ตอนที่ 49 : O W N E R 4 8 ★ คุ ย
O W N E R 4 8 ★ คุ ย
#KHOEN
เจ็ดโมงกว่าแล้ว คุณภูยังไม่ตื่นเลย
ผมนั่งมองคนเจ็บที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ส่วนตัวผมตื่นขึ้นมาตีสี่เวลาเดิมตามความเคยชินแล้วก็อาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อยด้วยอุปกรณ์ที่หยิบมาจากบ้านเมื่อวานนี้ไปแล้ว
จริง ๆ ก็อยากกลับไปดูเด็ก ๆ ที่ร้านอยู่เหมือนกัน แต่กลัวว่าระหว่างที่ผมไปคุณภูจะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร เดี๋ยวจะใจเสียซะเปล่า ๆ อีกอย่างเมื่อวานกลับบ้านไปเจออายพอดี ก็เลยฝากฝังให้ดูแลเด็ก ๆ ให้เรียบร้อยไปแล้วด้วย น้องสาวผมบอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ เสร็จแล้วจะมาเยี่ยมคุณภูวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไรเหมือนกัน ช่วงนี้เป็นช่วงสอบของเธอด้วยคงจะอ่านหนังสือหัวหมุนอยู่ล่ะมั้ง
ครืด...
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดทำให้ผมหันไปมอง เห็นใบหน้าที่เพิ่งได้เจอเมื่อวานยื่นเข้ามา กวาดมองรอบห้องเหมือนสำรวจอะไรซักอย่าง จนกระทั่งหันมาสบตากับผมเข้า เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยิ้มแหย ๆ มาให้แล้วยอมเดินเข้ามาในที่สุด...นั่นพระพาย น้องชายของคุณภู
เมื่อวานตอนที่เจอกันเขาดูงง ๆ แต่ก็ดูเป็นเด็กซื่อ ๆ ดีเหมือนกัน ตอนที่เห็นร่องรอยตามตัวผมนี่หน้าขึ้นสีเชียว ต่างจากที่คิดไว้เยอะ ผมได้ยินตัวตนของเขามาก็แค่จากการที่คุณภูพูดถึงเท่านั้น ลองวาดภาพในหัวดูว่าน้องชายของคุณภูคนนี้จะเป็นยังไงแล้วก็ได้ภาพของเด็กเกเรที่พลาดทำผู้หญิงท้องมาคนหนึ่ง...แต่พอลองมาเจอจริง ๆ แล้ว พระพายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมเคยคิดไว้ เขาเป็นเด็กแค่เด็กผู้ชายธรรมดา ๆ ที่ให้ความรู้สึกนิ่ม ๆ แต่บางทีก็ดูตื่น ๆ งง ๆ เหมือนเป็นอะไรที่น่าเอ็นดูโดยธรรมชาติ...อืม คล้าย ๆ กับกระต่ายขนปุยที่ตื่นคนแต่ก็อยากรู้อยากเห็น
“หวัดดีครับพี่เขิน” เขายกมือไว้อย่างมีมารยาทแล้วยิ้มมาให้ ทำให้ผมพยักหน้ารับตอบกลับไปเนือย ๆ มองไปทางด้านหลังก็เห็นผู้ชายอีกคนที่คงจะเป็นคนรักของเขาตามที่คุณภูเคยเล่าให้ฟังถือถุงพะรุงพะรังอยู่ แถว ๆ ขาเขามีเด็กตัวเล็ก ๆ เกาะไว้แน่น ดวงตากลมโตมองผมตื่น ๆ แต่ก็ไม่ยอมละสายตาไปไหน
ส่วนเด็กคนนี้ก็เหมือนลูกกระต่าย...
ผมยิ้มให้เด็กคนนั้นนิด ๆ แค่นั้น เด็กน้อยก็กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะยิ้มตอบกลับมาอย่างร่าเริง แล้วเดินมาเกาะพระพายที่ยืนอยู่ใกล้กับผมมากกว่าผู้ชายอีกคน สงสัยตอนแรกเขาจะกลัวผมแน่ ๆ เลย “ป๊ะป๋า”
เด็กคนนั้นเรียก...อ่า เป็นลูกกระต่ายจริง ๆ สินะ ลูกที่พระพายต้องรับผิดชอบที่คุณภูเคยบอกไว้คือเด็กคนนี้จริง ๆ ด้วย เมื่อวานลองจิ้มแก้มเขาไป นิ่มมากเลยล่ะครับ คนละความรู้สึกกับเวลาจับขนฟู ๆ ของเด็ก ๆ ที่บ้านแต่ก็สนุกมือดีเหมือนกัน
“ครับ สวัสดีเร็ว” พระพายก้มลงไปคุยกับกระต่ายน้อยยิ้ม ๆ แล้วพยักเพยิดมาทางผม ดวงตากลมโตมองเจ้าตัวเล็กก็มองมา มือเล็ก ๆ ประกบกันตรงหน้าอกแล้วก้มหัวให้ผมด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
“ชาหวัดดีคับ!”
