ดวงใจพิสุทธิ์
"สายลมกลับมาหาผมแล้ว!"เสียงสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา รินไหลอาบสองข้างแก้มผมหันมองไปรอบๆพวกเค้าพยายามติดตามและเฝ้าจับตามองดูผมอยู่ตลอด"บ้าสิ้นดี!!"ผมสบถออกมาพร้อมกับประคองใบหน้าอ่อนหวานนั้น
ผู้เข้าชมรวม
111
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
'ผมตายหรือยังนะ?'
เมื่อแรกรู้สึกตัวความรู้สึกเจ็บในหัวใจเกิดขึ้นอีกแล้วมันเจ็บปวดทรมานมากเสียจริงๆเจ็บจนผมคิดว่าคงทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วหากยังเป็นอยู่แบบนี้หัวใจผมอาจจะหยุดเต้นไปเลยก็ได้ผมรู้สึกสงสารหัวใจตัวเองเหลือเกิน...ผมเอามือมาสัมผัสที่หน้าอกของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด
'ขอโทษด้วยนะที่คนคนนี้อ่อนแอเกินไป'
ผมรู้สึกเคว้งคว้างและคิดว่าคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในความว่างเปล่าของโลกใบนี้
ที่จริงแล้วผมเองก็อยากตายๆให้มันรู้แล้วรู้รอดไป พอรู้สึกตัวที่ไรน้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมายังกับทำนบแตกผมจำไม่ได้ว่าผมร้องไห้มานานเท่าไหร่แล้วน้ำตาของผมมันมีเยอะขนาดไหนกันเชียว
'ทำไมผมไม่ตายๆไปซะ!'
ผมเผยอเปลือกตาขึ้นนิดหน่อยพลางชำเลืองมองด้วยหางตาไปรอบๆเพื่อดูว่าคนพวกนั้นยังมาตามดูผมอีกมั๊ย ความรำคาญที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งเดียวที่หยุดความหม่นหมองของผมได้ชั่วขณะ
'ให้ตายสิ!!'
พวกเขายังไม่ไปไหนผมคิดว่าต้องเป็นพวกโรคจิตที่มาแอบมองผมอยู่ได้ ผมก็แค่อยากนอนนิ่งๆผมเจอพวกเขาตลอดช่วงนี้ยังกะเขาตามติดผมอย่างนั้นแหละ คนพวกนั้นมีทั้งผู้หญิงผู้ชายผมไม่ได้อยากคิดไปเองบางครั้งผมก็คิดว่ามีคนอื่นอีกที่พวกเค้ารู้จักเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ก็ได้ พวกเค้าคงไม่ได้ตามผมหรอก ผมแค่อยากอยู่เงียบๆก่อนนั้นพวกเค้าก็แค่เมียงมองมาที่ผมเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมชักจะเห็นพวกเค้าบ่อยขึ้นทุกที ผมเริ่มไม่ค่อยชอบแล้วอย่ามายุ่งกับผมก็แล้วกัน!
'บัดซบ!!'
ผมเผลอคิดคำหยาบคายผมเองก็ไม่ค่อยได้นึกถึงคำแบบนี้บ่อยหรอกแต่แค่ได้คิดมันออกมาบ้างก็ช่วยหยุดอารมณ์ผมได้นิดหน่อยเวลาที่ผมเศร้า ความรู้สึกตอนนี้มันจุกในอกทรมานเหลือเกิน..ผมเริ่มร้องไห้อีกแล้ว
'บ้าชิบ!!'
ผมเหนื่อยและอ่อนล้าเต็มทีผมก็คงแค่หลับไปนานเพราะเมาหรือแฮ้งค์ แต่ปกติผมไม่ดื่มอาจจะมีบางครั้งที่อยากจะดื่มบ้างผมมันพวกคออ่อนเสียด้วยสิ แต่ร่างกายมันคงบอกว่าหลับต่อไม่ได้อีกแล้ว
ตอนนี้รู้สึกว่ามือของผมจะสัมผัสกับบางสิ่งนี่มันต้นหญ้าน่าจะใช่ ผมควานมือไปมามันเป็นหญ้าจริงๆนั่นแหละผมคงนอนอยู่บนผืนหญ้าและก็ได้กลิ่นของมันด้วย อืมม์..หอมสดชื่นดีเหมือนกันต้นหญ้าพวกนี้
'แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหน?'
'ผมรู้สึกว่าผมคุ้นๆกับที่นี่เหมือนกัน'
ผมไม่รู้หรอกว่าผมมาที่นี่ได้ยังไง แต่ตอนนี้ ผมก็อยู่ตรงนี้แล้วผมนึกไม่ออกจริงๆและจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าดื่ม ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ท้องฟ้าดูว่างเปล่า เวิ้งว้าง..
แต่ก็ดีเหมือนกัน! มันว่างเปล่าเหมือนกับตัวผมนั่นแหละ..
'ผมไม่มีฟ้าแล้ว...'
ฟ้าที่เป็นคนจริงๆไม่ใช่ฟ้าบนท้องฟ้า..เธอเคยเป็นคนที่ผมรัก..น้ำฟ้าผมคิดถึงเธอขึ้นมาอีกแล้วคงเพราะว่าท้องฟ้านี่ล่ะที่ทำให้ผมต้องนึกถึงเธอผมถึงไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลยแต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมคงต้องตายเท่านั้นแหละถึงจะไม่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีก ผมค่อยหลับตาลงไม่อยากเห็นอะไรอีกแล้วแม้ความทรงจำในสมองยังคงคิดคำนึงถึงหล่อนอยู่บ้าง
สายลมเย็นพัดผ่าน..แผ่วเบา..พาเอาไอเย็นของละอองน้ำเข้ามาด้วยความรู้สึกสดชื่น สงบ เบาสบายร่างกายผมเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งรอบตัว บทเพลงที่ผมชื่นชอบผุดขึ้นมา ณ กลางใจ
'สายลมแห่งรักพัดพา..ขอจงอย่าพารักไป.. อย่าพัดให้เธอ ห่างไกลให้เราห่างกัน...หากลมได้ยินหัวใจขอจงเมตตาสักครั้ง ให้รักได้อยู่คู่กันให้เธอได้อยู่คู่ฉันตลอดไป....'
'เนิ่นนาน...ชั่วกาล..นิรันดร์'
"คุณคะ!!"
"คุณ.."
"คุณ?"
