คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: สัตว์เทพอสูรโรคจิต
พิ ภ พ ร า ชั น ย์ • อ อ น ไ ล น์
ตอนที่ 14 สัตว์เทพอสูรโรคจิต
เมื่อกลับเข้าสู่เกมอีกครั้งซีแนลพบว่าตัวเองยืนอยู่บริเวณหน้ากระท่อมไม้หลังโทรมๆ ในสถานที่ทำภารกิจของนักรบไร้พ่ายเชติน พร้อมทั้งเสียงระบบที่ดังเตือนตามมาติดๆ ว่าทักษะเจ้าหญิงปลอมแปลงถูกยกเลิกเพราะครบตามเงื่อนไขผ่านระยะเวลา 7 วัน เช่นนั้นเธอจึงปรากฏตัวอยู่ในร่างเด็กสาวอีกครั้งหนึ่ง
“นายหญิงท่านมาแล้วหรือ”
ซีแนลหันขวับไปยังด้านหลัง อีดานยืนห่างจากเธอไปสามก้าว สภาพสัตว์เทพอสูรระดับราคชาร่างโครงกระดูสีขาวสวมชุดคลุมขาดรุ่งริ่งและเปรอะเปื้อนด้วยฝุ่นดินสภาพอนาถนั้นทำให้เธอต้องเบิกตาโต
“อีดานนายไปทำอะไรมา!” ซีแนลก้าวไปหาสัตว์เทพอสูรที่มีสภาพยับเยินด้วยความสงสัย ขณะส่งสายตาสำรวจชุดคลุมที่เริ่มทำการซ่อมแซมสภาพตัวเองของอีกฝ่าย
เจ้าบ้านี่ไม่ต่างอะไรจากการเพิ่งฟัดกับสิงตาโตมา เธออยากรู้เหลือเกินว่าเกินอะไรขึ้น
ไม่ทันจะได้คำตอบ ตานักรบเฒ่าก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน ซีแนลหันขวับไปจ้องบุคคลที่ตามมาสมทบทันที
“เจ้าหายไปเสียนานเลยนะเจ้าหนู ไม่ดีใจหรืออย่างไรที่ข้าอุตส่าห์ฝึกคนของเจ้าให้” ริมฝีปากของตาเฒ่าบ้าประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ฝึก!?
ฝึกอะไรถึงได้ทำให้สัตว์เทพอสูรระดับราชาของเธอสภาพกลายเป็นน่ารันทดเช่นนี้ เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะก้มลงดูสถานะสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยเปิดดูมาก่อน
ข้อมูลสัตว์เลี้ยง - ผู้วิเศษอีดาน
ระดับ Level :: 100 ระดับชนชั้น :: ราชา
เผ่า :: ยมทูต ธาตุ :: ไฟ
พลังโจมตี :: 900,000 พลังป้องกัน :: 900,000
ข้อมูลทักษะ
มายาอเวจี – สร้างภาพลวงตาด้วยการดึงความหวาดกลัวของศัตรู
มาใช้ สามารถใช้ได้ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 30 นาที
ฝ่ามือเพลิงยมทูต – พลังเวทมนตร์ไฟโจมตีศัตรูครอบคลุมรัศมี
ระยะห่าง 10 เมตร โดยการแลกเปลี่ยนกับพลังไฟในร่างกาย
|
“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ฝึกอะไรให้นายบ้างเหรออีดาน” ซีแนลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงซื่อๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าความโชคร้ายจะถึงคราพุ่งเข้าหาตัวเองก็คราวนี้
“ฝึกทักษะการต่อสู้และพละกำลังความว่องไวขอรับนายหญิง”
“อย่างนั้นเองเหรอ หมายความว่าตอนนี้นายก็เก่งขึ้นกว่าเดิมแล้วสินะ”
“เล็กน้อยเท่านั้นขอรับ” อีดานกล่าวอย่างถ่อมตัว
“ฮ่าๆ ข้าถือว่านั่นเป็นคำชมนะ เช่นนั้นข้าจะฝึกให้กับเจ้าด้วยอีกคนดีมั้ยเจ้าหนู” คราวนี้ไม่เว้นแม้แต่สายตาของอีดานก็หันมาจับจ้องแน่วนิ่งที่เธอ เมื่อทุกคนเอาแต่จ้องและนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรเธอจึงเอ่ยถามด้วยความลังเล
“ฝึกอะไรงั้นเหรอ?”