“ครับ” ผมหัวเราะเบา ๆ เด็กคนนี้ดูบริสุทธิ์...ถ้าให้เปรียบเทียบจะต้องเป็นกระต่ายขาวเหมือนปุยนุ่นแน่ ๆ
“เก่งมากคครับ” พ่อกระต่ายชมลูกเขาแบบนั้น แล้วก็หันกลับมามองผม “พอดีผมเอาของเยี่ยมมาให้น่ะครับ”
“อ่า...” ผมตอบรับ มองผู้ชายอีกคนที่อยู่อยู่ด้านหลังพระพาย เขาชูถุงที่ถือมาตั้งแต่แรกให้ดูแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ ให้
“วางไว้ไหนดี”
“ที่โซฟาก็ได้ครับ” พอบอกแบบนั้น เขาก็เอาถุงไปวางไว้ให้ที่โซฟาทันที ก่อนจะเดินกลับมาหาพระพาย แล้วอุ้มกระต่ายน้อยขึ้นมาแทน
“พี่ภูเป็นไงบ้างครับ” พ่อกระต่ายหันไปมองยิ้ม ๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของลูกชายเขา แล้วก็หันกลับมาถามผม มองไปทางด้านหลังที่เป็นเตียงคนเจ็บ
“ยังไม่ตื่นเลย”
พระพายพยักหน้า ท่าทางเขาดูโล่งใจมากกว่าที่คุณภูยังไม่ตื่น แล้วก็ชี้ไปทางของที่วางไว้ตรงโซฟา “ถ้างั้นผมไปก่อนดีกว่าครับ เอ่อ...แล้วก็ พี่เขินอย่าบอกนะครับว่าผมเอามาให้อ่ะ”
“พี่ไม่โกหกคุณภูนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น ถ้าคุณภูถามว่าใครเอามาให้ผมก็ตอบไปตามตรงนั่นแหละครับ
“โถ่...พี่เขิน ผมกลัวพี่ภูรู้แล้วจะไม่ยอมกิน ผลไม้เดี๋ยวนี้แพงนะพี่ ถ้าทิ้งมันจะน่าเสียดายอ่ะครับ...” พระพายโอดครวญ ขณะที่ผมได้แต่มองเขายิ้ม ๆ
“คุณภูไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก” ผมบอก มองอีกฝ่ายอย่างประเมิน พระพายไม่ได้เกลียดคุณภู สายตาของเขาบ่งบอกว่าห่วงอีกฝ่าย เป็นสายตาแบบที่น้องชายมีให้พี่ชายตัวเอง ยิ่งเมื่อวานเข้ามาได้ยินทันตอนที่เขาคุยกับคุณภูอยู่พอดี ก็ยิ่งคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณภูชอบว่าบ่อย ๆ หรอกครับ เพราะแบบนั้นถึงตัดสินใจเอ่ยชวน “จะอยู่รอคุณภูตื่นแล้วให้เองเลยก็ได้นะ”
“ไม่ดีกว่าครับ” แต่อีกฝ่ายก็ยิ้มแหยแล้วส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธทันที ”เดี๋ยวพี่ภูตื่นมาเห็นผมแล้วจะหงุดหงิดเปล่า ๆ ผมไปเลยดีกว่าครับ”
“ตามใจ” ในเมื่อยืนกรานแบบนั้น ผมก็ไม่รั้งอะไรไว้ พระพายพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วเดินออกไป ได้ยินเสียงแว่ว ๆ จากบทสนทนาของพวกเขาที่พอจับใจความได้
“ดีนะที่พี่ภูยังไม่ตื่นอ่ะ”
“ไม่เห็นไปไรเลย ก็คุยกับรู้เรื่องแล้วนี้ ฮึ้...เราแค่มาเยี่ยม ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีซักหน่อย”
“ก็...พายยังรู้สึกแปลก ๆ อ่ะพี่อัยย์”
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ มันผ่านไปแล้ว”
“อือ...”
ครืด...ปึก!
