Mysterious Prince วุ่นวาย เจ้าชายลึกลับ - Mysterious Prince วุ่นวาย เจ้าชายลึกลับ นิยาย Mysterious Prince วุ่นวาย เจ้าชายลึกลับ : Dek-D.com - Writer

    Mysterious Prince วุ่นวาย เจ้าชายลึกลับ

    ชื่อเรื่องมั่วมาก -*- แต่ตรงสุดละ (คิดว่างั้น) เป็นเรื่องของนักเขียนลึกลึบคนหนึ่งที่พอคุณอ่านแล้วจะร้อง อ๋อ!! (ไอ้นี่นี่เอง ลามปามละ ขอโทษค่ะ) เพื่อนจะเอาไปทำหนังสั้น ลองมาอ่านกันก่อนมันเป็นหนังนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    875

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    875

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ม.ค. 51 / 14:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เรื่องมันเริ่มมาจาก

    เราไปโม้ถึงนักเขียนในดวงใจให้เพื่อนฟัง

    โม้ถึงความลึกลับ ที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน...

    รวมไปถึงความสามารถของท่านด้วย

    เพื่อนเลยจุดประกาย

    "พี่ เขียนพล็อตให้นู๋หน่อย เอาแบบนี้เลย"

    มันจะเอาไปทำหนังสั้น...

    ด้วยความนึกสนุก เลยเอาด้วย หุหุหุ

    จัดการขออนุญาตคุณแรงบันดาลใจ

    อัญเชิญมาเป็นพระเอกให้หน่อย

    คุณแรงบันดาลใจตอบตกลง โดยมีข้อแม้ว่า

    "เขียนให้พี่หล่อๆ นะ"

    ไม่ได้ห่วงอะไรเลย....

    อ้ะ... จัดไป...

    นี่ถ้าเขียนวายขึ้นมาจะทำไง??

    ล้อเล่นนะ

    เขียนให้ด้วยความเคารพ

    รักพี่เจนะ ^^

    ไม่รู้ว่าพอหนังออกมาแล้วมันจะเป็นไง

    เอาเหอะ นั่นไม่ใช่เรื่องของตู (โบ้ยซะงั้น)

    นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เขียนบทหนังสั้น โดยไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยสักนิด

    ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้

    ไปอ่านกันดีกว่า...

    Enjoy!

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากการจินตนาการของผู้เขียน (เกือบ) ล้วนๆ ... กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน -*-

       

                  ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉัน ทำไมคนคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยได้ใกล้ชิด... กลับมีอิทธิพลกับฉันได้มากมายขนาดนี้...

                  วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันนั่งอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดโปรแกรมสนทนาอยู่ รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของฉัน สายตาจากดวงตาสีดำขลับกลมโตของฉันยังคงจับจ้องอยู่ที่ข้อความบนหน้าจอ... อ่านแล้ว... มันรู้สึกดีจัง...

                  ใครบางคนที่ฉันกำลังพูดคุยด้วยผ่านโปรแกรมสนทนานี้เป็นนักเขียนค่ะ... นักเขียน... ผู้ลึกลับ...

                  จะพูดอย่างนั้นก็คงไม่ผิด ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะบอกปฏิเสธว่าจริงๆ แล้วเค้านั้นไม่ได้ลึกลับ เพียงแต่ไม่อยากวุ่นวายกับใครก็เท่านั้นเอง... แต่สำหรับฉันแล้ว การทำแบบนี้มันมีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ...

                  ลูฟี่... นักเขียนคนนี้ เป็นชายหนุ่มนิรนาม (คิดว่างั้นนะ) ที่ฉันตามอ่านงานของเค้ามาโดยตลอด ผลงานของเค้าไม่ได้มีมากมาย แต่แต่ละเล่มนั้นเปี่ยมไปด้วยคุณภาพจริงๆ ด้วยภาษาที่ใช้ที่อ่านง่าย เนื้อหาในเรื่องชวนให้ติดตาม ทำให้หนังสือของเขามีมนต์ขลัง... แบบที่ถ้าได้อ่าน คุณจะวางไม่ลง...

                   คุณลูฟี่ชอบสีเขียวหรอคะ ประโยคที่ฉันพิมพ์ขึ้นหราอยู่บนหน้าจอ... ที่ตัดสินใจถามไปแบบนั้น... ก็เพราะเห็นว่าเค้าใช้ตัวอักษรสีเขียว และในหน้าเว็บเพจของเค้าก็มีสีเขียวด้วย ฉันเห็นสัญญลักษณ์ว่า คนที่ได้รับข้อความนั้นกำลังพิมพ์ตอบกลับมา และเพียงไม่กี่อึดใจ

                  ผมชอบต้นไม้... แต่ไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกันนะครับ  เขาตอบกลับมา พร้อมกับเสียงหัวเราะของฉันเมื่ออ่านจบประโยค ลูฟี่เป็นอย่างนี้เสมอ... เค้าเป็นคนตลก และทำให้ฉันยิ้มได้ทุกครั้งที่เราได้คุยกัน...

                  อ้อ... เพียว... ตัวหนังสือสีเขียวของเขาขึ้นหราอยู่บนหน้าจออีกครั้ง ฉันเบิกตากว้างมองมันอย่างใคร่รู้เมื่อเห็นว่าเค้ากำลังเรียกชื่อฉัน ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป

                  คะ?

