ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิภพราชันย์ออนไลน์ [Online]

    ลำดับตอนที่ #41 : พิภพราชันย์ออนไลน์ :: พันธมิตร (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.93K
      34
      15 พ.ค. 57





    พิ ภ พ ร า ชั น ย์  • อ อ น ไ ล น์






    ตอนที่ 21 พันธมิตร (1)

     

     

     

     

    ดวงตาของซีแนลเปล่งประกายด้วยความสนใจใคร่รู้เมื่อเห็นว่าสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนถลกแขนเสื้อชุดคลุมขึ้นก่อนจะค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วงุ้มงอขาวซีดอันแหลมคมกรีดลงบนกระดูกข้อมือตัวเองจนมีหยดเลือดไหลหยดลงสู่ไข่ใบนั้น

     

     

     

     

    หยดเลือดเพียงไม่กี่หยดของสัตว์เทพอสูรทำให้ไข่ใบนั้นค่อยๆ ปรากฏลวดลายอักขระสีดำแปลกตาขึ้นบนผิวอันเกลี้ยงเกลาของเปลือกไข่สีขาวราวกับไฟลุกลาม เพียงไม่นานไข่ทั้งใบก็ถูกบดบังด้วยอักขระทับถมจนกลายเป็นสีดำทั้งหมด

     

     

     

     

    หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนก็หมุนตัวเดินกลับมาหาเธอโดยมิได้สนใจใยดีชายผู้นั้นแม้แต่น้อย

     

     

     

     

    เขาค้อมตัวก้มต่ำด้วยความนอบน้อมก่อนจะรายงานกับเธอ

     

     

     

     

    “พิธีการชุบชีวิตผู้รับใช้ของชายผู้นั้นสำเร็จแล้วขอรับ ส่วนที่เหลือต่อจากนี้ชีวิตของเขาก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว แต่ได้โปรดจำไว้ว่าหากแต่วันใดที่ท่านผิดคำพูด สัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ยมทูตทุกตนจะไม่ละเว้นท่าน และเมื่อนั้นข้าจะเป็นคนสังหารท่านด้วยน้ำมือตัวเอง”

     

     

     

     

    ซีแนลสะดุ้งเฮือกและกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเมื่อสบตาเข้ากับความหนักแน่นอันน่าสั่นสะพรึงของอีกฝ่าย

     

     

     

     

    สัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนย่อตัวนั่งลงคุกเข่ากับพื้นในท่วงท่าอัศวินพร้อมกับยื่นปลายนิ้วเรียวกระดูกสีขาวงุ้มงอจับหลังมือเธอขึ้นมาแนบจุมพิต

     

     

     

     

    ซีแนลเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อรอยสักกุหลาบสีเลือดปรากฏขึ้นตรงตำแหน่งรอยจูบก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วและตามติดมาด้วยเสียงเตือนจากทางระบบ

     

     

     

     

     

    ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน เผ่าพันธุ์จอมมาร มอบสัตย์สัญญาพันธมิตรเผ่าพันธุ์ยมทูตแก่สัตว์เทพอสูรผู้กุมกุญแจคุก หัวกะโหลกทีบีน ระดับจักรพรรดิ เลเวล 1000

     

     

    ผู้เล่น ซีแนล เฟลคอน ได้รับทักษะจุมพิตแห่งความตาย

     

     

    เนื่องจากผู้เล่น เคยได้รับทักษะรอยยิ้มแห่งความตายหนึ่งในทักษะลับของเผ่าพันธุ์ยมทูตจากสัตว์เทพอสูรระดับจักรพรรดิ จึงทำให้ติดเงื่อนไขเผ่าพันธุ์ รับได้เพียง 1 ทักษะ

     

     

    ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เงื่อนไขลับพิเศษขั้นที่ 2 ทำงาน ทักษะหลอมรวมถูกเปิดใช้อัตโนมัติ ไม่ทราบว่าผู้เล่นต้องการหลอมรวมทักษะทั้งสองหรือไม่

     

     

     

     

    “ต้องการ” ซีแนลตอบออกไปทันที

     

     

     

     