ผมได้ยินเสียงเรียกของผู้หญิงเสียงเล็กๆนั้นปลุกผมขึ้นจากห้วงภวังค์เสียงของหล่อนฟังดูช่างไพเราะและสดใสเป็นเสียงของผู้หญิงในแบบที่ผมชอบ ผมชอบน้ำเสียงที่อ่อนหวาน..ของเธอคนนี้
'หล่อนเป็นใครกัน?'
ผมรีบลืมตาขึ้นมาในทันใด สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาของผมคือใบหน้าของหญิงสาวปรากฏอยู่ตรงหน้าจนผมเกือบตกใจ หล่อนกำลังก้มมองลงมาที่ผมจนปลายเส้นผมยาวของหล่อนที่แกว่งไปมาเกือบทิ่มเข้าตาผม ดวงตาโตใสแจ๋วคู่นั้นจ้องมองลงมาด้วยแววตากึ่งสงสัยและประหลาดใจ
'ใช่ฟ้าหรือเปล่านะ ผมคิดและกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้ภาพเบลอของเจ้าหล่อนชัดขึ้น'
'ไม่ใช่ฟ้า'
แต่หล่อนดูสวยมากจนผมเกือบจะยิ้มออกมาเอาอีกแล้ว!ทำไมผมเป็นคนแบบนี้แต่ว่าหล่อนก็สวยจริงๆนี่นา ความสวยของผู้หญิงเป็นสิ่งแรกที่สะกดทุกคนให้จ้องมอง
"เอ่อ.."
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว หล่อนก็พูดกับผมขึ้นมาก่อน
"คุณมานอนตรงนี้ทำไมกันคะ?"
ผมกระพริบตาปริบๆผมไม่รู้จะตอบเธอว่าอะไรดี ราวกับว่าผมไม่ได้พูดกับใครมานานแล้วแบบนั้นสมองผมผิดเพี้ยนไปหมดทำไมถึงได้พูดอะไรออกมายากเย็นแบบนี้ปากผมขมุบขมิบและพยายามจะออกเสียง
"เอ่อ.."
ขณะที่สมองของผมกำลังประมวลผลเรียบเรียงคำพูดหล่อนก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเธอช่างสดใส ผมไม่ได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ผมยิ้มให้กับหล่อนผมยิ้มจริงๆด้วย
"คุณหน้าตาดีเหมือนกันนะคะ คุณดูหล่อเหมือนกับนายแบบเลยจริงๆ"
จู่ๆหล่อนก็ชมจนผมเขินไปเลยทีเดียวอันที่จริงผมรับรู้มาตั้งแต่เด็กแล้วใครๆต่างก็พูดว่าผมเป็นคนหน้าตาดีตอนวัยรุ่นก็มีสาวๆมาจีบผมอยู่บ้าง ผมก็ค่อนข้างหลงตัวเองเหมือนกันคิดแล้วก็เผลอยิ้มออกมา
"เอ่อ.."
หล่อนไม่ได้คำตอบอะไรจากผมเลยจนเธอเลิกสนใจผมแล้วพลางขยับไปนั่งข้าง หล่อนชันขาขึ้นมาพร้อมกับเอามือกอดเข่าตนเองมองไปที่สระน้ำ ผมชำเลืองดูหล่อนที่กำลังมองไปเบื้องหน้ามุมปากเธอยกขึ้นยิ้มนิดๆดูสบายใจผมกลอกลูกตาไปมา ผมต้องทำอะไรสักอย่างจะมานอนตัวแข็งทื่อแผ่หรากางแขนกางขาอย่างสบายใจแล้วปล่อยให้ผู้หญิงต้องนั่งนิ่งอยู่คนเดียวโดยไม่สนใจหล่อนเลย มันคงจะดูไม่มีมารยาทไปสักหน่อย
'คงต้องลุกขึ้นแล้วล่ะ'
ผมคิดพลางค่อยๆกระดกหัวแล้วยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งขาที่กางอยู่หดเข้ามาในท่านั่งสมาธิ ผมค่อยๆหันไปมอง หล่อนกำลังท้าวคางไว้กับหัวเข่าของตัวเองผมเผลอพิจารณาใบหน้าสวยได้รูป ตา จมูกปากของหล่อนสวยงามมากเมื่อมองจากด้านข้างแบบนี้ ริมฝีปากบางสีชมพูอวบอิ่มอมยิ้มเล็กน้อยเหมือนจับได้ว่าผมกำลังแอบมองเธออยู่ใจผมเต้นตึกตัก
ทันใดนั้นหล่อนหันหน้ามามองจนผมสะดุ้งและหันหนีหลบหล่อนไม่ทัน ให้ตายเถอะ!ผมแทบจะลืมหายใจ เธอสวยน่ารักมากดวงตาดำใสแจ๋วมีแววซุกซนดูเหมือนเด็กผมชอบหน้าตาของหล่อนจริงๆนะผมว่าหล่อนมีสีหน้าที่ร่าเริงสดใสเหมือนเด็กที่ไร้ซึ่งความทุกข์
"สวัสดีครับ..."
คำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากของผมแบบอัตโนมัติ ผมไม่ได้พูดกับผู้หญิงมานานมากแล้วตั้งแต่ผมกับฟ้าจากกันผมเองก็จำอะไรไม่ได้หล่อนยิ้มกว้างตอบกลับมาให้ผมเช่นกัน รอยยิ้มของเธอดูไร้เดียงสาเหมือนไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลผมชอบรอยยิ้มแบบนี้ของหล่อน
"คุณพูดได้"
หล่อนแซวผมพร้อมกับหัวเราะ ผมชอบเสียงหัวเราะที่สดใสของหล่อนมากเลยนะ
'นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม!'
หล่อนดูน่ารักจนผมต้องหัวเราะออกมาบ่อยๆเราสองคนดูคล้ายกันมากเรื่องหัวเราะเนี่ยเราเพิ่งสนทนากันแค่ไม่กี่คำเอง ที่จริงผมคุยกับผู้คนง่ายมากนะแม้บางครั้งผมออกจะดูเก็บตัวก็ตาม
ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ไม่รู้สึกเจ็บในหัวใจอีกแล้ว!!ผมหายเจ็บง่ายๆแบบนั้นเลยเชียว พับผ่าสิ! ผมแปลกใจตัวเองมากจริงๆ หล่อนเป็นนางฟ้าหรือยังไงถึงบันดาลให้ใจผมหายเจ็บปวดได้ในเวลาที่รวดเร็วแบบนี้
ผมแอบสังเกตพิจารณาหล่อน ผมสีน้ำตาลหยิกเป็นลอนยาวสยายทำให้ดูเซ็กซี่มากขึ้นผมคิดไปว่าเธอเหมือนดาราหรือว่าหล่อนเป็นดาราอันที่จริงๆผมเองไม่ได้ดูหนังละครซีรีย์อะไรมานานมากแล้วตั้งแต่ไม่มีฟ้าและผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย
"เอ่อ..คุณ?"
