คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : EP 02 - พันธนาการสิ้นสุด [part2]
หัวใจรัตติกาล
2
พันธนาการสิ้นสุด
เปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ
‘ข้าไม่อาจฆ่าเจ้าได้ ในเมื่อเจ้าก็มีชีวิตไม่ต่างจากมนุษย์เรา เพียงแค่มีพลังที่มากเกินไปจนเป็นอันตรายก็เท่านั้น’
น้ำเสียงของใครบางคนดังขึ้นในโสตประสาทของเขา มันดังอย่างแผ่วเบาและหายไป
อ่า
คุ้นเคยเหลือเกิน เหมือนเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว
‘เพราะเจ้าไม่มีสิ่งใดที่ต้องปกป้อง ทำให้เจ้าใช้พลังในทางที่ผิด’
เขา
จำได้แล้ว! เสียงที่ชอบสั่งสอนเขา แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บหนัก น่ารำคาญสิ้นดี!
‘เคล็ดลับที่จะทำให้ผนึกแตกออกนั้น เจ้าจะต้อง
’
เปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ
น้ำแข็งที่เริ่มแตกตัวจนก้อนเล็กๆ หล่นลงพื้นทำให้นักบวชหนุ่มชะงักฝีเท้า เขาเสมองดวงตาสีอำพันไปทางปีศาจหนุ่มที่ถูกกักขังด้วยน้ำแข็ง
ความเย็นยะเยือกและบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดเริ่มถ่ายเทเข้ามาทีละเล็กละน้อยจนทำให้นักบวชหนุ่มหายใจแทบไม่ออก ความรู้สึกทรมานนี่มันอะไรกัน
อ่า ใช่แล้ว
เขาจำได้
ปีศาจหนุ่มนึกในใจ เขาเริ่มแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว มันดูเกรงขามและเมื่อปีศาจหนุ่มมองด้วยดวงตาสีเงินคู่นั้นราวกับว่าถูกสายตาเย็นชาคู่นั้นสะกดจนไม่อาจขยับตัวได้
ข้านึกออกแล้ว
ปีศาจหนุ่มหัวเราะดังลั่นแล้วถลึงตามองนักบวช ยิ่งมองร่างที่สลบของปีศาจน้อย ปีศาจหนุ่มก็ยิ่งอารมณ์เดือดพล่านและอยากจะบันดาลโทสะทั้งหมดออกมาเหลือเกิน ราวกับหัวใจของเขาเผาผลาญไปด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำลุกไหม้ในหัวใจของเขา
คำพูดสุดท้ายของนักบวช
คำพูดที่เจ้าคนอวดดีนั่นทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะจากไป
เขานึกออกแล้ว!!!
‘
เคลื่อนไหวด้วยใจที่อยากจะปกป้องใครสักคนแล้วผนึกที่ข้าทำไว้จะคลายออก’
เปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ
น้ำแข็งที่เริ่มแตกออกทีละนิดทีละนิดเกิดเป็นรอยร้าวขั้นแทบจะทุกบริเวณที่มีน้ำแข็งเกาะอยู่ บรรยากาศอึมครึมเริ่มเข้ามาปกคลุมทีละน้อย ดวงตาสีเงินของปีศาจหนุ่มแวววับอย่างน่ากลัว มือที่เคยขยับไม่ได้กลับเริ่มกระดิก รอยยิ้มที่แสนเย็นชาปรากฏบนใบหน้างดงามนั้น
และทันใดนั้น!!!
เปรี๊ยะ!!!
น้ำแข็งทั่วทุกที่แตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ จนนักบวชหนุ่มเบิกตากว้างจนถึงขีดสุด เขารีบตั้งสติและร่ายคาถาออกมาพร้อมกับล้วงยันต์แบบเก่า แต่ทันทีที่ล้วงยันต์ออกมาข้อมือของนักบวชหนุ่มก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยอะไรสักอย่าง
นักบวชหนุ่มเหลือบไปมองแล้วก็ตกใจพร้อมอุทานออกมา “
เส้นผม!”
