คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : EP 01 - ปีศาจผู้ถูกผนึก [part1]
.
หัวใจรัตติกาล
1
ปีศาจผู้ถูกผนึก
ดวงตาสีเขียวกวาดมองรอบๆ ด้วยความหวาดระแวงปนหวาดกลัว มันพยายามมองหาอะไรสักอย่าง มันพยายามฝืนลมหายใจเข้าออกให้เบาที่สุดและก้มตัวลงหมอบใต้ต้นหญ้าช่วยพรางตัวในยามรัตติกาลพร้อมกับหลับตา
“มันอยู่ไหน!” เสียงผู้ชายวัยฉกรรจ์เอ่ยขึ้นดังลั่นไม่ไกลเท่าไหร่พร้อมกับตวัดกวาดสายตามองไปทั่วทุกที่ภายในป่าอย่างละเอียด ด้านหลังของชายฉกรรจ์ผู้นี้มีผู้ชายร่างใหญ่พอๆ กันเดินตามหลังอีกหลายคน พวกเขาถือคบเพลิงสว่างไสวและเหยียบย่ำพื้นดินที่เย็นชืด
“ต้องหามันให้เจอ
จับมาลงโทษให้ได้!” ชายคนเดิมเข่นเสียงตะโกนดังลั่นอย่างเดือดดาล พูดจบเขาก็กัดฟันกรอดอย่างคับแค้นใจหาที่ระบายไม่ได้ ได้แต่กำหมัด ดวงตาสีดำสนิทเมื่ออยู่ใต้คบเพลิงก็เห็นเป็นประกายมีแต่ความอาฆาตแค้น
ร่างเล็กๆ ของปีศาจน้อยเจ้าของดวงตาสีเขียวสั่นเทาด้วยความกลัว มันเปลี่ยนมือที่ลูบหัวใจตัวเองอย่างแผ่วเบามาจับสร้อยของตัวเองแน่นและกำลังภาวนาถึงใครบางคนที่สุดแสนจะคิดถึง แต่กลับไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว ไม่มีวัน
ท่านปู่
คุ้มครองข้าด้วย
มันภาวนาในใจอย่างเงียบเฉียบและค่อยๆ ลืมดวงตาสีเขียวขึ้น ดวงตาสีเขียวสว่างส่องแสงในที่มืดและมองเห็นทุกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งแสงใด หูที่เรียวยาวเกินมนุษย์มีประสาทสัมผัสในการฟังที่ดีเลิศ มันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ชัดเจนยังอยู่ใกล้นักจนมันไม่กล้าขยับตัว
ไปสักทีสิ
ปีศาจน้อยตะโกนก้องในใจ มันพยายามนึกหนทางที่จะทำให้รอดออกไปจากที่นี่ได้ ขอเพียงแค่พวกมนุษย์ออกไปให้ห่าง มันจะได้พยายามหนีเข้าไปในป่า ลึกไปเรื่อยๆ ความทรงจำของมันจำได้ว่าในป่าลึกทางตะวันออก มีถ้ำร้างอยู่ ไม่มีปีศาจหรือมนุษย์หน้าไหนกล้าเข้าไป เพราะในถ้ำนั้นมีปีศาจที่เก่งกล้าอาศัยอยู่
ถ้าหากเป็นปีศาจด้วยกันอาจจะยอมรับมันมากกว่ามนุษย์ก็ได้
เพียงแค่อยู่ห่างจากมนุษย์ให้มากที่สุดก็เพียงพอแล้ว
ปู่เคยเล่าว่าในถ้ำนั้นมีปีศาจน้ำแข็งถูกผนึกไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ ปู่เคยเตือนหนักหนาว่าห้ามเข้าไปใกล้ เพียงแค่มันเข้าป่า ปู่ก็จะรีบเข้ามาห้ามและลงโทษจนมันร้องไห้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อปู่ของมันจากไป
พวกมนุษย์ก็มารุกรานอาณาเขตและพยายามขับไล่ ตอนแรกพามันไปขังในกรงขังที่เย็นยะเยือก ไม่มีความสะดวกสบายหรือความอบอุ่นเลยสักนิด มีเพียงความมืดมิดและความหนาว ต่อมาพวกมนุษย์ก็พามันไปที่ไหนสักแห่ง