ตอนนี้เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เริ่มไหลซึมบริเวณขมับเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่น่าไว้ใจของทั้งคู่บ้างแล้ว
สุดท้ายก็จบลงด้วยการฝึกที่ผ่านพ้นไปเป็นเวลาถึงหนึ่งวันเต็มโดยทุกอย่างไม่ได้สร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้เธอแม้แต่น้อย เพราะเธอไม่สามารถใช้อาวุธใดในการต่อสู้ได้นอกจากตุ๊กตาหมีที่ถูกผนึก ดังนั้นตานักรบเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์จึงสั่งให้เธอเก็บหินก้อนเท่าฝ่ามือจากริมน้ำมากองรวมๆ กันจนสูงครึ่งตัว แล้วให้เคลื่อนย้ายพวกมันไปยังจุดอื่นที่ห่างออกไปจากที่เดิมราวๆ สามเมตรเขาสั่งให้เธอทำแบบนี้วนเวียนกันไม่หยุด ทำเอาร่างกายเธอที่ต้องก้มๆ เงยๆ ยกหินขึ้นลงรู้สึกเมื่อยล้าและเหนื่อยจนแทบจะขาดใจ แรกๆ มันก็ยังเบาดีอยู่แต่พอหลังๆ นี่สิ เธอคิดว่าชักจะเริ่มไม่ไหว
มีใครเพิ่มน้ำหนักให้ก้อนหินของเธอหรือเปล่าเนี่ย!
นี่มันฝึกหรือแกล้งทรมานเธอกันแน่!!
ซีแนลส่งเสียงโอดครวญไม่หยุดระหว่างที่ทำการเคลื่อนย้ายพวกมัน แต่ดูเหมือนเสียงเล็กๆ ที่หอบโยนของเธอไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้คนอื่นแม้แต่น้อย
เธออดนึกหมั่นไส้ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์กับสัตว์เลี้ยงของเธอไม่ได้ที่ทำท่าสบายใจด้วยการนั่งตกปลากันอย่างร่าเริงทั้งคู่ มีเพียงเธอเท่านั้นที่ไม่สามารถคัดค้านหรือเล่นงานอะไรพวกเขากลับคืนได้เพราะเจ้าพวกบ้านั่นอ้างว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นเป็นอาหารของเธอนั่นเอง
แม้ว่ามือทั้งสองข้างของเธอจะบวมช้ำและเป็นแผลปุ่มป่ำ ตาเฒ่าบ้านั่นก็ไม่นึกสงสารและผ่อนปรนให้เธอสักนิดเดียว ส่วนอีดานก็เพียงปลอบโยนว่าการทำเช่นนี้เป็นการฝึกการเคลื่อนไหวและเพิ่มกำลังกายที่มีอยู่น้อยนิดของเธอ
สรุปว่าให้กำลังหรือแอบตำหนิเธอกันแน่ว่าอ่อนหัดไอ้สัตว์เลี้ยงบ้า!
ความเหน็ดเหนื่อยภายในหนึ่งวันเต็มๆ กับการฝึกแทบจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนวิ่งหนีสัตว์อสูรมาเป็นปี ตอนนี้เธอไม่มีแรงขยับเคลื่อนไหวแขนขาตัวเองแล้ว
ซีแนลนอนแผ่หลากับพื้นหญ้าแล้วนึกก่นด่าคนต้นคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ
“เจ้าหนูเจ้าอดทนได้ดีมาก แม้ว่าข้าจะรำคาญเสียงบ่นของเจ้าอยู่สักหน่อยเถอะ”
ตานักรบเฒ่าส่งเสียงหัวเราะร่าขณะที่เอาอะไรบางอย่างให้เธอดื่ม คาดไม่ถึงว่าพอดื่มของเหลวเหล่านั้นลงคอไปแล้วร่างกายที่ระบมไปด้วยอาการเคล็ดยอกเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บพุพองตามฝ่ามือของเธอค่อยๆ หายทุเลาลงพร้อมทั้งพละกำลังที่ฟื้นคืนมาจนเป็นปกติ
“ตาเฒ่าเอาอะไรให้ฉันดื่มเนี่ย?”
