คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3 ▪ Good Morning
3
Good Morning ;)
เขาคือคนที่ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ห้ามให้แปดเปื้อน
แต่หากเจ้า ข้ายอมเจ็บปวดเสียเองดีกว่า...
ดีกว่าจะยอมให้เจ้าเจ็บปวด!
“น่าแปลกใจจัง แผลของเจ้าช่างหายเร็วนัก” เสียงหวานบ่นพึมพำเบาๆ พลางจิบชาทีละนิด
“หุบปากของเจ้าไปเลย เจ้ามัน...โรคจิต!” เสียงทุ้มนั้นกดเน้นคำว่า ‘โรคจิต’ อย่างจงใจ นัยน์ตาสีแดงเข้มของเขาเปรยมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยามและดูถูก แววตาของเขานั้นดูไม่น่าคบหาเป็นที่สุด
“เฮ้อ ถึงด่าข้าว่าโรคจิต ยังไงข้าก็ไม่เจ็บแสบหรือคันสักนิด กับชินซะมากกว่า” เธอหัวเราะเยาะ
“โรคจิต” ชายหนุ่มบ่นอุบอิบเบาๆ
“เจ้า!” ทันใดนั้นเธอกรีดเสียงแหลมมองหน้าเขาอย่างหาเรื่องทันที
“ไหนบอกว่าไม่เจ็บ ไม่แสบไง แล้วทำไมร้องเสียงหลงละ เฮอะ”
“หนอย! ให้มันน้อยๆ หน่อยนะยะ ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าแท้ๆ” เธอเริ่มทวงบุญคุณ “แล้วอีกอย่างข้าชื่อไซเรน! ไซเรน! เข้าใจนะ” เธอทวนชื่อให้เขา
“ข้าไม่ได้ถาม แล้วใครขอร้องเจ้าให้ช่วยกัน” เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ถ้าไม่ได้ข้า เจ้าก็นอนแข็งตายในป่าแล้ว ขอบคุณสักคำก็ไม่มี เจ้านี่มันไร้ซึ่งมารยาทที่สุดเลย!” เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่เขา
“งั้นเจ้าก็ปล่อยข้าสิ ข้าจะได้ไปไกลๆ จากเจ้าแล้วจะได้ไม่ต้องโวยวายใส่หน้า ข้าเบื่อเจ้าแล้ว เกลียดด้วยซ้ำ! ข้าขยะแขยงเจ้าที่สุด” เขากรอกตาไปมา
“เชือกเส้นนี้น่ะข้าซื้อต่อมาจากยมทูตเชียวนะ! คิดเหรอว่าเจ้าจะทำให้มันขาดได้น่ะ บาดเจ็บก็นอนเฉยๆ ไปสิ หาเรื่องจริงๆ เลยนะเจ้าเนี้ย” เธอถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์พลางบ่นต่อหน้าเขา
“ตรงไหนที่บอกว่าข้าไม่หายดีกัน” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“แผลภายนอกอาจจะหายไปแล้วแต่สภาพร่างกายเจ้าล่ะพร้อมแล้วเหรอ” เธอพูดหน้าตาย
“น่ารำคาญ” เขาตัดบท “ข้าจะนอนแล้ว ปิดไฟซะ!”
ชายหนุ่มหลับตาเบาๆ เพราะเขาถูกจับตรึงไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางหรือหมุนตัวทำให้เขาได้แต่เพียงหลับตาเท่านั้นที่จะเป็นการตัดบทเธอได้ และไม่นานนักไฟจากแสงเทียนก็ดับลง หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้กระชับผ้าห่มของชายหนุ่มให้คลุมทั่วตัว เธออมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง
เมื่อเสียงประตูกำลังปิดดังขึ้นและเงียบลง ชายหนุ่มลืมตาสีแดงฉานราวกับเลือดให้แวววับในความมืด ยามนี้ดูน่ากลัวและเกรงขาม
“ฮาเวิร์ด...เจ้ามาหรือยัง?” เขาพึมพำเบาๆ ราวกลับเอ่ยกับตัวเอง
แต่เอ่ยจบได้ไม่นานในมุมห้องที่เขานอนกลับมีเงาสีดำทมิฬยืนอยู่ตรงมุมห้อง เงานั้นแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แต่กลับดูน่ารังเกียจในสายตาของเขา