กลิ่นหอมฟุ้งจนจมูกที่มีประสาทสัมผัสกลิ่นดีเกินก็ฉุนกึกจนไม่กล้าหายใจ มันหอมเสียจนเหม็นฉุนจมูก ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่นั้นมีชายร่างท้วมอยู่คนเดียว
ทว่าชายร่างท้วมผู้นั้นกลับเป็นตาแก่ตัณหากลับที่พยายามข่มขื่นปีศาจ ความขยะแขยงพลุ่นพล่านไปทั่วร่างเสียจนขนลุกชูชัน มันพยายามขัดขืนและสะบัดตัวไปมาไม่รู้ว่าโดนอะไรต่อมิอะไรไปบ้างจนเนื้อตัวเขียวไปหมด เพียงลืมตาขึ้นมาชายแก่ร่างท้วมผู้นั้นก็นอนจมกองเลือดไปแล้ว
มันได้โอกาสพยายามหนี แต่สุดท้ายก็โดนชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านนั้นตามล่าจนกระทั่งต้องหนีมาในป่า ตอนนี้ที่พึ่งอย่างเดียวที่ความทรงจำของมันคิดได้คือถ้ำร้างแห่งนั้น
ดวงตาสีเขียวจับจ้องมองร่างของชายฉกรรจ์ทั้งหลายแหล่ แสงสว่างจากคบเพลิงค่อยๆ วูบหายไปจนในที่สุดมันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแค่แผ่วๆ เท่านั้น มันได้โอกาสรีบลุกขึ้นจากที่ซ่อนและวิ่งให้เร็วที่สุดตรงไปทางตะวันออกที่ปู่เคยเล่าให้ฟัง
จิววิ่งไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย รู้เพียงแค่ว่าหาถ้ำแห่งนั้นให้เจอมันก็จะรอด มันคิดเพียงแค่นี้และไม่พยายามลดละความเร็ว ทันใดนั้นมันก็ได้ยินเสียงวิ่งตามมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็วทำให้จิวรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“เจอตัวมันแล้ว! ปีศาจที่ฆ่าหัวหน้าหมู่บ้าน! รีบไปตามมันเร็ว!!” เสียงของชายฉกรรจ์ดังก้องไปทั่วป่าและเสียงฝีเท้าที่ตามมาอีกเป็นโขยงยิ่งทำให้ปีศาจน้อยตื่นตระหนก
ใกล้เข้ามาแล้ว
วิ่งเร็วอีกสิ
เร็วอีก!
ต้องหนีให้ได้ ต้องรอดให้ได้ ต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้!
ปากของจิวสั่นเทา มันเม้มปากแน่นจนฟันกัดกระทบริมฝีปากได้กลิ่นเลือดสดๆ ไหลซิบๆ ออกมา แต่ตอนนี้มันไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ปีศาจน้อยตะเกียดตะกายวิ่ง ไม่ว่าจะเหยียบย่ำดินโคลนจนเปรอะเปื้อนไปสักเท่าไหร่ ไม่ว่ากิ่งไม้จะข่วนจนมีแผลไปทั่วแขนและขามันก็ไม่อยากจะลดความเร็วลง มันเพียงแค่วิ่งสุดกำลังไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด
จนกระทั่งดวงตาสีเขียวสว่างเห็นอะไรบางอย่างนอกจากต้นไม้ใบหญ้าและพื้นดินสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาคู่สวยฉายแววเปล่งประกาย ในที่สุดก็เจอ
ถ้ำแล้ว!