ซีแนลถามอีกฝ่ายขณะกระโดดเต้นดึ๋งๆ กับพื้นทดสอบอย่างดีใจที่พละกำลังกลับคืนมา และดูเหมือนว่าเธอจะสามารถเคลื่อนไหวและขยับตัวได้ไวขึ้นอย่างที่อีกฝ่ายคาดไว้จริงๆ ด้วย
“ในมิติพิเศษแห่งนี้อะไรก็ไม่เกินความสามารถของข้าหรอกเจ้าหนู อย่าลืมเสียว่าที่นี่มันเปรียบเสมือนบ้านของข้า”
“นั่นสินะ” เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เอาล่ะ หมดเวลาของข้าแล้ว ต่อจากนี้เจ้าจงไปทำภารกิจที่เหลือของเจ้าเสียเถิด สิ่งที่ข้าให้ได้ก็มีเพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้แหละ” ซีแนลชะงักและเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยอาการวูบโหวงใจทันที
โดยไม่พูดอะไรเธอโผเข้าไปกอดฝ่ายตรงข้ามที่ตัวสูงใหญ่ราวกับยักษ์ด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณ... ขอบคุณมากตาเฒ่า ฉันจะไม่ลืมท่านเลย”
“ข้าก็เช่นกัน”
แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน เธอไม่เคยมีญาติมิตร ไม่มีพ่อแม่ที่คอยดุด่าว่ากล่าวหรือเขี้ยวเข็นสั่งสอน นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเกิดความรู้สึกอบอุ่นหัวใจกับคนอื่นนอกจากพี่ๆ ทั้งสามอย่างแปลกประหลาด
“เจ้าจงระวังให้ดี เพราะทุกๆ ย่างก้าวต่อจากนี้ล้วนรายรอบไปด้วยอันตราย ลาก่อนเจ้าหนู” สิ้นเสียงของอีกฝ่ายซีแนลก็พลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในห้องโถงที่มืดสลัวและแสงไฟจากตะเกียงดวงเล็กๆ ส่องกระทบผนัง
บรรยากาศสดชื่นที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ บ้านไม้หลังโทรมๆ ริมน้ำและคันเบ็ดตกปลาไม้ไผ่เก่าๆ ที่อีดานชอบใช้ไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว และนั่นก็รวมไปถึงสัตว์เทพอสูรนักรบไร้พ่ายเชตินด้วยเช่นกัน
“ลาก่อนตาเฒ่า” เธอกระซิบกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์
ซีแนลยกมือปาดน้ำตาที่ไหลซึมหางตาทิ้งอย่างลวกๆ แล้วหันไปสั่งกำชับกับอีดานเสียงเข้มเพื่อเรียกกำลังใจของตัวเอง
“ไปต่อกันเถอะอีดาน”
“ขอรับนายหญิง”
อีดานผงกหัวให้อย่างนอบน้อม จากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็เดินทะลุห้องโถงลงบันไดชั้นล่างไปต่ออีกราวๆ หลายสิบชั้น
จิตใจของซีแนลเริ่มเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง เมื่อพบว่าตัวเองกำลังเดินวนเวียนอยู่ในห้องโถงว่างเปล่าห้องหนึ่งที่ไม่ว่าจะเดินผ่านประตูไปอย่างไรก็วนเวียนกลับมาที่เดิมอยู่เสมอ ตอนแรกเธอยังไม่รู้สึกเอะใจเพราะคิดว่าห้องต่างๆ ก็คงมีลักษณะคล้ายคลึงกันก็เท่านั้น จวบจนกระทั่งสัตว์เลี้ยงของเธอเอ่ยว่ามีบางอย่างแปลกๆ ดังนั้นเธอที่หัวไวจึงได้ทำสัญลักษณ์บนพื้นด้วยปลายเท้าขึ้นมาอย่างที่ไม่มีใครสังเกตได้จุดหนึ่ง เมื่อเวลาล่วงเลยจนเดินผ่านทะลุห้องไปเธอจึงพบว่าตัวเองเดินวนเวียนกลับมาสู่จุดเดิม
“เป็นภาพมายาขอรับนายหญิง พวกเรากำลังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดและอาณาเขตของใครบางคนที่มีพลังแกร่งกล้าในการสร้างภาพลวงตาเช่นเดียวกับข้า หรือไม่... ก็เก่งกาจกว่าข้ามากมายหลายเท่านัก” แม้น้ำเสียงของอีดานจะราบเรียบแต่เธอก็รู้ดีว่ามันล้วนเต็มไปด้วยความตระหนก
“หมายความว่ามีใครบางคนอยู่ที่นี่งั้นสินะ” ซีแนลเอ่ยพึมพำกับตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าแน่วแน่ ขณะคิดว่าน่าแปลกเหลือเกินที่ไม่ได้รับเสียงเตือนจากระบบ
“ออกมา!!”