    ทักษะรอยยิ้มแห่งความตายและทักษะจุมพิตแห่งความตายได้ดำเนินการหลอมรวมเสร็จสิ้น ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ผู้เล่นซีแนล เฟลคอน ได้รับทักษะใหม่ ทักษะรอยยิ้มแห่งหายนะ

     

     

     

     

     

    หือ ไม่เห็นจะต่างจากชื่อเดิมสักเท่าไหร่เลย ซีแนลเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจขณะตรวจเช็คสถานะ

     

     

     

     

     

     

    ทักษะรอยยิ้มแห่งหายนะ

    สามารถสะกดศัตรูให้ลุ่มหลงลืมตัวและพร้อมมอบชีวิตให้อย่างเต็มใจ

    เป็นเวลา 5 วินาที เมื่อเรียกใช้และสบตากับศัตรูโดยตรง

    เงื่อนไข ทักษะนี้มีผลเฉพาะผู้เล่นที่มีระดับชนชั้นราชา เลเวล 500 ลงมา

    จำกัดระยะเวลาการใช้ 1 ครั้งต่อสองสัปดาห์

     ระดับเลเวลลดลง 50 ระดับ ต่อการเรียกใช้ 1 ครั้ง

     

     

     

     

     

     

    ซีแนลขยับรอยยิ้มกว้างออกมาทันที เพราะดูเหมือนว่าเธอจะได้ทักษะดีๆ เข้าซะแล้วสิ แม้ความสามารถของทักษะจะต้องแลกด้วยระดับเลเวลถึงห้าสิบก็ตามแต่ก็นับว่าไม่ได้สูญเปล่าเลย

     

     

     

     

    “ท่านซีแนลขอรับ ถึงเวลาที่ท่านต้องไปจากแดนนรกแห่งนี้แล้ว” สัตว์เทพอสูรทีบีนกล่าวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

     

     

     

     

    ซีแนลพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเอ่ยขอร้องเขาเรื่องหนึ่ง

     

     

     

     

    “ขอเวลาให้ฉันได้ตกลงอะไรกับหมอนั่นสักหน่อยได้ไหม” สิ้นเสียงของเธออีกฝ่ายก็รีบหลีกทางให้  เธอเดินตรงไปยังที่ชายคนนั้นยืนอยู่

     

     

     

     

    พอมองใกล้ๆ ถึงเห็นว่าในมือของเขากอดไข่ใบหนึ่งไว้ไม่ยอมปล่อย

     

     

     

     

              ซีแนลรับรู้ได้ถึงสายตาที่หรี่ปรือขึ้นมองเล็กน้อยด้วยความกังวลใจและสงสัย เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สลบอีกทั้งยังคงสติได้อยู่ เธอจึงเดาว่าเขาคงได้ยินเรื่องทั้งหมดที่เธอพูดคุยกับสัตว์เทพอสูรทีบีนแล้วก็เป็นได้

     

     

     

     

    “เธอฉันจำได้...เธอคือเด็กผู้หญิงที่ฆ่ามังกร” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรง

     

     

     

     

    เมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของเขาซีแนลจึงจัดการล้วงเอาน้ำยาลดความเหนื่อยล้าและน้ำยาเพิ่มเลือดจำนวนมากกรอกใส่ปากอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งทันที ไม่นานหลังจากนั้นสีหน้าและท่าทางของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้น

     

     

     

     

    ทั้งคู่นิ่งสบตาหยั่งเชิงคอยดูทีท่าอีกฝ่ายกันครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเป็นเธอเองที่ต้องถอนหายใจหนักๆ ออกมาและเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยปากขึ้นก่อน

     

     

     

     

    “นายคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันเป็นคนช่วยนาย” ซีแนลเอ่ยขณะขยับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากโดยไม่เผยให้อีกฝ่ายเห็น

     

     

     

     

    ความจริงแล้วเธอบวกลบคูณหารผลลัพธ์อยู่ในใจหลังจากได้ฟังคำขอร้องของพี่หมีตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งเธอก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะทำอะไรให้ใครฟรีๆ แม้นั่นจะเป็นความตั้งใจจริงที่อยากช่วยพี่หมีให้สมปรารถนาก็เถอะ และการตัดสินใจช่วยผู้เล่นอันดับหนึ่งของเกมที่ทรงอิทธิพลผู้นี้ อย่างน้อยเธอก็น่าจะพอหาประโยชน์อะไรจากเขาได้บ้าง