ผมยังประหม่าและเก้อเขินอยู่บ้างแต่ผมควรคุยกับเธอบ้าง
"ผมจะเรียกคุณว่าอะไรดีครับ?"
เป็นคำพูดที่ดูโอเคนะผมคิด ก็มันผุดขึ้นมาเองในหัว เมื่อเราอยากรู้จักผู้หญิงที่เราเพิ่งได้พบกันครั้งแรกผมนึกคำไม่ค่อยออกสมองผมมันยังเบลอๆ
"สายลม ค่ะ"
"ฉันชื่อสายลม"
แววตาของหล่อนซุกซนสำรวจมองใบหน้าของผมพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผมรู้สึกว่าผมรักรอยยิ้มของเธอเข้าให้แล้ว
'ผมอายตัวเองจัง..ผมเขิน'
ผมรู้สึกสบายใจกับการพบเจอเธอคนนี้ ปกติผมไม่คุยกับคนที่ไม่รู้จักแต่ผมยิ้มไปกับเธอตลอดเลยไม่รู้ว่าผมเมาหรือฝันแต่ตอนนี้เวลานี้ผมกำลังคุยอยู่กับหล่อนทันใดนั้นเองเธอยื่นใบหน้าสวยเข้ามาใกล้จนผมสติแตก
ผมเอนตัวหนีใบหน้างดงามนั้นด้วยอาการประหม่าขั้นสุดมือไม้ผมสั่นไปหมด ผมไม่ใช่พวกผู้ชายฉวยโอกาสเสียด้วยหล่อนขำกับท่าทางมือไม้เกะกะของผม
"แล้วคุณล่ะคะ คุณชื่ออะไร?"
โอยหัวใจจะวาย!ใจผมสั่นระรัวเมื่อก่อนหน้านี้ ผมยังรู้สึกเจ็บจะเป็นจะตายอยู่เลย แล้วตอนนี้หัวใจผมดันเต้นแรงและรัวยังกับตีกลองขึ้นมาซะขนาดนี้ได้ยังไงกันผมตะกุกตะกักตอบหล่อนไป
"ผม..ผมชื่อ ชื่อ..?"
'ให้ตายเถอะ! บ้าจริง! ผมลืมเกือบทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งชื่อตัวเองผมกินอะไรเข้าไปเนี่ย!'
"คุณเรียกฉันมา แล้วคุณทำท่ายังกับเห็นผี แล้วยังจำชื่อตัวเองไม่ได้อีก" หล่อนหัวเราะขำผม
"ห๊ะ!! ผมเรียกคุณ" หล่อนเล่นมุกไหนกับผมนะนี่
"ผมไม่ได้เรียกใคร ผมเรียกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
"ช่างมันเถอะค่ะ ฉันดีใจที่ได้พบคุณนะคะแม้เราจะเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก"
"อูย ปวดหัว!!" ผมปวดหัวขึ้นมาจริงๆ
ผมพยายามคิดถึงชื่อของตัวเองและครุ่นคิดถึงการมาของเธอแต่ผมก็ปวดหัวจี๊ดจนต้องเอามือมากุมหัวตัวเองเอาไว้ หรือว่าผมเมาแล้วไปคว้าเอาตัวหล่อนมา หล่อนขายบริการรึ?แต่ผมไม่เคยใช้บริการพวกนี้นี่นา! หล่อนเจอผมตั้งแต่ตอนไหนกันผมสับสนเต็มที
"ถึงอย่างไรฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว เรามาคุยกันเถอะค่ะ "
"ลม"
"คุณรู้มั๊ยว่าชื่อคุณเหมือนกับชื่อฉัน ชื่อเรามีความหมายเดียวกัน"
หล่อนเอ่ยชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานพลางเอาแขนทั้งสองข้างมาวางไว้บนบ่าของผม
'โอยผมหายใจไม่ทั่วท้องเลยเธอจะทำอะไรอีกล่ะมันใกล้ไปแล้วนะ!'
ผมเอนใบหน้าหนีด้วยความเขินที่สุดตัวผมสั่นไปหมดแล้วเธอเอียงคอมองผมแล้วหัวเราะคิกคัก
หล่อนจะแกล้งผมไปถึงไหนกันแล้วหล่อนยังเรียกผมว่า'ลม'อีก ผมชื่อนี้เหรอทำไมหล่อนรู้?ผมชักสงสัย
"ทำไมคุณรู้จักผมล่ะ"
"ฉันรู้จักคุณค่ะลม รู้จักทุกอย่างที่เป็นคุณ ตัวตนของคุณ ข้างในจิตใจของคุณ"
หล่อนมองลึกเข้ามาในดวงตาของผมด้วยแววตาของความรักผมรับรู้ได้ถึงกระแสแห่งรักที่บริสุทธิ์เหมือนสายลมแผ่วเบากำลังโอบล้อมรอบตัวผม ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นภายในหัวใจผมตกอยู่ในสภาวะที่รู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด
"ลมคุณเป็นคนดีนะคะ คุณมีจิตใจที่อ่อนโยน ถึงผู้หญิงคนนั้นของคุณไม่เห็น แต่ฉันเห็นคุณค่ะ"
'ลม'
ผมซึมซับภวังค์แห่งความสุขชั่วขณะกระทั่งหล่อนปล่อยมือออกจากบ่าของผม แม้ผมจะชอบความรู้สึกเป็นสุขนั้น แต่ก็รู้สึกหวั่นใจ..เธอดูน่ารักและอ่อนโยนซะขนาดนี้ผมกลัวตัวเองจะห้ามใจไม่ได้ ผมคิดว่าควรอยู่ห่างๆเธอเอาไว้ก่อนจะดีกว่า
"สายลม คุณมาจากไหน?"ผมชวนเธอคุยเหมือนเพื่อนใหม่ที่เราเพิ่งทำความรู้จักกัน
"ก็ชั้นเป็นสายลมของคุณงัยคะ สายลมที่คุณชอบ สายลมแห่งรัก"
เอาอีกแล้ว!นี่เธอเป็นใครกันแน่หรือว่าผมเมาจน"เคลิ้มไป ผมสะบัดหัวไปมาพยายามคิดแล้วคิดอีก เสียงเพลงที่ผมชอบแว่วเข้ามากระทบโสตประสาทหู
'สายลมแห่งรักพัดพา ขอจงอย่าพารักไป...'
