คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: หนึ่งในสิบสองราชา (1)
พิ ภ พ ร า ชั น ย์ • อ อ น ไ ล น์
ตอนที่ 3 หนึ่งในสิบสองราชา (1)
ซีแนลเงยหน้าขึ้นและสบตากับฝ่ายตรงข้าม เธอยืนประชิดเขาและสังเกตว่าชายหนุ่มที่เอ่ยอ้างว่าเป็นพี่ชายของเธอผู้นี้มีผมสีทองเช่นเดียวกับเธออย่างไม่ผิดเพี้ยน มือเธอกำแน่นขึ้นอีกเมื่อดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาปราศจากแววเสแสร้ง
ขณะที่ทั้งคู่ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ ไม่มีใครขยับ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงขยับตัวก่อนแล้วสูดลมหายใจลึกๆ
เอาล่ะ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะพูดความจริงมากแค่ไหนก็ตาม อย่างไรเสียเธอเองก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาตัวรอดมาทั้งชีวิตแล้ว การแก้ตัวคงไม่มีอะไรดีขึ้น อย่างนั้นเธอควรสวมรอยซะเลยดีไหม!
“คะ... คือฉันความจำเสื่อม”
“ว่ายังไงนะ!”
“ฉันจำใครไม่ได้”
“...”
“หมายความว่ายังไง? ไม่ใช่ว่าน้องต้องรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพี่หรอกเหรอ” อีกฝ่ายเอ่ยถามเสียงเข้มด้วยสีหน้าแปลกใจแกมกังวลเล็กน้อย
“หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ฉันก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองและโลกใบนี้สักนิดเดียว” เธอบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“ให้ตายสิ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ฝ่ายตรงข้ามครางออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะรีบปรับน้ำเสียงเป็นนุ่มนวลและเอ่ยกับเธออีกครั้ง “อย่างนั้นนับแต่นี้ไปจำไว้ว่าพี่ชื่อคาเธอร์”
เธอนิ่งมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลังเล “แน่ใจนะว่าเป็นพี่ชายของฉัน จริงๆ ไม่ได้จำผิด”
“พี่เป็นพี่ชายของเธอแน่นอน! ไม่ว่าอย่างไรพี่ก็จำเธอได้ การตรวจสอบข้อมูลแค่นี้เป็นความสามารถที่พี่ต้องมีอยู่แล้ว อย่าได้กังวลเลยน้องรัก” พอพูดจบเขาก็เอามือกดลงที่หัวคิ้วยับย่นของเธอเบาๆ
“สบายใจเถอะไม่ผิดตัวหรอก ทักษะการตรวจสอบของพี่อยู่ในระดับสูงมาก ยิ่งเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันพี่ไม่มีทางพลาดหรอกเข้าใจไหม” อีกฝ่ายเอ่ยขณะยกมือลูบหัวเธอเบาๆ
เธอพยักหน้าแต่โดยดี เวลานี้ไม่อะไรน่าเป็นห่วงเท่ากับการมีพี่ชายที่ไม่รู้จักโผล่ขึ้นมาในชีวิตนี่แหละ ที่สำคัญยังได้ยินว่ามีคนอื่นๆ อีกด้วย
“น้องทำให้พี่รู้สึกประหลาดใจมากเลยรู้มั้ย ความจริงแล้วพี่คาดเดาไว้ตั้งมากมายเกี่ยวกับการพบหน้ากันของเรา เอาเป็นว่าตอนนี้เราเข้าใจกันแล้วนะ” คาเธอร์เอ่ยพร้อมทั้งขยับยิ้มอ่อนโยนให้เธอ
ซีแนลพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็เออออตามไปก่อน เพราะอย่างน้อยการมีพี่ชายให้พึ่งพาก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยทีเดียว
“เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือเดินทางไปยังจุดเคลื่อนย้ายเพื่อกลับบ้าน”
“จุดเคลื่อนย้ายอะไร?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยจนอีกฝ่ายแสดงสีหน้าตกใจ
“ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่านี่น้องไม่รู้กระทั่งเรื่องเวทมนตร์เคลื่อนย้าย”
เธอพยักหน้าตอบ
“ช่างเถอะ อย่าได้กังวลเลย เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องทั้งหมดเอง แต่น้องไม่เหมือนอย่างที่พี่คาดไว้เลยสักนิด”
“แล้วปกติฉันเป็นยังไงเหรอ” เธอถามด้วยความสงสัย
“หึๆ เมื่อก่อนนี้เธอเย็นชาและมีจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าใครทั้งหมดในบรรดาพวกเรา ความเก่งของเธอแม้แต่พี่ใหญ่ที่ชื่นชอบการฆ่าฟันยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ใครสักคนที่กล้าสบตากับเธอแทบนับจำนวนได้เลยรู้มั้ยและน้อยคนนักที่รู้ว่าหน้าตาเธอเป็นยังไง เพราะส่วนมากคนพวกนั้นล้วนสิ้นลมหายใจไปแล้วหมดสิ้น ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ยอมเปล่งเสียง จนพวกเราคิดว่าแท้จริงแล้วเธออาจจะเป็นใบ้ พวกเราเกือบจะหาคำตอบได้แล้วถ้าไม่ติดที่ว่าเมื่อสามปีก่อนเธอก็ไปก่อเรื่องสังหารหมู่ไว้ในทวีปปีศาจก่อนจะหายตัวไป”
“อะไรนะ! ฆ่าคน ฉันนะเหรอ?”