     

     

     

     

    แม้จะต้องแลกกับความยุ่งยากอยู่บ้างสักหน่อย แต่ในภายภาคหน้าหากเธอมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจและเหตุจำเป็นบางอย่าง เธออาจจะต้องการให้เขาช่วยเหลือก็ได้ และนั่นจะดูเหมือนว่าไม่ได้เสียหายอะไรเลยถ้าเธอจะทักท้วงบุญคุณจากเขา และไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธได้แน่ เพราะผู้เล่นระดับสูงที่มีชื่อเสียงส่วนมากย่อมห่วงภาพลักษณ์ชื่อเสียงหน้าตาตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ที่สำคัญเธออยู่ในฐานะผู้ช่วยเหลือชีวิตเขาเชียวนะ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะ

     

     

     

     

    ริมฝีปากของเธอผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะชื่นชมความฉลาดแกมโกงของตัวเองในใจ

     

     

     

     

    ผ่านไปครู่หนึ่งเหมือนอีกฝ่ายจะชั่งใจคิดอะไรบางอย่างอยู่ก็เอ่ยกลับมา

     

     

     

     

    “อืม เรื่องนั้นฉันรู้ แต่เพียงไม่รู้ว่าเธอตกลงแลกเปลี่ยนอะไรกับสัตว์เทพอสูรตนนั้น เขาถึงได้ยอมชุบชีวิตให้ผู้รับใช้ของฉันก่อนจะครบกำหนดเวลา 1 ปี เธอทำได้ยังไง?” อีกฝ่ายหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัย

     

     

     

     

    เวธอนรู้สึกประหลาดใจและสงสัยกับความสามารถของเด็กสาวคนนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่เธอเคยสังหารมังกร ความจริงแล้วเขาอยากชวนเธอเข้ามาร่วมกิลด้วยตั้งแต่ครั้งนั้น แต่เด็กสาวผู้นี้ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และแม้ว่าจะตามสืบค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดก็ไม่พบร่องรอยใดๆ

     

     

     

     

    กระทั่งจนถึงตอนนี้เขากับฟาเวียร์ซึ่งเป็นผู้เล่นระดับสูงของเกมอีกคนหนึ่งก็ยังสงสัยในความลึกลับของเด็กสาวคนนี้ว่าแท้จริงแล้วผู้เล่นฝีมือดีแต่ไร้ซึ่งชื่อเสียงอย่างเธอเป็นคนของกลุ่มใดกันแน่

     

     

     

     

    “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ” ซีแนลโบกไม้โบกมือปฏิเสธอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ก่อนจะเงยหน้าจ้องเขาด้วยสายตาแน่วนิ่งจริงจังเป็นครั้งแรก

     

     

     

     

    “ฉันรู้ว่านายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของเกม ซึ่งหมายความว่านายเป็นคนดังและมีชื่อเสียงมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันเป็นผู้มีบุญคุณของนาย เพราะงั้นนายต้องทำตามที่ฉันบอกเข้าใจมั้ย”

     

     

     

     

    ซีแนลขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรแต่ขยับยิ้มกว้างอย่างขำๆ ออกมา

     

     

     

     

    บอกตามตรงว่าเธอรู้สึกแปลกๆ กับบรรยากาศรอบตัวที่ไม่ได้อึดอัดและแผ่รังสีสังหารอย่างที่เคยเจอกันสองครั้งก่อนโน้นเลยสักนิด

     

     

     

     

    เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาไม่ได้ดูน่ากลัวจนทำให้เธอรู้สึกจิตตกเหมือนครั้งที่แล้วๆ มา

     

     

     

     

    เป็นเพราะอะไร!? หรือเป็นเพราะว่าเธอช่วยเขาไว้จนทำให้เขาจึงซาบซึ้งในบุญคุณอย่างนั้นเหรอ ซึ่งเธอเดาว่าไม่ใช่เรื่องนั่นแน่ๆ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ชวนให้น่าสงสัยเป็นที่สุด

