คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 ▪ The begin of legend
1
The begin of legend ;(
ถ้าข้าไม่เคยเจอเจ้าก็ดีสิ
ถ้าการเจอเจ้าทำให้ข้าเจ็บปวดจนแทบสิ้นใจ
ถ้าหากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นนี้...
ข้ายอมที่จะไม่รู้จักเจ้าเลยตลอดกาล...!
“การที่ท่านมาอยู่คนเดียว ท่านคิดว่าข้าจะยอมรับการตัดสินใจของท่านจริงๆ เหรอ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นจากชายหนุ่มท่าทางเคร่งขรึม เจ้าของเรือนผมสีทองอร่าม นัยน์ตาสีเทาทอประกายมืดมนจนดูน่าเกรงขาม
“ข้าไม่รู้ รู้เพียงแต่ท่านคือองครักษ์ของข้าจึงควรฟังคำสั่งข้า จริงหรือไม่” หญิงสาวเอ่ยตอบพลางคลี่ยิ้มดูมีเสน่ห์ เธอเสยผมสีทองสว่างขึ้น
“ท่านคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือ?” องครักษ์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าหญิงสาว
“แล้วท่านกล้าขัดคำสั่งข้าหรือไม่ล่ะ” เธอถามกลับอย่างมั่นใจ
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะรีบคุกเข่าลงกับพื้น ขาอีกข้างตั้งฉาก มือของเขาเอื้อมไปจับมือของหญิงสาวแล้วคว้ามาจุมพิตเบาๆ
“ข้าจงรักภักดีต่อท่านเท่านั้น นายเหนือของข้า” องครักษ์หนุ่มพึมพำ
“ขอบใจเจ้ามาก เอาละ ตอนนี้ข้าว่าเจ้ารีบกลับไปเสียจะดีกว่า ก่อนที่ใครจะมาเห็นเจ้าซะ” เธอเอ่ยพลางชักมือกลับมา
องครักษ์หนุ่มชักสีหน้าหงุดหงิด เขากลั้นใจพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบก่อนจะหายตัวไปกลับเงามืดในต้นไม้ใหญ่
เมื่อปราศจากซึ่งผู้ใด หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มองไปรอบๆ ด้วยความไม่คุ้นเคยสักนิด มันต่างกับที่เธอเคยอยู่ รอบด้านเป็นป่าเขารำเนาไพรที่ไม่รู้ว่าจะมีหมู่บ้านตั้งอยู่หรือเปล่า ส่วนด้านหลังของเธอคือกระท่อมหลังขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่ สร้างขึ้นจากไม้ ชั้นเดียวมีเพียงหน้าต่างรอบด้านสามสี่บานเล็กๆ
“อันดับแรกก็ต้องไปเก็บสมุนไพรที่จำเป็นในป่าก่อนสินะ”
เธอตั้งเป้าหมายอย่างขยันขันแข็งจากนั้นก็หยิบตะกร้าใบใหญ่ขึ้นมาสะพายบนหลังและเดินไปตามทางเล็กๆ ที่เก่าแก่จนแทบจะมองไม่เห็นเป็นเส้นทาง
ทำไมกัน...
เธอกำลังเปลี่ยนไปหรือเปล่า?
ชายหนุ่มนิ่งครุ่นคิดเงียบเชียบคนเดียวในป่ากว้าง เขาเผลอไม่ได้ที่จะอดมองไปทางที่เขาเพิ่งจากมา เพิ่งเหินห่างจากหญิงอันเป็นที่รักของเขา
เพราะเหตุใดกัน ทำไมเธอถึงทำท่าตีตัวออกห่างจากเขา
ทั้งๆ ที่เขาเลี้ยงเธอมาเองกับมือ เธอไม่เคยตีตัวออกห่าง เอ่ยไล่ แต่ทำไมกัน ทำไมเธอถึงดูแปลกไปเช่นนี้!?
เขากำหมัดแน่นซัดลงไปที่กลางลำต้นของต้นไม้ใหญ่ แรงจากกำปั้นเป็นผลอย่างรุนแรงจนต้นไม้สั่นสะเทือน
องค์หญิง...องค์หญิงของข้า
ข้าไม่ยอมให้ท่านไปเป็นของใคร!
ข้าไม่ยอมให้ใครพาท่านไปจากข้าแน่!
