เชื่อพี่เหรอ”
แพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปดึงข้อนิ้วเรียวมากอบกุม ...ซอกมินเปลี่ยนไป นั่นคือสิ่งที่วอนอูสัมผัสได้หลังจากเห็นแววตาที่เคยอบอุ่นมากๆ คู่นั้น
และเพราะวันนี้ไม่ใช่วันของซอกมินจริงๆ โทรศัพท์ของเขาที่อยู่ในมืออีกข้างเกิดส่งเสียงรบกวนขึ้นมาระหว่างที่สถานการณ์กำลังแย่ลงเรื่อยๆ ไม่ทันจะได้เปิดเช็คข้อความ เครื่องมือสื่อสารของตนเองก็ไปอยู่ในมือของจอนวอนอูที่ขาดสติไปเรียบร้อยแล้ว และข้อความที่คงจะไม่พึงประสงค์ต่อคนรักของเขาก็ยิ่งส่งผลให้วอนอูหมดเหตุผลที่จะอดทนกับเขา
“ไอ้เลวเอ๊ย!”
พลั่ก!
เพราะเสียงร้องไห้ของน้องสาวที่ตอนนี้วอนอูไม่เห็นตัว ดังในโสตประสาทขึ้นเรื่อยๆ จนเจ้าตัวทนไม่ไหวต้องประเคนหมัดหนักๆ เข้าที่ใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าแฟนหนุ่มจนเขาถึงกับเซ ก็แน่ล่ะ สมัยยังเป็นนักเรียนทหารวอนอูเคยขึ้นชกจนได้ที่หนึ่งด้วยซ้ำ แล้วกับหมัดที่มาจากโทสะล้วนๆ จะเอาอะไรมาต้านได้
“โอ๊ย... วอนอู... อะไรกันครับ...”
“สนุกนักใช่ไหม! ที่โกหก ที่แอบมีคนอื่น มีความสุขมากเลยงั้นสิ!”
วอนอูไม่ได้ตามเข้าไปซ้ำ เขาได้แต่ยืนกลั้นก้อนสะอื้นมองอีกคนที่ลุกขึ้นมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าหมดหวัง เสียงคร่ำครวญของน้องสาวที่เขาไม่เคยได้ยินดังก้องในหูซ้ำๆ เหมือนกับยิ่งเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ
ร้อยเอกหนุ่มยืนมองหน้าคนรักด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด จิตใจของวอนอูเหมือนกับหินแข็งแรงก้อนใหญ่ ต้องผ่านทั้งความกดดัน ความทรมาน และเขาก็เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เคยทุกข์ใจกับอะไรง่ายๆ แน่นอนว่าเขาผิดหวังกับซอกมิน แต่ความผิดหวังครั้งนี้มันก็เบาบางนักเมื่อเทียบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวัยเด็ก การทรยศหักหลังไม่อาจทำให้หินผากระเทือนได้อีกแล้ว จะมีก็แต่น้ำตาของน้องสาวตนเองที่หยดลงซ้ำๆ จนหินแกร่งแทบจะแหลกไม่เหลือชิ้นดี
ไม่มีอีกแล้ว... คุณหมอหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ที่เธอรักมาตลอด...
“...เลิกกันเถอะนะ พี่ซอกมิน”
(วอนอู... ไม่เอา ไม่ร้องไห้นะ ไหวไหม ให้พี่ไปหาไหม)
เสียงแผ่วๆ ดังออกมาจากโทรศัพท์ในมือ วอนอูได้ยินเสียงซึงชอลชัดทุกคำ แต่หากจะให้ตอบกลับไปซึงชอลก็คงโดนซอกมินหมายหัวเอาไว้เป็นแน่
พลั่ก!
“มีสิทธิ์ว่าอะไรพี่ด้วยเหรอ เรามันก็มีคนอื่นเหมือนกันทั้งคู่นั่นล่ะ”
ร่างบางถูกอีกฝ่ายคว้าจนลอยหวือไปปะทะกับประตูห้องนอน ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่ซอกมินปิดประตูห้องพักหลังจากกลับมาถึง บวกกับห้องที่เก็บเสียงดีในระดับหนึ่งก็ทำให้คนภายนอกไม่รู้ว่าข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น
เพราะศีรษะกับแผลกระสุนปืนบริเวณสีข้างยังไม่หายดีกระแทกกับประตูห้องนอนอย่างแรง ทำให้วอนอูทั้งมึนทั้งเจ็บจนลุกขึ้นไม่ไหว ซึงชอลกดตัดสายไปเรียบร้อยแล้ว และวอนอูก็มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมาช่วยเขา
“ทำไมครับ... คิดจะเลิกกับพี่ไปหาไอ้พันเอกชเวนั่นเหรอ... ยศสูงๆ มันเร้าใจกว่าใช่ไหมล่ะ”
“พี่ซอกมิน! โอ๊ย!”