มันรีบใช้สองเท้าวิ่งเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานชายฉกรรจ์ก็ตามมาถึงถ้ำนั้น ความสว่างไสวของคบเพลิงและเสียงที่ดังก้องของหลายๆ เสียงเหมือนว่าพยายามปรึกษากันอยู่ เป็นโอกาสให้ปีศาจน้อยรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำอย่างไม่รอช้า วิ่งเข้าไปลึกเรื่อยๆ
“ว่าไงนะ! เจ้าเห็นมันวิ่งเข้าไปในถ้ำเหรอนิกซ์!” เสียงชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งตะโกนกร้าว ดวงตาคู่นั้นฉายแววหยิ่งทะนง ท่าทางองอาจและมาดมั่นทำให้เขาดูเหมือนว่าเป็นหัวหน้าของชายฉกรรจ์ทั้งหลาย เขาเหยียดมองพรรคพวกคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้ากำลังสั่นสั่นหัวผงกๆ
“ชะ ใช่! ข้าเห็นมันเข้าไป” นิกซ์ตะโกนยืนยันและพยักหน้าแรงๆ อีกครั้ง เขาเป็นชายที่จัดได้ว่าอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม ร่างเล็ก ตัวขาวและท่าทางขี้ขลาดยิ่งทำให้เขาโดนหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจมองด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
“ข้าจะตามมันเข้าไป ใครจะตามไปกับข้าบ้าง” ชายผู้เป็นหัวหน้ากวาดสายตามองทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆ เขา เสียงตกใจดังลั่นพร้อมกับดวงตาที่ตื่นตระหนกของคนพวกนั้นทำให้เขารู้ถึงความขี้ขลาดของลูกน้องตัวเอง
“ทะ ท่านหัวหน้า ท่านไม่เคยได้ยินหรือ?” ชายใจกล้าคนหนึ่งกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อพูดจบ เขาสูดหายใจลึกๆ และกลั้นใจพยายามใจสู้มองหัวหน้าหมู่บ้านคนนั้น
“ได้ยินอะไร?” หัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่เหลือบมองแล้วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“นิทานเก่าแก่ของหมู่บ้านเรา ที่ว่ากันว่าในอดีตกาลมีปีศาจเก่งกล้าอาศัยอยู่ในป่า มันรุกรานที่และคอยก่อกวนพวกเราชาวบ้านมานานแสนนานจนกระทั่งมีนักบวชผ่านมา หัวหน้าหมู่บ้านในอดีตได้ดึงตัวนักบวชและขอร้องให้ท่านนักบวชมากำจัดปีศาจตนนั้น”
“แล้วไงต่อ” หัวหน้าหมู่บ้านถลึงตามองคาดคั้นอีกฝ่ายให้เล่าต่อ ชายผู้นั้นจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเล่านิทานให้หัวหน้าฟังต่อ
“ท่านนักบวชผู้นั้นหายไปเข้าในป่าเป็นเวลาเจ็ดวัน ตั้งแต่เช้าสว่างวันแรกจนกระทั่งเช้าสว่างวันที่เจ็ด ท่านนักบวชผู้นั้นเดินออกจากป่าด้วยสภาพหมดเรี่ยวแรงล้มลงจนเป็นไข้ เมื่อท่านนักบวชหายดีจึงบอกว่าเขาได้ทำการผนึกปีศาจตนนั้นเอาไว้แล้ว เพียงแค่อย่าเข้าไปในถ้ำลึกที่อยู่ทางป่าตะวันออกก็จะไม่โดนปีศาจทำร้าย” เมื่อเล่าจบ ชายผู้นั้นก็สูดหายใจเข้าอีกรอบและมองไปบนฟ้า ทุกคนไม่เว้นแต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ฟังอย่างเงียบๆ
“น่ากลัวจริงๆ” เสียงดังจากชายผู้หนึ่งจากทางด้านหลังแถว
“ใช่ๆ น่ากลัวจริงๆ งั้นเราก็ไม่ควรเข้าไปสินะ” มีเสียงดังต่อไม่ไกลจากหัวหน้าหมู่บ้านเท่าไหร่ และทันใดนั้นก็มีอีกหลายๆ เสียงประสานกันเป็นเสียงเดียวว่าไม่เข้าไป
ผู้นำหมู่บ้านชักสีหน้าโมโหและตวาดก้องอย่างเดือดดาลเมื่อฟังนิทานจบ ทุกคนต่างกลัวเป็นพวกโง่เง่าอยู่ได้ ตามนิทานในเมื่อนักบวชผู้นั้นผนึกปีศาจไว้แล้วจะไปกลัวอีกทำไม มันจะทำอะไรได้อีกเล่าถ้าหากถูกผนึกไว้แล้ว!