“หึๆ ไม่นึกเลยนะว่าคนอย่างเจ้าจะมีสภาพอย่างนี้น่ะ คิๆ” เงานั้นหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ก่อนจะเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม หน้าต่างที่ไม่ได้ปิดผ้าม่านทำให้แสงจันทร์ส่องสว่างในเวลากลางคืนเป็นแสงสว่างให้แก่นักเดินทาง ซ้ำยังสาดแสงอ่อนๆ จนทำให้มองเห็นหน้าของเงานั้นชัดเจนยิ่งนัก เงานั้นมีนัยน์ตาสีดำสนิทและมืดมิดยิ่งกว่ารัตติกาล เรือนผมสีดำสนิทที่คล้ายกับชายเจ้าของร่างบนเตียง แต่ยาวกว่าเขา ใบหน้านั้นมีความคล้ายคลึงกันแต่ราวกับเงาและแสงสว่าง
เพราะชายผู้มีนัยน์ตาและเรือนผมสีดำสนิทนั้นเป็นผู้มีเจ้าของรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ตลอดเวลา ตรงข้ามกับเขาที่มีใบหน้าบึ้งตึง เสียงที่หยาบกระด้าน ไร้ซึ่งความเกรงใจ ความเคารพ นั่นทำให้พวกเขาแตกต่างกัน
“หยุดหัวเราะได้แล้ว” เขาเบือนหน้าหนีกวาดน้ำเสียงหงุดหงิดใส่
“แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะกลับล่ะ เที่ยวเล่นจนสนุกหรือยังไอกัส” เจ้าของดวงตาสีดำสนิทเอ่ยขึ้น จากสีหน้าระรื่นของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ ทำให้ไอกัสถอนหายใจออกมา
“เจ้ายังหวังจะให้ข้ากลับสินะ” ไอกัสเริ่มมองใบหน้าของชายตรงหน้า
“ข้าหวังเจ้าเสมอ เพราะเจ้าคือความหวังของพวกเรา” เขาตอบ
“ถ้าพูดเรื่องนี้ก็ออกไปซะ ข้าไม่อยากฟัง” เขาเริ่มขึ้นเสียงด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่เริ่มเพิ่มพูนทีละนิด ไอกัสพยายามสงบสติอารมณ์
“ถ้ายังไม่อยากกลับ ข้าแนะนำให้เจ้าอยู่กับเธอนะ” ฮาเวิร์ดยิ้มกรุ่มกริ่ม
“เธอ...? เจ้าหมายถึงใคร” ไอกัสขมวดคิ้ว
“ก็เธอคนที่ช่วยเจ้าไว้ไงล่ะ” ฮาเวิร์ดยิ้มชั่วร้ายในที่สุด
“หา! เรื่องอะไร ยัยนั่นมันโรคจิตชัดๆ บ้าหรือเปล่ามีที่ไหนจับข้ามัดไว้อย่างนี้แถมไม่ปล่อยอีกต่างหาก ข้าเกลียดยัยผู้หญิงนั่น!” เขากัดฟันกรอดนึกถึงความแค้นที่เธอทำไว้กับเขา สักวันเขาต้องแก้แค้นเธอแน่!
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าตะโกนใส่หรือทำเรื่องไร้มารยาทอย่างนี้มาก่อน แต่ยัยผู้หญิงนี่เป็นใครกัน! กลับกล้าทำเรื่องแบบนี้กับเขา มันน่าฆ่าที่สุด!
“ฮึ ก็แค่จับมัดเองน่า” ฮาเวิร์ดพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต
“งั้นเจ้าก็ลองโดนแบบข้าดูสิ” ไอกัสเอ่ยด้วยเสียงฉุนเฉียว
“เอาน่า แต่ตอนนี้ที่นี่ดูจะปลอดภัยที่สุดสำหรับเจ้านะ” ฮาเวิร์ดพยายามกล่อมเกลี่ยพลางมองหน้าไอกัสที่จ้องมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“เจ้าจะไม่ทรยศข้าใช่ไหม?” ไอกัสถามขึ้น
เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับไม่มั่นใจในคำตอบของชายตรงหน้า ฮาเวิร์ดนิ่งเงียบ นัยน์ตาสีดำสนิทเริ่มหรี่ลงเล็กน้อย
ทรยศเหรอ...
นั่นสินะ เขาเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนกัน สำหรับผู้ชายตรงหน้า
ฮาเวิร์ดนิ่งแล้วถอนหายใจ สุดท้ายก็ยิ้มบางๆ ออกมา
“บ้าหรือไง ข้าคือคนที่เจ้าควรเชื่อใจที่สุดต่างหาก” ฮาเวิร์ดตอบในที่สุด
“ยิ่งเชื่อใจเจ้ามากข้าก็เกรงว่าเจ้าจะทรยศ เจ้าจะไม่ทรยศข้าใช่ไหม?”