เธอตวาดเสียงดังลั่นอย่างโมโห ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเธอเบื่อจะเล่นตามเกมของใครบางคนที่อยู่ภายใต้เงามืดเหมือนคนโง่เต็มทนแล้ว
“ฮะ ฮ่าๆ รู้ตัวเร็วเหมือนกันนี่มนุษย์” สิ้นคำพูดของเธอเสียงหัวเราะทุ้มก้องกังวานซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยันก็พลันดังขึ้น
เพียงแค่ไม่ถึงนาทีบรรยากาศรอบกายก็แปรเปลี่ยนอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองและอีดานตกอยู่ภายใต้ท่ามกลางความเงียบของสถานที่หนึ่งที่เป็นเหมือนคุกใต้ดินที่มีโซ่ลูกตุ้มเหล็กกล้าห้อยโยงจากผนังลงมาสู่พื้นหลายเส้น ที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ปราศจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ด้านหน้าชิดฝั่งที่เธอยืนเป็นซี่ลูกกรงเหล็กกล้าที่ไม่สามารถค้นพบทางออก แม้ว่าอีดานจะใช้พลังทำลายหลายครั้งแต่มันกลับไม่สะทกสะเทือน
ซีแนลทอดถอนลมหายใจด้วยความสิ้นหวังนิดๆ เธอหันไปมองสำรวจและให้ความสนใจกับอีกด้านหนึ่งตรงมุมในสุดของห้องแทน ที่ตรงนั้นมีประตูบานหนึ่งถูกสลักลวดลายโบราณสวยงามเก่าๆ แปลกตาอยู่ ที่เธอไม่สนใจในตอนแรกก็เพราะกลัวว่ามันเป็นกลลวง
ซีแนลก้าวเท้าออกไปกลางห้องอย่างลังเล นึกไม่ออกว่าควรจะเปิดมันดีไหม แต่ไม่ทันที่จะได้แตะต้องหรือเอื้อมมือสัมผัสสิ่งใดเสียงประตูก็เปิดกระแทกดังปัง
เธอสะดุ้งเฮือก! หัวใจเหมือนจะหล่นวูบลงสู่ปลายเท้าด้วยความตกใจกับการปรากฏตัวของฝ่ายศัตรูอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงระบบที่ดังขึ้นจนทำให้ดวงตาเบิกกว้าง
สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีม ระดับชั้น จักรพรรดิ เลเวล 500 ปรากฏตัว ผู้เล่นที่ถูกสัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมสังหาร เลเวลลดลง 500 ระดับ รอเวลาในการเกิดใหม่ 7 วัน
ทันทีที่ร่างของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นแข้งขาของเธอก็แข็งทื่อจนก้าวไม่ออก ซีแนลลืมตัวจนแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองที่จู่ๆ ก็รู้สึกวูบคล้ายจะหมดสติ ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกระชากของอีดานที่ทำให้เธอถอยออกมาหลายก้าวด้วยความหวาดเกรงแล้วละก็เกรงว่าเธออาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารและตายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้วก็เป็นได้
“ศัตรูพยายามจะสะกดท่านขอรับนายหญิง” อีดานเอ่ยกระซิบบอกกับเธอเบาๆ
“อีดานขอบใจ” เธอกระซิบตอบอีดานขณะที่ขนลุกซู่เมื่อสายตาเหลือบจ้องมองศัตรูเบื้องหน้า
ซีแนลรีบตั้งสติจากชายหนุ่มรูปงามผมสีเงินยาวสลวยเหมือนจะเปล่งประกายเป็นไอเล็กๆ ที่ริมฝีปากประดับรอยยิ้มของเทวดาผู้แสนใจดี
สัตว์เทพอสูรเบื้องหน้าทำให้เธอรู้สึกตะลึงตะลานอย่างห้ามไม่อยู่ รูปโฉมที่งดงามอย่างน่าหลงใหลภายใต้ชุดสีขาวขลิบทองที่สวมใส่ซึ่งมีส่วนคล้ายกับพวกจอมเวทผู้สง่าและสูงส่งอย่างที่ใครก็ยากจะเทียบติด รัศมีรอบตัวเปล่งประกายสว่างงดงามดูระยับจับตาเหมือนต้องดวงอาทิตย์ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นอันเป็นต้องถูกความงดงามนั้นดึงดูด
“ลีม...นั่นคือนามของข้า ยินดีที่ได้รู้จักสาวน้อย เหยื่อของข้าในรอบหลายพันปี”
ซีแนลขนลุกซู่เมื่อริมฝีปากที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มใจดีเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเหยียดหยันอย่างร้ายกาจ
ทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยแรงกดดันอย่างมหาศาลซีแนลก็พลันแข้งขาอ่อนยวบจนทรุดลงกับพื้น
เธอตระหนักได้ในทันทีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เธอจำเป็นต้องวิ่งหนี!