“พวกเจ้าทั้งหลายเลิกขี้ขลาดเสียที! หุบปากแล้วตามข้ามาซะ”
“ตะ แต่ว่า
” นิกซ์ ชายร่างเล็กพูดเสียงเบาหวิวอย่างตกใจ
“ไม่มีแต่ทั้งนั้น!! ในเมื่อนักบวชผู้นั้นผนึกปีศาจไว้แล้ว เหตุใดเจ้าต้องกลัวอีก!”
“แต่ท่านนักบวชบอกว่าห้ามเข้าใกล้
” ผู้ที่เล่านิทานให้ฟังเอ่ยขัด
“เพราะอะไรถึงห้ามเข้าใกล้ ในเมื่อเขาบอกว่าผนึกปีศาจไว้แล้ว มันก็ไม่น่าจะทำอันตรายอะไรเราได้อีกแล้ว และข้าก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าในถ้ำอย่างนั้นจะมีปีศาจอยู่จริงๆ นิทานเรื่องนี้นมนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ไร้สาระ เพ้อเจ้อ” ชายผู้เป็นหัวหน้าสะบัดน้ำเสียงและเชิดมุมปากขึ้น เข่นเสียงหัวเราะอย่างน่าสมเพช แววตาคู่นั้นเหยียดมองผู้อื่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ชวนให้พวกเขารู้สึกอับอายไม่ว่าใครก็ตาม
“ก็ได้ ในเมื่อท่านมั่นใจ ข้าจะลองเข้าไปดู” มีชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นใหม่ และไม่นานก็มีอีกหลายเสียงข่มขวัญกำลังใจให้มันลุกกระพือ จากที่เคยมอดไหม้กลับมาสว่างโชติช่วงอีกครั้งและพวกเขาตัดสินใจว่าจะเข้าไป ไม่มีใครหยุดยั้งได้
กลุ่มชายในหมู่บ้านต่างรีบวิ่งเร่เข้าไปในถ้ำ สร้างเสียงฝีเท้าดังสะนั่นและความสว่างไสวอย่างที่ถ้ำนี้ไม่เคยเป็นมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว
ทางด้านปีศาจน้อยไม่รู้ว่าเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ มันรู้เพียงว่าตอนนี้เดินเข้าไปลึกมากๆ ยิ่งเดินลึกเท่าไหร่ความหนาวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยร้อนจนเหงื่อชุ่ม ตอนนี้กลับรู้สึกหนาวสั่นจนไม่อาจปิดกลั้นไว้ได้
ลมหายใจเข้าออกดังอย่างผ่อนคลายเพราะหูของมันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า แต่ทว่าทันใดนั้นปีศาจน้อยก็สะดุ้งโหยงเมื่อมันได้ยินเสียงหัวใจเต้นช้าๆ แผ่วเบา
มันหยุดฝีเท้านิ่งและพยายามเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจนั้นเต้น จนกระทั่งมันได้ยินเสียงชัดเจน ฝีเท้าทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปอีก อาจจะใกล้แล้วก็ได้
ใกล้จะได้เจอปีศาจด้วยกันแล้ว!