     

     

     

    อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยขณะนิ่งมองสีหน้าครุ่นคิดที่เปลี่ยนไปมาบนสีหน้าของเธอ

     

     

     

     

    “เอาสิ แต่เธอสนใจจะมาเข้าร่วมกิลกับฉันมั้ยล่ะ”

     

     

     

     

    ซีแนลเงยหน้าขวับจ้องเขาด้วยใบหน้าเหวอๆ

     

     

     

     

    อะไรกันจู่ๆ หมอนี่ก็เล่นโพล่งชวนกันดื้อๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้เนี่ยนะ

     

     

     

     

    “ไม่เอาหรอก” เธอส่ายหน้าปฏิเสธทันที

     

     

     

     

    อีกฝ่ายขยับรอยยิ้มออกมาราวกับว่าได้เตรียมใจรับเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะรู้อยู่ก่อนล่วงหน้าเสียด้วยซ้ำว่าเธอต้องปฏิเสธ

     

     

     

     

    เวธอนคิดว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะหลังจากที่เขาลองตรวจสอบข้อมูลสถานะของเด็กสาวแล้วก็พบว่าเธออยู่ในสถานะผู้เล่นอิสระไม่ได้สังกัดกิลหรือสมาคมใด เช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจจะชักจูงเธออีกครั้งในภายหลัง

     

     

     

     

    “ที่ช่วยฉันเพราะต้องการอะไรบางอย่างจากฉันสินะ”

     

     

     

     

    เวธอนเอ่ยขณะจ้องมองเธอด้วยแววตาหลักแหลมฉายความมีประสบการณ์และวุฒิภาวะที่สูงกว่า

     

     

     

     

    ซีแนลพยักหน้าและไม่แปลกใจกับท่าทางอันภูมิฐานที่ดูเฉลียวฉลาดสมกับเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจด้านการบริหารตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์แม้แต่น้อย

     

     

     

     

    นั่นสินะ ทั้งในเกมและชีวิตจริงผู้ชายคนนี้จัดว่าเป็นคนยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ช่างเถอะ เรื่องนั้นใครจะสนกันล่ะ เพราะตอนนี้มันเป็นชีวิตในเกมไม่เกี่ยวกับชีวิตจริงสักหน่อย

     

     

     

     

              “ฉันอยากได้ขนจิ้งจอกเพลิง”

     

     

     

     

    ซีแนลตัดสินใจพูดเข้าตรงประเด็นด้วยสีหน้าจริงจังอย่างไม่มีท่าทีอ้อมค้อมจนทำให้อีกฝ่ายต้องเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจเป็นรอบที่สอง

     

     

     

     

     “ได้สิ แต่ว่าเธอคงต้องรอให้มันฟักตัวออกมาใหม่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันคงมอบมันให้เธอไม่ได้ แต่คาดว่ารออีกไม่นานเกินเดือนหนึ่งของโลกจริงหรอก”

     

     

     

     

              ซีแนลพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะตอบตกลงและตัดสินใจแลกเปลี่ยนรายชื่อเพื่อนกับเขา

     

     

     

     

    เวธอนจ้องมองเธอแล้วกลั้นยิ้มขำๆ จนเธอต้องเอียงหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ

     

     

     

     

    “มีอะไร?” เธอถามด้วยความสงสัย

     

     

     

     

    ผู้ชายคนนี้จ้องมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

     

     

     

     

    เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ถึงทำให้คนที่เคยมีบุคลิกนิ่งขรึมดุดันเย็นชาเปลี่ยนเป็นคนขี้เล่นจนเหมือนกลายเป็นคนละคนเช่นนี้

     

     

     

     

    “เปล่า ฉันแค่ก็รู้สึกว่าเธอน่ารักสมวัยดี”

     

     

     

     

    หา!! ซีแนลหน้าเหวอด้วยความตกใจกับคำพูดประหลาดๆ พวกนั้น

     

     

     

     

    อะไรของหมอนี่กันเนี่ย อยู่ๆ ถึงนึกเอ่ยชมกันขึ้นไม่หยุดปากแบบนี้

     