“ใช่สิ เรื่องที่เธอลักลอบเข้าไปในทวีปปีศาจแล้วลงมือสังหารพวกนักโทษประหารเดนตายในหุบเขาต้องห้ามที่ขึ้นชื่อว่ามีฝีมือร้ายกาจและถูกกักขังไว้ในส่วนลึกของที่นั่นอย่างเลือดเย็นจนไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตเดียว เศษซากศพและหยาดโลหิตที่ชโลมผืนดินละลานตาไปทั่วทำให้ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิต ดีที่ท่านพ่อช่วยออกหน้าเจรจาแก้ปัญหานี้กับราชาปีศาจให้สงบลงได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ และแค่เพียงบอกพวกนั้นไปว่าเป็นฝีมือของบุตรจอมมารคนที่สี่ที่นึกอยากจะเล่นสนุกขึ้นมา หึ เจ้าน่าโง่พวกนั้นมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นผู้หญิง รู้มั้ยน้องรักถ้าพวกมันรู้ความจริงข้อนี้ละก็คงแทบอยากกลั้นใจตายกันเลยเชียวล่ะที่ถูกเหยียดหยามด้วยฝีมือของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ดินแดนนี้เธอมีชื่อเสียงและค่าหัวมากกว่านักฆ่าในทวีปสเลฟหลายร้อยเท่าซะอีก แต่จะแปลกอะไรล่ะในเมื่อน้องรักของพี่ลงมือสังหารนักโทษปีศาจฝีมือเยี่ยมพันกว่าคนโดยใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียว” เสียงเล่าที่เอ่ยอย่างสนุกสนานทำให้เธออ้าปากค้างเลยทีเดียว
บ้าน่า! ฆ่าคนเนี่ยนะ ตั้งพันคน! โอ๊ย! นั่นไม่ใช่ฉันนะ
ทำไมปัญหาเยอะแยะอะไรอย่างนี้เนี่ย ถึงจะโชคดีที่เหมือนได้เกิดใหม่ในร่างที่ดีกว่าเดิม แต่เธอชักไม่แน่ใจซะแล้วสิว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
บ้าเอ๊ย! นั่นมันไม่ใช่ตัวเธอเลย ถึงเธอจะเจ้าเล่ห์ ตลบตะแลงเอาตัวรอดเก่ง แต่ก็ไม่เคยคิดล้อเล่นเห็นชีวิตของใครเป็นผักปลาหรอก ทุกชีวิตมีค่ามีความหมายเท่าเทียมกันทั้งนั้น
“ซีแนลเดี๋ยวก่อนๆ ที่พูดมาทั้งหมดพี่แค่ล้อเล่นเราเล่นหรอกนะ เชื่อด้วยเหรอเนี่ย”
ว่าไงนะ!