                  ขอบคุณมากนะครับ สำหรับปฏิทิน ลูฟี่ตอบกลับมา ฉันยิ้ม เขาได้ของแล้วสินะ...

                  ยินดีค่ะ...

       

                  ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นนักเขียนผู้ลึกลับที่มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ด้วยความรู้สึกดีๆ ประกอบกับความสามารถในด้านการตื๊อของฉัน ทำให้เขาอนุญาตให้ฉันได้ส่งของเล็กๆ น้อยๆ ไปให้ได้ในเวลาเทศกาล... แน่นอนว่าฉันไม่มีที่อยู่เขาหรอก... แต่เป็นการส่งผ่านสำนักพิมพ์น่ะ... ซึ่งสำหรับฉันมันก็ดีแล้ว... เพราะไม่อยากเป็นคนในจำนวนไม่กี่คนที่รู้ที่อยู่ของลูฟี่ ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมา... ฉันกลัว ว่าจะมองหน้ากันไม่ติด

                  ปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่กี่วัน... และตอนนี้ของชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งซึ่งฉันตั้งใจบรรจงประกอบมันขึ้นมาด้วยมือทั้งสองของฉันนั้นก็อยู่ในมือของลูฟี่แล้ว... ฉันจำได้ว่ามันลำบากขนาดไหนที่จะทำปฏิทินสักอัน... คงเป็นเพราะความไม่เรียบร้อยที่มีอยู่เกินครึ่งในตัวฉันที่ทำให้การประดิษฐ์ของขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งมันยากกว่าคนอื่นๆ ประมาณร้อยเท่า  

                  แต่ฉันก็ทำสำเร็จในที่สุด... เค้าได้รับมันแล้ว... ^^

       

                  ประตูห้องนอนถูกเปิดผัวะออกอย่างแรง ทำเอาฉันที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่มพร้อมกับหนังสือในมือต้องลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า

                  เจ... ทำไมไม่เคาะประตูก่อน ทุกทีเลยนะ ฉันบ่นใส่เพื่อนหนุ่มคนสนิทอย่างระอา... ชายหนุ่มร่างสูงขาวตรงหน้าส่งยิ้มกว้างตามแบบฉบับมาที่ฉัน ไม่รู้ทำไม แค่ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสของเจ ก็ทำให้อารมณ์ไม่พอใจเมื่อครู่หายไปเกือบครึ่ง

                  ทำอะไรอยู่ เจเอ่ยถามฉันที่ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างเดิม และกำลังเปิดหนังสือขึ้นอ่านอีกครั้ง

                  อ่านหนังสือไง ฉันตอบโดยไม่ได้มองหน้าเจด้วยซ้ำ

                  เรื่องอะไร เจถาม แล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆ ฉัน พลางใช้มือใหญ่ของตัวเองพลิกหน้าปกกลับมาดู

                  ลูฟี่อีกแล้วหรอ เจบ่น เมื่อเห็นชื่อของคนเขียนบนหน้าปกหนังสือ ฉันมองหน้าเขา เจไม่ได้มีทีท่าหงุดหงิด กลับมีรอยยิ้มกว้างที่แสนสดใสเหมือนทุกครั้ง... รอยยิ้มที่ทำให้ฉันต้องยิ้มตอบกลับไป

                  ก็มันสนุกนี่ ฉันว่า

                  ชอบหนังสือ... หรือว่าชอบคนเขียนหนังสือกันแน่ เจเอ่ยถาม ยังคงมีรอยยิ้มล้อเลียนอยู่บนใบหน้า ฉันหัวเราะเบาๆ

                  พูดอะไรบ้าๆ

                  แล้วทำไมต้องเขินด้วยล่ะ เจถามอีก ฉันขมวดคิ้ว ละสายตาจากหนังสือมาที่เพื่อนสนิท

                  ไม่ได้เขินซะหน่อย ฉันยืนยัน เจหัวเราะ ดวงตาเรียวสีดำของเขาเป็นประกายยามที่ทำอย่างนั้น ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมดำที่ตัดเป็นทรงเข้ารูปหน้าเรียวยาวของตัวเองได้อย่างเหมาะเจาะ นี่ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันอาจจะตกหลุมรักเจเข้าให้ก็ได้...

                  วันนี้ไม่ออนไลน์คุยกับลูฟี่หรอ เจถามอีก

                  เพิ่งคุยเสร็จไปได้ซักพัก ฉันตอบ

                  ว้า... มาไม่ทันอีกแล้ว เจบ่น... เจมักจะคลาดกับลูฟี่เสมอ... ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คงเป็นเพราะดวงไม่สมพงษ์กันล่ะมั้ง

                  เพียว

                  ฮึ ฉันขานรับเสียงร้องเรียกของเจโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือ...

                  ไปเที่ยวกัน เจว่า ฉันละสายตาจากหนังสือก่อนจะพับมันเก็บเข้าที่... ยังไงวันนี้คงไม่ได้อ่านแล้วล่ะ อีกอย่าง แล้วนี่ก็เป็นรอบที่สามสิบหกแล้วที่ฉันหยิบมันขึ้นมาอ่าน

                  ไปไหน ฉันย้อนถามเจที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนอนอยู่บนเตียง

                  ไปห้างใกล้ๆ บ้านนี่ไง ไปเดินเล่นกัน เจว่า อืม... วันนี้ก็อากาศร้อนเหมือนกันแฮะ แล้วฉันก็ไม่มีอะไรทำด้วย...