แล้วบทสนทนาพวกนั้นก็หายไปจากการรับรู้ของผมเมื่อบานประตูถูกปิดลง และครอบครัวกระต่ายพากันเดินออกไปไกลจากห้องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
พอห้องกลับมาอยู่ในความเงียบอบีกครั้ง ผมก็ตัดสินใจเดินไปรื้อถุงที่วางอยู่ตรงโซฟา...ผลไม้ทั้งนั้นเลย เยอะแยะแบบนี้ คุณภูคงกินไม่หมดแน่ ๆ
ผมมองผลไม้หลายอย่างแล้วก็ตัดสินใจหยิบส้มไปนั่งแกะกินรอคุณภูตื่นอยู่ข้างเตียงเขาเหมือนเดิม ไม่ค่อยชินเท่าไรกับการนั่งว่าง ๆ โดยไม่มีเด็ก ๆ มาคลอเคลียเล่นด้วยอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะไปไหนอยู่ดี
รอจนแปดโมงกว่า อาหารเช้าก็มา ผมเดินไปมองข้าวต้มร้อน ๆ ที่โรงพยาบาลเสิร์ฟให้แล้วหันไปมองคนเจ็บที่ยังคงไม่รู้สึกตัวอยู่ดี
แต่ข้าวต้มมันยังร้อน ๆ อยู่ คุณภูน่าจะกินเลย
“คุณภูครับ” คิดแบบนั้นแล้วก็ขยับเข้าไปใกล้เขา เอ่ยเรียกแล้วเขย่าต้นแขนของอีกฝ่ายเบา ๆ เขาช้ำไปทั้งตัวจนผมไม่มั่นใจเท่าไรเลยว่าจับตรงไหนแล้วเขาจะไม่เจ็บ
“...อืม” อาจจะเป็นเพราะนอนไม่สบายหรืออะไร พอแตะตัวเขาแค่นิดหน่อย คุณภูก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว อีกฝ่ายค่อย ๆ ปรือตามองผมท่าทางยังดูลอย ๆ เหมือนไม่ตื่นดี
“ข้าวมาแล้วครับ” ผมบอก เดินไปหยิบถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวสำหรับคนไข้ “กินเลยนะ คุณไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“อือ” คุณภูตอบรับอย่างว่าง่าย ขณะที่ผมปรับระดับให้เตียงยกขึ้นพอที่จะดันตัวเขาขึ้นมานั่งได้ เห็นคุณภูขมวดคิ้วให้บอกออกมาเสียงแห้ง “เจ็บไปทั้งตัว”
“ทนหน่อยนะครับ” ผมได้แต่ยิ้มปลอบ เดินไปเอาน้ำมาให้เขาดื่ม ก่อนจะเลื่อนโต๊ะกินข้าวสำหรับคนป่วยไปไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย แล้วนั่งลงตรงที่ว่างข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะเพื่อที่จะได้ป้อนเขาได้ง่าย ๆ
“ผมไม่ค่อยอยากกินเลย” คุณภูว่าแบบนั้น มองผมที่กำลังคนข้าวต้มอยู่
“นิดหนึ่งครับ” ผมหว่านล้อม ตักข้าวต้มคำเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วเป่าให้มันหายร้อนอยู่พักตักก่อนจะยื่นไปจ่อปากคนภู เห็นอีกฝ่ายย่นคอหลบนิดหน่อยแล้วขมวดคิ้วมุ่น ยังปิดปากสนิทอยู่อย่างนั้นจนต้องกล่อมอีกรอบ “นะครับ จะได้หายไว ๆ เจ็บแบบนี้ผมไม่กล้ากอดคุณเลย”
“...เพราะคุณป้อนหรอกนะ” พอบอกแบบนั้นคุณภูก็พยักหน้ารับอย่างจำยอมแล้วอ้าปากรับข้าวต้มเข้าไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก กลืนมันลงไปด้วยท่าทางพะอมพะอมจนเห็นแล้วสงสาร “จืด”
“อาหารโรง’บาลก็แบบนี้แหละครับ” ผมตักข้าวต้มขึ้นมาอีกคำ เป่าให้เหมือนเดิมแล้วก็ยื่นไปจ่อปากเขาอีกรอบ คราวนี้คุณภูทำหน้าตาอ้อน ๆ มาหาแล้วบอกเสียงอ่อน
“ปรุงหน่อยไม่ได้เหรอ...น้ำส้ม น้ำปลาอะไรก็ได้ นี่มันแทบไม่มีรสชาติเลยเขิน...กินเข้าไปอีกผมต้องอ้วกแน่ ๆ ” เห็นทำหน้าแบบนั้นแล้วก็อยากจะตามใจอยู่หรอกนะครับ แต่ผมไม่กล้าปรุงอะไรเพิ่มเข้าไปหรอก...กลัวว่ามันจะเป็นอะไรที่คนเจ็บไม่ควรกินเข้าน่ะสิครับ
“กินรสอ่อน ๆ ก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวจะไม่สบายท้อง”
“แต่...”