"ฉันมาแล้วยังไงล่ะคะและจะไม่จากคุณไปไหน สายลมจะอยู่กับคุณตลอดไป สัญญา..."
"สัญญา.."
ผมได้ยินคำนี้อีกแล้วผมเริ่มจุกขึ้นมาในอก ฟ้าก็สัญญากับผมแบบนี้แต่ฟ้าก็จากผมไป..หัวใจผมโหวงเหวงขึ้นมาอีกแล้วสายลมมีสีหน้าหม่นลงตามหน้าเศร้าของผมไปด้วยเธอยื่นมือมาประคองสองข้างแก้มของผมเอาไว้ พร้อมกับเชยคางของผมขึ้น สายลมจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม ผมมองเห็นแววตาของความห่วงหาอาทรลึกซึ้งข้างในนั้น
"ฉันเป็นสายลมของคุณจริงๆนะและจะคอยอยู่เคียงข้างคุณไม่จากไปไหน เชื่อฉันนะคะ"
"ลมคะ..จะมีคุณเพียงคนเดียวที่ได้เห็นตัวตนฉัน จะมีคุณเพียงคนเดียวที่รู้จักฉันมากที่สุด และฉันก็รู้จักคุณมากกว่าใครๆที่คุณเคยพบเจอ"
หล่อนจูบเบาๆที่หน้าผากของผม ผมหลับตาลงรับสัมผัสอบอุ่นความรู้สึกแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกายเหมือนอย่างกับที่ผมเคยได้รับในวัยเด็ก เธอดึงตัวผมเข้าไปกอดผมรับรู้ได้ถึงความรักบริสุทธิ์ที่เธอส่งมาให้ ผมหลงลืมสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนจากชีวิตแบบนี้ไปนานแล้ว
เวลานี้ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าเธอเป็นอะไรหรือเป็นใคร แค่มีสายลมได้อยู่กับผมแบบนี้ตลอดไป ก็เป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับผมแล้ว..
'คุณเป็นสายลมของผมแล้วนะ'
สายตาผมชำเลืองมองไปทางพวกนั้น ที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้
'นั่นไง!พวกมันเริ่มซุบซิบกันอีกแล้ว'
ผมก็พอจะเข้าใจได้นะพวกคนชอบนินทาก็เป็นแบบนี้มีอยู่ในสังคมเสมอคงอิจฉาที่ทนเห็นผมมีความสุขไม่ได้ ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเดินตรงเข้ามาหาผม
"ลม!คุยกับใครอยู่หรือคะ?"
ผมกลอกตามองดูหล่อนที่ยืนค้ำหัวผมกับสายลมของผมอยู่ แล้วหล่อนก็ดันเรียกชื่อผมถูกด้วยสิ!
แต่ก็นั่นแหละ หล่อนถือดียังไงมาถามเราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อยแต่ถ้าหล่อนอยากรู้ผมก็จะบอกให้ ผมหันไปมองสายลมด้วยความรักผมออกอาการเขินนิดหน่อย
"ผู้หญิงคนนี้ชื่อสายลม เธอสวยแล้วก็น่ารักใช่มั๊ยล่ะ!"
ผมยิ้มอย่างภูมิใจเป็นที่สุดสายลมเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดน้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยเรียกชื่อผมนั้นต่างหากที่สถิตย์ลงในหัวใจของผม รวมทั้งสิ่งที่เธอปฏิบัติต่อผมด้วยความรักเธอสัมผัสผมที่หัวใจและผมไม่มีวันที่จะละสายตาไปจากสายลมได้อย่างแน่นอน...
"เธอเป็น เป็น.."
"เป็นสายลมที่จะอยู่กับผมตลอดไป"
ผมนึกคำพูดได้แค่นี้ตามความรู้สึกข้างในของผมโดยไม่เสแสร้ง ผมรู้สึกดีต่อสายลมมากมายจริงๆแม้เราจะได้พบเจอกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
"ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ตรงนี้เลยนี่คะ?"
ผู้หญิงคนนี้นั่งลงและมองหน้าผมอย่างพินิจพิจารณาพร้อมกับหันไปมองทางพวกเพื่อนๆของหล่อน
ผมอึกอักและลังเลที่จะคุยกับเธอแล้วหล่อนไม่เข้าใจอะไรเลยผมหันไปทางสายลมที่ตอนนี้กำลังหัวเราะคิกคัก เธอไม่ได้ยินดียินร้ายกับความสงสัยของหญิงสาวคนนี้เลยสักนิด เธอได้แต่เฝ้ามองและทำหน้าเด๋อด๋ามาให้ผมกลั้นยิ้มแทบไม่ไหวพลอยหัวเราะไปกับเธอเช่นกันเป็นเรื่องของเราสองคนจริงๆที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ
"คุณกลับบ้านไหวไหมฉันจะพาไปค่ะ คนที่บ้านคุณ คงเป็นห่วงกันมากแล้ว"
"ดูจากสภาพของคุณตอนนี้"
หล่อนพูดกับผมเหมือนคนที่มีมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ แต่ถึงแม้ผมอาจจะดูเมาเละเทะจนจำอะไรไม่ได้ไปบ้าง แต่ผมรู้ว่าผมควรทำอะไร!
" ไม่เป็นไร ขอบคุณนะครับที่มีน้ำใจ แต่ผมดูแลตัวเองได้ คุณไปเถอะ ผมอยากมีเวลาส่วนตัวกับ..."
ผมหันไปยิ้มให้กับสายลมอีกครั้ง เธอกำลังนั่งท้าวคางยิ้มหน้าทะเล้นมาให้ หล่อนช่างเหมือนเด็กน้อยจริงๆทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความสดใส คนอื่นๆไม่ได้ทำให้สายลมดูกังวลใจแต่อย่างใดเลย
"คุณแน่ใจนะคะ ว่าจะอยู่ตรงนี้ไม่กลับบ้าน!"
