คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: ถูกจับขายเป็นทาส (2)
พิ ภ พ ร า ชั น ย์ • อ อ น ไ ล น์
ตอนที่ 2 ถูกจับขายเป็นทาส (2)
เป็นเวลานับสามวันที่เธอถูกขังรวมกับภูติคนอื่นๆ ในห้องมืดที่ถูกปกคลุมด้วยฟางหญ้าเหม็นอับ ภูติตนอื่นถูกจับตัวมาเพื่อขายเป็นทาสเช่นเดียวกัน
เธอได้ยินผู้เฝ้าที่คุมขังพูดคุยกันว่าวันนี้จะเป็นวันประมูลทาสและอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเขาจะนำตัวพวกเราทั้งหมดออกไป ได้ยินมาว่าเวทีค้าทาสแห่งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างลับๆ ใกล้กับประตูเชื่อมต่อทวีปราชันย์เพื่อสะดวกแก่พวกคัดเลือกที่สนใจซื้อภูติ
เหมือนจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากให้ตัวเองถูกเลือกเข้าสู่ทวีปราชันย์ และข้อแม้หนึ่งในนั้นคือพวกเขาต้องมีผู้รับใช้คู่หู
เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าผู้รับใช้หมายถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ คงไม่ได้หมายถึงผู้รับใช้ธรรมดาทั่วไป บางทีอาจมีเงื่อนไขการทำพันธสัญญาเวทมนตร์อะไรบางอย่างเหมือนที่เซมีนเคยเล่าให้ฟัง
เมื่อเวลาแห่งการประมูลทาสมาถึง สถานที่แห่งนี้ก็ดูคับคั่งขึ้นถนัดตา
เธอและพวกภูติที่ถูกจับตัวมาอีกหลายคนถูกลากออกมาด้านข้างเวทีที่จัดเตรียมไว้อย่างลับๆ โดยมีผ้าคลุมสีดำปิดบังโฉมหน้าเอาไว้
เมื่อลอดมองผ่านรูเล็กๆ ภายใต้ผ้าคุลมก็พบผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น
“สามสิบเหรียญทอง” เสียงชายแก่ถือไม้เท้าคนหนึ่งเสนอราคาเสียงดังกับการประมูลสิ่งแรก จำนวนเงินทำให้เสียงจ้อกแจ้กอื้ออึงพลันเงียบลง
เวทีประมูลทาสบัดนี้ดูเหมือนเงียบไปราวหนึ่งอึดใจ เงินสามสิบเหรียญทองนับว่าไม่ใช่เงินน้อยๆ เพราะเธอได้ยินภูติตนอื่นซุบซิบว่าค่าของหนึ่งเหรียญทองเท่ากับหนึ่งหมื่นเหรียญเงิน เป็นเรื่องธรรมดาที่คนฟังจะหูผึ่ง
มีคนมากมายพกเงินถุงเงินถังมาเพื่อซื้อสิ่งที่ต้องการ การค้าทาสเป็นสถานที่เช่นนี้ สามารถซื้อขายได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตผู้อื่นถ้าหากมีคนต้องการ
“ห้าสิบเหรียญทอง” เสียงหนึ่งค้านขึ้นอย่างรวดเร็ว คราวนี้เกิดเสียงฮือฮาตามมาเป็นระลอก
“หกสิบเหรียญทอง!”
“ข้าให้เจ็ดสิบ!”
“ข้าให้แปดสิบ!”
“ข้าให้หนึ่งร้อย!”
เกิดเสียงโห่เชียร์จากผู้คนรอบด้านที่รอดูเหตุการณ์เป็นการเทคะแนนให้กับผู้ที่เสนอราคาสูงสุด หลายคนเสนอราคาตัดหน้ากันไปมาเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ
ซีแนลมองผ่านรูเล็กๆ ภายใต้ผ้าคลุมถึงกับตะลึง เมื่อพบว่าสิ่งที่ถูกประมูลอันดับแรกของงานนั้นมิใช่ภูติหากแต่เป็นมังกรดำขนาดยักษ์ที่ถูกล่ามโซ่ตรึงขาด้วยลูกตุ้มเหล็กอยู่ด้านตรงข้ามถัดจากฝั่งเวทีที่เธอยืนอยู่
เธอตอบได้โดยไม่ต้องคิด มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเป็นเจ้าของมัน!
ภูติคนหนึ่งหลุดปากกระซิบออกมาว่ามังกรดำตัวนั้นถูกลักลอบจับมาจากทวีปฟรอน เป็นมังกรพันธุ์ดีที่รับใช้สายเลือดกษัตริย์และราชาทวีป หลงเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ร้อยตัว เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ใช้เวทมนตร์มันคือสัตว์ที่คู่ควรเป็นข้ารับใช้อย่างยิ่ง แต่ผู้ใดกันล่ะที่จะได้เป็นเจ้าของมัน?