“อ้ามครับ”
“เขิน...”
“นะครับที่รัก”
ต้องใช้ความยากลำบากไม่น้อยในการพยายามหลอกล่อให้คุณภูยอมกินข้าวแต่ละคำเข้าไป ทำให้การกินข้าวเช้าคราวนี้ของเราค่อนข้างดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ตั้งนานแล้วข้าวต้มก็ยังพร่องไปได้ไม่ถึงครึ่งชามเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ไหวแล้วเขิน” หลังจากกินไปได้เกือบสิบคำ คุณภูก็ทำสีหน้าย่ำแย่ออกมา ทำให้ผมได้แต่มองขามข้าวต้มที่แทบไม่ได้ลดลงไปจากตอนเอามาเสิร์ฟซักเท่าไรนั้นอย่างหนักใจ
“อีกซักคำนะครับ” ผมลองขอ ยื่นข้าวต้มคำเล็ก ๆ ไปจ่อปากเขา คุณภูกินน้อยมากจนน่าเป็นห่วงเลย... “อีกคำเดียวแล้วพอเลย สัญญา”
“ก็ได้...” คุณภูว่าแบบนั้นแล้วก็ยอมอ้าปากกินข้าวต้มที่สัญญาไว้ว่าจะเป็นคำสุดท้ายเข้าไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเสียงหวานแหลมของผู้หญิงดังเข้ามาทำลายความเงียบสงบของห้องนี้พอดี
“ภูคะ เป็นยังไงบ้าง!?”
“แค่ก ๆ ๆ !!”
“ว้าย! ตายแล้วภูคะ!”
“คุณภู! ใจเย็น ๆ นะ” และเพราะเสียงที่ดังขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนั้น ทำให้คนที่กำลังจะกลืนข้าวต้มสำลักมันออกมา ไอค่อกแค่กแล้วงอตัวท่าทางคงเพราะมันไปกระทบร่างกายที่ยังปวดไปทั่วอยู่แน่ ๆ ทำให้ผมรีบรุดเข้าไปหา คว้ากระดาษทิชชูมาเช็ดปากที่เปื้อนนิดหน่อยให้อีกฝ่ายแล้วลูบหลังเขาเบา ๆ “ดื่มน้ำก่อนครับ”
“แค่ก...” พอได้ดื่มน้ำคุณภูก็เหมือนจะดีขึ้น แต่สีหน้าย่ำแย่ของเขาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนที่เสียงดังไม่ดูเวล่ำเวลาที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ไม่ไกลไม่ใกล้นัก
“รักษาความสงบด้วยครับคุณดารินทร์” ถ้อยคำที่คล้ายกับต่อว่าตรง ๆ นั้นทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียไปนิดหน่อย แต่ผู้ใหญ่ที่มาด้วยกันกับเธอก็ดูจะแก้สถานการณ์ได้ดีด้วยการยิ้มแล้วหัวเราะแห้ง ๆ
“แหม...หนูดาก็ห่วงตาภูเกินไปหน่อย ตามประสาคนเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันน่ะจ้ะ เธอคงเป็นเพื่อนตาภูสินะ ไม่เห็นหนูดาเคยพูดถึงเลย” ผู้หญิงท่าทางดูมีอายุคนนี้คงจะเป็นแม่ของคุณดารินทร์ อีกฝ่ายมีมาดคุณหญิงแบบที่คุณดารินทร์มีเป๊ะ ๆ ทำให้ผมได้แต่ยิ้มตามมารยาทไปให้ ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับผม ผมก็ควรรักษามารยาทพื้นฐานเอาไว้
“เขิน ผมหิว” ระหว่างที่เรากำลังมองหน้ากันอย่างที่ไม่มีใครพูดอะไร เสียงของคุณภูก็ดังขัดขึ้นซะก่อน ทำให้ผมหันไปมองเขา แล้วเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
ไหนว่าเมื่อกี้อิ่มแล้วไง?