เธอหันขวับไปค้อนใส่คนพูดที่กำลังกลั้นยิ้มขบขันตาเขียว
ให้ตายผู้ชายคนนี้ช่างหยอกล้อไม่ดูเวลาเอาซะเลย
“ก็เห็นน้องทำหน้าเครียดๆ พี่เลยล้อเล่นนิดหน่อย”
นิดหน่อย!? นั่นนะเหรอที่เรียกว่านิดหน่อย
“ต่อไปห้ามพูดเรื่องน่ากลัวแบบนี้อีกนะเข้าใจไหม ฉันเป็นน้องของนาย ส่วนนายคือคาเธอร์ ตกลงว่าฉันเข้าใจแล้ว” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ใช่ พวกเราสองคนเป็นบุตรของท่านพ่อผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองทวีปมารมาถึงห้าพันปี”
“ห้าพันปี!” ฉันร้องเสียงดังอย่างตกใจ
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมื่อในโลกนี้เกือบทุกทวีปทุกคนล้วนมีอายุยืนยาวนับพันปี โดยเฉพาะท่านพ่อปีนี้ย่างเข้าปีที่ห้าพันหกร้อยแล้วด้วยซ้ำ”
“ว่าไงนะ! ห้าพันหกร้อยปี!!” นะ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ล้อเล่นอีกใช่มั้ยเนี่ย
“หืม อะไรกัน แม้กระทั่งเรื่องนี้เธอยังลืมมันด้วยหรือ”
“ละ... แล้วตอนนี้ฉันกับพี่พวกเราอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“ปีนี้เธออายุร้อยสิบห้า ส่วนพี่ก็ย่างเข้าปีที่เก้าร้อยสิบสี่”
“ร้อยสิบห้ากับเก้าร้อยสิบสี่!! คนหรือปีศาจกันแน่เนี่ย! ให้ตายสิ นี่ฉันแก่ขนาดอายุร้อยสิบห้าปีเลยเหรอ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ร่างจริงของฉันถึงมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างไปจากเด็กอายุสิบหกเลยล่ะ” ฉันบ่นออกมาอย่างตกตะลึง
ที่ผ่านมาก็นับว่าเหลือเชื่อจนทำเอาฉันแทบเป็นบ้าวันละหลายรอบแล้วนะ แต่นี่ยังต้องมาเจอเรื่องที่บ้ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดอีก ต่อไปถ้าต้องเจอกับเรื่องประหลาดแบบไหนก็คงไม่ตกใจมากไปกว่านี้แล้วล่ะ
“เธอพูดอะไร อายุแค่ร้อยปีกว่าๆ ถือว่ายังเด็กมากนัก ส่วนใหญ่แล้วพวกที่อายุไม่ถึงสามร้อยปีถือว่ายังเป็นเด็กอยู่ทั้งนั้นและไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากทวีปด้วยซ้ำ”
“ไอ้เรื่องแก่ไม่แก่ช่างมันเถอะ แต่ที่สงสัยคือทำไมพี่กับฉันอายุถึงได้ต่างกันมากนักล่ะ ถ้าพี่อายุเก้าร้อยสิบสี่ปีจริง แล้วทำไมถึงมีอายุมากกว่าฉันตั้งเกือบแปดร้อยปีล่ะ”
แปดร้อยปีเชียวนะ!
“หึ เรื่องนี้เองเหรอ ไม่แปลกอะไรหรอกในเมื่อเราสืบเชื้อสายโดยตรงจากท่านพ่อที่เป็นถึงราชาแห่งจอมมาร เหล่าราชาทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมีลูกยากด้วยกันทั้งนั้น บางเผ่าพันธุ์ถึงกับต้องใช้เวลานับพันปีถึงจะตั้งครรภ์เลยก็มี อย่างเช่นเธอที่มีอายุห่างจากพี่ตั้งแปดร้อยปียังไงล่ะ ยิ่งเผ่าพันธุ์ไหนที่แข่งแกร่งมากก็ยิ่งต้องใช้เวลามากในการให้กำเนิดทายาท มันเป็นกฎของธรรมชาติที่ป้องกันไม่ให้ผู้มีพละอำนาจเหนือกว่าคนอื่นมีจำนวนมากเกินไป เพราะในอดีตการเข่นฆ่าแย่งชิงอำนาจกันเองก็เคยมีให้เห็นกันมามากแล้ว เท่าที่รู้เผ่าพันธุ์แวมไพร์แห่งทวีปพาเทียตอนนี้มีข่าวลือออกมาว่าพวกเจ้าชายทั้งเก้าเริ่มลงมือต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงลำดับรัชทายาทอันดับหนึ่งกันแล้ว”
โลกนี้ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากโลกที่ฉันจากมาเลยสินะ ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่พวกโลภมาก บ้าอำนาจ เห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น
