คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [รู้จักผู้อ่าน] สิ่งที่ทำให้คนอ่านเลือกอ่านนิยายเรื่องแต่ละเรื่อง (1)
+++Admin Rin talk+++
เอาล่ะ วันนี้เป็นบทความเรื่องสิ่งที่ทำให้คนอ่านอยากเข้ามาอ่านนิยายของเรา เนื่องจากมันยาวหน่อย จึงทำการแบ่งเป็นสองตอนเน้อ
เอ้า มาดูกันเลย!
Credit: กระต่ายโลหิต
จัดย่อหน้า & แก้ไขเล็กน้อย & แก้คำผิด & เพิ่มเติม: KazeRi
เข้ามาดูกลวิธีต่อไปนี้เลยขอรับ~
1 นามเก๋า
นามปากกาสำคัญไฉน? สำคัญขอรับ เนื่องจากเป็นสิ่งหนึ่งที่โชว์หราอยู่หน้าเรื่อง นิยายของเราน่าจะเป็นเช่นไรบางทีผู้อ่านก็ตัดสินดูจากตรงส่วนนี้ด้วยเช่นกัน
นามปากกาเป็นเสมือนกระจกส่องตัวผู้แต่ง นามปากกามิใช่สิ่งที่บุพการีตั้งให้(แต่บางคนใช้ชื่อจริงนะ) ดังนั้นจึงสามารถใช้วิเคราะห์ถึงลักษณะอุปนิสัยของผู้เขียนได้ส่วนหนึ่ง
เรื่องนี้สามารถสังเกตได้ง่ายๆ ลองดูนามปากกาของคนข้างเคียงดูสิ แล้วมันสื่ออะไรถึงเจ้าของได้บ้าง?
นอกจากนี้ยังแสดงถึงความน่าเชื่อถือของผู้แต่งได้อีกด้วย ถ้านามปากกานั้นยังเขียนผิด แล้วนิยายของท่านล่ะ? จะยังน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่? (อันนี้ไม่เกี่ยวกับผู้ที่จงใจเขียนผิดหรือเขียนผิดแต่มีข้ออ้างที่หลังนะ ฮา)
นามปากกาเป็นตัวใบ้ถึงแนวของนวนิยายเรื่องนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเป็นกระจกสะท้อนเจ้าของเพียงเท่านั้น แต่มันยังสามารถดึงดูด "แนว" ของผู้อ่านเข้ามาให้เราได้ด้วย
ผู้ที่ชอบแนว รักหวานแหววก็อยากจะอ่านนิยายของคนที่มีนามปากกาดูออกกุ๊กกิ๊ก ส่วนผู้ที่ชอบแนวปรัชญาจริงจังก็คงจะไม่อยากจะอ่านเป็นแน่แท้ ถึงแม้เรื่องที่แต่งจะไม่เกี่ยวกับนามปากกาที่เราใช้เลย แต่ว่าผู้อ่านที่เหลือบตามองนามปากกาเรา หลายๆคนมักจะทึกทักเอาเองโดยดูจากนามปากกาเรานี่แหละ
นามปากกาที่ดูสะดุดตาจะดึงดูดผู้อ่านให้เข้ามาหา พวกสะดุดตาก็เป็นประเภท เล่นคำ ล้อเลียนหรือเสียดสีสังคม หรือกระทั่งคำด่าก็ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่านเองแหละ ที่จะตั้งมันยังไง
นามปากกาที่เป็นที่รู้จักมักจะดึงดูดมากกว่านามปากกาโนเนม อันนี้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว ระหว่างคนที่ท่านรู้จักเป็นการส่วนตัวหรือกระทั่งรู้จักจากสื่อต่างๆ กับนามปากกาที่ไม่มีใครรู้จัก ท่านคิดว่าปกติแล้วคนเราจะคลิกเข้าไปดูของใครก่อนกันล่ะ? นี่แหละสำคัญล่ะ! ทำตัวของท่านให้เป็นที่รู้จักมากๆซะ!
2 เส้นเจ๋ง
ไม่ได้หมายถึงลายมือสวย แต่หมายถึงเรื่องแบ็คอัพ หรือภูมิหลังนั่นเอง
ท่านคิดว่าระหว่างคนที่เรียนอักษรกับเรียนวิทยาศาสตร์ ท่านคิดว่าใครจะแต่งเก่งมากกว่ากันล่ะ? แล้วคนที่เคยได้รับการตีพิมพ์ หรือเคยได้รับรางวัลนักเขียนยอดเยี่ยมกับคนที่ไม่เคยมีเลยล่ะ ท่านคิดว่าใครน่าจะเก่งกว่ากัน?
มันก็แหงอยู่แล้วล่ะจริงไหม? คนที่มีภูมิหลังเหล่านี้สิ น่าจะแต่งเก่งกว่าแน่นอน!
ใช่ จริงอยู่ที่ว่าไม่จำเป็นที่คนที่มีตราการันตีอยู่จะเก่งกว่าเสมอไป แต่ทว่าในใจลึกๆท่านก็ยังคิดว่าคนที่มีตราเหล่านี้แต่งเก่งกว่าอยู่ดีใช่ ไหมล่ะ?
ทว่าเรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่บอก แล้วใครจะไปรู้ล่ะ?