“กินไม่ไหวแล้วก็อย่าฝืนครับ” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคน รู้ดีว่าเขาคงไม่ชอบใจที่คุณดารินทร์มา ถึงได้เอาเรื่องอื่นมาเบี่ยงประเด็น ทำเหมือนห้องนี้มีแค่เราสองคน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม
“อ้าว ทานข้าวกันอยู่พอดีเลยนี่น่า หนูดาไปป้อนตาภูเขาสิลูก” เสียงของคุณป้าว่าแบบนั้น คุณดารินทร์คงไม่ได้เล่าความสัมพันธ์ระหว่างผมจะคุณภูให้ฟัง เธอถึงไม่ได้ดูคลางแคลงใจเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอทำก็แค่พยายามผลักดันลูกสาวเธอให้คุณภูตามฉบับคุณหญิงที่อยากจะให้ลูกได้แต่งงานกับผู้ชายดี ๆ เท่านั้น
“ค่ะ คุณแม่” คุณดารินทร์ตอบรับอย่างว่าง่าย ยิ้มอาย ๆ แล้วเดินช้า ๆ เข้ามาหาคุณภูด้วยท่าทางทำให้ทำให้ผมนึกทึ่งในความสามารถในการเก็บอารมณ์ของเธอคนนี้
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่างูเสียอีก
“เอ่อ...เพื่อนของคุณภูสินะคะ?” เธอพูดเหมือนไม่รู้จักผม ยิ้มน้อย ๆ มาให้เหมือนเกรงอกเกรงใจกัน “รบกวนช่วยหลบออกไปจากตรงนั้นหน่อยได้มั้ยคะ คือดาจะได้ป้อนคุณภูได้น่ะค่ะ”
“ไม่ต้อง---!”
“ชู่ว...ผมจัดการเองครับ” คุณภูกำลังจะปฏิเสธ ท่าทางเขาจะหงุดหงิดไม่น้อยกับการที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เช้า ทำให้ผมห้ามเขาไว้เบา ๆ ยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย คุณภูไม่จำเป็นต้องมาเสียอารมณ์กับเรื่องแค่นี้ เขาควรจะได้พักผ่อนให้พอ ผมยกมือขึ้นลูบแก้มเขาเบา ๆ ให้อีกฝ่ายใจเย็นลง แน่นอนว่าทั้งหมดนั่นอยู่ในสายตาคุณดารินทร์อยู่ตลอดทำให้ผมหันไปมองหญิงสาว “ที่จริง คุณภูอิ่มแล้วน่ะครับ กินอะไรไม่ลงหรอก”
“เอ๊ะ ก็เมื่อกี้คุณภูบอกว่าหิว---”
“ผมให้ ‘กิน’ จนอิ่มแล้วล่ะครับ” พอบอกแบบนั้นอีกฝ่ายก็ถลึงตามองผมอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ต่อหน้าแม่เธอ ทำให้ผมจัดการอะไรได้ง่ายขึ้นเยอะ ผมยิ้มน้อย ๆ ก้มลงไปจูบขมับคุณภูเบา ๆ “เมื่อกี้เขาแค่อ้อนผมเหมือนปกตินั่นแหละครับ ยิ่งเจ็บแบบนี้ยิ่งอ้อนไม่ปล่อยให้ไปไหนเลย”
“นี่---!”
“เอ่อ...แหม เด็ก ๆ นี่สมัยนี้ เพื่อนกันก็สนิทกันดีแบบนี้แหละเนอะ” ยังไม่ทันที่คุณดารินทร์จะพูดอะไรออกมา ผู้ใหญ่ในที่นี้ก็พยายามแก้สถานการณ์อีกครั้งทำให้ผมหันไปมองเธอที่ยิ้มแห้ง ๆ อยู่
นี่ไม่เข้าใจ หรือจงใจทำเป็นไม่เห็นกันแน่นะ?
ผมได้แต่ยิ้มว่างเปล่าให้เธอ แล้วหันกลับมาดูแลคุณภูต่อ ต่อให้มารยาทมันสำคัญยังไง สำหรับผม การดูแลคุณภูก็สำคัญกว่าอยู่แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องใส่ใจคนอื่นขนาดนั้น
“อยากกินผลไม้ซักหน่อยมั้ยครับ มันพอมีรสชาติบ้าง น่าจะช่วยให้คุณหายพะอืดพะอมขึ้นมาได้บ้าง” ผมถามแล้วเก็บถาดข้าวต้มไปวางไว้ข้าง ๆ แทน เตรียมจะเอาผลไม้มาปอกให้เขากิน
“ก็ดี...”