“เจ้าคือข้า และข้าคือเจ้า ยามใดที่เจ้าสั่นคลอนความเชื่อใจนั้นลง ยามนั้นคมดาบของข้าก็ไม่แน่ว่าจะสังหารเจ้าได้ ยามใดที่เจ้าอ่อนแอ ยามนั้นข้าจะคอยฉุดรั้งให้เจ้าลุกขึ้นมาใหม่ นั่นคือคำสาบานของข้าที่มีต่อเจ้า อย่าลืมซะล่ะไอกัส”
นั่นสินะ...
ข้าคือเจ้า และเจ้าคือข้า เราสองคนที่สักวันต้องรวมเป็นหนึ่ง...
ไอกัสกลืนน้ำลายอย่างฝาดคอ
“แล้วทำไม...เจ้าต้องช่วยข้า ทั้งๆ ที่ใจจริงเจ้าก็อยากให้ข้ากลับเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” ไอกัสขมวดคิ้ว
“ข้าไม่มีทางบอกหรอกว่าเจ้าอยู่ที่ไหน เพราะถ้าข้าบอกที่อยู่ของเจ้า คนพวกนั้นจะตามล่าเจ้า และเจ้าก็ต้องหนีไปห่างจากสายตาข้าอีก นั่นคือเหตุผล” ฮาเวิร์ดคลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่มุมปากที่ดูเจ้าเล่ห์เป็นเสน่ห์ของเขานั่นเอง
“ถ้าพวกนั้นเคลื่อนไหวอะไรก็บอกข้าแล้วกัน”
ฮาเวิร์ดเพียงพยักหน้าตอบรับ
“เฮ้! เจ้าคุยอะไรกับใครน่ะ” เสียงดังจากข้างนอกทำให้ไอกัสสะดุ้งเฮือกอย่างเผลอตัวจนฮาเวิร์ดยักไหล่ให้เบาๆ
“ข้าว่าข้าไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวเธอจะสงสัยเอา อย่าลืมซะละที่นี่คือที่ที่ปลอดภัยสุดสำหรับเจ้า” ฮาเวิร์ดยังคงย้ำก่อนจะเดินไปที่มุมห้องที่เขาปรากฏเป็นครั้งแรก เพียงพริบตาเดียวเขาก็หายไปจากตรงนั้นราวกับที่มุมตรงนั้นไม่เคยมีใคร
แอ๊ด
“ก็ไม่มีใครนี่นา” เสียงนั้นบ่นพึมพำเมื่อถือวิสาสะเปิดห้องโดยพละการ เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ชัด
“เจ้าเข้ามาทำไม” เสียงหยาบกระด้านเอ่ยอีกครั้งทำให้ผู้ถือวิสาสะเข้ามาโดยพละการสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันไปมองที่ตนเสียงเบาๆ
“อา...เจ้ากำลังนอนอยู่สินะ โทษทีๆ ข้าได้ยินเสียงประหลาดเลยเข้ามาดู” เธอบอกเสียงเบาแล้วมองไปที่ร่างบนเตียงนั้น
“ไร้สาระ” เขาถอนหายใจอย่างเบื่อๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
“เจ้านี่มัน...คนอุตส่าห์เป็นห่วง” เธอรีบสวนกลับ
“ใครขอกัน ยิ่งเจ้าออกไปจากชีวิตข้าได้ข้ายิ่งปลอดภัยมากขึ้นมากกว่า” ไอกัสเข่นเสียงหัวเราะ ปากเรียวแสยะยิ้มเย็นก่อนจะเปรยตาไปมองฝ่ายตรงข้าม
“ข้า...โธ่เอ๊ย ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!” เธอตะโกนลั่นอารมณ์โทสะออกมา
“ข้าก็เกลียดเจ้าเหมือนกันนั่นแหละ ยัยโรคจิต!” ไอกัสพึมพำไม่ยอมแพ้
“จริงสิ แผลของเจ้าคงหายหมดแล้ว” เธอพยายามระงับอารมณ์กดเสียงต่ำเปรยตาพินิจร่างของชายหนุ่มอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“แผลของข้าหายนานแล้วต่างหาก!” เขาคำรามเสียงต่ำ
“ก็ดี” เธอพึมพำเบาๆ ก่อนจะปิดประตูเสียงดังประชดจนเจ้าของร่างบนเตียงก่นด่าเธอในใจอย่างเดือดดาล แสงไฟสลัวๆ ของแสงจันทร์ทำให้เขาเผลอเหม่อลอยนึกถึงบางอย่าง เขากัดริมฝีปากแน่นก่อนจะพริ้มตาหลับเบาๆ
จิ๊บ...จิ๊บ
เสียงนกร้องทางด้านนอกหน้าต่างประกอบกับแสงแดดที่สาดส่องตรงดวงตาของเขาพอดีทำให้เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกด้วยความหงุดหงิด มือเรียวของเขายกขึ้นมาบดบังแสงอาทิตย์ก่อนจะหาวช้าๆ
เช้าแล้วเหรอ ตอนนี้กี่โมงกันนะ...