รอยยิ้มของปีศาจน้อยกว้างขึ้น มันดีใจจนเก็บไม่อยู่และทันใดนั้นก็มีอะไรสักอย่างมาล้อมรอบข้อเท้าข้างหนึ่งจนมันสะดุดล้มและกระแทกลงกับพื้นดังตึง
สิ่งที่ล้อมข้อเท้ามันเริ่มขยับเลื้อยได้เหมือนเส้นผมทำให้ดวงตาสีเขียวสว่างฉายแววตื่นตระหนกและก็เกิดสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นเมื่อมันกำลังถูกสิ่งที่ล้อมรอบข้อเท้าจับลอยขึ้นสูง สูงขึ้นเรื่อยๆ จนมันอยู่บนอากาศ ลอยเคว้งคว้างอย่างน่าสมเพช
“เหวออออ” ปีศาจน้อยร้องตะโกนเสียงดังอย่างตกใจ บัดนี้มันกำลังลอยกลับหัว ส่วนศีรษะชี้ลงกับพื้น เท้าชี้ขึ้นฟ้า และเมื่อดวงตาสีเขียวแหงนขึ้นมองข้างหน้า ดวงตาของปีศาจน้อยก็เบิกกว้างขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ มันเบิกกว้างสุดขีดและอุทานเสียงดัง
“ปีศาจ!”
“หืม” เสียงทุ้มต่ำของปีศาจตรงหน้าครวญครางเบาๆ ดวงตาสีเงินลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาที่แสนจะเย็นยะเยือกและน่ากลัว น่าเกรงขามกำลังจับจ้องมองไปที่ปีศาจน้อยที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนอากาศ หนีไปไหนไม่ได้
“ทะ ท่านปีศาจ! ท่านคือปีศาจน้ำแข็งใช่มั้ย ช่วยข้าด้วย” จิวร้องตะโกนดังลั่นอีกครั้ง
ปีศาจตรงหน้าเลิกคิ้วอย่างแปลกใจและจ้องเขม็งมองผู้มาเยือนผู้ใหม่อย่างแปลกใจ เดี๋ยวนี้ปีศาจสมัยนี้ใจกล้าขึ้นแล้วหรือไง ถึงขนาดกล้าขอให้เขาช่วยเหลือแทนที่จะเป็นกลัว
ปีศาจผู้นั้นแสยะยิ้มชอบใจและชำเลืองมองจิวตั้งแต่หัวจรดเท้า
จิวมองไปรอบๆ และก็รู้ในที่สุดว่าอะไรที่จับข้อเท้าของเขาเอาไว้ เส้นผมของท่านปีศาจที่ยาวนั่นเอง บัดนี้เส้นผมนั้นกำลังลอยขึ้นขึงเขาเอาไว้กางอากาศจนขยับแทบไม่ได้ ท่านปีศาจผู้นี้เก่งจริงๆ ด้วย กระทั่งโดนน้ำแข็งผนึกจับตัวเป็นก้อน แม้จะขยับแขนขาไม่ได้แต่ก็ยังขยับเส้นผมป้องกันตัวได้
ดวงตาสีเขียวของปีศาจน้อยฉายแววประกายความหวังอย่างท่วมถ้น ริมฝีปากของจิวเผยอกว้างขึ้นเปล่งเสียงออกมา “ข้าโดนมนุษย์ไล่ตามมา ขอเพียงไล่พวกมันไปข้ายอมทุกอย่าง! ข้าขอร้องล่ะ!!”
“มนุษย์? เจ้าหนีมนุษย์มารึ” ปีศาจน้ำแข็งผู้นั้นเปล่งเสียงสูงอย่างฉงน
จิวพยักหน้าแรงๆ ยืนยัน
“กล้ามาขอความช่วยเหลือจากข้า ไม่กลัวถูกข้ากินหรือไง”
“ท่านปีศาจกินปีศาจด้วยกันเองด้วยเหรอ” ทันใดนั้นจิวก็เบิกตากว้างอีกครั้ง จากนั้นจิวก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวจนอยากจะอ้วก “ทะ ท่านปีศาจ ข้าเวียนหัว ช่วยเอาข้าลงที”
“หืม” ปีศาจเลิกคิ้วอีกครั้ง
ทันใดนั้นเส้นผมของท่านปีศาจก็สะบัดไปมาและเลิกรัดจิวแบบไม่ทันตั้งตัว ปีศาจน้อยสะอึกได้ไม่กี่วินาทีก็ทิ้งตัวลงพื้นอย่างแรงจนเขารู้สึกเจ็บและจุกเผลอร้องเสียงดัง