เส้นผมที่ยาวทอดลงมาถึงพื้นขยับราวกับว่ากำลังร่ายรำไปจับบริเวณข้อแขนของนักบวชนั่นเอง ปีศาจหนุ่มขยับแขนได้ในที่สุด เขากำหมัดและบิดคอไปมา แต่ดวงตาสีเงินคู่สวยที่เย็นยะเยือกของเขากลับไม่เลิกมองนักบวชหนุ่มผู้นั้น
“ข้าบอกแล้วไง” ปีศาจหนุ่มกระซิบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “อย่าทำให้ข้าโมโห
!”
ปีศาจหนุ่มยื่นมือออกไปที่นักบวชที่บัดนี้โดนพันธนาการด้วยเส้นผมสีดำสนิทของเขาจนขยับไปไหนไม่ได้แม้กระทั่งขยับหนี ปีศาจหนุ่มเข่นเสียงหัวเราะอย่างสะใจและเพิ่มแรงที่นิ้วมือที่กำลังรัดตรงลำคอของนักบวชหนุ่ม
นักบวชเริ่มหายใจไม่ออก เขาทุลนทุรายจนหน้าเขียวไปหมด หน้าที่เคยหล่อเหลาแม้จะเทียบกับปีศาจหนุ่มไม่ได้ แต่ตอนนี้บอกได้แค่ว่าไม่น่าดูเอาซะเลย นักบวชหนุ่มตะเกียกตะกายพยายามใช้แรงอันน้อยนิดของตัวเองดึงนิ้วมือของปีศาจหนุ่มออกจากลำคอ
แต่ตอนนี้นักบวชหนุ่มเหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง พลังของปีศาจตรงหน้านั้นแข็งแกร่งจนเกินไป มหาศาลเสียจนนิ้วมือแต่ละนิ้วไม่ขยับเลยสักนิด ทว่าแรงกดกลับมากกว่าเดิมซะอีก เขาเริ่มหายใจติดขัด สติของนักบวชหนุ่มพร่าเลือน
ปีศาจผู้น่ากลัวแสยะยิ้มเลือดเย็นออกมา
“อ๊าก!” นักบวชหนุ่มเปล่งเสียงทรมาน “อ๊ากๆๆ”
“อ๊ากกก!!!” เขาเปล่งเสียงทรมานจนในที่สุดก็สลบไป ลมหายใจแผ่วๆ ของนักบวชหนุ่มทำให้ปีศาจรู้สึกสมเพชและอยากจะโยนร่างที่แสนอ่อนแอนี้ลงกับพื้นแล้วเตะกระเด็นเหมือนกับที่นักบวชหนุ่มผู้นี้เคยทำกับปีศาจน้อยที่นอนสลบ
“อย่า
ท่านปีศาจ อย่านะ!”
เสียงแผ่วเบาที่คล้ายจะหายไปกับสายลมได้ทุกทีทำให้ปีศาจหนุ่มชะงัก ดวงตาสีเงินคู่สวยเลื่อนจากนักบวชหนุ่มไปที่ร่างที่สลบ ไม่สิ ร่างที่เคยสลบต่างหาก เพราะเหมือนจะได้สติทำให้ปีศาจน้อยเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมา
ทันทีที่ปีศาจน้อยได้สติ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือท่านปีศาจสามารถหลุดออกมาจากพันธนาการน้ำแข็งได้ และต่อมาท่านปีศาจก็ต่อกรกับนักบวชหนุ่มได้อย่างน่ากลัวและบัดนี้ปีศาจหนุ่มกำลังจะฆ่านักบวช
นี่คือสิ่งที่ปีศาจน้อยทนเห็นไม่ได้
“อย่า
” ปีศาจน้อยเข่นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
ปีศาจหนุ่มเหลือบไปมอง แรงที่นิ้วมือของเขาค่อยๆ คลายออกแต่ก็ยังรั้งลำคอของนักบวชหนุ่มไว้อยู่ ปีศาจหนุ่มมองริมฝีปากของปีศาจน้อยตรงหน้าที่ค่อยๆ ขยับช้าๆ อีกครั้ง
“อย่า
ฆ่าเขา
”
และในที่สุดปีศาจน้อยก็สลบไปอีกครั้งเพราะสติที่ประคองไม่อยู่ ทิ้งไว้ให้ปีศาจหนุ่มถลึงตาใส่และสบถออกมาเสียงดัง น้ำเสียงที่ฉุนเฉียวของเขาเกรี้ยวกราดและน่ากลัว
บ้าเอ๊ย!!