     

     

     

    “ฉันหมายความว่าเธอเหมาะจะเป็นน้องสาวของฉันดี”

     

     

     

     

    คราวนี้คำพูดของเขาถึงกับทำให้ซีแนลหน้าเหวออย่างหนักและแทบทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายถือวิสาสะเอามือขยี้หัวเธอแรงๆ อย่างนึกเอ็นดูราวกับเธอเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ

     

     

     

     

    ซีแนลพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี บอกตามตรงเลยว่าเธอไม่อยากได้พี่ชายเพิ่ม เพราะแค่ที่มีอยู่สองคนชีวิตเธอก็วุ่นวายหนักพอแล้ว

     

     

     

     

    ไม่นานหลังจากนั้นเธอกับเวธอนก็ถูกสัตว์เทพอสูรหัวกะโหลกทีบีนส่งตัวกลับขึ้นมายังพื้นพิภพดังเดิม เป้าหมายที่เธอเลือกให้สัตว์เทพอสูรส่งตัวขึ้นมาก็คือเมืองควอร์น เพราะเธอนัดกับพวกพี่ๆ เอาไว้และไม่ต้องการจะเสียเวลาในการเดินทางอีก

     

     

     

     

    เนื่องจากก่อนเข้าเกมเธอไม่ได้สนใจจะติดตามข่าวสารจึงไม่รู้ว่าเทศกาลหน้ากากดิเนเวียร์ได้เลื่อนระยะเวลาการจัดงานเข้ามาวันหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้ประจวบเหมาะกับเธอที่ถูกส่งตัวมาที่เมืองควอร์นพอดี

     

     

     

     

    หลังจากโผล่มาถึงซีแนลก็พบกับบรรยากาศครึกครื้นและคร่ำคร่าไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก

     

     

     

     

    เนื่องจากทางระบบจะจัดกิจกรรมเทศกาลหน้ากากดิเนเวย์ขึ้นปีละครั้งในเมืองควอร์นแห่งนี้จึงเหมือนเป็นที่นัดรวมตัวของคนเด่นคนดังและผู้เล่นที่มีชื่อเสียงของเกมไปทันที

     

     

     

    ตอนนี้ซีแนลรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เพราะดูเหมือนว่าทันทีที่พวกเขาทั้งสองถูกส่งมายังจุดบันทึกของเมืองควอร์นเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้เล่นคนอื่นๆ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มขยับก้าวขาเสียด้วยซ้ำ และแน่นอนที่สุดว่านั่นเป็นผลมาจากผู้ชายที่ยืนข้างๆ

     

     

     

     

    ซีแนลกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างนึกระอา เมื่อต้องทนสู้กับสายตาของผู้เล่นจำนวนมหาศาลที่เบียดเสียดชะเง้อคอดูด้วยความสนอกสนใจ บางคนแตกตื่นขนาดกระทั่งเปิดหน้าต่างสนทนาขึ้นมาสื่อสารและแอบถ่ายรูปเธอกับเวธอนลงไปในนั้น

     

     

     

     

    นี่ขนาดเธอเตรียมตัวพร้อมถึงขั้นยอมผนึกอีดานเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ และไหนจะรวมไปถึงการจัดแจงเปลี่ยนชุดที่สวมใส่ของตัวเองให้เป็นชุดคลุมยาวสีดำที่มีหมวกฮู้ดเย็บติดซึ่งโผล่ให้เพียงจมูกและริมฝีปากเท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นเป้าหมายที่ทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆ อยากรู้หนักขึ้นไปอีกว่าคือใคร ถึงขนาดที่ว่าสามารถเดินทัดเทียมเคียงข้างกับผู้เล่นอันดับหนึ่งของเกมนี้ได้

     

     

     

     

    ซีแนลถอนหายใจหนักๆ ขณะภาพปวดหัวฉายชัดได้ลางๆ

     

     

     

     