                  ไปสิ ฉันตอบรับ และได้เห็นรอยยิ้มกว้างของเจอีกครั้ง

       

                  ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านของเรา ในวันนี้ไม่มีผู้คนพลุกพล่านนัก อาจจะเป็นเพราะวันหยุดยาวทำให้คนออกต่างจังหวัดกันหมด... อาจจะเพราะว่าฉันได้รู้ว่าลูฟี่พักอยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉัน ทำให้ความคิดตลกๆ แล่นเข้ามาในหัว... เช่น... คนที่เดินสวนฉันไปเมื่อกี๊ อาจจะเป็นลูฟี่ก็ได้นะ ^^

                  คิดอะไรอยู่ เสียงชายหนุ่มหล่อร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆ ฉันเรียกขึ้น เจอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นแค่เข่า กับเสื้อยืด และรองเท้าผ้าใบ เจมักจะแต่งตัวสบายๆ เสมอ คล้ายกับฉันที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สี่ส่วนและรองเท้าผ้าใบ ผมยาวเหยียดสีดำถูกปล่อยสยายไว้ถึงกลางหลัง ถึงเจจะแต่งตัวเรียบๆ แต่ก็มีเสน่ห์ในตัวเองอย่างน่าประหลาด ฉันมองดูเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านพวกเราไป สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ชายหนุ่มคนนี้ ที่ทำท่าเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา

                  เปล่านี่ ฉันยักไหล่ เจหัวเราะเบาๆ

                  คิดว่าคนคนนั้นอาจจะเป็นลูฟี่ก็ได้ใช่มั้ย เจพูด... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจเดาใจฉันถูก

                  แต่เจว่าคนนั้นแน่ๆ เลย ลูฟี่... เจพูด พลางชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ 45 ปี ผมบนศีรษะเริ่มบาง และกำลังเดินจูงเด็กซึ่งคงจะเป็นลูกชายของตัวเองอยู่ ฉันหันมามองเจด้วยสายตาหงุดหงิด เจหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

                  ถ้าใช่จริงๆ ล่ะ เจถามฉัน ฉันยักไหล่

                  ใช่ก็ดี จะได้เข้าไปคุยด้วย ฉันตอบยิ้มๆ เจเลิกคิ้วอย่างฉงนให้กับคำตอบของฉัน

                  เพียวไม่สนใจหรอก... ถ้าเค้าคือลูฟี่ จะมาสภาพไหน เพียวก็รับได้ ฉันเสริม และได้เห็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะกว้างกว่าเดิมของเจ

       

                  ฉันลากเจเข้าไปในร้านหนังสือชื่อดังที่ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ก่อนจะเดินรี่ไปที่ชั้นหนังสือมาใหม่อย่างรวดเร็วโดยทิ้งเจไว้เบื้องหลัง แล้วกวาดสายตาหาหนังสือเล่มล่าสุดของลูฟี่ที่เพิ่งออกมาเมื่อวันก่อน ใจจริงอยากจะมาซื้อตั้งแต่วันแรกที่วางขายแล้วล่ะ แต่ติดธุระเรื่องที่บ้าน และเพิ่งจะได้โอกาสออกมาเที่ยวเล่นวันนี้เอง

                  ฉันปัดผมยาวเหยียดสีดำของตัวเองไปไว้ด้านหลังเพื่อไม่ให้มันปิดบังใบหน้า และง่ายต่อการค้นหาหนังสือเล่มนั้น... ไม่นานเกินรอ ฉันก็เจอ... หนังสือเล่มใหม่ของลูฟี่...

                  อุ้ย! ขอโทษค่ะ ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อบังเอิญฉันยื่นมือไปหยิบหนังสือของลูฟี่พร้อมกับใครคนหนึ่ง ฉันเงยหน้ามองดูคนคนนั้น ชายหนุ่มร่างสูง ผมสีน้ำตาลเข้มซอยเป็นทรงระต้นคอเข้ากับรูปหน้า ใบหน้าเรียวได้รูปขาวใส ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มจ้องตรงมาที่ฉัน... แววตานั้นดูอ่อนโยนลงเล็กน้อยเมื่อมองเห็นฉัน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากสีชมพูที่ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ กับกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบสีเข้ม ก่อนที่ชายหนุ่มรูปหล่อมากตรงหน้าจะค่อยๆ ชักมือออกจากหนังสือเล่มนั้น

                  เชิญก่อนเลยครับ เขาตอบ ฉันพยักหน้าน้อยๆ และยิ้มรับ ก่อนจะหยิบหนังสือของลูฟี่ขึ้นมาไว้ในมือ

                  เพียว!” ฉันหันไปตามเสียงเรียก และเห็นว่าเจยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางร้อนรนของเขาดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นฉัน....

                  หาตั้งนาน เจว่า ก่อนจะเดินรี่มาทางฉัน

                  นี่ไงเจ หนังสือใหม่ของลูฟี่ ฉันยกหนังสือในมือให้เจดู เพื่อนรักของฉันหัวเราะเบาๆ

                  เพียวนี่บ้าลูฟี่เข้าขั้นเลยนะ เจบ่น พร้อมกับขยี้หัวฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู

                  เอ่อ... น้ำเสียงทุ้มแปลกหูเอ่ยขึ้น เรียกความสนใจของเราทั้งคู่ให้มองตรงไปยังเจ้าของเสียง ชายหนุ่มรูปหล่อจัดคนนั้นกำลังมองตรงมาที่ฉัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาดูเหมือนมันมีอะไรในนั้น... แต่แล้วเค้าก็หลบสายตาฉัน แล้วหันหลังเดินจากไป

       

                  ฉันกลับมานอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงนุ่มในห้องนอนพร้อมกับหนังสือเล่มใหม่ของลูฟี่ที่อยู่ในมือ  เหมือนทุกครั้ง... ฉันไล่อ่านมันตั้งแต่หน้าคำนำที่ลูฟี่เขียนได้ตลกและมีแง่คิดอยู่เสมอ เพียงแค่คำนำก็ทำให้ฉันหัวเราะได้แล้ว...