“แล้วพี่ล่ะ พี่ไม่คิดจะทำอย่างนั้นกับฉันบ้างเหรอ ตอนนี้ฉันก็อ่อนแอและเป็นแค่เด็กไร้ฝีมือไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาอ่อนแอผู้หนึ่ง ถ้าคิดจะทำอะไรตอนนี้ก็สามารถลงมือได้อย่างง่ายดายไม่ใช่เหรอ”
ทันทีที่พูดจบคาเธอร์ก็มองหน้าฉันอย่างตะลึง ก่อนจะเก็บอาการกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
เธอพูดอะไรผิดเหรอ นี่มันไม่ใช่เรื่องขำนะ ดินแดนนี้ยังมีเรื่องประหลาดอะไรอีกก็ไม่รู้
“หึๆ เธอนี่ตลกจริงๆ พูดอะไรของเธอน่ะ รู้ไหมความขี้สงสัยเหมือนเด็กตัวเล็กๆ อันแสนน่ารักน่าชังของเธอทำให้พี่รู้สึกขำจนเกือบลืมบทพูดเชียวนะ พวกเราเผ่าพันธุ์มารไม่มีวันสู้หรือฆ่ากันเพียงเพราะเรื่องไร้สาระแค่นี้หรอกนะ เผ่าพันธุ์ของพวกเราก็เหมือนกับเผ่าพันธุ์มังกรที่ถือครอบครัวเป็นใหญ่ ยิ่งคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันและอ่อนแอกว่าคนอื่นด้วยแล้ว พวกเรายิ่งแต่จะปกป้องและไม่มีวันคิดลงมือทำร้ายเข่นฆ่ากันเองอย่างเด็ดขาด”
“จริงเหรอ” คำพูดของคนตรงหน้าทำให้หัวใจเธอสั่นรัวไปหมด
“เจอเธอแบบนี้ก็ดี พี่จะได้พาเธอกลับบ้านเสียที ตอนนี้เวลาล่าช้าไปมากทีเดียว ทุกคนต้องดีใจแน่ๆ ที่รู้ว่าเธอปลอดภัย”
จะอะไรก็ช่างเถอะ เพราะที่พูดมาทั้งหมดมันหมายความว่าเธอมีครอบครัวและคนอื่นๆ รออยู่อีกใช่ไหม
ให้ตายสิ หัวใจเธอเต้นระรัวเหมือนติดตั้งระเบิดอยู่แล้ว
นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผลอฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เฮ้อ ให้ตายสิ ตอนนี้พี่ชักรู้สึกกังวลซะแล้ว ซีแนลดูน้องตอนนี้สิใสซื่อเหมือนเด็กทารกเพิ่งเกิดไม่มีผิด” อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วยิ้มขบขัน
“ทารก! จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้เป็นเด็กอมมือแบบนั้นนะ” เธอยกมือขึ้นกอดอกแล้วทำหน้ายุ่งอย่างไม่สบอารมณ์
“ตอนนี้เธอเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่นา” อีกฝ่ายเอ่ยขณะยิ้มกว้างไม่หยุด
“คาเธอร์หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้นะ แล้วเปลี่ยนความคิดบ้าๆ นั่นด้วย ถ้ากล้าว่าฉันเป็นเด็กทารกอีกแค่คำเดียว ฉันจะฆ่าพี่ซะ” เธอแทบอยากจะกระโดดบีบคออีกฝ่ายซะให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อเขาเอามือกุมท้องและหัวเราะกับท่าทางของเธอซะยกใหญ่
ฮึ่ย ไอ้เจ้าพี่บ้า สักวันเถอะเธอต้องเอาคืนแน่คอยดู
หลังจากที่เธอพยายามรบเร้าให้คาเธอร์พามายังประตูเชื่อมต่อทวีปราชันเพื่อเฝ้าชมผู้ทดสอบที่ทำพิธีคัดเลือกเข้าสู่ทวีปก่อนจะกลับบ้านในทวีปมารวันนี้ คาเธอร์ก็ปล่อยให้เธออยู่กับคลีเซอร์ บุรุษผู้มีผมและดวงตาสีฟ้าใสซึ่งเป็นผู้รับใช้หน้าตายของเขา
เป็นเพราะคาเธอร์ติดภารกิจที่ได้รับมอบหมายซึ่งสำคัญหลีกเลี่ยงไม่ได้ คล้ายได้ยินว่าต้องทำการหาจุดที่แน่นอนในการเปิดประตูเคลื่อนย้าย เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจฟังนักเธอจึงไม่รั้นจะติดตามเขาไปด้วย ขณะที่อีกฝ่ายย้ำนักย้ำหนาว่าให้คลีเซอร์พาเธอไปยังจุดนัดพบเพื่อกลับบ้าน
ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอมีเวลาชื่นชมกับการดูพิธีกรรมคัดเลือกผู้คนเข้าสู่ทวีปราชันย์ไม่มาก เนื่องจากคาเธอร์สั่งกำชับผู้รับใช้ของเขาไว้ว่าเมื่อครบเวลาให้พาตัวเธอกลับไปเจอเขาทันที