    ถ้าหากนี่ไม่ใช่ว่าเพราะเวธอนขอให้เธอพบเจอและได้ทำความรู้จักกับสมาชิกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างนุ่มนวลเสียก่อน เธอต้องขอแยกตัวออกไปอย่างเงียบๆ ตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ แต่เพราะด้วยเหตุผลสำคัญข้อใหญ่ที่ทำให้เธอคำนึงถึงผลประโยชน์ในภายภาคหน้าที่จะได้รับตามมา เธอจึงต้องจำยอมเสียมิได้

     

     

     

     

    ตอนนี้เธอพยายามข่มอารมณ์และท่องเตือนกับตัวเองตลอดเวลาว่าเพื่อผลประโยชน์และการสร้างมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู

     

     

     

     

    ไม่นานหลังจากที่เวธอนพาเธอมาที่กิลสาขาจิ้งจอกเพลิงที่ตั้งอยู่ในเมืองควอร์น สมาชิกในกิลก็ดูเหมือนจะแตกตื่นและแสดงความเคารพเขากันใหญ่ โดยเฉพาะสมาชิกหลักๆ ต่างคิดไม่ถึงว่าเวธอนจะปรากฏตัวโดยไม่ได้รับรายงานก่อน

     

     

     

     

    จนกระทั่งเขาพาเธอไปยังห้องรับรองแขกใหญ่ด้านในซึ่งเป็นเขตหวงห้ามเฉพาะสมาชิกระดับสูงอย่างเช่นเสนาธิการขึ้นไป ซีแนลจึงได้พบกับผู้เล่นจำนวนสามคนที่อยู่ในห้องนั่นก่อนแล้ว

     

     

     

     

    ใครคนหนึ่งลุกพรวดและปรี่เข้ามาหาเวธอนด้วยความดีใจทันทีที่เห็นเขา

     

     

     

     

     

    “เฮ้ย! ไอ้เพื่อนตาย แกรอดจากนรกมาได้ไง ไหนว่าต้องรออีกปีหนึ่งวะ!” ผู้เล่นผมสีน้ำเงินสั้นในชุดเกราะนักรบระดับสูงเอ่ยขึ้น ขณะที่ผู้เล่นผมสั้นสีทองฉายแววขี้เล่นปรี่ตามติดเข้ามาประชิดตัวแล้วถามขึ้นอีกคน

     

     

     

     

    “นั่นสิ เจ๋งไปเลยว่ะ นายทำภารกิจได้สำเร็จก่อนเวลาที่กำหนดใช่มั้ยเนี่ย”

     

     

     

     

    ซีแนลหันมองพวกเขาแต่ละคนสลับกัน โดยเฉพาะเวธอนที่เปลี่ยนจากท่าทางทีเคร่งขรึมและแผ่รังสีดุดันตลอดเวลาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ซึ่งถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างและท่าทีที่แสนเรียบง่ายสบาย

     

     

     

     

    “อืมห์ ภารกิจสำเร็จด้วยดี” เขาว่าขณะขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งและดึงไข่จิ้งจอกเพลิงออกมา

     

     

     

     

    “ว้าวว!~ นี่เหรอวะจิ้งจอกเพลิงหลังจากที่ถูกชุบชีวิตของแก โอ้ย ฉันคิดถึงมันจังเลยว่ะ” ชายผมสีน้ำเงินสั้นหยิบไข่ใบนั้นขึ้นมาถูไถกับใบหน้าอย่างรักใคร่

     

     

     

     

    “เฮ้ยไอ้ฟิลิปไหนเอามาให้ฉันดูบ้างสิวะ” ชายผมสั้นสีทองที่มีใบหน้าขี้เล่นตลอดเวลาทำท่ายื้อแย่งจนพวกเขาทั้งสองเป็นอันต้องวิ่งไล่จับรุกไล่ยื้อแย่งกัน

     

     

     

     

    เวธอนส่งเสียงหัวเราะเสียงดังด้วยความขำพลางยืดแขนขาบิดขี้เกียจทำตัวตามสบาย และแนะนำชื่อเพื่อนของเขาให้เธอฟังไปด้วย ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มชื่อฟิลิป ส่วนคนผมสั้นสีทองท่าทางขี้เล่นชื่ออลัน และคนสุดท้ายที่เหลือซึ่งยังนั่งหมกมุ่นอยู่กับงานบนโต๊ะชื่อซาทาธ์