                  เพียว... มาข้างล่างหน่อยลูก แม่ที่เปิดประตูเข้ามาเรียกฉันในห้องนอนทำให้ฉันวางหนังสือลงอย่างหงุดหงิด.... ก็อยากอ่านต่อนี่นา...

                  ฉันพาตัวเองลงไปที่ชั้นล่างของตัวบ้าน และเห็นว่าเรากำลังมีแขก ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้ฉัน ผมสีน้ำตาลเข้มที่ซอยเป็นทรงระต้นคอนั้นดูคุ้นตา พ่อกำลังหัวเราะร่าอยู่กับเขา แม่เองก็เหมือนกัน ทำไมดูร่าเริงกันขนาดนี้

                  อ้ะ... เพียวมาแล้ว พ่อเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นฉัน ชายหนุ่มคนนั้นนั่งนิ่งชอบกล... ฉันพาตัวเองไปที่ที่ว่างบนโซฟาแล้วนั่งลง ก่อนจะมองตรงไปยังแขกของบ้าน...

                  เพียว นี่ วิน... ลูกชายของคุณธวัช เพื่อนสนิทพ่อ พ่อเอ่ยแนะนำบุคคลตรงหน้าให้ฉันรู้จัก ดวงตาคมเข้มสีน้ำตาลคู่สวยของเขาที่จ้องกลับมานั้นดูอ่อนโยนอย่างประหลาด รอยยิ้มผุดขึ้นน้อยๆ บนใบหน้าเหมือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่เราเจอกันในร้านหนังสือ

                  อ้าว... สวัสดีค่ะ ฉันเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ พี่วินรับไหว้ฉัน พร้อมกับยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย

                  รู้จักกันหรอ พ่อเอ่ยถาม

                  เจอกันที่ร้านหนังสือน่ะครับ... ชอบงานของนักเขียนคนเดียวกัน พี่วินตอบ หล่อชะมัดเลยคนอะไรวะ...

                  เอ้อ... ดีๆ ยังไงก็ฝากดูแลพี่เค้าด้วยนะเพียว วินจะเอาอะไรก็บอกน้องนะ ให้น้องช่วยดูแลให้ พ่อตอบยิ้มๆ ให้กับพี่วินที่พยักหน้ารับอย่างสุภาพ

       

                  ฉันล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มในห้องนอนของตัวเองอีกครั้ง เรื่องที่พี่วินทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาที่ร้านหนังสือก็คงเป็นเรื่องนี้สินะ... ฉันครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ประหลาดในวันนี้ อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่มรูปหล่อมากมาอาศัยร่วมชายคาเดียวกัน... แถมยังนอนห้องติดกันอีกต่างหาก... รู้สึกแปลกพิกล ฉันยันตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนจะคว้าหนังสือของลูฟี่ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อยากสนใจเรื่องอื่นแล้ว อ่านหนังสือดีกว่า...

       

                 

                  ฉันนั่งรับประทานอาหารเช้าอย่างเงียบเชียบที่โต๊ะอาหาร พ่อกับแม่ออกไปทำงานแล้ว... ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าก็ทำท่าเหมือนเป็นใบ้... ทำให้บรรยากาศมันกดดันมากกว่าที่ควรจะเป็น

                  พี่วินชอบลูฟี่หรอ ฉันเอ่ยถาม รู้สึกเหมือนอยากชวนคุยมากกว่าให้บรรยากาศเงียบงันมันครอบงำ ชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังดื่มน้ำสำลักเล็กน้อย แต่ก็ยังดูหล่อมากอยู่ดี

                  เอ่อ... ก็... ครับ พี่วินตอบยิ้มๆ ยังคงมีท่าทางใจดีอยู่ในแววตาคู่นั้น... เพียงแต่เค้าพูดน้อยจัง

                  เพียวก็ชอบลูฟี่ ชอบมาากกก ฉันลากเสียงคำสุดท้ายให้ยาวเกินความจำเป็น พี่วินหัวเราะน้อยๆ ใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อทำอย่างนั้น

                  ทำไมถึงชอบล่ะ พี่วินเอ่ยถาม ดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มจ้องตรงมาในดวงตาสีดำขลับของฉัน... และโดยไม่รู้สาเหตุ ฉันก็เห็นข้าวต้มในชามตรงหน้าน่ามองกว่าชายหนุ่มคนนี้... เขินชะมัด

                  ก็... เพียวว่าเค้าเก่ง เจ๋ง แล้วก็ลึกลับ ฉันตอบยิ้มๆ ก่อนจะเงยหน้ามามองพี่วินอีกครั้ง

                  ...