อีกอย่างซีแนลรู้ดีว่าพี่ชายของเธอร้ายกาจน้อยซะที่ไหน อย่างน้อยเธอก็พอทราบว่าภายใต้บุคลิกใจดีนั่นเต็มไปด้วยความร้ายกาจมากทีเดียว ขนาดผู้รับใช้อย่างคลีเซอร์เองก็ยังน่าหวั่นเกรงไม่น้อยกว่ากันเลย
ซีแนลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
คลีเซอร์เป็นมนุษย์หน้าตายที่เหมือนหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำไม่แม้แต่จะขยับ จนเธออยากจะถามเขาว่ามีปุ่มกดที่เพิ่มความสามารถในการพูดคุยได้มากกว่านี้อีกหรือไม่
ขณะที่เฝ้าชมผู้ทดสอบมากมายคนแล้วคนเล่าไปยืนจดจ่ออยู่หน้าประตูทดสอบจนต้องถอนตัวกลับไป แต่จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งน่าสนใจปรากฏตัวขึ้นมา
เธอไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาเป็นยังไง เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนปิดบังใบหน้าด้วยชุดคลุมสีดำด้วยกันแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่คลีเซอร์ที่ยืนอยู่ข้างกายเองก็เช่นกัน
ทว่าครู่หนึ่งเธอกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่างจากคนที่เพิ่งมาใหม่ เขาดูต่างจากคนอื่นออกไปโดยเฉพาะลวดลายบนผืนผ้าคลุมสีดำ
ขณะที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูแห่งการเลือกสรรได้ไม่นานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีลมพัดหมุนโดยรอบและขอบประตูลามไปถึงกำแพงรอบๆ เริ่มเปล่งแสงเป็นสัญญาณเล็กน้อย
คนๆ นี้ผ่านการคัดเลือกสินะ
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าผ่าลงตรงบริเวณลานหน้าประตูเชื่อมต่อ ทันทีทันใดนั้นก็ปรากฏมังกรตัวใหญ่ยักษ์สีดำตัวหนึ่ง บรรยากาศรอบๆ เงียบลงและเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกใจทันที มังกรที่ปรากฏตัวขึ้นมาน่าดูน่าเกรงขามกว่าตัวที่เธอเคยเจอก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า
ไม่นานมังกรตัวนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งและคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เข้าทดสอบครั้งนี้ทันที
ชายหนุ่มรูปงามที่เพิ่งเปลี่ยนร่างจากมังกรตัวนั้นแสดงความเคารพต่อหน้าบุคคลที่เข้าทดสอบงั้นเหรอ!?
“เกิดอะไรขึ้นน่ะคลีเซอร์” เธอร้องถาม
ถ้าจำไม่ผิดการกระทำเมื่อครู่เหมือนกับตอนที่คลีเซอร์แสดงต่อพี่ชายของเธอไม่มีผิด ต่างตรงว่ามันดูแกร่งกร้าวและตั้งใจแผ่อำนาจให้คนรอบข้างเห็นมากกว่า
เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะชะโงกหน้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่กะพริบตา
“ผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้วเท่านั้นจึงจะข้ามผ่านประตูนี้เข้าไปในทวีปราชันย์ นอกจากจะต้องให้ประตูตอบรับแล้ว ผู้ใดที่ยังไม่มีผู้รับใช้มันก็จะเรียกออกมา”
“คนที่ไม่มีผู้รับใช้สามารถเรียกผู้รับใช้ออกมาได้ด้วยเหรอ” เธอทำตาโต
ได้ยินแต่ว่าคนที่จะเข้าไปได้ต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือมีผู้รับใช้ติดตามตัว แต่จากเวทีประมูลทาสผู้รับใช้มาจากการซื้อขายไม่ใช่เหรอ
เอ๊ะ แต่เท่าที่เห็นคลีเซอร์ก็เป็นผู้รับใช้ของคาเธอร์เหมือนกันนี่