     

     

     

     

    ซีแนลเดาว่าคนเหล่านี้ก็คงล้วนเป็นคนดังในเกมไม่แพ้เขา

     

     

     

     

    คิ้วทั้งคู่ของซีแนลขมวดยุ่งและตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง ท่าทางอันเคร่งขรึมเย็นชาและแผ่รังสีดุดันนั้นเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้เล่นคนอื่นๆ แท้จริงแล้วล้วนเป็นแค่การสร้างภาพเพื่อที่จะข่มขวัญให้ผู้เล่นคนอื่นรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น

     

     

     

     

    เวธอนยิ้มออกมาขณะเห็นสีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยคำถามที่ผุดขึ้นมากมาย

     

     

     

     

    “เธอคงแปลกใจล่ะสิ ว่าทำไมพวกเราถึงดูเปลี่ยนเป็นคนละคนต่างจากเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ความจริงแล้วนี่คือตัวตนจริงๆ ของพวกเรา ไอ้ท่าทีดูดีตามแบบฉบับเจ้าชายสุภาพบุรุษที่แสดงเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นมันก็แค่ตัวช่วยหนึ่งในการส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงธุรกิจเท่านั้น”

     

     

     

     

    ซีแนลพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะเธอรู้ว่าไม่ว่าสังคมไหนๆ ก็มักมีพวกที่ต้องแสดงบทบาทสองหน้าด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่จำเป็นและไม่จำเป็นก็ตาม

     

     

     

     

    ไม่ทันที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ชายหนุ่มผมสีเงินยาวถึงกลางหลังท่าทางเจ้าระเบียบที่แต่งกายคล้ายอาชีพพ่อมดในชุดสีเขียวซึ่งเหลืออยู่คนสุดท้ายในห้องก็เดินเข้ามาและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ อย่างสุภาพว่า

     

     

     

     

    “คุณกลับมาเร็วกว่าที่ผมคิดนะครับ” เขากล่าวขณะยิ้มแย้มออกมาเพียงเล็กน้อยและคงไว้ซึ่งท่าทางเจ้าระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว

     

     

     

     

    ซีแนลเหลือบมองเขาอยู่ก่อนนานแล้วและเห็นว่าผู้ชายคนนี้ยุ่งกับงานเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะอย่างล้นมือจนแทบไม่มีเวลาจะเงยหน้า

     

     

     

     

    “แล้วไม่ทราบว่าคนๆ นี้เป็นใครเหรอครับ”

     

     

     

     

    เขาเอ่ยทักขึ้นขณะหันมองมายังเธอ เวลาเดียวกับที่ผู้ชายอีกสองคนที่วิ่งไล่จับจนหอบเหนื่อยเข้ามาสมทบและตั้งใจรอฟังด้วย

     

     

     

     

    ซีแนลปลดหมวกชุดคลุมลงจนเผยใบหน้าให้อีกฝ่ายเห็น เธอกล่าวแนะนำชื่อตัวเองออกไปอย่างกล้าหาญ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อซีแนล”

     

     

     

     

    สิ้นเสียงของเธอทุกคนในห้องก็พลันเงียบกริบโดยเฉพาะชายหนุ่มสองคนที่ชื่อฟิลิปและอลันพวกเขายกมือสั่นๆ ขึ้นชี้เธอตาโต

     

     

     

     

    “ฉันจำได้! เธอคือสาวน้อยที่แย่งฆ่ามังกรในกิจกรรมตอนนั้นไง!

     

     

     

     

    “ไม่ๆ เธอคือผู้เล่นที่ได้อาชีพลับคนที่สิบสาม ฉันลองตรวจสอบสถานะเธอแล้วเมื่อครู่นี้” เสียงของผู้ชายสองคนนั้นแย่งกันพูดออกมาราวกับจะทะเลาะกัน

     

     

     

     

    แต่ท้ายที่สุดคำพูดหลุดปากเบาๆ ของชายผมสีขาวท่าทางเจ้าระเบียบอย่างซาทาธ์เสนาธิการคนดังของกิลกลับทำทุกคนชะงักเมื่อเขาเพียงเอ่ยออกมาอย่างลืมตัวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า

     

     

     

     

    “เธอเป็นเด็ก...”