‘จิวเอ๋ย ปู่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้าไปในป่าน่ะ’
ปีศาจน้อยระบายยิ้มที่สดใสออกมาเมื่อได้ยินเสียงท่านปู่
ท่านปู่
ท่านปู่
ข้ากำลังจะไปหาท่านปู่ใช่มั้ย?
‘ทางป่าตะวันออกมีปีศาจที่น่ากลัวมากกักขังไว้อยู่รู้มั้ย!’
จิวส่ายหน้าแรงๆ และตะโกนออกไปในใจ ไม่จริงซะหน่อย! ท่านปีศาจใจดีจะตาย ท่านปีศาจช่วยข้าจากมนุษย์ด้วย แม้ว่าจะฆ่าเขา
แต่ท่านปีศาจก็แค่อยากจะช่วยข้าเท่านั้น
จิวพึมพำคำหลังเบาๆ จนแทบจะหายไปกับสายลม แสงสว่างเริ่มเจิดจ้า ปีศาจน้อยพยายามเพ่งมองร่างของปู่ ใบหน้าของปู่ระบายยิ้มเหมือนกับปีศาจน้อยไม่มีผิด รอยยิ้มที่ทำให้คนดูแล้วรู้สึกสบายใจ
‘ข้ากำลังจะไปอยู่กับท่านปู่ใช่มั้ย
’
ปีศาจน้อยเปล่งเสียงออกมาและทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็สว่างเจิดจ้า สว่างไปหมดจนเขามองไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นแม้กระทั่งท่านปู่หรือกระทั่งร่างของตัวเอง สว่างจนปีศาจน้อยร้องออกมาอย่างทรมาน มันสว่างจนเขาต้องลืมตา
พรึบ
เปลือกตาของจิวลืมตาขึ้น ปีศาจน้อยได้สติก็มองไปรอบๆ ด้วยความมึนงง
ปวดหัว
ปวดหัวเหลือเกิน
มึนไปหมด
“จะดื่มน้ำหน่อยมั้ย?” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ปีศาจน้อยพยักหน้าเบาๆ แล้วเลื่อนมือไปตามต้นเสียง เมื่อดวงตาสีเขียวสดก็เบิกกว้างและเปล่งเสียงออกมา
“ท่านปีศาจ!! ไม่สิ
ไม่ใช่!!” จิวตะโกน มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำชะงัก
แค่ใบหน้าคล้ายเท่านั้น
แต่ท่านปีศาจไม่ได้ไว้ผมสั้นแบบนี้ ท่านปีศาจมีดวงตาสีเงินเหมือนกับชายตรงหน้า ใบหน้าคล้ายชายตรงหน้า แต่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านดูดีและทรงผมที่ชายตรงหน้ามีกลับต่างกับท่านปีศาจลิบลับ ไม่มีทางใช่แน่นอน!!!
ปีศาจน้อยยืนยันความคิดของตัวเอง ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บที่ศีรษะ
“โอ๊ย ท่านเขกหัวข้าทำไม” ปีศาจน้อยลูบหัวตัวเองเบาๆ แล้วจ้องคนตรงหน้าขุ่นเคือง
“เจ้าบอกว่าข้าไม่ใช่ท่านปีศาจ แต่ขอโทษแรงๆ ด้วยที่ข้าคือปีศาจ” รอยยิ้มเย็นชาระบายออกบนใบหน้างดงามที่ได้รูป ดวงตาสีเงินที่งดงามและน้ำเสียงที่งดงาม
“ท่านปีศาจ
”
“ไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นฟริสต่างหาก” ปีศาจหนุ่มพูดเสียงเบา
ฟริส?