ผมคิดว่าหล่อนช่างวุ่นวายกับผมมากเกินไปแล้วผมขี้เกียจอธิบายเรื่องของสายลม หล่อนกับคนพวกนั้นคงไม่มีวันเข้าใจ
"ขอโทษนะครับคุณไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือ ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ เลิกวุ่นวายกับผมเสียที!!"
ผมใส่อารมณ์ลงไปในน้ำเสียงด้วยมันได้ผล หล่อนลุกขึ้นเหมือนจะแสดงอาการไม่พอใจ และหันหลังเดินกลับออกไปหาพวกเพื่อนๆของหล่อนอันที่จริงผมเป็นคนสุภาพมากนะแต่ถ้าผมเริ่มไม่พอใจผมก็เกรี้ยวกราดได้เหมือนกันผมยิ้มให้กับบทบาทของตัวเอง
ผมมีแผนกับสายลมเอาไว้แล้ว เราจะไปเดินเล่นรอบๆสระน้ำกว้างใหญ่แห่งนี้ด้วยกันมีทางเดินปูนเล็กๆโดยรอบที่นี่เป็นบึงสาธารณะขนาดใหญ่มีฐานออกกำลังกายและเครื่องเด็กเล่นเป็นจุดๆ ผมเคยมาที่นี่และก็เคยขึ้นไปเล่นกับเด็กๆด้วยความสนุกสนาน หลังจากนั้นเราจะไปหาอะไรทานกัน มีร้านอาหารดีดีรสชาดอร่อยอยู่แถวๆนี้ผมชอบกินมาก
"สายลมชอบกินไหม ลมชอบกินมากเลยนะ"
สายลมหันมายิ้มกว้างให้ผมแววตาของหล่อนเป็นประกายด้วยความดีใจเหมือนเด็กน้อยได้ไปเที่ยว เธอพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยเต็มที่ผมก็คิดว่าเธอต้องเป็นนักกินเหมือนกันกับผมแน่ๆผมยิ้มกว้างให้เธอผมรู้สึกมีความสุขมากจริงๆเหมือนโลกนี้มีเราแค่เพียงสองคน
'ผมรู้สึกดีมากจริงๆ'
ผมคิดว่าอาจจะเคยมาที่นี่...แต่ตอนนี้ผมมีสายลมอยู่ข้างๆแล้ว
"เราไปเดินเล่น แล้วเราก็หาอะไรทานกันเถอะ"
ผมชวนเธอและลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปให้สายลมจับ ผมดึงเธอขึ้นมาจนตัวผมเซไปพร้อมกับรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆคงอาจเป็นเพราะนอนนานไปหน่อยแบบนั้นสายลมหัวเราะขำที่ผมยืนเซเธอรีบประคองผมเอาไว้ จนผมต้องหัวเราะเก้อเขินอายตัวเอง
'หมดกันพอดีภาพลักษณ์ของผมที่จริงผมต้องเป็นฝ่ายปกป้องดูแลผู้หญิงสิ! แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงของผมแทบจะไม่มีเหลือ'
เราเดินเกี่ยวก้อยกันไปผ่านเครื่องเล่นออกกำลังกาย บางครั้งเราก็ปีนขึ้นไปบนสะพานเล็กๆที่มีไว้ให้เด็กมาปีนป่ายเล่นเราทั้งคู่ใช้เวลาเล่นกันเหมือนเด็กสายลมขึ้นไปนั่งบนชิงช้าผมไกวชิงช้าให้เธอแล้วก็แกล้งไกวแรงขึ้นๆๆเธอหันมาโวยวายใส่ผมพร้อมกับหัวเราะไปด้วย พวกเราใช้เวลาด้วยกันอย่างสนุกสนานมากจริงๆ
'ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรือเราเป็นอะไรกัน แต่ตอนนี้เธออยู่กับผม อยู่ข้างๆผมในตอนนี้ เพียงเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว...'
ร้านอาหารริมบึงเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีอาหารหลากหลายรสชาดอร่อยและขึ้นชื่อมากลูกค้ามักจะแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ผมได้ที่นั่งตรงริมน้ำมองเห็นวิวของบึงชัดเจน บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นเย็นสบายผมมองดูสายลมที่กำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความสุขผมรู้สึกอิ่มเอมใจมาก
"สายลมทานอาหารรสจัดได้ไหม" ผมถามขณะกำลังตักอาหารที่มีรสชาดเผ็ดจัดจ้านให้กับหล่อน
" ได้สิคะ ทานเสร็จแล้วพ่นไฟได้เลย" เธอพูดติดตลกจนผมหัวเราะออกมา
"ลมคะ? ผู้หญิงหน้าขาวจั๊วะโต๊ะนั้นมองคุณบ่อยๆ คุณนี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะคะเนี่ย"
ผมหัวเราะกับคำพูดของหล่อนพลางชำเลืองมองไปที่โต๊ะข้างๆที่มีผู้หญิงสองสามคนกำลังกระซิบกระซาบมองมาที่ผมจริงตามที่หล่อนพูด ผมยิ้มอายๆ
"พวกหล่อนคงคิดว่าผมหัวเราะคนเดียวล่ะมั๊ง!! ไม่ได้มาหลงเสน่ห์อะไรผมหรอก ก็สายลมบอกผมเอง ว่าไม่มีใครมองเห็นคุณนี่ฮ่ะๆๆ"
ชั่ววินาทีนั้นผมคิดว่าคงมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับชีวิตผมแน่ๆทำให้ได้พบกับสายลมเข้าโดยบังเอิญ หล่อนดีต่อคนแปลกหน้าอย่างผมทั้งที่เราเพิ่งได้รู้จักกันผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ผมก็รู้สึกดีต่อเธอและก็ไม่คิดจะอยากหาเหตุผลอะไรให้ปวดหัวด้วย
'ผมไม่เจ็บปวดใจอะไรอีกต่อไปแล้ว... ผมมีสายลมอยู่กับผมตรงนี้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและผมก็มีความสุขมากในตอนนี้..'
ผมมองเห็นทั้งตัวและหัวใจที่งดงามของเธอผมเอื้อมมือไปสัมผัสกับใบหน้าสวยงามนัันอย่างลืมตัว
ทันใดนั้น!!!!