ไม่นานนานผลก็ปรากฏออกมาว่าชายชุดคลุมปกปิดใบหน้าผู้หนึ่งใช้เงินถึงหมื่นเหรียญทองประมูลมันจนไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
เวทีค้าทาสมีกฎว่าผู้ค้าทาสและทุกคนที่เข้าร่วมต้องปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง เธอจึงไม่สามารถเห็นโฉมหน้าของผู้ประมูลในครั้งนี้
เนื่องจากบางสิ่งที่นำออกมาประมูลไม่ได้มีเพียงแค่ภูติอย่างเดียว แต่ยังมีของมีค่าอย่างอื่นอีกมายมายที่หาค่ามิได้ อันได้แก่ เพชรพลอย ตราราชวงศ์ มงกุฎกษัตริย์ ถึงอย่างนั้นการประมูลทาสที่ถูกจัดขึ้นอย่างลับๆ แห่งนี้ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้มีเงินที่อยู่ในเงามืด
หลังจากการประมูลรอบแรกเสร็จสิ้น รอบต่อไปๆ ก็ดำเนินต่ออย่างรวดเร็ว และเมื่อสิ่งประมูลรายการสุดท้ายดำเนินมาถึง... ผ้าคลุมตัวของเธอก็ถูกปลดลง
ทุกสายตาพลันเบิกกว้างจับจ้องมองมาที่เธออย่างตกละลึง โซ่ตรวนเวทมนตร์ที่ล่ามขาทั้งสองข้างที่โยงเชื่อมต่อกับมือเรียวทั้งสองส่งเสียงดังกระทบกับแผ่นไม้บนเวทีเอี๊ยดอ๊าด
ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนทำให้เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ภาพเบื้องหน้าบนเวทีที่ทุกคนเข้าใจคือ การปรากฏตัวของภูติเด็กตัวเล็กๆ วัยไม่ถึงสิบขวบผมสีทองน่ารักน่าชัง โดยไม่สังเกตเลยว่าแท้จริงแล้ว เธอไม่ใช่เผ่าพันธุ์ภูติพวกนั้นสักนิด
ภูติตนอื่นที่ถูกจับมาขายพร้อมกันกล่าวกับเธอว่า โอกาสที่ภูติเด็กจะถูกจับออกมาประมูลขายนั้นน้อยมาก เพราะปกติแล้วภูติเด็กที่อ่อนแอไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็น
นอกจากนี้แล้วบรรดาภูติเหล่านั้นก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นภูติอย่างที่ถูกเข้าใจ แต่ก็ยอมปิดปากเงียบเอาไว้เพราะกลัวว่าเธอจะถูกฆ่าหากพวกเขารู้ว่าโดนหลอก
ซีแนลรู้สึกสงสัยไม่น้อยที่ไม่มีใครสามารถแยกแยะเธอออกนอกจากพวกภูติด้วยกัน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างหนึ่งเมื่อเธอสามารถสวมรอยและถูกขายออกไป
“ภูติเด็ก!!”
เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นขณะที่ผู้ร่วมประมูลคนอื่นเริ่มส่งเสียงจ้อกแจ้กอย่างต่อเนื่องด้วยความประหลาดใจ
น่าประหลาดที่พบว่าเธอไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิดแต่กลับรู้สึกตื่นเต้นระทึกใจ
ดวงตาทั้งคู่กวาดมองรอบๆ อย่างสนอกสนใจ พร้อมทั้งแอบลุ้นว่าใครคือผู้โชคร้ายที่จะประมูลตัวเองออกไป
ตุบ!
ทันใดนั้น ทองคำหนักอึ้งมากกว่าร้อยสิบแท่งก็ถูกโยนลงบนเวทีเบื้องหน้า ไม่ได้มีแต่เธอที่ตกใจจนตาโตเมื่อเห็นภูทองคำกองย่อมๆ ดังกล่าว เหล่าผู้ประมูลก็เบิกตากว้างโตทุกสายตา
ไอ้บ้าที่ไหนมันอวดรวยอย่างนี้เนี่ย!
เกิดเสียงฮือฮาและกระซิบกระซาบกันอย่างอื้ออึง กระทั่งคนที่ใส่ชุดคลุมผู้เป็นเจ้าของทาสทั้งหมดก็ก้มกระซิบกระซาบประชุมกัน หลังจากนั้นไม่นาน โซ่ที่ล่ามขาและมือทั้งสองข้างของเธอก็หลุดออกโดยง่าย
แกร๊ก!