นี่มันไม่ต่างกับสัตว์เทพอสูรระดับสูงที่เธอเคยเจอมาเลย ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้น่าหวาดกลัว!
ภายใต้บุคลิกเรียบนิ่งของเขาดูขัดแย้งกับรัศมีเข่นฆ่าที่ปล่อยออกมา แม้อีกฝ่ายจะยังยืนนิ่งไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่มันน่าหวาดกลัวเสียจนทำให้เธอนึกภาพความเหี้ยมโหดของสัตว์เทพอสูรราลูเลียซ้อนทับขึ้นมา
ไม่ไหว! เธอสู้ไม่ไหวแน่ๆ แม้แต่อีดานก็เช่นกัน
“นายหญิงโปรดวางใจ ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลกข้าก็จะปกป้องท่าน” อีดานเอ่ยขณะพยุงให้เธอลุกยืน
“โอ้ย! อีดานอย่าเพิ่งขยับ!”
ซีแนลหวีดร้องเสียงดังเพราะทันทีที่เธอเคลื่อนขยับสายลมคมกริบก็พุ่งจู่โจมเข้าใส่ ผิวของเธอถูกกรีดยาวจนเลือดไหล อีดานชะงักค้างเมื่อเห็นว่าบนแก้มขวาและตามแขนขาของเธอปรากฏร่องรอยกรีดเล็กๆ เป็นเส้นยาวคล้ายรอยบาดของคมมีด
“หึ ไม่ว่าใครข้าก็ไม่ปล่อยให้ผ่านได้ง่ายๆ อย่างเช่นสัตว์อสูรโง่เง่าตนอื่นที่ปล่อยเจ้ามาหรอกนะ ที่สำคัญข้าก็ไม่โง่ขนาดปล่อยให้เหยื่อที่หมายตาแล้วหลุดมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน” สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมหัวเราะและจ้องมองเธอด้วยแววตาคุกคามดุดัน
เมื่อได้สบตาเข้ากับแววตาของอีกฝ่าย เธอก็รู้สึกสะพรึงกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏ ซีแนลไม่สามารถหลอกหรือปลอบโยนตัวเองให้เลิกหวาดกลัวบุคคลผู้อยู่เบื้องหน้าได้เลย รัศมีไอมืดแผ่พุ่งกระจายกดดันจนรู้สึกปวดแสบบาดแผล แขนขาของเธอเริ่มสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่
“ท่านบังอาจเกินไปแล้ว!” อีดานตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างเต็มที่เมื่อเห็นว่าเธอโดนเล่นงาน
“อย่า! อีดาน!”
ไม่ทันที่เธอจะร้องห้ามอีดานก็พุ่งจู่โจมเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
เปรี้ยง!
แรงปะทะจากพลังอำนาจจากทั้งสองฝ่ายทำให้พื้นรอบๆ สั่นสะเทือน ร่างของอีดานถูกผลักกระเด็นออกมาจนปะทะเข้ากับกำแพง นั่นเป็นผลจากคู่ต่อสู้อีกฝ่ายมีพลังอำนาจเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ซีแนลเบิกตากว้างเมื่อสัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมแสยะยิ้มและย่างก้าวช้าๆ ไปหาอีดานอีกครั้ง ร่างโครงกระดูกที่ดูอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงในชุดคลุมสีดำบัดนี้ได้รับผลกระทบจนบาดเจ็บอย่างสาหัส อีดานพยายามหยัดตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลโดยใช้ฝ่ามือโครงกระดูกของตัวเองยันกำแพงเพื่อลุกขึ้นยืนหยัด
โครม!