“อ๊ะ พอดีเลยค่ะ ดาซื้อสตอเบอร์รี่มาฝาก นี่พันธุ์ดีเลยนะคะ ภูต้องชอบแน่ ๆ ” ผมเหลือบมองจนที่ยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบรับของคุณภู เธอชูทิ้งในมือขึ้นมายิ้ม ๆ
“ซื้ออะไรสมกับเป็นคุณดารินทร์เลยนะครับ” ผมมองอีกฝ่าย แล้วผละออกจากคุณภูไปหยิบถุงผลไม้มากมายที่พระพายซื้อมาฝากไว้ก่อนหน้ามาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าคุณภูแล้วมองบรรดาถุงพวกนั้น “พอดีเลย ที่น้องชายคุณซื้อมาไม่มีสตอเบอร์รี่ซักถุง คุณภูอยากกินมั้ยครับ”
“...ไม่ล่ะ” คุณภูเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เมื่อได้ยินคำว่าน้องชายแต่พอหันไปมองคุณดารินทร์ที่เริ่มทำสีหน้าไม่พอใจแล้วกันส่ายหน้าช้า ๆ “จะอ้วก”
“อ่ะ...!” คุณดารินทร์อึกอักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะพยายามยิ้มออกมา ขณะที่แม่ของเธอเหมือนจะเริ่มไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ลูกสาวผู้พยายามจะเรียบร้อยของเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะแก้สถานการณ์ด้วยการเปลี่ยนไปเรื่องอื่น ทำเสียงน้อยอกน้อยใจได้อย่างแนบเนียน “แหม...ภูมีน้องชายด้วยเหรอคะเนี่ย โถ่ ไม่เคยบอกกันเลยนะคะแบบนี้ดาน้อยใจนะ”
ขุดหลุมฝังตัวเองแท้ ๆ
ผมลูบต้นแขนคุณภูเบา ๆ เป็นเชิงห้ามปรามไม่ให้เขาพูดอะไร ไม่งั้นซักพักคุณภูจะต้องเผลอขึ้นเสียงแล้วเขาจะระบมไปทั้งตัวแน่ ๆ ครับ ผมหันไปมองคนที่กำลังพยายามทำท่าน้อยใจนิ่ง ๆ “พอดีมันเป็นเรื่องในครอบครัวน่ะครับ คุณภูไม่ยอมให้คนนอกเขามายุ่งเท่าไร”
“อ๋อ...เธอเป็นน้องชายตาภูเองสินะจ๊ะ แหม...แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ตาภูคงจะหวงน้องล่ะสิเลยไม่ยอมบอก มีน้องชายน่ารักซะขนาดนี้นี่เนอะ” แต่คำพูดแบบนั้นของผมกลับทำให้แม่ของคุณดารินทร์มองไปอีกทางซะอย่างนั้น เธอทำท่าโล่งใจเหมือนจะคิดว่าผมเป็นน้องชายคุณภูจริง ๆ ขณะที่ผมไม่เข้าใจเลยซักนิดว่าคำพูดของผมมันตีความไปทางนั้นได้ยังไง แต่อีกฝ่ายคงปักใจเชื่อตามนั้นไปเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มองผมยิ้ม ๆ แล้วบอกต่อ “แต่คนนงคนนอกอะไรกันล่ะจ๊ะ เดี๋ยวตาภูกับหนูดาก็เป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว”
คิดได้ยังไงน่ะ...
ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อย ๆ ประเมินคนตรงหน้านิดหน่อย...คิดบวกลบคูณหารแล้ว คนคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณภู ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องพยายามเอาใจและเข้าใจมากนัก แล้วก็คงไม่ใช่ลูกค้าประจำของร้านที่ผมต้องรักษาเอาไว้ด้วย...เอาเถอะ บอกไปตรง ๆ เลยแล้วกัน
“เข้าใจผิดแล้วครับ” ผมมองหน้าคุณป้า ยิ้มนิ่ง ๆ ตามมารยาทออกไป “คุณภูไม่ยอมปล่อยให้น้องชายเขาจูบหรอกครับ”
“เอ๊ะ...?”
“เอ่อ...คุณแม่คะ ดาว่าเราเลิกคุยเรื่องนี้ดีมั้ยคะ ยังไงนี่ก็เรื่องส่วนตัวภูเขานี่เนอะ” คุณป้าเริ่มสงสัย แต่คุณดารินทร์ก็ขัดไว้ซะก่อน เหมือนไม่อยากให้ผมพูดว่าผมกับคุณภูเป็นอะไรกัน ทำให้ผมมองอย่างแปลกใจ จริง ๆ ผมจะหยุดก็ได้นะ ถ้าพวกเขาเลิกสร้างความยุ่งยากให้ผมเหนื่อยบ่อย ๆ ซักที
“อะไร หนูดา ลูกไม่อยากรู้เหรอคะ” แต่เหมือนทางฝ่ายนั้นเขาจะไม่อยากให้หยุด “พูดต่อสิจ๊ะ ไม่ใช่น้องแล้วเธอเป็นอะไรกับตาภู แค่เพื่อนเฉย ๆ รึเปล่า?”