                  แล้วทำไมพี่วินถึงชอบล่ะ ฉันถามบ้าง พี่วินดูจะตกใจนิดหน่อย เขาเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของฉัน

                  ก็... ไม่รู้สิ... ดูท่าทางแปลกๆ ดีล่ะมั้ง เขาตอบยิ้มๆ

                  เพียวมีงานของเค้าทุกเล่มเลย ฉันว่า รู้สึกภาคภูมิใจเหมือนได้เกรดเฉลี่ย 4.00 พี่วินยิ้มให้ฉัน

                  อยากได้ลายเซ็นของลูฟี่จัง... ฉันบ่น พลางคนข้าวต้มในชามอย่างเลื่อนลอย...

                  ทำไมไม่ขอล่ะ พี่วินถาม ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างขัดใจ

                  จะไปขอที่ไหนล่ะ... ลึกลับขนาดนั้น ฉันว่า พลางถอนหายใจ

                  เวลาออนไลน์เจอเค้าก็ลองถามดูสิ พี่วินบอก ฉันพยักหน้าเบาๆ

                  เอ๊ะ... พี่วินรู้ได้ไงว่าลูฟี่เล่นแชทด้วย ฉันถาม พี่วินยักไหล่

                  ก็... สมัยนี้ใครๆ เค้าก็ทำกัน ไม่เห็นแปลก เขาตอบ

                  เพียว!” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น ทำให้ฉันและพี่วินหันไปมอง เจยืนอยู่ตรงนั้น... และดูท่าทางจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

                  อ้าว เจ มาแต่เช้า กินข้าวยัง ฉันทักกลับไปเหมือนทุกวัน เจขมวดคิ้วเล็กน้อยและยังคงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อมากที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉัน

                  อ้อ... เจ นี่พี่วิน พี่วิน นี่เจ เพื่อนเพียวเอง เจอกันแล้วนี่ ฉันแนะนำ

                  หวัดดีครับ พี่วินทักก่อน พร้อมกับก้มศีรษะน้อยๆ อย่างสุภาพ เจยกมือขึ้นไหว้พี่วินอย่างเงอะงะ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ ฉัน

                  พี่วินจะมาอยู่ที่บ้านเพียวซักพัก เค้าเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อน่ะ ฉันอธิบาย เจพยักหน้า แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจซักเท่าไหร่

                  กริ่งเสียหรอ... พี่ไม่เห็นได้ยินเสียงกริ่งประตูเลย พี่วินเอ่ยถาม ฉันหัวเราะ

                  ไม่เสียหรอกค่ะ แต่เจไม่เคยกด เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เจเข้าออกบ้านนี้ได้สบาย เหมือนลูกชายอีกคนของพ่อกับแม่ไปแล้ว ฉันตอบ

                 

                  หลังจากที่อยู่คุยเล่นกับเจซักพัก พี่วินก็หายเข้าไปในห้องของตัวเอง เจขอตัวไปทำธุระกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายใกล้ๆ บ้าน ส่วนฉัน... ก็พาตัวเองขึ้นห้องนอนบ้าง

                  ฉันจัดการเปิดคอมพิวเตอร์ ต่ออินเตอร์เน็ต รู้สึกตื่นเต้นขณะที่รอให้โปรแกรมสนทนาพร้อมใช้งาน และนั่น... ฉันเห็นเขาแล้ว

                  สวัสดีค่ะ คุณลูฟี่ ฉันทักก่อน

                  อ้าว... หวัดดีครับ เพียว เค้าตอบกลับมา หลังจากนั้น... เราก็คุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนทุกที...

       

                  พี่วินเข้ามาอยู่ในบ้านเราได้ซักพักแล้ว แต่อาการพูดน้อยก็ยังคงปรากฏอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พ่อกับแม่ถึงได้หัวเราะจนตัวงอเมื่อพูดคุยกับพี่วิน แต่กับฉัน พี่วินกลับเงียบเป็นเป่าสาก...

       

                  วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน ฉันนั่งมองเค้กวานิลาก้อนโตตรงหน้า เทียนหลากสีเล่มเล็กกะจิริดถูกปักไว้รอบๆ ตัวเค้ก ฉันกำลังรอ.... รออะไรบางอย่าง...

       

                  พี่วินยังไม่กลับมาจากการทำธุระนอกบ้าน เจก็เหมือนกัน... ไม่รู้ว่าหายไปไหน... พ่อกับแม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉันมองดูฉันอย่างห่วงใย ฉันไม่อยากทำงานกร่อย ก็เลยฝืนยิ้มกลับไปให้คนทั้งคู่

       

                  เพียว.... สุขสันต์วันเกิด น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมกับแรงกอดที่มาจากด้านหลัง เจโอบรอบคอฉันไว้เบาๆ ก่อนจะขยี้ผมยาวสีดำของฉันอย่างเอ็นดู แล้วยื่นกล่องของขวัญขนาดย่อมให้ฉัน

                  ขอบใจนะเจ ฉันว่า พร้อมกับยิ้มกว้าง รู้สึกดีที่เห็นว่าเจอยู่ตรงนี้... ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มกว้างสดใสกลับมาให้ฉันเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะยื่นถุงในมืออีกข้างมาให้ ฉันเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

                  อะไรน่ะ ฉันถาม

                  ของขวัญของเพียวไง เจเห็นมันตั้งอยู่หน้าบ้าน เจตอบ ฉันรับถุงนั้นไว้ แล้วค่อยๆ หยิบของในนั้นออกมา มีการ์ดใบเล็กๆ ติดอยู่ด้วย

       

                  ให้เพียว... สุขสันต์วันเกิดครับ... จาก ลูฟี่

       

                  ลูฟี่งั้นหรอ!!!!!!!!!!!!!!! พระเจ้า... นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย????