เขาขยี้ตาแล้วบิดตัวไปมาอย่างเคยชินหลังจากตื่นนอน นัยน์ตาสีแดงฉานราวกับเลือดเปล่งประกายงัวเงียเพิ่งตื่นนอนทำให้เขาดูเซื่องซึม
แต่แล้วเมื่อเจ้าของร่างสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ข้อมือทำให้เขาจำต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจจนขีดสุดเมื่อพบว่ามือของเขา...
เชือกไม่ได้มัดมือเขาแล้ว!
เจ้าของดวงตาสีแดงฉานราวกับเลือดแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อห้องเล็กๆ ทำไมถึงเงียบแปลกๆ ราวกับว่าเขาอยู่คนเดียว
แล้วยัยโรคจิตนั่นไปไหน?
เขาเผลอคิดถึงเธอก่อนจะเดินออกจากห้องนอนเล็กๆ ไปสำรวจรอบๆ บ้าน ในบ้านหลังนี้มีอีกหนึ่งห้องทำให้เขาถือวิสาสะเปิดประตูโดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อเปิดเข้าไปเขาพบกับห้องเล็กๆ ที่จัดคล้ายกับห้องที่เขาอยู่ เพียงแต่ว่าห้องนี้ดูเหมือนจะมีชั้นหนังสือและตำรามากมายเต็มชั้นหนังสือไปหมด
ไม่อยู่...
เขาละสายตาแล้วปิดประตูออกจากห้อง กวาดสายตาไปมองรอบด้านพบแต่ความว่างเปล่าของตัวบ้าน ทั้งห้องครัวที่อยู่ด้านข้างของห้องว่างที่เขาเพิ่งเข้าไป พอเดินออกไปกลับพบว่ารอบด้านของบ้านนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของใคร
ยัยนั่นหายไปไหนกัน?!
เขาคิดอย่างอับจนเผลอกัดริมฝีปากอย่างแรงจนเลือดสีแดงสดไหลซิบๆ บริเวณรอบริมฝีปากสีซีด ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นหรี่ตาลงราวกับกำลังคิดหนัก
“ไซเรน?” เสียงนั้นเอ่ยอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เสียงของเขาเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางคำรามเบาๆ
ยัยงั่งนั่น! บ้าที่สุด
“ไซ...เรน!” ชายหนุ่มตะโกนด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม หากแต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือความว่างเปล่าและเงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ ทำให้เขาขมวดคิ้วทำหน้าเคร่งเครียดก่อนจะสบถเบาๆ อย่างหงุดหงิด
บ้าเอ๊ย! หายไปไหนกัน...
“ไซเรน! ได้ยินข้าไหม!” ในที่สุดเขาก็ตะโกนจนสุดเสียง แต่กลับถูกความเงียบสงบของป่ากลบจนเสียงที่ดังก้องของเขาเบาลงในที่สุด ไร้ซึ่งเสียง และวี่แววของเธอทำให้ชายหนุ่มถึงกลับแสดงสีหน้ากังวล
“ไซเรน!” เขาตะโกนอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม สายลมพลิ้วผ่านพัดร่างของเขาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ไร้ซึ่งเจ้าของชื่อไม่ปรากฏต่อหน้าเขา
บ้าเอ๊ย! แย่ที่สุด!
เขาสบถในใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินไปรอบๆ เขาแทบจะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งไปรอบๆ ไม่ไกลจากบ้านหลังนี้เท่าไหร่นัก ผ่านต้นไม้ ผ่านลำธารแต่ก็ไม่เจอกับร่างบางที่เขาแสนจะคุ้นเคยจนในที่สุดก็กลับมายังบ้านหลังเล็กๆ แห่งนี้
หาไม่เจอ ไปไหนกันนะ!?
เขาคิดในใจ นัยน์ตาสีแดงฉานราวกับเลือดบัดนี้กลับดูหม่นหมอง เขาหรี่ตาลงราวกับร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต่างๆ เขาค่อยๆ ก้มหน้าต่ำลงมองพื้นดิน
ถ้าเขาไม่หนีออกมา...
ถ้าเธอไม่รับเขามา...
เธอก็คงไม่...
“โธ่เว้ย! เจ้าหายไปไหนกัน! ไซเรน...”
“เจ้าเรียกชื่อข้าทำไมน่ะ?”
------------------------------------------------------------------
อัพเเล้ว หลังจากที่ไม่ได้อัพหลายเดือน...อา นิยายที่รัก *_*
หวังว่าจะยังติดตามกันนะ T T
อัพเดท
ครั้งที่ 1 ; 28 / 04 / 2010
ความคิดเห็น