เสียงปะทะดังลั่นจนพื้นสะเทือนทำให้ซีแนตกตะลึงเมื่อร่างของอีดานถูกฟาดด้วยพลังชั่วร้ายบางอย่างที่มองไม่เห็นอย่างรุนแรงมหาศาลจนทรุดลงและลุกไม่ขึ้นอีก
ร่างโครงกระดูกของอีดานนอนคว่ำหน้าราบพื้นแทบเท้าสัตว์เทพอสูรในร่างชายหนุ่มผมสีเงินผู้งดงามเฉิดฉันท์ ซีแนลกัดฟันข่มความเจ็บปวดอย่างเหนือกำลังเมื่ออีกฝ่ายยกเท้าหมายจะกระทืบซ้ำลงบนร่างอีดาน
มือทั้งสองข้างของเธอรวมกำลังแล้วคว้าที่ขาข้างนั้นทำให้อีกฝ่ายหันขวับมาจ้องมองเธอเขม็งด้วยแววตาดุดันน่ากลัว
ซีแนลรู้ได้ในทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาฆ่าอีดานให้ตายแน่ๆ
“หยุด! ได้โปรด อย่าฆ่าเขา ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าฉันแทน” สิ้นเสียงคำดังกล่าวอีกฝ่ายก็เงยหน้าหัวเราะเยาะเธอลั่น
เวลานี้เธอไม่สนหรอกว่าจะต้องใช้ความอดทนแค่ไหน ขอเพียงแค่อีดานอย่าตายก็พอ เธอรู้ดีว่าสัตว์อสูรเมื่อกลายเป็นสัตว์เลี้ยงจะมีเพียงชีวิตเดียวไม่เหมือนผู้เล่นที่ตายแล้วสามารถกลับไปเกิดยังจุดเริ่มต้นที่บันทึกได้
ฉะนั้น เธอจึงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอย่างเด็ดขาด และหากมีใครต้องตายหรือมีเพียงแค่หนทางรอดเพียงทางเดียวของเธอ คนๆ นั้นต้องไม่ใช่อีดาน ต่อให้เธอทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จหรือต้องฆ่าตัวตาย เธอก็จะทำ!
“สาวน้อย เจ้าไม่รู้หรือว่าการปลิดชีวิตผู้อื่นมันน่าสนุกแค่ไหน โดยเฉพาะการลิ้มรสชาติการทรมานของมันก่อนตายข้าชอบนักล่ะ ส่วนเจ้าคงต้องรอสักประเดี๋ยว เพราะหลังจากที่ข้าจัดการกับมันแล้วรายต่อไปก็คือเจ้า” สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมเลียริมฝีปากและก้มมองอีดานด้วยแววตากระหายเลือดการเข่นฆ่า
ซีแนลรู้สึกสิ้นหวังอย่างขมขื่นอย่างที่สุด เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอและทำอะไรไม่ได้ มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่นอย่างไร้ทางสู้ ในเมื่อไม่มีวิธีไหนให้รอด หนทางเดียวที่เธอจะช่วยอีดานได้คือต้องหันเหความสนใจของอีกฝ่าย
“นายหญิง ไม่... ข้ายอมตาย” อีดานเอ่ยขึ้นเหมือนจะรู้ความคิดของเธอ
“เงียบ! หุบปากเดี๋ยวนี้” เธอตวาดลั่นอย่างโมโห ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างระดมทุบและผลักศัตรูพร้อมก่นด่าไม่หยุดปาก
“ผู้ทรยศงี่เง่า! ชั่วช้า! เจ้าสัตว์ร้ายชั้นต่ำ! เจ้าสัตว์อสูรโง่เง่าสมองเท่ารูหนู!” เธอพ่นคำหยาบคายใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เหลือภาพพจน์ของสาวน้อยผู้แสนน่ารัก
“มนุษย์เจ้าช่างสามหาวนัก! กล้าดีอย่างไรมาลบหลู่ข้า!!” อีกฝ่ายคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวจนอากาศรอบๆ สั่นสะเทือน แววตาทั่งคู่ที่เคยเปล่งใสพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยโทสะ มันหันมาเล่นงานเธออย่างที่มาดหมาย
หมับ!
มือหนาเรียวที่เต็มไปด้วยเล็บยาวเฟื้อยทั้งห้านิ้วกำรวบเข้าที่ลำคอแล้วกระชากจนเธอลอยขึ้นกลางอากาศทันที ซีแนลดิ้นขลุกขลักใช้มือทั้งสองข้างทุบตีเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อย ขาทั้งสองข้างแกว่งไกวอย่างไร้หนทางหนีเหมือนปลาที่ดิ้นอยู่บนพื้นดินเมื่อขาดน้ำ
ซีแนลรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหน้าซีดเขียวเพราะขาดอากาศหายใจมากขึ้นทุกขณะ
“นายหญิง!”