หากวันใดที่ท่านจากข้าไป วันนั้นจะต้องเป็นวันตายของข้าหรือของมัน!
ผู้ที่พาองค์หญิงไปจากข้า ข้าไม่ยอมเด็ดขาด!
ตึกๆๆ
เสียงฝีเท้าวิ่งรัวอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังพยายามวิ่งสุดกำลังเมื่อกำลังโดนตามล่าจากด้านหลัง แม้ว่าแขนที่แข็งแรงนั่นจะโดนกิ่งไม้ข่วน หรือเท้าจะเปรอะเปื้อนดินโคลนที่ชื้นแฉะในป่าก็ไม่สนใจจะหยุดลดความเร็วลงแม้แต่น้อย
บ้าเอ๊ย! ไอ้พวกบ้านั่นตามกลิ่นมาจนได้!
เขาสบถคิดในใจอย่างหงุดหงิดพลางมองไปข้างหน้าแล้วหันไปด้านหลังอย่างหวาดระแวง ยิ่งเห็นชายฉกรรจ์ห้าคนตามมาด้านหลัง แต่ละคนล้วนแต่ร่างกายใหญ่โต ดูบึกบึนกว่าเขาหลายเท่า
ดันถูกสะกดพลังเอาไว้...แย่จริงๆ ทำให้เจ้าพวกบ้านั่นตามมาทันจนได้!
เขาคิดอย่างหงุดหงิดเผลอลูบลำคอของตนเองเบาๆ เผยให้เห็นรอยสักสีดำสนิทที่ยาวตั้งแต่ต้นลำคอจนลึกลงไปถึงหน้าอก
เอ๋ มะ ไม่จริงน่า นี่มัน...!
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าลง ทันใดนั้นนัยน์ตาสีแดงฉานราวกับเลือดที่เคยฉายแววแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างจนขีดสุดแล้วเข่นเสียงคำรามออกมา
บ้าเอ๊ย! แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดีล่ะ
เขาพึมพำในใจแล้วหันไปมองด้านหลัง แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อชายฉกรรจ์ห้าคนเริ่มเข้ามาอยู่ในสายตาของเขา ตอนนี้พวกนั้นมาอยู่ด้านหลังเขาแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
ชายหนุ่มเขม็งมองชายฉกรรจ์ทั้งห้าอย่างหวาดระแวงก่อนจะค่อยๆ เดินถอยหลังช้าๆ ทีละก้าวแล้วเหลือบไปมองด้านหลังตัวเอง
ทำไงดีละ เขาจะวิ่งต่อไปได้ยังไงในเมื่อด้านหลังของเขามัน...
มัน...คือหน้าผา! แถมลึกซะด้วย
ใครที่ไหนมันจะไปรู้ว่าส่วนลึกสุดของป่าจะเป็นหน้าผาแบบนี้เล่า!
เขาเริ่มร้อนรนหันไปมองชายทั้งห้าอีกครั้งแล้วถอนหายใจ พอหยุดวิ่ง สายลมที่พัดผ่านแม้จะไม่ค่อยแรงแต่ก็สัมผัสได้จนทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบที่รอยข่วนเต็มแขน เลือดสีแดงสดไหลซิบๆ แม้จะไม่รุนแรงแต่ก็สร้างอาการปวดให้เขาได้
“เอาละ...ตอนนี้ไม่เหลือทางวิ่งให้ท่านแล้ว ท่านจะหนีไปทางไหนอีกกัน” ชายคนหนึ่งในห้าคนเอ่ยขึ้นก่อนจะมองชายหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา
เขาเพียงแค่เข่นเสียงหัวเราะแล้วมองพวกนั้นอย่างเยาะเย้ยราวกับว่าพวกนั้นผิดที่กำลังดูถูกเขา ใช่แล้ว! พวกนั้นผิดมหันต์ที่ไม่รีบจับเขาซะ
“หัวเราะอะไรของท่านกัน!? ยอมให้พวกเราจับไปจะดีกว่า” ชายฉกรรจ์คนเดิมเอ่ยอีกครั้ง แล้วยกมือสะบัดไปข้างหน้าเป็นสัญญาณ
พริบตาเดียวชายอีกสี่คนรีบวิ่งไปข้างหน้าหมายจะจับชายหนุ่มตรงหน้า แต่ชายหนุ่มเร็วกว่า! เขาพลิกตัวหลบชายฉกรรจ์คนแรกแล้วศอกกลับไปจนชายคนนั้นกระเด็นออกจากเขา ตามมาด้วยชายฉกรรจ์คนที่สองที่คิดจะรวบตัว แต่ชายหนุ่มกลับก้มหลบแล้วลุกขึ้นเตะกลับอย่างรวดเร็วราวกับเคยชินกับเรื่องพรรคนี้จนชายคนที่สามและสี่ไม่กล้าบุกเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าและยืนทื่ออยู่กับที่
“บ๊ะ! สมเป็นท่านจริงๆ ไม่นึกว่าถูกผนึกพลังวิญญาณยังจะมีแรงสู้กับพวกข้าได้อีก สมกับเป็นท่านจริงๆ” ชายฉกรรจ์หัวเราะร่วน
“เฮอะ ขอเตือนให้พวกเจ้ารีบไปซะ ก่อนที่ข้าจะโมโห”
“ข้าคงทำตามที่ท่านบอกไว้ไม่ได้หรอก เพราะพวกเราได้รับคำสั่งมาจากเบื้องบนให้จับท่านโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะต้องทำด้วยวิธีใดก็ตาม!”
ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก ในมือของเขาเริ่มมีเลือดออกมาเพราะบีบฝ่ามือแน่นจนเล็บบาดฝ่ามือของเขา ชายหนุ่มหันไปมองด้านหลังที่เป็นหน้าผาลึก เขาค่อยๆ ขยับไปจนสุดหน้าผา
“ท่านคิดจะทำอะไรกัน!” ชายฉกรรจ์เริ่มหัวเสียหันไปตวาดถามชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อเขาทำท่าจะเดินไปจนสุด
“เจ้าคิดจะจับตัวข้าได้หรือไง! ลองดูหน่อยสิว่าพวกเจ้าจะกลับไปพาเจ้านายของพวกเจ้าได้ยังไง ถ้าข้าเกิดทำแบบนี้...”
เขาหลับตา ลมหายใจเริ่มแผ่วๆ อาการใจเต้นรุนแรงขึ้นจนเขาต้องจับหน้าอกของตัวเองจากนั้นก็เดินไปช้าๆ ไม่ทันที่ชายฉกรรจ์จะคว้าตัวไว้ได้ เขาก็กระโดดลงหน้าผาไปเสียแล้ว
เพียงไม่กี่วินาที เวลานั้นช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน รวดเร็วจนชายฉกรรจ์ทั้งหลายได้แต่นิ่งและอึ้งกับการกระทำของผู้ที่ถูกตามล่าทำให้พวกเขาถึงกลับทรุดลงเขาชันกับพื้นอย่างท้อแท้ ทั้งสี่นิ่งและอึ้งไปตามๆ กับผู้เป็นหัวหน้า
ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าเบื้องไปยังด้านหลังที่มีต้นไม้หนาทึบ เขากำหมัดแน่นลงกำปั้นทุบดินอย่างแรงจนชายทั้งสี่ต่างพากันสะดุ้ง
บ้าจริง! หนีไปจนได้...
นี่ท่านคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่!
ไม่รู้หรือไงว่าชีวิตของตัวเองสำคัญขนาดไหนกัน...
ไซเรนทำท่าครุ่นคิดอย่างเงียบเชียบ มือเรียวยกขึ้นมาจับคางก่อนจะลูบเบาๆ พอเป็นพิธีแล้วใช้เด็ดใบไม้จากต้นไม้ต้นหนึ่ง
“อืม...กลิ่นหอม กินได้หรือเปล่านะ? ถ้ากินได้ต้องชงเป็นชาแสนอร่อยได้อย่างแน่นอน!” เธอหัวเราะเสียงร่าเริงพลางเด็ดๆ ขึ้นมาอีกหลายๆ ใบใส่ตะกร้าสานใบใหญ่อย่างขยันขันแข็ง
เธอปาดเหงื่อที่เริ่มผุดด้วยความร้อนยามกลางวัน พระอาทิตย์ตั้งตระหง่านบนท้องฟ้าสาดแสงแรงๆ ลงมายังพื้นล่าง
แม้โลกวิญญาณจะเป็นพระอาทิตย์เทียม แต่ก็ทำได้ร้อนเสียเหลือเกิน
เธอคิดเบาๆ พลางเงยมองพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างเจิดจ้ายากจะให้ดับลงได้ หากสักวันมันดับลงจริงๆ ไม่นานโลกวิญญาณแห่งนี้ถึงคราน้ำแข็งและหิมะปกคลุมเหมือนดังเฉกเช่นสมัยก่อนที่ท่านซาตานได้อพยศผู้คนมาอยู่ที่นี่...