     

     

     

     

    “จริงด้วยว่ะ”

     

     

     

     

    “นั่นสิ ยังเด็กอยู่เลย เธอเพิ่งจะสิบหกใช่มั้ยเนี่ย เพราะเกมนี้อนุญาตให้เฉพาะคนที่อายุสิบหกขึ้นไปเท่านั้นเล่น”

     

     

     

     

    ซีแนลยิ้มกว้างแต่ไม่ผ่านถึงดวงตา เพราะขณะนี้เส้นเลือดตรงขมับเหมือนจะเดือดปุดๆ ขึ้นเสียให้ได้

     

     

     

    เธอไม่ใช่เด็กซะหน่อย!

     

     

     

     

    เจ้าคนบ้าพวกนี้ช่างกวนประสาทได้เก่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียเหลือเกิน!!!

             

     

     

    “เอาล่ะ ฉันคงต้องขอตัวออกจากเกมก่อนแล้ว ที่พาซีแนลมานี้ก็เพียงแค่อยากให้ทำความรู้จักกันไว้เพราะเธอบังเอิญช่วยฉัน”

     

     

     

     

    เวธอนไม่ได้อธิบายรายละเอียดเรื่องใดนอกเหนือจากนี้ให้พวกเขาฟังอีก เพราะหลังจากได้ฟังเช่นนั้นคนอื่นที่เหลือก็พร้อมใจกันหยุดเงียบและสื่อสารกันด้วยสายตา

     

     

     

     

    “ขอตัวก่อนนะสาวน้อย หวังว่าคงได้เจอกันอีก”

     

     

     

     

    เวธอนลุกขึ้นและขยับก้าวมาตรงหน้าเธอพลางยกมือขยี้หัวเธอด้วยความเอ็นดู เขาคงรู้ว่าหลังจากที่กลับเข้าเกมอีกครั้งตอนนั้นเธอคงจากไปแล้ว

     

     

     

     

    ท่าทางของฟิลิปและอลันเหมือนอยากยื้อเขาไว้เพื่อสอบถามเรื่องราวก่อน แต่ด้วยเหตุที่เขาต้องทนอยู่ในแดนนรกตลอดระยะเวลานานทำให้เขาอยากหยุดพักยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย

     

     

     

     

    ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อล็อคเอาท์ออกจากเกม เวธอนก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับซาทาธ์อยู่ครู่หนึ่ง ซีแนลรู้สึกสงสัยนิดๆ เมื่อพวกเขาสองคนหันมาจ้องเธอแล้วพูดคุยอะไรบางอย่างกันต่อ ไม่นานเวธอนก็ก้าวออกจากห้องไปทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้มใจดีให้เธอ

     

     

     

              เวธอนตระหนักดีว่าฝีมือของเด็กคนนี้เก่งกาจและอยู่ในระดับดีกว่าผู้เล่นอื่นๆ หลายเท่า ทั้งอาชีพลับและผู้รับใช้ซึ่งเป็นยมทูตนั้น ไม่ใช่ว่าจะมีผู้เล่นคนไหนสามารถไปเยือนแดนยมทูตได้ง่ายๆ เพราะแม้แต่เขากว่าจะฝ่าภารกิจต่างๆ ก็ต้องฝ่าด่านยากๆ และใช้เวลาเป็นปี

             

     

     

     

    ที่สำคัญเด็กสาวคนนี้ยังสามารถช่วยเหลือให้เขาสำเร็จภารกิจได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ เขาเชื่อว่าถ้าหากได้อีกฝ่ายมาร่วมกิลแล้วละก็ เด็กสาวคนนี้ต้องเป็นแรงสำคัญให้เขาไม่น้อยเลยทีเดียว และคงไม่ใช่เฉพาะกิลเขาเพียงกิลเดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่รู้ถึงความสามารถของเธอ พวกนั้นก็คงอยากดึงเธอเป็นพรรคพวกด้วยกันทั้งหมด

     

     

     

     

    To be continue…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×