เสียงปลอกโซ่หล่นกระแทกพื้นดังตุบ
“เจ้าถูกขายแล้วภูติน้อย น้อยครั้งนักที่จะมีใครถูกประมูลด้วยทองคำจำนวนมหาศาลเช่นนี้”
“หมายความว่า...”
ขณะที่เธอกำลังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเสียงหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“มากับฉัน”
ที่แท้น้ำเสียงก้องทุ้มนั้นก็เป็นเจ้าของเสียงคนที่ประมูลด้วยทองคำนั่นเอง ไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ตัวเล็กๆ อันเบาหวิวของเธอก็ถูกยกอุ้มออกไปจากเวทีด้วยมือเพียงข้างเดียว
อีกฝ่ายพาเธอมาหลบยังบริเวณที่ไร้ผู้คนและจ้องมองเธออย่างพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ก่อนริมฝีปากที่โผล่พ้นออกมาจากชุดคลุมที่สวมทับอยู่จะขยับยิ้ม
“ซีแนล หึ ใช่น้องจริงๆ ด้วย ให้ตายสิ! ไม่คิดเลยว่าจะเป็นน้องจริงๆ ใครมันกล้าดีไม่กลัวตายถึงได้บังอาจทำกับน้องอย่างนี้เนี่ย!!”
ปรากฏว่าผู้ที่ประมูลเธอมาเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง เขาตวาดด้วยโทสะลุกโหม ก่อนจะส่งสายตาสำรวจมองเธออีกรอบและส่งสายตาอาฆาตแค้นหันกลับไปยังทิศทางพวกค้าทาส
รอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากของอีกฝ่ายนั้นราวกับจะเหยียดหยามดูถูกมนุษย์ทุกผู้ทุกนามและมันทำให้เธอรู้สึกตกอกตกใจเป็นที่สุด เพราะชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้รู้จักเธอ!
ไม่ผิดแน่ ร่างกายนี้มีชื่อถูกต้องว่า ‘ซีแนล’
แต่ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันล่ะ ทำไมอีกฝ่ายทำเหมือนว่าเธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขา?
“คลีเซอร์!!”
สิ้นเสียงตวาดอันแข็งกร้าว บุรุษสง่างามผู้มีสีผมและดวงตาประกายสีฟ้าอ่อนราวกับลูกแก้วเจียระไน เจ้าของใบหน้างดงามราวกับรูปปั้นสลักทว่าไร้อารมณ์ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับภาพฉายสามมิติ
ดวงตาของเธอเบิกกว้างโตมองการปรากฏตัวอันน่าตกตะลึง
“จัดการเก็บกวาดพวกตัวต้นเหตุอย่าให้เหลือรอดแม้แต่ชีวิตเดียว!” เสียงกำชับที่เอื้อนเอ่ยเต็มไปด้วยแรงโทสะจนเธอนึกหวาดกลัว
“รับทราบขอรับ”
ชายเจ้าของผมสีฟ้าผู้นั้นโค้งตัวน้อยๆ แสดงทำความเคารพอย่างยำเกรงก่อนจะหายตัววับไปต่อหน้าจนเธออ้าปากค้าง
พระเจ้า สิ่งนี้เรียกว่าเวทมนตร์ใช่ไหม?
เธอจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกอึ้ง นอกจากการเจอมังกรดำตัวใหญ่ยักษ์แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับสิ่งอันน่าตื่นตะลึงจริงๆ ใกล้ๆ
ซีแนลเงยหน้ามองชายที่กระชับตัวเธอไว้ในอ้อมแขนแกร่ง เขาขยับยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทันทีเมื่อสบเข้ากับดวงตาของเธอ
“ซีแนลนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาแสดงสีหน้าสงสัยนะ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก” ชายผู้นี้เอ่ยกับเธอก่อนจะหายวับและปรากฏตัวอีกครั้งยังสถานที่หนึ่งอันเงียบกริบ
ทันทีที่เขาปลดผ้าคลุมที่ปกปิดหน้าออกทั้งหมดออก เธอก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา
เขาดูเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ ไม่น่าจะเกินยี่สิบสาม ใบหน้าหล่อคมคายเรียกได้ว่าสง่างาม ผมสีทองช่วยขับให้ใบหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ที่เธอรู้สึกแปลกใจที่สุดเห็นจะเป็นดวงตาสีฟ้าเข้มที่ดูอ่อนโยนไร้การเสแสร้งแม้แต่นิดเดียว
นี่ถ้าเขาโกหก เธอต้องเจอกับคนเหนือชั้นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว
“หึ ยัยน้องบ้า!” พออีกฝ่ายขยี้หัวเธอจนยุ่งเหยิง เธอก็รู้สึกตกใจจนตัวเกร็ง
แปลกจริง!