อีดานตะโกนลั่นแล้วพุ่งมาช่วยเธอ แต่ช้ากว่าศัตรูเบื้องหน้าที่หันไปฟาดฟันพลังใส่เขาทั้งที่มืออีกข้างยังกำรอบคอเธออยู่โดยไม่เสียแรงแม้แต่ขยับตัว แววตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องมองทั้งเธอและอีดานราวกับจะบดขยี้ไม่ให้เหลือ
ซีแนลรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดดิ้นหนีอย่างทรมาน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอรู้สึกพ่ายแพ้เท่านี้มาก่อน โดยเฉพาะดวงตาทั้งคู่ที่เริ่มพร่าเลือน มือทั้งสองข้างที่กำรอบบนฝ่ามือสัตว์เทพอสูรที่บีบคอเธอเริ่มคลายออกและหมดแรงลง
ในขณะที่เธอกำลังจมดิ่งและใกล้สู่ความตายนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันเกิดขึ้น!
“นี่เจ้า!!!”
สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมตวาดลั่นอย่างเดือดดาลโมโหขณะที่โยนร่างของเธอออกจนกระแทกกำแพงราวกับโดนของร้อนลวกมือ
“แค่ก! แค่ก!”
ซีแนลสำลักและรีบสูดอากาศหายใจเข้าปอดพัลวัน ดวงตาทั้งคู่ของเธอเริ่มกลับมามองเห็นชัดอีกครั้ง เธอพบว่าแววตาดวงก่ำของสัตว์เทพอสูรเบื้องหน้าจ้องมองเธออย่างตกตะลึง
“เจ้าทำพันธสัญญากับราลูเลีย!! ทำไมไม่บอกข้า ถ้าข้าไม่สัมผัสโดนรอยสักที่แขนนั่นข้าคงลงมือฆ่าเจ้าไปแล้ว หรือเจ้าตั้งใจให้ข้ากลายเป็นศัตรูกับยัยอสรพิษจอมอาฆาตแค้นนั่นหา!!”
ซีแนลหน้าเหวอ ก่อนจะเริ่มเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายว่าระหว่างเขากับสัตว์เทพอสูรราลูเลียต้องมีความสัมพันอะไรบางอย่างกันแน่นอน
ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าสัตว์เทพอสูรชั่วร้ายกระหายเลือดตนนี้ไม่มีทางปล่อยให้เธอรอดชีวิตจากน้ำมือเมื่อครู่เป็นแน่
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนอยากจับเจ้าสัตว์เทพอสูรตรงหน้ามาโขกหน้าผากกับกำแพงเสียให้เข็ด เรื่องอะไรมายัดเยียดความผิดให้เธอกันล่ะ ช่วยไม่ได้ในเมื่ออยากทำตัวหยิ่งยโสไม่ตรวจสอบสถานะของเธอเอง
เจ้าบ้านั่นตั้งใจจะฆ่าเธอเองต่างหาก!
เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวข้องยังไงกับสัตว์เทพอสูรราลูเลียกันล่ะเนี่ย
“มนุษย์ก็คือมนุษย์! ช่างสรรหาเรื่องให้ข้าลำบากใจเสียจริง! ให้ตายสิ จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ เช่นนี้แล้วข้าคงอกระเบิดแตกตายเป็นแน่” ซีแนลมองอีกฝ่ายที่ทำท่าปั้นปึ่งโมโห
“ท่านรู้จักสัตว์เทพอสูรราลูเลียด้วยหรือ?”
เธอเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะดูเหมือนว่าสัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมจะระเบิดอารมณ์ด้วยการซัดพลังใส่กำแพงรอบข้างจนสั่นสะเทือนไม่ยั้ง
“หึ มิใช่แค่รู้จัก! ยัยผู้หญิงชั่วช้าคนนั้นเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของข้าเชียวล่ะ! สักวันนางต้องตายด้วยน้ำมือของข้า!”
คำอธิบายของอีกฝ่ายทำให้ซีแนลเกิดความงุนงงอย่างหนัก เพราะหากเป็นศัตรูกันจริงทำไมถึงไม่ลงมือสังหารเธอล่ะ
“เพราะเป็นศัตรูจึงเป็นมิตรด้วย ข้าไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังทั้งหมดหรอกว่าข้ากับยัยเทพอสูรจอมอาฆาตนั่นเคยมีผลประโยชน์ร่วมกันมากแค่ไหน เรื่องนั้นช่างเถอะ! เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้เสียแล้ว! ให้ตายสิ เมื่อหลายพันปีก่อนข้าไม่น่าหลงกลตกลงทำสัญญาสงบศึกกับยัยผู้หญิงชั่วช้าสามานย์นั่นเลย เพราะเช่นนี้ข้าถึงฆ่าเจ้าไม่ได้อย่างไรเล่า!!”
สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมตวาดใส่เธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด น้ำเสียงและกระแสพลังฟาดฟันจนทำให้เกิดกระแสลมกระทบรอบด้านสั่นสะเทือน
หลังจากรู้เหตุผลทั้งหมดแล้วซีแนลก็เริ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามที่แผ่รัศมีความเคียดแค้นกระจายคละคลุ้งจนเป็นไอดำมืด รอยยิ้มเล็กๆ ที่ริมฝีปากของเธอเป็นอันต้องหุบลง
เธอไม่เคยเจอใครที่มีรูปร่างหน้าตาและนิสัยขัดแย้งกันเท่านี้มาก่อน ทั้งที่เป็นผู้มีใบหน้างดงามอย่างน่าหลงใหลจนหาใดเปรียบแต่ทว่านิสัยกลับโหดเหี้ยมกระหายเลือดและฝักใฝ่การเข่นฆ่าอย่างร้ายกาจ
สาบานว่าคราวหน้าถ้าเธอบังเอิญเจอใครที่มีคุณสมบัติแบบนี้ละก็เธอจะรีบหาหนทางหนีให้ไกลจากคนๆ นั้น และไม่ทำความรู้จักด้วยอย่างเด็ดขาด
ซีแนลขยับตัวเล็กน้อย ร่างกายปวดเมื่อยเสียจนไร้เรี่ยวแรง แขนขาของเธอรู้สึกชาจนแทบจะลืมอาการบาดเจ็บของบาดแผลที่เกิดก่อนหน้า เลือดไหลซึมกระจายเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อผ้า และมีรอยกรีดตามแขนขาเพิ่มขึ้นหลายแห่งซึ่งเป็นผลมาจากการกระแทกเมื่อครู่
ทันทีที่นึกอะไรบางอย่างได้เธอก็รีบหันไปมองอีดาน
“อีดาน!”
ซีแนลหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความกังวล อีดานนอนสลบอยู่ตรงกำแพงฝั่งตรงข้ามราวกับซากโครงกระดูกสีขาวร่างของคนตายที่ไร้ชีวิต แม้เสื้อคลุมสีดำที่เคยขาดวิ่นก่อนหน้าจะเริ่มซ่อมแซมสภาพให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอลดความกังวลใจลงได้เลย
เธอจำได้ว่าอีดานถูกเล่นงานอย่างหนัก แม้จะเป็นเพียงสองสามครั้งแต่พลังที่จู่โจมเข้าใส่ก็เป็นฝีมือจากสัตว์เทพอสูรที่ต่างระดับกันนัก มันเพียงพอที่จะคร่าชีวิตเขาได้เช่นกัน
“หึ สาวน้อย ข้าไม่ฆ่าเจ้าก็จริง แต่ใช่ว่าข้าจะปล่อยสัตว์เทพอสูรต่อยต่ำตนนี้ไป” น้ำเสียงคุกคามที่เอ่ยขึ้นทำให้เธอตัวเย็นเฉียบ ซีแนลหันขวับไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าซีดเผือด
หมายความว่ายังไง!?
อย่าบอกนะว่าจะไม่ปล่อยให้อีดานมีชีวิตรอดอย่างนั้นเหรอ
“เดี๋ยว! ฉันไม่เข้าใจ”
ซีแนลมองหน้าสัตว์เทพอสูรเบื้องหน้าด้วยความกล้าทั้งหมด เวลานี้ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมปล่อยให้สัตว์เลี้ยงที่สำคัญของเธอต้องตายไปแน่ๆ ชีวิตของเธอพบเจอกับความสูญเสียมามากมายหลายอย่าง แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้!
ไม่เอาอีกแล้ว!
ไม่มีวันเสียล่ะกับการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวและสูญเสียผู้ที่เปรียบเสมือนเพื่อนคนแรกที่ซื่อสัตย์กระทั่งยอมถวายชีวิตอย่างเช่นอีดานไป
“หมายความว่าข้าต้องยอมปล่อยเจ้าให้ผ่านภารกิจนี้ไปด้วยความไม่เต็มใจนะสิสาวน้อย”
บัดนี้สัตว์เทพอสูรผู้ทรยศลีมไม่ได้มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว แต่สีหน้าและแววตาที่ประกายด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างมีแผนนั่นทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
To be continue…
ความคิดเห็น