“ไม่ใช่ครับ” ผมส่ายหน้า มองคุณภูยิ้ม ๆ เห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา ท่าทางจะพอใจไม่น้อยที่ผมยอมบอกไปตรง ๆ ทำให้ผมมั่นใจขึ้นนิดหน่อยก่อนจะหันไปหาคนที่รอคำตอบอยู่ มองข้ามคุณดารินทร์ที่ยืนหน้าซีดไป...ทำไมจะต้องกลัวคุณป้ารู้ขนาดนั้น “ที่จริง เราคบกันอยู่ครับ”
“คบกัน?” คุณป้าทวนคำเหมือนไม่อยากเชื่อ ทำให้ผมต้องขยายความ
“ครับ ในฐานะคนรัก”
“ว-ว่ายังไงนะ...!?” พอชี้แจงแบบชัดเจนไป คุณป้าก็อุทานออกมาแบบนั้น แล้วหันควับไปมองคุณภูอย่างคาดคั้น “จริงเหรอตาภู?”
ผมเองก็หันไปมองคุณภูเหมือนกัน เห็นเขายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปหาคุณป้า “จริงครับ ผมกับเขินเราคบกันมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่แม่จะพยายามให้ผมหมั้นกับคุณดารินทร์ซะอีกครับ”
“นี่มันอะไรกัน!? แล้วทำไมเธอไม่บอกตั้งแต่แรก” คุณป้าทำท่าทางรับไม่ได้ เห็นแล้วก็สงสารไม่น้อย แต่ยังไงเริ่มมาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องให้มันจบไปเลย ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ไม่ไหวหรอกนะครับที่จะต้องมาวุ่นวายกับเรื่องยุ่งยากของใครหลาย ๆ คนพร้อมกัน
“จริง ๆ พวกเราบอกคุณดารินทร์ไปก่อนวันนัดดูตัวแล้วครับ ยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมถึงยังมีงานนัดดูตัวอีก นี่คุณดารินทร์ไม่ได้บอกให้ฟังเลยเหรอครับ” ผมถามออกไปนิ่ง ๆ มองคนที่ถูกกล่าวถึงที่หน้าซีดเผือดกว่าเดิม
ไม่ได้บอกงั้นสินะ...ถึงได้กลัว
ดู ๆ ทรงแล้ว คุณป้าคงไม่ยอมให้ลูกสาวของเธอขึ้นชื่อว่าแย่งแฟนคนอื่นหรอกครับ
“จริงเหรอหนูดา แล้วทำไมลูกไม่บอกแม่คะ!? ไหนว่าตาภูยังไม่มีใคร แล้วนี่อะไรคะลูก?” นั่นไง...จริง ๆ ด้วย คุณป้าหันไปคาดคั้นจากคุณดารินทร์แล้วครับ
“ม-แม่เชื่อมันเหรอคะ!? มันเป็นใครดายังไม่รู้จักเลย ภูไม่ได้บอกดาเลยนะคะ ภูสิคงจะอยากเก็บไว้ทั้งสองคน นี่ดาก็เพิ่งรู้พร้อมแม่เหมือนกันแหละค่ะ...ไม่อยากจะเชื่อว่าภูจะเป็นคนแบบนี้...” ผมชักจะรังเกียจเธอขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ ทำไมถึงกล้าโยนความผิดให้คุณภูได้หน้าตาเฉยแล้วพลิกบทให้ตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำได้ไวขนาดนี้
หมาจนตรอกมันยังไม่ขี้ขลาดเท่านี้เลย
“ถ้าคุณไม่เชื่อ จะเปิดกล้องวงจรปิดของร้านผมดูก็ได้นะครับ มีวันที่ระบุไว้ชัดเจนว่าคุณดามาหาผมวันไหนเพื่อให้ผมบอกเลิกกับคุณภู นั่นหมายถึงว่าเธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่าผมกับคุณภูเราคบกันครับ แน่นอนว่าพนักงานในร้านผมเป็นพยานให้ได้ทุกคน รับรองว่าพวกเธอจะต้องพูดตรงกันหมดว่าบทสนทนาในวันนั้นมันเป็นยังไง” ผมบอกออกไปยาวเหยียด ถึงจะยังนิ่งอยู่ใน แต่ตอนนี้ในใจผมเต้นเร็วไปหมด...ผมกำลังโกรธ โกรธจริง ๆ
“หนูดา...จริงเหรอลูก...” สายตาของคุณป้าบ่งบอกว่าเธอกำลังผิดหวัง
“ม-ไม่จริงนะคะแม่! ม-มันใส่ร้ายดา! ถ้าถามพนักงานมัน พวกนั้นก็ต้องตอบเข้าข้างเจ้านายอยู่แล้วสิคะ จะไม่เชื่ออะไรได้!” พอเห็นสายตาผิดหวังจากคนเป็นแม่ ก็เหมือนคุณดารินทร์จะเริ่มสติแตกไป ระดับเสียงที่เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ของเธอทำให้ผมรู้สึกว่ามันชักจะรบกวนมากเกินไปแล้ว
ผมมองผู้หญิงที่กำลังจนตรอกตรงหน้าด้วยสายตานิ่ง ๆ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วแท้ ๆ เชียว แต่คุณน่ารังเกียจจนผมทนไม่ได้...