       

                  ฉันทิ้งตัวลงพิงโซฟาอย่างอ่อนแรง... รู้สึกปลื้มอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มกว้างระบายอยู่เต็มใบหน้า... นี่เป็นงานวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตฉันเลย เจยิ้มกว้างมาให้ฉันเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ

       

                  พี่วินเดินเข้ามาในบ้านหลังจากนั้นไม่นาน พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ในมือมาให้ฉันอีกกล่อง ฉันกล่าวขอบคุณ พร้อมกับยิ้มที่ยังคงระบายอยู่เต็มใบหน้า...

       

                  งานเลี้ยงจบลงด้วยดี ฉันเปิดกล่องของขวัญของคุณลูฟี่อย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่ามันจะบอบช้ำ... ตุ๊กตาหมีตัวน้อยถูกบรรจุอยู่ในกล่องสีน้ำตาล ฉันค่อยๆ ดึงมันออกมา เจ้าหมีน้อยจ้องฉันตาแป๋ว ฉันยิ้มให้มัน ก่อนจะกอดมันแนบอกอย่างแสนรัก... รู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่ลูฟี่จำวันเกิดฉันได้... และยังให้ของขวัญอีกต่างหาก... ฉันสังเกตเห็นว่าของชิ้นนี้ไม่มีตราไปรษณีย์ นั่นหมายความว่า คุณลูฟี่ที่พักอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันแวะมาวางของขวัญเอาไว้อย่างนั้นหรอ... เค้าจะเห็นฉันหรือเปล่านะ... คุณลูฟี่มาจริงๆ... ^^

       

                  ความคิดแปลกๆ แวบเข้ามาในสมอง... รู้สึกว่ามันผิดปกติยังไงชอบกล...

       

                  ฉันล้มตัวลงนอนลงบนเตียงนุ่มในห้องนอนที่มืดมิด... เจ... เพื่อนรักของฉัน เจที่มีรอยยิ้มสดใสมาให้ฉันเสมอ... เจที่คลาดกับลูฟี่อยู่ตลอดเวลา เจที่ชอบสีเขียว เจที่ยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังว่าฉันชอบลูฟี่มากแค่ไหน เจที่ร่าเริง สดใส ตลก และทำให้ฉันยิ้มได้ทุกครั้ง... นิสัยของเจ... เหมือนลูฟี่ไม่มีผิด...

       

                  ฉันพยายามข่มตาให้หลับ และลืมเรื่องที่เกิดในวันนี้ ถ้าเจคือลูฟี่จริงๆ... ฉันจะทำยังไง...

       

                  ฉันลุกขึ้นมาในเช้าวันนี้ด้วยความรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง... รู้สึกไม่อยากเปิดคอมพิวเตอร์ ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น...

                  เจพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของฉันเหมือนเคยพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเหมือนทุกครั้ง ฉันยิ้มตอบกลับไป... มันไม่ผิด ถ้าเจคือลูฟี่... ฉันแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้นเอง...

                  เป็นอะไรไปน่ะ เจเอ่ยถาม ดวงตาคมเข้มของเขาจ้องมาที่ฉัน มันแฝงไปด้วยความห่วงใย เหมือนที่ลูฟี่ทำกับฉันเสมอ ลูฟี่มักจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยมาให้ฉันอยู่บ่อยๆ...

                  เปล่าหรอก ฉันบอก

                  วันนี้คุยกับลูฟี่หรือยัง เจถาม ฉันส่ายหน้า

                  ทำไมไม่คุยล่ะ เจว่า ก่อนจะเดินรี่ไปที่คอมพิวเตอร์แล้วเปิดมัน

                  ไม่เจอหรอก ลูฟี่น่ะ ฉันพูด... ก็นายยืนอยู่ตรงหน้าฉัน จะไปออนไลน์ได้ยังไงล่ะ...

                  และเป็นจริงเช่นนั้น... ลูฟี่ไม่ได้ออนไลน์ ทั้งๆ ที่ปกติเราเคยคุยกันในช่วงเวลานี้

                  คงมีธุระมั้ง เจพูด พลางยักไหล่ ฉันพยักหน้าเบาๆ

       

                  เจกลับไปในที่สุด ฉันพาร่างของตัวเองลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้านเพื่อหาอะไรใส่ท้องที่ยังไม่มีอะไรตกถึงตั้งแต่เช้า...

                  เพียว ตื่นแล้วหรอ แม่เอ่ยทัก ฉันยิ้มกลับไป

                  เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปเรียกวินลงมาหน่อยสิ พ่อบอก ฉันพยักหน้า

       

                  ฉันเดินเอื่อยๆ ขึ้นไปที่ชั้นบนของตัวบ้าน เดินผ่านห้องนอนของตัวเอง และหยุดลงที่ประตูบานถัดไป... ก่อนจะลงมือเคาะเบาๆ

                  พี่วิน... ไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉันเพิ่มแรงเคาะลงไปอีก

                  พี่วินคะ ฉันเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย... แต่ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉันขยับลูกบิดดู และเห็นว่ามันไม่ล็อค

                  พี่วิน... เพียวเข้าไปละนะ ฉันร้องบอก แต่ยังคงไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา

       

                  ฉันพาตัวเองเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่มหน้าตาดีมากคนนั้น ห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องพักของแขก ตอนนี้พื้นที่ภายในห้องถูกจับจองไปด้วยข้าวของมากมายซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทางหนังสือ โปสเตอร์จากการ์ตูนเรื่องต่างๆ ถูกแปะหราอยู่บนผนัง... คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ เตียงยังคงรกและไม่ได้รับการจัดให้เรียบร้อย... เจ้าของห้องไม่ได้อยู่ในห้อง... สงสัยพี่วินจะอยู่ในห้องน้ำ... ฉันยักไหล่และหันตัวกลับ และพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่แสนคุ้นตา

                  บนโต๊ะหนังสือที่มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คตั้งอยู่นั้น... มีอะไรบางอย่างที่แสนคุ้นตาตั้งอยู่ถัดไป ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะหยิบเอาของชิ้นนั้นขึ้นมา...

       

                  ปฏิทิน...

       

                  เป็นไปไม่ได้... นี่มันปฏิทินที่ฉันทำขึ้นมากับมือ... ปฏิทินของลูฟี่...

       

                  พี่วิน... คือลูฟี่งั้นหรอ...

       

                  แล้วเจล่ะ... เจไม่ใช่ลูฟี่หรอกหรอ

       

                  พี่วินที่เงียบขรึม ไม่ได้มีท่าทีของคนขี้เล่นแบบที่ลูฟี่เป็นอยู่เสมอ... นั่นน่ะนะ... คือลูฟี่...??

       

                  เสียงบานประตูที่ถูกแง้มออกมาทำให้ฉันสะดุ้ง ก่อนจะรีบวางปฏิทินกลับเข้าที่ด้วยความตกใจ

                  อ้าวเพียว มีอะไรหรือเปล่า พี่วินเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าฉันยืนอยู่ในห้องนอนของเขา

                  เอ่อ... คือ... พ่อให้มาเรียกน่ะค่ะ ฉันตอบ พี่วินเลื่อนสายตาจากฉันไปที่ปฏิทินที่หล่นลงมาจากโต๊ะ... ฉันมองดูมันแล้วรีบหันไปมองที่พี่วิน ชายหนุ่มตรงหน้ามีสีหน้าตกใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ฉันก็รีบเดินหนีออกจากห้องไป...

                             

                  เพียว... แน่ใจนะ ว่าจะไม่ไปส่งพี่เค้าหน่อย เสียงแม่ที่กำลังลูบผมยาวสีดำของฉันเบาๆ เอ่ยขึ้น ฉันกำลังซุกตัวอยู่บนเตียง เรื่องราวมากมายเกิดขึ้น... ลูฟี่คือพี่วิน พี่วินคือลูฟี่... ใช่... ฉันเคยพูดว่า ถ้าเป็นลูฟี่ ไม่ว่าจะมาในสภาพไหนฉันก็รับได้... แต่ตอนนี้ ฉันแค่... รู้สึกแปลก... แปลกใจที่ลูฟี่กลายเป็นคนเงียบขรึมและเป็นใบ้ตลอดเวลายามที่อยู่ต่อหน้าฉัน ลูฟี่ที่เป็นพี่วินมันขัดกับตัวตนของลูฟี่ที่ฉันเคยคุยผ่านโปรแกรมสนทนาอย่างสิ้นเชิง... ฉันแค่รู้สึกแปลกใจเมื่อคิดว่า ลูฟี่ที่ฉันได้พูดคุยด้วยกลายเป็นชายหนุ่มที่เคยนอนอยู่ห้องข้างๆ ฉัน... ฉันยิ้ม หัวเราะอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ โดยไม่ได้รู้เลยว่าตัวตนของเขาอยู่ใกล้แค่นี้เอง...

                  เพียวปวดหัว... ลุกไม่ไหว ฉันบอกแม่ แม่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

                  ฉันพลิกตัวกลับมา... เจ้าหมีสีน้ำตาลตัวที่ลูฟี่ให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดนั่งมองดูฉันด้วยดวงตาแป๋วๆ ของมัน ฉันยิ้ม โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ฉันจะปล่อยมันไปหรอ... ฉันตัดสินใจลุกขึ้นแล้ววิ่งรี่ไปที่โต๊ะหนังสืออย่างรวดเร็ว หวังว่าคงทันเวลา...

                  เสียงประตูเปิดผัวะเข้ามาโดยไม่มีการเคาะเกิดขึ้นก่อน ฉันขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพูดขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองคนคนนั้นด้วยซ้ำ

                  เอาอีกแล้วนะเจ... สอนไม่จำ ฉันบ่น สายตายังคงควานหาสิ่งของบนโต๊ะหนังสือ

       

                  เพียว... น้ำเสียงทุ้มๆ ดังขึ้น ฉันหันไปมองด้วยความแปลกใจ... นั่นไม่ใช่เสียงเจ... รู้สึกใจเต้นแปลกๆ เมื่อได้รู้ความจริงว่าบุคคลตรงหน้าเป็นคนเดียวกันกับลูฟี่... แต่ฉันเดาไม่ผิด... เจเป็นคนเปิดประตูเข้ามาจริงๆ และตอนนี้เขาก็ยืนอยู่ข้างๆ ลูฟี่ของฉัน

                  พี่จะไปแล้ว พี่วินพูด ฉันพยักหน้าเบาๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี...