จิวใช้สายตาเป็นตัวถามด้วยความสงสัยว่าคืออะไร
ปีศาจหนุ่มเฉลยออกมา “ชื่อของข้าคือฟริสเฟอเรส เรียกข้าว่าฟริสก็ได้”
และทันใดนั้นรอยยิ้มของปีศาจน้อยก็กว้างขึ้นจนแทบจะแก้มปริ
“แล้ว
ข้าอยู่ที่ไหน” ปีศาจน้อยตั้งคำถามขึ้น
“ในเมือง”
ปีศาจน้อยเอียงคอ ดวงตาสีเขียวจ้องมองปีศาจหนุ่มคล้ายจะส่งสายตาเป็นนัยๆ ว่ากำลังถามต่อ ปีศาจหนุ่มจึงตอบทันที
“ข้าพาเจ้าออกมาจากถ้ำ”
ถ้ำ
จริงด้วย จำได้ว่าล่าสุดตัวเองกำลังสลบอยู่ในถ้ำนี่นา ปีศาจน้อยคิดในใจและเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นปีศาจน้อยก็รีบถามต่อทันที
“แล้วนักบวชล่ะ นักบวชท่านนั้นล่ะ!” น้ำเสียงที่ถามนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ปีศาจตรงหน้ากลับส่งสายตาเย็นชาจ้องมองปีศาจน้อยนิ่งๆ
“จะไปพูดถึงมันทำไม” น้ำเสียงเรียบๆ ตอบกลับ
“แต่ว่า
” ปีศาจน้อยลังเลไม่กล้าถามต่อแล้วก็ตัดสินใจเงียบไป
ขอให้มีชีวิตด้วยเถอะ
ปีศาจน้อยภาวนากับตัวเองในใจ
“จริงสิ
” ปีศาจหนุ่มพึมพำ “ข้าเพิ่งรู้
”
“?”
“เจ้าคือผู้หญิงสินะ”
เฮือก!!
จิวเบิกตากว้างแล้วก้มลงมองร่างกายตั้งแต่ลำคอของตัวเองลงมา ชุดแปลกประหลาดที่จิวใส่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ มันคือชุดผู้หญิงที่พวกมนุษย์นิยมใส่ทำให้จิวเงยหน้าขึ้นมองท่านปีศาจ แววตานั้นอึ้งจนกระทั่งไม่มีเสียงเปล่งออกมา ได้แต่อ้าปากค้างเอาไว้
“ทะ ท่านไม่เห็นใช่มั้ย” ดวงตาสีเขียวสั่นเทาและคลอไปด้วยน้ำตา จิวกระชับผ้าห่มคลุมตัวเองจนถึงคอ แววตานั้นน่าสงสารเหมือนกับสุนัขตัวน้อยที่กำลังโดนรังแกไม่มีผิด
“เจ้าบาดเจ็บสาหัส ข้าเลยพามาในเมืองแล้วพักในโรงแรม ไม่ต้องห่วงพอมีคนทักว่าเจ้าคือผู้หญิงข้าจึงให้แม่บ้านของที่นี่เปลี่ยนชุดให้เจ้า” ปีศาจหนุ่มรีบแก้ตัวทันที
“ที่ท่านเล่าคือความจริง
ใช่มั้ย?” น้ำเสียงของจิวแทบจะเปล่งออกมาไม่ไหวแต่ก็เปล่งจนหมด ปีศาจหนุ่มพยายามข่มใจตัวเองอย่างแรงกล้าไม่ให้พยายามที่จะรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นดวงตาและได้ยินน้ำเสียงนั้น
ปีศาจหนุ่มพยักหน้าแรงๆ แล้วยื่นน้ำให้ “เจ้าดื่มน้ำซะเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปหาอาหารให้”
แล้วปีศาจหนุ่มก็รีบเดินออกจากห้องไปทันทีที่ยื่นแก้วให้ปีศาจน้อยสำเร็จ ทิ้งไว้ให้ปีศาจน้อยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมคนเดียวโดยไม่เหลียวมามองเลยแม้แต่น้อย
ข้าไม่ได้เป็นโรคประหลาดใช่มั้ย
บอกข้าที ข้าไม่ได้กำลังเป็นโรคประหลาดใช่มั้ย!
ใครก็ได้
บอกข้าที!!
ปีศาจหนุ่มได้แต่ตะโกนถามตัวเองในใจระหว่างเดินตามระเบียง
-----------------------------------------------------------
โดยส่วนตัวแล้วชอบตอนที่สองนะ :) แต่ไม่รู้จะมีใครชอบป่าว ><
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน :))
UPDATE1 --> 10 / 4 / 2555 : 23 / 33
ความคิดเห็น