ตามที่คลีเซอร์บอกก่อนหน้าตอนที่เธอซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเขา ผู้รับใช้คล้ายๆ กับอาวุธชิ้นหนึ่งของผู้มีเวทมนตร์ที่แข็งกล้า ส่วนมากพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์ และเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์ภูติที่มีพลังเวทมนตร์ สามารถปรากฏตัวในรูปแบบของสัตว์และรูปร่างมนุษย์ ด้วยการทำพันธสัญญาโดยใช้จิตวิญญาณเลือกเจ้าของ หรืออาจจะถูกซื้อจากการค้าทาส หรือการเอาชนะใจอีกฝ่าย โดยให้สัตย์สาบานผ่านพลังเวทมนตร์ว่าจะไม่ทรยศและจงรักภักดี
“แล้วต่างกันตรงไหนเหรอ” เธอถามด้วยความสงสัย
“ประตูคัดเลือกที่ท่านเห็นเบื้องหน้าสามารถเรียกได้อีกนัยหนึ่งว่าประตูแห่งสัจจะและอำนาจ สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติและความกล้าแกร่งตามเงื่อนไขบางอย่าง ประตูจะสามารถจะเชื่อมจิตวิญญาณและเรียกร้องผู้รับใช้ของตัวเองออกมาโดยทันที นั่นหมายความว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถเรียกผู้รับใช้ที่วัดจากพลังจิตวิญญาณของตัวเองได้ ไม่ว่าผู้รับใช้ของตัวเองจะอยู่แห่งใดพลังนั้นก็จะร้องเรียกหากันและปรากฏขึ้นที่นี่”
“อย่างนั้นทำไมคนอื่นๆ ต้องไปดิ้นรนซื้อหรือบังคับภูติมาเป็นผู้รับใช้ให้เสียเวลาด้วยล่ะ แค่ก้าวย่างไปปรากฏตัวเบื้องหน้าประตูนี่ก็สามารถเรียกผู้รับใช้ของตัวเองออกมาได้แล้วไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิดหรอกเจ้าหญิง ประตูแห่งสัจจะและอำนาจสามารถทำให้ผู้รับใช้ของตัวเองปรากฏตัวออกมาได้ก็จริง แต่ถ้าใครไม่มีพลังและคุณสมบัติเพียงพอ ก็มิอาจเรียกออกมาได้เช่นกัน อีกทั้งคนผู้นั้นจะไม่มีวันมีผู้รับใช้ได้อีกชั่วชีวิต นัยหนึ่งคล้ายกับเป็นคำสาปสำหรับผู้หาญกล้าที่คิดท้าทายต่ออำนาจของประตูแห่งอำนาจ หลังจากนั้นต่อให้พยายามทำพันธสัญญาเวทมนตร์กับผู้รับใช้ตนอื่นสักกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล ด้วยเหตุนั้นถ้าท่านไม่มั่นใจในตัวเองว่าพลังเวทมนตร์ของตนเองแข็งแกร่งมากพอแล้วละก็อย่าได้คิดลองดีโดยไม่มีผู้รับใช้ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วและก้าวข้ามไปปรากฏตัวเบื้องหน้าประตูทดสอบขณะทำพิธีเช่นนี้อย่างเด็ดขาด”
“ถ้ามันน่ากลัวขนาดนั้น ทำไมฉันถึงเห็นคนอื่นๆ ถึงกล้ายืนอยู่ใกล้ประตูเชื่อมต่อนั้นเต็มไปหมดล่ะ”
“เช่นนั้นท่านลองสังเกตดูดีๆ สิว่าพวกเขามีผู้รับใช้ติดตามตัวหรือไม่”
“อ๊ะ จริงด้วย”
ต่อให้เป็นภูติรับใช้ที่ได้จากการถูกซื้อหรือบังคับขู่เข็ญ แต่ก็ถือว่ามีคุณสมบัติสินะ
“เอ๊ะ นั่น! ลูกแก้วสีฟ้าที่อยู่ในมือคนที่สามารถเรียกมังกรมาเป็นผู้รับใช้ให้ตัวเองเมื่อครู่นี้นี่”
“นั่นคือกุญแจ”
“กุญแจ!?” เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัยทันที
“คนที่ผ่านเข้าสู่ทวีปราชันจะได้รับกุญแจ เพียงแค่กำมันให้แตกเท่านั้นก็สามารถเข้าสู่ทวีปราชันย์ได้ทันที”
“อย่างนั้นเองเหรอเนี่ย แล้วถือไว้แบบนั้นเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะขโมยไปเหรอคลีเซอร์”
“ไม่มีใครสามารถขโมยกุญแจของท่านได้หรอก เพราะถ้าถูกช่วงชิงไปมันก็จะกลับคืนสู่มือเจ้าของทันทีเช่นกัน”
“แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลยสินะ” เขาพยักหน้าเบาๆ
To be continue…
ความคิดเห็น