มือแข็งแรงของใครบางคนล็อคตัวผมไว้จากทางด้านหลังและผู้ชายอีกสองสามคนกรูกันเข้ามาจับตัวผมไว้
'นี่มันอะไรกัน!!พวกแกเป็นใคร?"
"จะทำอะไร!!"
"ปล่อยชั้นนะ!"
ผมพยายามดิ้นขัดขืนอย่างสุดกำลังทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ปล่อยสิโว๊ยย!!! ไอ้พวกบ้าา!!!"
ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดหาเหตุผลหรือคำตอบอะไรพวกมันเอาผ้าอะไรบางอย่างมาอุดปากอุดจมูกของผม ผมเบิกตาโพลงมองไปหาสายลมที่กำลังหน้าตาตื่นด้วยความตกใจและเป็นห่วงและผมเป็นห่วงหล่อนมากที่สุดในชีวิตพวกมันเป็นใครและกำลังจะทำอะไรกับผม!
'ช่วงเสี้ยววินาที สติสัมปชัญญะของผมดับวูบลงในทันที!'
.......................
ชายไทยหมดสติเพราะถูกโปะยาสลบคนที่เป็นพี่สาวและเพื่อนของเธอสองสามคนเข็นรถเข็นผู้ป่วย พาเขาเข้ามาในโรงพยาบาล สถานที่บำบัดผู้ป่วยจิตเวชตามบัตรประชาชนระบุชื่อ
นายพันธกานต์ วิสุทธิ์กมล อายุ30 ปี
หลังจากนำคนไข้ชายเข้าสู่กระบวนการแรกรับ ตามที่ได้มีการแจ้งและนัดหมายเอาไว้ก่อนหน้าแล้วนั้นหนึ่งสัปดาห์ เจ้าหน้าที่พาญาติซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ป่วยรายนี้เข้าพบกับจิตแพทย์เจ้าของไข้และเริ่มซักถามประวัติของชายหนุ่ม
พันธกานต์ วิสุทธิ์กมล ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีเขาจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากอเมริกาสาขาบริหารธุรกิจเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลและมีพี่สาวหนึ่งคน ชายหนุ่มมาจากครอบครัวที่เป็นตระกูลผู้ดีเก่าบรรพบุรุษของของเขาเป็นนายทหารสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาในวังครอบครัวของชายหนุ่มมีรายได้จากการเป็นหุ้นส่วนในธนาคารพาณิชย์ใหญ่หลายแห่งตั้งแต่สมัยที่เริ่มมีการก่อตั้งธนาคารขึ้นในประเทศตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า พ่อและแม่ของเขาเป็นเจ้าของร้านค้าขายวัตถุโบราณเก่าแก่ที่มีวัตถุโบราณล้ำค่าหลายร้อยชิ้น ซึ่งโบราณวัตถุแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าสูงลิบลิ่ว อันที่จริงแล้วครอบครัวของพันธกานต์ไม่จำเป็นต้องประกอบอาชีพใดพวกเค้าก็มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตทำให้ในชีวิตของชายหนุ่มคนนี้มีความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้านตั้งแต่เค้าเกิดมา
ในช่วงที่พันธ์กานต์เกิดเป็นช่วงฤดูหนาวมีสายลมเย็นพัดผ่าน บรรยากาศโรแมนติกชวนฝันซึ่งสกุล วิสุทธิ์กมลได้ถือกำเนิดลูกชายคนแรกของตระกูล พ่อและแม่ของเขาจึงตั้งชื่อเล่นให้ว่า
'ลม'
ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมาเด็กชายไม่เคยมีเรื่องที่ทำให้เด็กน้อยต้องเป็นทุกข์หรือต้องลำบากแต่อย่างใด ชีวิตของเด็กชายลมสมบูรณ์เพียบพร้อมและสุขสบายอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นมีความรักใคร่กันดีจนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นและได้พบกับหญิงสาวสวย'น้ำฟ้า' หล่อนเป็นเพื่อนเรียนในมหาวิทยาลัยคณะเดียวกัน
ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมตกหลุมรักหล่อนในทันทีเมื่อแรกพบ 'น้ำฟ้า'เป็นหญิงสาวที่สวยมากและมีเสน่ห์ชวนมองน่าหลงใหลซึ่งมีหนุ่มมากมายหลายคนในมหาวิทยาลัยตามจีบหล่อน แต่น้ำฟ้าเลือกคบหาดูใจกับพันธ์กานต์ ก่อนที่เขาจะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
น้ำฟ้าเป็นหญิงสาวสวยรูปร่างดีและช่างพูดช่างคุยเธอเรียนเก่งเป็นดาวคณะและยังเป็นนักกิจกรรมตัวยงอีกด้วย หญิงสาวมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีปานกลางหล่อนเป็นคนที่มีความฝันมีเป้าหมายอยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากมีธุรกิจเป็นของตนเองเธอจึงเรียนเพิ่มเติมนอกเวลาเกี่ยวกับการทำธุกิจไปด้วยหญิงสาวเลือกคบกับลมเพราะเค้าทำให้เธอสบายใจในการคบหากันชายหนุ่มเข้าใจในความเป็นเธอแม้น้ำฟ้าจะมีเพื่อนผู้ชายห้อมล้อมตลอดเวลาที่ต้องเรียนหรือต้องทำกิจกรรมด้วยกันอยู่เสมอ แต่พันธ์กานต์ก็ไม่เคยแสดงอาการหึงหวงหรือต่อว่าหล่อนแต่อย่างใดถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ค่อยได้มีเวลาให้กับเค้านักในฐานะแฟน ตลอดเวลาที่คบกันชายหนุ่มมักจะเป็นคนที่คอยรับฟังเรื่องราวของเธออยู่เสมอ พันธ์กานต์รักน้ำฟ้ามากและเขาอยากเห็นเธอมีความสุขอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เธอรัก เค้าอยากเห็นหล่อนประสบความสำเร็จในสิ่งที่ฝันเอาไว้ ชายหนุ่มวางแผนที่จะร่วมสร้างครอบครัวกับฟ้าและดูแลกันไปตลอดชีวิต ทั้งคู่มีสัญญาใจต่อกันในอนาคตหลังจากที่พันธ์กานต์เรียนจบปริญญาตรีแล้วชายหนุ่มต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศซึ่งต้องใช้เวลาสองปีในการเล่าเรียน