                  เอามาคืน พี่วินพูดอีก... พร้อมกับยื่นปฏิทินในมือมาที่ฉัน....

                  ทำไม... ฉันร้องถาม ทำไมต้องเอามาคืน ฉันไม่อยากได้คืน ฉันให้เขา นั่งหลังขดหลังแข็งทำตั้งนาน... แค่รับไว้มันลำบากมากหรือยังไงกัน

                  พี่ขอโทษ พี่วินพูด สีหน้าดูสลดลง

                  เพียวโกรธพี่เรื่องนี้ใช่มั้ย พี่ตั้งใจจะเอามาคืนนานแล้ว... พี่วินบอก ฉันเริ่มงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น... อะไรกันเนี่ย

                  พี่วินพูดเรื่องอะไร ฉันถาม

                  ก็... ปฏิทินของเพียว คุณอาผู้หญิงเอามาให้พี่ยืมใช้ พี่ว่าจะเอามาคืนตั้งหลายทีแล้ว แต่ก็ลืมทุกที... เพียวทำเองสินะ ปฏิทินของลูฟี่... พี่ขอโทษนะ อย่าโกรธพี่นะ พี่วินพูด ฉันหันกลับไปมองที่โต๊ะหนังสือ... ปฏิทินที่ฉันทำเองกับมือ มีเพียงสองชิ้นในโลก ชิ้นหนึ่งอยู่ที่ลูฟี่ ส่วนอีกอันอยู่ที่ฉัน แต่ตอนนี้ อันที่เคยวางอยู่บนโต๊ะหนังสือของฉันมันหายไปแล้ว...

                  นั่น... ของเพียว? ฉันเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ พี่วินพยักหน้าตื่นๆ... ฉันยื่นมือไปรับมันไว้

                  ขอบคุณค่ะ

                  ยังโกรธอยู่รึเปล่า พี่วินถาม

                  ไม่ เพียวไม่ได้โกรธ ฉันพูดตะกุกตะกัก ตกลงพี่วินไม่ใช่ลูฟี่งั้นหรอ...

                  พี่จะไปแล้วนะ พี่วินบอกอีก เค้ากำลังจะกลับบ้าน บ้านของเค้าจริงๆ พ่อกับแม่ของพี่วินคงทำธุระเสร็จแล้ว พี่วินคงไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ร่างสูงของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาจะโถมเข้ามาโอบกอดฉันไว้อย่างอ่อนโยน และจูบเบาๆ ลงบนศีรษะของฉัน

                  ขอบคุณนะ... เพียวเป็นน้องสาวที่ดีของพี่ พี่วินพูด ฉันยิ้ม แล้วค่อยๆ คลายกอดออก

                  โชคดีนะพี่วิน แวะมาเยี่ยมเพียวบ้างล่ะ ฉันบอก พี่วินพยักหน้า ก่อนจะโบกมือลา แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เจยืนมองหน้าฉันอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง

                  เสียดายล่ะสิ คิดว่าลูฟี่จะหล่อขนาดนั้นเลยหรือไง เจว่า พร้อมกับรอยยิ้มกว้างแสนสดใสเหมือนเคย ฉันหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเขา

                  ปฏิทินที่ทำให้ไป... พังหรือยัง ฉันหันไปถามเจ เจดูตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำถามของฉัน เขาหัวเราะเบาๆ

                  ก็... หลุดมานิดนึงแล้ว

                  ไว้จะซ่อมให้นะ ฉันพูดอีก เจพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

                  ขอโทษ... ไม่ได้ตั้งใจจะปิด แต่กลัวไปทำลายจินตนาการของเพียว เจพูด สีหน้าดูเคร่งเครียดกว่าเคย ฉันเดินไปหาเขาก่อนจะโอบไหล่อย่างปลอบใจ

                  คิดมาก... บอกแล้วไง ถ้าเป็นลูฟี่ มาสภาพไหนก็รับได้อยู่แล้ว ต่อให้สภาพแย่ๆ เหมือนเจก็เถอะ ฉันพูดล้อๆ เจส่งยิ้มกว้างสดใสมาให้ฉันอีกครั้ง ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะหนังสือ ก่อนจะยื่นหนังสือสี่เล่มที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไปตรงหน้าเจ

                  เอ้า นี่... ฉันว่า เพื่อนรักของฉันเลิกคิ้วอย่างฉงน แต่ก็เผยรอยยิ้มกว้างสดใสตามแบบของเขาออกมาในที่สุด เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของฉัน

                  เซ็นให้หน่อยสิ...

       

                  จบ...

       

       

      จบละ... ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ... ไม่รู้ว่าพอออกมาเป็นหนังสั้นแล้วมันจะเป็นไง... พี่เจว่าไง?? เหอๆ (เขียนให้หล่อๆ ตามคำขอละนะท่าน)

      เขียนไปก็ขำไป... นึกถึงพระเอกตัวจริงแล้วก็ฮา... แล้วเหตุการณ์ในเรื่องบางอย่างมันก็เกิดขึ้นจริง ไม่รู้ว่ะ ฮาแตก... 55555!!!!!

      กรุณาแปะคอมเม้นท์ไว้ด้วยเน้อ... โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง (น่าจะรู้ตัว... อืมๆ...) อยากรู้ว่าจะคิดยังไงกัน  ขอบคุณอีกทีที่เข้ามาอ่านค่า!!!


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×