เธอสะบัดหน้าแรงๆ ไล่ความคิดนั้นออก นี่คือโลกใหม่ที่ท่านซาตานสร้างขึ้น! มัวแต่ไปคิดถึงโลกเก่าทำไมกัน...
จริงสิ ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว ชักหิวแล้วด้วย น่าจะกลับบ้านไปหาอะไรอร่อยๆ กินสักหน่อยจะดีกว่า แล้วก็เอายอดอ่อนที่เด็ดมาชงชาดื่มตอนเย็นพร้อมขนม
อา...แค่คิดเธอก็สุขแล้ว!
เธอเริ่มกระชับตะกร้าที่แบกบนหลังให้แน่นขึ้นก่อนจะเดินกลับด้วยทางเล็กๆ ที่เธอมาพลางฮัมเพลงอย่างสนุกสนานคนเดียว
แต่พลันนัยน์ตาสีนิลก็ชะงักพลางสะดุ้งโหยงเมื่อเธอมองเห็นสิ่งแปลกประหลาดไปจากเส้นทางเก่าๆ นั่นคือร่างของใครบางคนกำลังนอนอยู่!
หญิงสาวรีบวางตะกร้าลงวิ่งเข้าไปหาร่างนั้นด้วยความกังวน เธอปัดผมสีดำสนิทแซมใบไม้แห้งที่ปรกหน้าเขาออกเผยให้เห็นใบหน้าเรียวสีขาวซีดที่แม้จะหลับสนิทหรือเปื้อนดินโคลนแต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้
“ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้กันนะ?” เธอเงยหน้าไปมองข้างหน้าของชายหนุ่ม เห็นหน้าผาสูงชันจนมองไม่เห็นข้างบนของหน้าผา
“อย่าบอกนะว่าตกลงมาจากหน้าผานั่นน่ะ!” เธอสะดุ้งอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อพลางมองดูร่างกายของเขาที่บอบช้ำเป็นบางส่วน ลมหายใจอ่อนๆ ของชายหนุ่มทำให้เธอผ่อนลมหายใจเบาๆ ดูท่าแผลขีดข่วนพวกนี้จะทำให้เขาไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตนะ
อืม...จะบอกว่าปาฏิหาริย์หรือตายยากดีนะ?
บาดแผลพวกนี้รักษาไม่นานก็หาย นั่นไม่ใช่ประเด็น
แต่ปัญหาอันใหญ่หลวงนี้นี่สิ ลำบากเป็นแน่แท้
ทั้งๆ ที่ข้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ แล้วจะเอาแรงที่ไหนแบกร่างกำยำของหมอนี่กลับไปรักษาละเนี้ย!
เธอร้องคร่ำครวญโวยวายในใจอย่างร้อนรนพลางยกแขนของเขามาคล่อมคอเธออย่างทุลักทุเลจะล้มแหล่มิล้มแหล่
บ้าเอ๊ย...หนักอะไรอย่างนี้นะ!
ถ้าแบกหมอนี่ ข้าก็ต้องทิ้งตะกร้าที่ข้าใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเก็บสมุนไพรและพันธ์ไม้พวกนี้น่ะสิ!
โธ่เอ๊ย! เพราเจ้าแท้ๆ นี่มันเวรกรรมอะไรของข้ากัน!
เธอได้แต่มองหน้าเจ้าของร่างที่หลับสนิทอย่างโกรธแค้น
---------------------------------------------------------------
ปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ อีกเเบบไม่มีกำหนด เเหะๆ
นางเอกเจอพระเอกฝ่ายเดียวเฉยเลย เเต่เมื่อพระเอกเจอนางเอกบ้างละ
จะเป็นยังไง อิอิ !! ติดตามต่อในตอนต่อไปน้า *-*
สุดท้ายนี้ขอบคุณนักอ่านที่เคารพ
อัพเดท 1 ; 31 / 01 / 2010
" 2 ; 24 / 02 / 2010
" 3 ; 01 / 05 / 2010
ความคิดเห็น