น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนของอีกฝ่ายนั้นทำให้รู้สึกสั่นสะเทือนใจได้ไม่น้อยทีเดียว มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ก่อให้เกิดความหวาดกลัวแต่เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ตัวเองไม่สามารถอธิบายได้
“รู้มั้ยว่าพี่กับคนอื่นๆ เป็นห่วงแค่ไหน ที่อยู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ระยะเวลาสามปีมานี้ทำเอาพวกเราทุกคนแทบจะกลายเป็นบ้าตายเพราะหาตัวน้องไม่พบ โดยเฉพาะพี่ใหญ่และน้องสามพอรู้ข่าวก็แทบจะหนีออกมาจากทวีปราชันย์โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยซ้ำ”
ฉันเผลอจ้องผู้ชายตรงหน้าอย่างอ้าปากค้าง
เมื่อครู่นี้เขาว่าไงนะ!
เธอมัวแต่ตกใจจึงได้ยินไม่ถนัด แต่เขาเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พูดตอบโต้อะไรอื่น อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าในโลกนี้ที่รู้จักเธอ มิหนำซ้ำเจ้าของร่างกายนี้ยังชื่อซีแนลจริงๆ ไม่ผิดแน่
เธอจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เลือกที่จะพิสูจน์ดูว่าคนตรงหน้าแสร้งโกหกหรือเปล่า แต่ทว่าแววตาของเขากลับไม่ได้มีแววเสแสร้งแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นบางอย่าง
“ให้ตายสิ ทำไมสภาพเธอถึงได้กลายเป็นเด็กอย่างนี้” เขาพูดพลางจับตัวเธอหมุนไปมา
ผู้ชายคนนี้รู้ว่าเธอกลายเป็นเด็กด้วย! หัวใจเธอเต้นระรัวขึ้นมาทันทีเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายทราบช่วยยืนยันว่าเขาไม่ได้โกหก
“พี่อยากรู้จริงๆ ว่าน้องหายไปอยู่ที่ไหนมา สามปีมานี้ทวีปพวกเราระดมแหล่งข่าวมือดีสืบเสาะหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ ยิ่งพี่ใหญ่โกรธจนทำให้เขตเหนือที่เชื่อมต่อกับทวีปปีศาจสั่นคลอนเลยทีเดียว พอคิดว่าน้องถูกพวกศัตรูจับตัวได้ คนอื่นเดือดร้อนกันไปหมดรู้ไหม เฮ้อ ขอโทษที่พี่เอาแต่บ่นอย่างนี้ ทั้งที่รู้ว่ายังไงซะน้องก็โต้ตอบอะไรพี่ไม่ได้อยู่ดี” น้ำเสียงของเขาฟังดูตัดพ้อผสมผสานความน้อยอกน้อยใจขณะที่คนฟังตะลึงพรืด
“นะ...นายเป็นใคร แล้วนายรู้จักฉันด้วยเหรอ”
ในที่สุดเธอก็กล้าถามออกไป สิ้นคำพูดของเธออีกฝ่ายก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
“ซีแนลนี่น้องพูดเรื่องบ้าอะไร! อย่ามาทำเฉไฉนะ!”
“เอ๊ะ! เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่นี้เธอพูดกับพี่อย่างนั้นเหรอ นี่น้องพูดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันซีแนล!”
“ทะ... ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ”
เธอไม่ใช่ปีศาจนะกะอิแค่พูดได้ไม่เห็นจะแปลกประหลาดตรงไหนเลย
“ก็ปกติเธอพูดไม่ได้ เธอเป็นใบ้นะสิ!”
วะ... ว่าไงนะ! เธอนะเหรอเป็นใบ้!!
เธอจ้องเขาตาโต
“บ้าสิ แล้วนายล่ะเป็นใคร อยู่ๆ มากล่าวหาว่าฉันเป็นใบ้ อย่ามาพูดซี้ซั้วได้ไหม ฉันรู้สึกไม่ดี” เธอกล่าวขณะมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีหวาดระแวงเกรงว่าตัวเองจะทำอะไรผิดพลาด
“บ้าจริง! อย่ามาล้อเล่นนะ นี่เธอจำพี่ชายตัวเองไม่ได้อย่างนั้นเหรอ พี่เป็นพี่ชายของเธอนะ! เกิดอะไรขึ้นกับน้องกันแน่ซีแนล ทำไมมองพี่ด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างนี้!”
“พี่ชาย! นายบอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายฉันงั้นเหรอ?”
สิ้นคำพูดของอีกฝ่ายเธอก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงพร้อมยกมือชี้ตัวเอง เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าการได้รับชีวิตใหม่ในดินแดนที่ไม่รู้จักจะยังหลงเหลือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวอยู่อีก
To be continue…
ความคิดเห็น