“โอ๊ย เจ็บ ฮือ” ปีศาจน้อยสะอื้นอย่างหยุดไม่อยู่ “ฮือ เจ็บ เจ็บที่สุดเลย”
“หนวกหู เจ้าบอกให้ข้าปล่อยไม่ใช่หรือไง” ท่านปีศาจน้ำแข็งสวนกลับแทบจะทันที ใบหน้าเรียวสีขาวซีดเริ่มชักสีหน้าบูดบึ้งและบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความรำคาญ
“กะ ก็ข้าเวียนหัว แต่ใครบอกให้ท่านปล่อยแบบนั้นเล่า! ข้าล้มลง เจ็บนะ ฮือ” จิวร้องครวญครางสะอึกสะอื้น ไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมา จิวปาดน้ำตาและพยายามหยุดแต่มันก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ความเจ็บปวดทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยกลั้นเอาไว้ได้ระบายออกผ่านทางน้ำตา ไม่อาจกลั้นได้ แม้จะปาดน้ำตาไปสักเท่าไหร่มันก็ไหลลงมาอีกจนจิวไม่ทำอะไรมัน
“หนวกหูๆๆ” ปีศาจน้ำแข็งชักเสียงหงุดหงิด รู้สึกรำคาญจนอยากจะเอามืออุดหู แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมือทั้งสองข้างโดนน้ำแข็งที่เย็นเฉียบผนึกไว้อยู่
ตึกๆๆ
และทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่ขาดสาย มันดังอย่างแผ่วๆ และค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนในที่สุดก็เข้ามาใกล้ ดวงตาสีเขียวสว่างของปีศาจน้อยตื่นตระหนกและเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยอขึ้นอ้ากว้างเกือบจะเท่าดวงตา จิวพยายามสาดส่องข้อความเห็นใจจากท่านปีศาจตรงหน้า
“พวกมันคือมนุษย์?” ปีศาจน้ำแข็งเอ่ยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบออกมา ดวงตาสีเงินที่เคยฉายแววขุ่นเคืองปนรำคาญบัดนี้เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวและน่ากลัวกว่าตอนที่จิวเจอครั้งแรกเสียอีก
น่ากลัวเสียจนปีศาจน้อยไม่กล้าสบตาตรงๆ
“ก็ได้ ข้าจะช่วยเจ้า” ปีศาจที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งบอกเสียงเย็นยะเยือก และตวัดมองไปทางจิวที่สะดุ้งโหยงเมื่อถูกจ้อง “เจ้าหลบไปซะ หลบไปทางไหนก็ได้ที่อย่าเข้ามาใกล้ข้า”
เมื่อปีศาจน้ำแข็งพูดจบ จิวรีบหาซอกหินหลบๆ เข้าไปในมุมข้างๆ ให้ไกลจากปากถ้ำและปีศาจน้ำแข็ง
ทันใดนั้นคบเพลิงก็สว่างโชติช่วงให้ถ้ำเปล่งแสงสว่างจนเห็นภายในชัดเจน ดวงตาของมนุษย์ทั้งหลายเบิกกว้างเมื่อเห็นปีศาจที่ถูกผนึกในน้ำแข็ง หลายคนถึงกับอุทานอย่างตกใจและร้องด้วยความตื่นตระหนก และอีกหลายคนที่ทรุดตัวลงอย่างห้ามไม่อยู่ ตัวสั่นเทาราวกับเจ้าเข้าทรง แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านที่ใจกล้าที่สุดก็ถึงกลับเบิกตากว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ปะ ปีศาจ!!!!!” หลายเสียงตะโกนประสานพร้อมกัน เรียกให้ผู้ถูกเรียกว่าปีศาจตวัดสายตาขวับหันไปหาเจ้าของเสียงแต่ละคน