ช่วงเวลานั้นชายหนุ่มรักษาความสัมพันธ์ของรักทางไกลโดยการใช้อีเมล์ในการติดต่อสื่อสารกับคนรักด้วยเหตุผลของช่วงเวลาอีกซีกโลกที่ไม่ตรงกัน เค้าเคยโทรหาหล่อนบ้างแต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันมากมายนักเพราะหล่อนต้องเริ่มทำงานและพักผ่อน
ในระยะหลังเค้าไม่สามารถโทรติดต่อหาเธอได้อีกแม่ของหญิงสาวจะเป็นคนรับสายแทนให้หลังจากนั้นจะเป็นฝ่ายพันธ์กานต์เองที่คอยส่งข้อความยืดยาวเล่าเรื่องราวของความรู้สึกและสิ่งที่เขาพบเจอที่นี่ให้หล่อนได้รับรู้ ท่ามกลางความเงียบของความสัมพันธ์ หญิงสาวตอบข้อความกลับมาสั้นๆหลังจากที่เค้าส่งข้อความไปหาเธอแล้วสองสามวัน แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจดีว่าหล่อนคงกำลังยุ่งความรักที่เค้ามีต่อฟ้าไม่เคยเปลี่ยนไปแม้สิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจของเค้ามีเพียงข้อความสั้นๆของคนที่เขารักซึ่งมันมีความหมายต่อใจของเค้ามากมาย ชายหนุ่มเข้าใจคนรักของตนเสมอจวบจนกระทั่งวันที่เขาเรียนจบและกำลังกลับมาเมืองไทย
ชายหนุ่มดีใจมากคนแรกที่เค้าอยากเจอและพบหน้าคือคนที่เขารักพันธกานต์อยากเซอร์ไพรส์หล่อน เขารู้จักบ้านของเธอดีเมื่อเครื่องลงจอดที่สนามบินเขาใช้บริการแท็กซี่ตรงไปยังบ้านของหญิงสาวในทันทีซึ่งตรงกับวันหยุดของบริษัท
'น้ำฟ้าของเค้าต้องอยู่บ้านอย่างแน่นอน...'
พี่สาวของผู้ป่วยจิตเวชรายนี้น้ำตาไหลเมื่อเล่าเรื่องราวมาถึงตอนที่แสนเจ็บปวดของน้องชายเพียงคนเดียวของหล่อนในวันที่เขากลับมาถึงเมืองไทยและรีบไปพบกับคนรักของตนภาพของหญิงสาวที่เขารักกำลังโอบกอดชายหนุ่มคนหนึ่งพร้อมกับหัวเราะต่อกระซิกกับชายหนุ่มคนนั้นอย่างหวานชื่นในฐานะสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึงเดือนคนที่เป็นพี่สาวใกล้ชิดอย่างเธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและทรมานของน้องชายตัวเองดี ว่าหัวใจของเค้าแตกสลายมากแค่ไหนยังดีที่เขายังพอมีสติที่จะกลับมาถึงบ้านของตัวเองได้อย่างปลอดภัย
หลังจากวันนั้นน้องชายของเธอมักเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่พูดจากับใคร ทุกครั้งที่เข้าไปคนในครอบครัวจะเห็นเขานอนร้องไห้น้ำตาไหลอยู่บนเตียงไม่กินไม่นอนไม่ทำอะไรทั้งนั้นไม่แม้แต่กระทั่งอาบน้ำและไม่ต้องการให้ใครเข้าไปในห้องน้องชายของเธอจมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจและร้องไห้ฟูมฟายจนเป็นที่น่าเวทนาพ่อกับแม่ของเธอทำใจแทบไม่ได้และเริ่มเจ็บป่วยลง ต่อมาเขาเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องและหายออกจากบ้านไป หลายครั้งที่เธอพยายามที่จะพาเขาไปพบหมอแต่เขาก็โวยวายใส่ทุกครั้งบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรและขู่ว่าจะทำร้ายตัวเองถ้ายังมาวุ่นวายกับเขา
อาการของพันธ์กานต์หนักมากขึ้นเรื่อยๆทุกคนในบ้านต่างมีความทุกข์นานนับปีจนกระทั่งแม่ของเธอตรอมใจเจ็บป่วยและเสียชีวิตไปและช่วงหลังตัวเธอเองก็มีโรคประจำตัวแถมยังต้องดูแลพ่อของตนที่เส้นเลือดในสมองแตกจากสาเหตความเครียดสะสม เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาได้ตามหาน้องชายได้ทันทีเมื่อเขาหายออกจากบ้านไปและ ทำได้แค่เพียงโทรบอกเพื่อนๆของเธอและญาติสนิทให้มาช่วยตามหา มีหลายครั้งที่เขาหายจากบ้านไปหลายวันจนมีคนที่รู้จักเห็นเขาเดินอยู่ตามถนนเธอก็จะวานให้เพื่อนๆช่วยไปตามเฝ้าดูและมักจะไปพบเขานอนอยู่ที่บึงน้ำแห่งนั้นเสมอ ที่ที่เขาเคยมีความทรงจำร่วมกับคนรักจนถึงวันที่พ่อของเธอได้เสียชีวิตลง ตัวเธอเองก็มีแต่ความทุกข์ใจแทบจะเป็นซึมเศร้าตามน้องชายไปด้วย
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับธรรมะของพระพุทธเจ้าและใช้เป็นที่พึ่งทางใจเยียวยาตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาและก็รู้สึกเสียดายที่ตัวเองมาได้ศึกษาธรรมะของพุทธเจ้าช้าเกินไปไม่เช่นนั้นน้องชายและคนในครอบครัวของเธอคงมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่านี้และทุกคนน่าจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นหญิงสาวและทุกคนที่เป็นเพื่อนของเค้าต่างคิดตรงกันว่าคงจะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้วเพราะการหนีออกไปใช้ชีวิตตามท้องถนน เริ่มที่จะทำให้ร่างกายเขาของเขาผ่ายผอมและได้รับบาดเจ็บ น้องชายของเธอเคยเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดีผิวพรรณดีการศึกษาดีฐานะดีต้องกลับกลายเป็นชายวิกลจริตร่อนเร่ ค้นหาของในถังขยะริมบึงประทังความหิว รูปร่างของเขาซูบผอม ผมเผ้าหนวดเครารุงรังเนื้อตัวดูมอมแมมสกปรกผิวหยาบกร้าน และตอนนี้ฝ่าเท้าของเขาด้านแตกจนมีเลือดซิบเธอสงสารน้องชายของตัวเองจับใจ...