ซอกมินก้มหน้าลงมาใกล้จนคนที่กำลังอยู่ใต้อาณัติได้กลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงมาจากเนื้อตัวของแฟนหนุ่ม หลังฝ่ามือที่สวมพลอยเม็ดใหญ่ฟาดเข้ากับข้างแก้มนุ่นที่เขาเคยพรมจูบอย่างแรงจนวอนอูรู้สึกได้ถึงรสชาติของสนิมคละคลุ้งอยู่ในปาก น้ำตาที่กลั้นมานานไหลอาบใบหน้า วอนอูไม่คิดจะลุกขึ้นต่อสู้อีกแล้ว เขานึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เคยดีกับเขามากคนหนึ่งจะรุนแรงกับเขาได้ถึงขนาดนี้
“เคยถามพี่บ้างไหม ระหว่างที่เราไม่อยู่พี่รู้สึกยังไงบ้าง”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของซอกมินกลับเจือปนไปด้วยความน้อยใจจนวอนอูใจหายวาบ พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบหยาดน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาอีกฝ่าย นั่นยิ่งย้ำให้วอนอูแน่ใจว่าซอกมินไม่ได้นอกใจเขา เขาต่างหากที่ละเลยความรู้สึกของอีกฝ่ายจนต้องผิดใจกันแบบนี้
ทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน จะมีก็แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งโดยพื้นฐานที่รักสงบของทั้งสองคนก็ทำให้เรื่องงราวเหล่านั้นจบลงไปง่ายๆ โดยจะมีซอกมินสละตัวเป็นผู้แพ้ และวอนอูที่ไม่เคยอยากจะชนะคนรักของตัวเองก็จบปัญหาด้วยคำว่า ‘คนไม่รู้ ไม่ผิด’
และวันนี้จอนวอนอูได้เรียนรู้แล้ว
คนที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้รับรู้อะไรเลยต่างหากคือคนผิด
“พี่.. คือ...”
“พี่ไม่อยากฟัง”
แววตาอ่อนโยนของอีกฝ่ายหายไปอีกครั้งเมื่อซอกมินเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะหวดลงมาแรงๆ บนใบหน้าใส วอนอูหลับตาลงรอรับความเจ็บแปลบบนผิวหน้าอย่างไม่คิดสู้เพราะจิตใจตอนนี้อ่อนแอไปหมดทุกด้าน แต่ไม่ทันทีเจ้าของฝ่ามือหยาบจะได้ทำตามที่ตั้งใจ ลมหนักๆ ก็หอบเอาร่างหนาของชายวัยกลางคนลอยหวือไปกระแทกกำแพงอีกฝั่ง
...มันตบพี่เหรอ...
“อึนอู อย่า!!”
3.57AM
“วอนอู... วอนอู... ลุกก่อนเร็ว”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย วอนอูก็นึกใจชื้นขึ้นมามากทีเดียวว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน แต่ความคิดทั้งหมดก็ต้องจบไปเมื่อพบว่าตัวเองนั่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของซอกมินจริงๆ และแฟนหนุ่มของเขาก็นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มีมีดปักอยู่กลางหลังไม่ไกลจากตัวเอง
“พี่ซอกมิน!”
ร่างบางกำลังจะผุดลุกขึ้นไปหาแฟนหนุ่ม แต่กลับถูกซึงชอลกระชากไหล่ไว้ให้กลับมานั่งที่เดิม
“วอนอู... วอนอูทำเขาเหรอ”
“ผมเหรอ...”
ตาคู่สวยเบิกกว้าง หยาดน้ำใสๆ คลอขึ้นมาเต็มดวงตา เขานอนหมดสติอยู่ตรงนี้และเป็นท่าเดิมก่อนที่สติทุกอย่างจะดับวูบไป นั่นแปลว่าเขาไม่ได้ทำแน่ๆ
“วอนอู... หรืออึนอู...”
“ผ... ผมไม่รู้... พี่ซึงชอล... พี่ต้องช่วยพี่ซอกมินนะครับ...”
ซึงชอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ คว้าตัวรุ่นน้องเข้ามากอดแน่นพลางลูบศีรษะปลอบประโลมไปด้วย
“หมอนั่นยังไม่ตาย แค่หมดสติเพราะเสียเลือดมาก”
“พี่ซึงชอลช่วยพี่ซอกมินก่อน!”