เพียงแค่นึกคิด เส้นผมมากมายที่ยาวลากพื้นก็แยกย้ายกันเลื้อยไปตามพื้นถ้ำและไล่ไปตามขาสูงขึ้นเรื่อยๆ รัดคอของมนุษย์มากมาย มนุษย์เหล่านั้นดิ้นพล่านตะเกียดตะกายด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดก่อนจะชักกระตุกสองสามทีและแน่นิ่งไปในที่สุด
เส้นผมเริ่มปล่อยผู้ที่หมดลมและรีบเลื้อยไปหาเหยื่อใหม่ที่อยู่ไม่ไกลอีกหลายคนจนมนุษย์ที่เหลือรอดต่างทยอยวิ่งหนีกระเจิงออกจากถ้ำไม่เป็นระบบระเบียบ วุ่นวายชุลมุนจนไม่รู้ว่าฝีเท้าเหยียบทับร่างไร้ชีวิตของใครไปมากมาย มันไม่ไกลเกินกว่าที่เส้นผมที่ยาวลากพื้นของปีศาจผู้เก่งกาจจะตามถึง และจนในที่สุดก็ไม่เหลือใครแม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านใจกล้า
จิวที่มองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบก็ตะลึงจนพูดไม่ออก ตาและปากค้างอ้ากว้างมองร่างของชายฉกรรจ์ไร้วิญญาณแล้วมันก็รู้สึกพะอืดพะอมจนอยากอ้วก มันกลืนน้ำลายดังเอื้อกอย่างฝาดคอและเลื่อนสายตามองไปทางอื่น
“ทะ ท่านช่วยข้า ข้าซาบซึ้งนัก ขอบคุณท่านมากๆ” ริมฝีปากของจิวสั่นเทา มันเต็มไปด้วยความกลัวแตกต่างกับตอนแรกลิบลับที่ยังกล้าต่อล้อต่อเถียง แต่เมื่อเจออิทฤทธิ์ของปีศาจผู้เก่งกาจเข้าไป ดวงตาสีเขียวคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
น้ำตาคลอดวงตาสีเขียวสว่างและในที่สุดก็ไหลออกมา มันทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้ไม่หยุด ร้องไห้สะอึกสะอื้นปล่อยโฮออกมาเต็มที่ กระทั่งคราวนี้ปีศาจน้ำแข็งผู้ถูกผนึกก็ไม่ได้กล่าวอะไรไว้ นอกจากมองปีศาจน้อยที่ร้องไห้อยู่ห่างๆ ด้วยดวงตาสีเงินที่ฉายแววนิ่งสงบ
แน่ล่ะ ไม่ว่าใครที่เจอเขาก็ย่อมต้องหวาดกลัวทั้งนั้น
ก็แค่เหมือนกับเมื่อก่อนเท่านั้นเอง
ดวงตาสีเงินของปีศาจน้ำแข็งจ้องมองปีศาจน้อยร่างสั่นเทาเปล่งเสียงสะอึกสะอื้นจนกระทั่งสติพร่าเลือนและหลับไปในที่สุด
ราวกับว่าเสียงน้ำตาของปีศาจน้อยคือบทเพลงกล่อมปีศาจน้ำแข็ง ปีศาจน้อยไม่รู้ว่าร้องไห้ไปเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไปนานแค่ไหน รู้เพียงว่าตอนนี้เหนื่อยเหลือเกิน ดวงตาสีเขียวหล้าซะจนปรือไปหมด มองทุกสิ่งทุกอย่างไม่ชัดอย่างเคย จนในที่สุดเมื่อร้องไห้จนเหนื่อยก็หลับ
-----------------------------------------------------------------------
อั้ยย่ะ! ตอนที่ 1 โผล่มาแอ้วววว >O< แต่ก็พาร์ทแรกเท่านั้น เดี๋ยวมีต่อพาร์ทสอง!!
เพราะมันยาวววว (ในความคิดของอะฮั้นอะนะ -.-) ตั้งแปดหน้าแน่ะ *O*!
เขียนลื่นจริง เขียนลื่นจัง แต่ไม่รู้จะสนุกหรือเปล่า 5555!
คนอ่านฝากบอกด้วยนะค้าว่าสนุกหรือเปล่า ^O^;
ถ้าหากเห็นคำผิดก็ฝากบอกด้วยนะคะ เขียนเพลินเกินจนดูไม่ทัน -.-;;
UPDATE 1 --> 8/4/2555 : 3/51
ความคิดเห็น