“ถ้างั้น คุณจะว่ายังไงกับเช็คเงินสดเป็นแสนที่คุณยัดให้ผมเพื่อบอกให้เลิกเกาะคุณภูกินซักที หรือรูปแอบถ่ายของผมกับคุณภูที่เข้าข่ายละเมิดความเป็นส่วนตัวที่คุณเอามาขู่แบล็คเมลผมวันนั้นล่ะครับ ผมยังเก็บภาพ ๆ นั้นไว้อยู่เลยนะครับ แต่คุณบอกยังมีอีกเยอะนี่ครับ ถ้าคุณหญิงยังไม่เชื่อจริง ๆ ก็ลองไปค้นห้องลูกสาวคุณดู”
“หนูดา...นี่ลูก...” ยิ่งผมยิ่งพูด คุณป้าก็ดูเหมือนจะช็อคไปกันใหญ่ ยิ่งเห็นท่าทางของลูกสาวเธอที่ส่อพิรุธออกมาซะขนาดนั้น เธอคงเชื่อผมทั้งหมดนั่นแหละครับ แต่มันก็เป็นความจริงอยู่ดี ผมคลี่ยิ้มร้ายแบบที่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ผมกำลังนิสัยไม่ดีแค่ไหน
“ผมนับถือความพยายามของลูกสาวคุณมากเลยนะครับ ที่พยายามแย่งใช้ทุกอย่างแย่งผู้ชายคนนี้ไปจากผม”
คุณผิดเองที่ทำให้ผมโกรธ
“แต่น่าเสียดายที่มันไม่สำเร็จ”
แม่เราออกจากโรงบาลแล้วค่ะ ฮิ้ววววววววววววว จุดพลุ ฉลองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มากันอีกตอน อีกไม่นานค่ะ อีกไม่นานเสี้ยนหนามแทงใจก็จะถูกกำจัดไปหมดแล้ว
แอบกระซิบบอกว่าตอนนี้มีอีกเรื่องต่อคิวรอต่อหลังจากเรื่องนี้จบแล้วล่ะค่ะ ฮ่า...
แอบพาพระพายกับพี่อัยย์มาแจมนิด ๆ ตอนนี้ไม่มีปรากฏในเรื่องของพระพายนะคะ ถ้าเป็นของพระพายจะตัดข้ามไปเลย ฮ่า...แอบพาลมเหนือมาให้ชื่นใจกันเบา ๆ เห็นมีคนบอกอยากรู้ว่าคุณเขินรู้สึกยังไงตอนเจอพระพาย ก็...พ่อกระต่าย นั่นแหละค่ะ ก๊ากกกกกกกกกกก
สำหรับตอนนี้พี่ภูเดี้ยงไปแล้วก็ให้พักดี ๆ เป็นของรางวัลให้ผู้ชนะไปนะคะ งานนี้คุณเขินสู้ตาย ต้องยอมรับว่าจริง ๆ คุณเขินเขาก็เหนื่อย ก็กังวลจากหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาด้วยนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เขาไม่เคยปริปากบอกให้พี่ภูรู้ ไมงั้นพี่ภูจะห่วงเอาอีก อารมณ์หลาย ๆ อย่างมันก็เลยสะสมมาเรื่อย ๆ แล้วยังมาเจอดารินทร์อีกเลยปรี๊ดแตกแบบอดรนทนไม่ไหว
แต่คุณเขินไม่ใช่คนโกรธแล้วเหวี่ยงนะคะ เขาโกรธแล้วนิ่ง แต่ข้างในนี่ร้อนไปหมดแล้วค่ะ ฮ่า
ยังไงก็ขอฝากคุณเขินกับพี่ภูไว้อีกตอนด้วยนะคะ
ปล.ติดแฮชแท็ก #ภูเขิน หรือ #ทาสเจ้าของแมว ได้สำหรับตอนนี้น้า
ส่วนตอนนี้เขินเอาใจไปเลยยย ถึงจะให้อยู่แล้วก็เถอะ รักกกกก
หนูดาใจเย็นๆนะลูกนะ5555555
เขินน่ารักมาก เด็ดมากค่ะ จัดการให้เด็ดขาดไปเล้ย
ยินดีด้วยนะคะที่คุณแม่ออกจากรพ.แล้ว ขอให้หายไวๆนะคะ
เขินก็ร้ายไม่เบาเหมือนกันนะเรา จอบกลับแบบนิ่งๆ