วอนอูผละออกจากอ้อมกอดทันทีที่อีกฝ่ายตอบกลับ แววตาซึงชอลวูบไหวอยู่เล็กน้อย แต่นายทหารรุ่นน้องก็ไม่ได้สังเกตมัน
“สัญญากับพี่ก่อน-”
“ได้ครับ! ผมสัญญา! พี่ช่วยพี่ซอกมินก่อน”
คนตัวบางแทรกขึ้นมาโดยที่ซึงชอลยังพูดไม่จบ นั่นยิ่งทำให้คนอายุมากกว่ายิ่งเจ็บช้ำมากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา และท่าทางกระวนกระวายของวอนอูมันฉายชัดเจนว่าเขารักซอกมินมากขนาดไหน
ทั้งๆ ที่ไอ้บ้านั่นทำกับวอนอูขนาดนี้ วอนอูก็ยังเป็นห่วงมัน
แล้วเขาที่คอยดูแลไม่ห่างมาตั้งแต่เด็ก ฟกช้ำสักรอยก็ไม่เคยให้มี
ทำไมวอนอูถึงไม่หันมามองกันบ้าง...
“...สัญญาว่าวอนอูจะหนีไป แล้วพี่จะช่วยซอกมิน”
ตาคู่สวยเบิกกว้าง สติทั้งหมดกลับมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘หนี’ ใช่ เขาพยายามฆ่าคนโดยเจตนา อย่าว่าแต่ผิดวินัยทหารเลย ถ้านับเป็นคนธรรมดานี่มันคือการผิดกฎหมายบ้านเมืองแบบร้ายแรง ไหนจะมีคดีเก่าอย่างบุกฆ่านายพลคังและลูกน้องนับสิบชีวิตติดตัวอีก
จอนวอนอู คืออาชญากรเต็มตัว
“พี่โทรให้มินกยูมารับแล้ว เราต้องหลบไปลงทางข้างหลัง กลับไปเก็บของที่ห้องแล้วหนีไปกับมินกยู เดี๋ยวพี่ทำลายหลักฐานให้เอง”
“ผมหนีไปไหนไม่ได้หรอก! ผมต้องดูแลพี่ซอกมิน!”
ไม่ทันที่ชเวซึงชอลจะพูดจบประโยค คนตัวเล็กกว่าที่ดูจะสติแตกไปมากกว่าที่เห็นตอนแรกก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที ร่างบางที่บอบช้ำจากทั้งจิตใจและร่างกายยังคงสั่นด้วยความกังวลอย่างต่อเนื่อง นิ้วเรียวถูกคว้าขึ้นมากัดเหมือนกับทำอะไรไม่ถูก จนวอนอูทำท่าจะลุกขึ้นไปหาอีกร่างที่นอนอยู่คนละฝั่งห้องคนเป็นพี่ถึงต้องรีบคว้าตัวไว้
“วอนอู!! ตั้งสติเดี๋ยวนี้!!”
ซึงชอลตวาดพร้อมกับจับตัววอนอูที่กำลังลนลานเขย่าแรงๆ จนคนตัวบางหยุดชะงักทุกการกระทำ ดวงตาใสคลอไปด้วยน้ำตา... น้ำตาที่ซึงชอลทนเห็นมาตลอดตั้งแต่คนตรงหน้ายังเด็ก เขานึกดีใจที่ทำให้มันหายไปได้อยู่หลายปี แต่แล้วก็มีไอ้งั่งที่ไหนไม่รู้เข้ามาทำให้คนที่ห่วงมาตลอดกลายเป็นแบบนี้ไปอีก
“ต่อให้ไม่หนีก็ต้องติดคุก หรือถ้ารอดคุกนายพลอิมก็ตามฆ่าเราอยู่ ยังไงก็ดูแลซอกมินไม่ได้อยู่แล้ววอนอู พี่ว่าเธอควรจะห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า”
“แล้วผมจะมีชีวิตต่อไปทำไม ในเมื่อ-”
“หยุดพูดเลยนะ ทำไมพูดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนี้ บอกกี่ครั้งแล้วว่าชีวิตเราไม่ได้มีแค่เราคนเดียว ครอบครัวพี่ที่คอยส่งเราเรียนล่ะ อึนอูล่ะ เพื่อนๆ เราล่ะ เราจะรับผิดชอบความรู้สึกคนพวกนั้นยังไง”
“...”
“ถ้าเราไม่หนี พี่ก็จะปล่อยให้มันตายแบบนั้น”
ซึงชอลชี้นิ้วไปที่อีกร่างหนึ่งในห้อง เวลาของซอกมินคงเหลืออีกไม่มากให้วอนอูตัดสินใจ ร่างบางจึงทำแค่พยักหน้าแล้ววิ่งออกไปจากห้องพักตามคำบอกของชเวซึงชอล
--------------------
Talk:
สวัสดี
ฝากแท็ก #ฟิคอนธฮ ด้วย
รักนะ
(คูลป่ะ อยากทำทอล์กสั้นๆ ค่ดเท่)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อึนอูย่าาาาา อย่ารุนแรงนักเลย สงสารพี่เราหน่อย พี่เราต้องรับผิดชอบการกระทำของเรานะ ฮื่ออออ สงสารวอนอู