แต่หลังจากนี้ไปน้องชายของเธอจะได้รับการดูแลรักษาและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแล้ว น้ำตาของคนที่เป็นพี่รินไหลออกมาอาบแก้มเธอบอกกับตัวเองว่าได้ทำดีที่สุดแล้วในฐานะที่เป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของชายหนุ่มผู้โศกเศร้าและสูญเสียตัวตนไปเพราะความรัก...
"ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ กรุณาช่วยดูแลเขาด้วย เขาทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว"
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ น้องชายของคุณจะได้รับยาและเค้าจะได้รับการดูแลรักษาที่ดีอย่างแน่นอน เขาจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่"
"บรรยากาศร่มรื่นที่นี่จะช่วยให้เค้าได้ผ่อนคลายมากขึ้นครับ"
จิตแพทย์หนุ่มหน้าตาท่าทางใจดีบอกกล่าวกับเธออย่างนุ่มนวล
...1 เดือนผ่านไป...
พันธกานต์นั่งขัดสมาธิอยู่ที่สนามหญ้าริมสระน้ำกว้างใหญ่ภายในสถานพยาบาลบำบัดผู้ป่วยจิตเวชแห่งนี้ผมเผ้าของเขาถูกตัดเรียบร้อยหนวดเคราถูกโกนออกจนเริ่มเห็นสีหน้าที่ดูสดชื่นขึ้นมาก ชายหนุ่มอยู่ในชุดของผู้ป่วยสีฟ้าอ่อน ผิวพรรณของเขาดูสะอาดสะอ้านขึ้นมากและรูปร่างของเขามีน้ำมีนวลไม่ผ่ายผอมเหมือนตอนแรกที่เข้ามา ชายหนุ่มดูดีขึ้นมากในสายตาของแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่นี่ทุกคน ความเป็นผู้ชายหน้าตาดีและหล่อเหลาของเขาเริ่มฉายแววออกมาให้ทุกคนได้พบเห็น
"สายลมกลับมาหาผมแล้ว!"
ผมละล่ำละลักเสียงผมสั่นเครือไปด้วยความดีใจพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมารินไหลอาบสองข้างแก้มผมหันไปมองสายลม
'สายลมกลับมาหาผมจริงๆด้วย'
หล่อนมองมาที่ผมด้วยสายตาของความอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ผมคิดถึงเธอมากเหลือเกินผมประคองใบหน้าอ่อนหวานนั้นขึ้นมาสายลมยังคงมีใบหน้าที่สวยงามและมีความสดใสเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เราได้พบเจอกัน
ผมหันมองไปรอบๆ ผู้คนที่นี่ยังคงเฝ้าจับตาดูและติดตามผมอยู่ห่างๆ แต่พวกเค้าก็ดีต่อผมมากเราคุยกันบ้างเมื่อผมรู้สึกเหงา
"ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน สายลม คุณไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย?"
"คุณอย่าจากผมไปอีกนะ ผมเฝ้ารอคุณมาตลอดเลย ผมคิดว่าคุณจะหายไปซะแล้ว คุณมาหาผมจริงๆตามสัญญา คงมีแต่คุณเท่านั้น ที่ทำตามสัญญา...สายลม"
"ฉันต้องกลับมาแน่นอนค่ะเพราะฉันเป็นสายลมของคุณไงคะ"
"ลม"
"ฉันจะอยู่ใกล้ๆคุณเสมอและจะมีคุณเพียงคนเดียวที่จะสัมผัสฉันได้...ฉันบอกคุณไปแล้วนี่คะ"
"สายลมรักลมมากนะคะ"
สายลมยื่นมือมาโอบกอด พันธกานต์หรือลม กอดตอบอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนั้น เนิ่นนาน..
คนไข้จิตเวชชายกำลังยิ้มอย่างมีความสุข เค้าร่าเริงและเบิกบานยิ้มสลับกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของเจ้าหน้าที่คือภาพของพันธ์กานต์ วิสุทธิ์กมล กำลังโอบกอดตัวเองเอาไว้เหมือนได้โอบกอดใครคนหนึ่งอย่างรักใคร่พร้อมกับรอยยิ้มของความสุขฉาบฉายทาบทาอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม
...สายลมจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป...
..............................
บทส่งท้าย
งานเขียนเรื่องสั้นเรื่องนี้ ไรท์อ้างอิงมาจากเรื่องที่มีอยู่จริงและพบเจอได้ในสังคม มีบุคคลที่ผิดหวังจากเรื่องราวของความรักมากมายและไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงได้ พวกเค้าสร้างเกราะป้องกันความเจ็บปวดนั้นไว้ด้วยเรื่องราวใหม่ตามจินตนาการที่ไร้ขอบเขตและหลุดออกจากโลกของความเป็นจริงจนกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวชที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไป
ผู้เขียนได้ลองตีความตัวตนของสายลมไปในแนวเรื่องของการข้ามมิติกาลเวลา สายลมอาจจะมาจากโลกอนาคตซึ่งตัวหล่อนคือผู้ที่อยู่ในมิติที่5 Unconditional Love ตัวละครสายลมมีความรักที่ไร้เงื่อนไขหล่อนอาจได้ยินและรับรู้ถึงความทุกข์ของลม จึงข้ามเวลามาเพื่อมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้กับเขาก็ได้
หรือในอีกแนวทางนึงตัวละครสายลมก็คือจิตวิญญาณอีกดวงหนึ่งของลมนั่นเอง ดวงจิตที่ตื่นรู้เป็นSelf Love ของตัวเขาเองที่ได้ค้นพบการเยียวยาจิตใจของตนด้วยการที่เขาได้รู้จักรักตัวเองอย่างแท้จริง.....
??‘?หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงได้รับความสนุกเพลิดเพลินไปกับจินตนาการงานเขียนของผู้แต่งที่หยิบเอาข้อมูลเรื่องราวในแง่มุมต่างๆมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราว ไรท์มือใหม่คนนี้ขอขอบผู้อ่านคุณท่าน ที่ได้ติดตามและให้กำลังใจกับงานเขียนในครั้งนี้ด้วยค่ะ❤
ด้วยรัก
ตะวันของจันทร์เจ้า
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ตะวันของจันทร์เจ้า ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ตะวันของจันทร์เจ้า
ความคิดเห็น