ต้องบอก ขอรับ แต่บอกอย่างแนบเนียนหน่อย ไม่ใบอกไปโต้งๆแบบพวกบ้าตราการันตีพวกนี้ เดี๋ยวเวลาท่านแต่งห่วยไม่ได้ดั่งใจมา พวกผู้อ่านก็จะซ้ำเติมท่านได้ง่ายๆ แต่ถ้าจะใช้วิธีนี้ให้บอกอย่างแนบเนียน เวลาคุยเป็นการส่วนตัวกับคนอื่นๆ หรือ เผลอบอกไป อย่างนี้น่าเชื่อถือมากกว่า และเวลาท่านแต่งไม่ดี ผู้อ่านก็จะคิดแค่ว่าคนมันพลาดกันได้ด้วย ไม่ใช่ถึงตายแบบกรณีบน
และนอกจากนี้ภูมิหลังที่ว่าไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการเขียนนิยายก็ได้ หากท่านเป็นดารานักร้องที่ไหนแล้วมาแต่งนิยายในนี้แล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเขียนห่วยยังไง หากคนเขารู้ เขาก็จะมาอ่านนิยายของท่านอย่างแน่ๆ
อืม วิธีนี้หน้าไหว้หลังหลอกยังไงพิกล....
3 ชื่อสวย
ชื่อของนิยาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นิยายดีๆหลายๆเรื่องอาจถูกมองผ่านไปได้ง่ายๆ สำนวนภาษา และความหมายของชื่อคือสิ่งหนึ่งที่จะดึงดูดให้คนเข้ามาอ่านได้ เราจึงควรจะต้องตั้งชื่อให้น่าสนใจ และแสดงให้เห็นถึงแนวเรื่องที่เราเขียนให้ได้
ชื่อควรจะชัดเจน และเป็นเอกลักษณ์ ไม่ควรซ้ำๆซากๆกับผู้อื่น เพราะมันจะทำให้ชื่อดูโหลและไม่น่าสนใจ ความสละสลวยของภาษาและตัวอักษร สมควรอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ เพราะมันสามารถใช้หยุดสายตามาไว้ที่เรื่องของเราได้ แต่ถ้าใช้ภาษาที่สูงหรือเกินเลยจนเกินไป อาจจะทำให้บางคนไม่เลือกที่จะเข้ามาในเรื่องของเราด้วยเช่นกัน ดังนี้จึงควรจะจำไว้ให้ดี
วิธีการตั้งชื่อเรื่องอาจจะมีได้หลายวิธี ไม่ว่าจะใช้ชื่อตัวละคร คนสัตว์สิ่งของที่สำคัญในเรื่องนั้นๆมาตั้งเป็นชื่อเรื่องก็ได้ หากแน่ใจว่าชื่อนั้นเป็นเอกลักษณ์และสละสลวยอย่างเพียงพอ
หรือจะใช้ธีมของเรื่องมาตั้งก็ได้เช่นกัน แม้กระทั่งนิสัยของตัวพระเอกนางเอกก็เอามาตั้งเป็นชื่อเรื่องได้เช่นเดียวกัน
แต่ เรื่องธีมกับนิสัยของพระเอกนางเอกน่ะ มีคนติมาแล้วนะว่า บางคนตั้งไปงั้นๆ แต่พอเอาเข้าจริง ธีมหรือตัวละครกลับไม่เป็นดั่งที่ตั้งไว้เลย ดังนั้นระวังสักหน่อยก็ดี
นอกจากนี้ขอเน้นย้ำหน่อย ขอให้ตั้งชื่อให้ถูกๆด้วย ตัวไหนสะกดยังไงขอให้แน่ใจก่อนว่าเราสะกดได้ถูก จะได้ไม่ขายหน้าคนอื่นตอนที่เราตั้งไปแล้ว เรื่องภาษาอังกฤษด้วย ตัวไหนใหญ่เล็กใช้ให้ถูกกันหน่อย แล้วพวกสัญลักษณ์น่ะ เช่น ! ? : ; ' อะไรพวกนี้น่ะ ขอร้องให้เช็คก่อนว่าใช้ได้ถูกต้องหรือไม่ เพราะหากแม้แต่ชื่อเรื่องยังจะตั้งผิดแล้ว ใครล่ะจะเชื่อถือในนิยายเรา?
4 เกริ่นงาม
เกริ่นในที่นี้ก็หมายถึงคำอธิบายที่อยู่ข้างใต้ของชื่อนิยายเรานั่นแหละ หรือจะหมายถึงที่อยู่หลังปกหนังสือก็ได้ ซึ่งการเกริ่นนำนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะบอกให้ผู้อ่านรู้ได้ว่า นิยายของเรานี้นั้นมีอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องย่อ แนว ตัวอย่าง หรืออย่างอื่น
ตรงนี้นี่เอง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะใช้มันในการชักจูงให้คนอ่านเข้ามาในนิยายเราได้ กรุณาอย่าเขียนเพียงแค่ว่า อ่านเอาเอง หรืออะไรทำนองนี้ ขอให้รู้ด้วยว่า ผู้อ่านหลายๆคนใช่จะอดทนพอจนอ่านเรื่องทุกเรื่องที่ถูกใจหรอก แต่พวกเขาจะหาเรื่องจากข้อมูลที่มีอยู่อย่างผิวเผินอย่าง แนว ชื่อ เรื่อง เกริ่นนำ อะไรพวกนี้มากกว่า
บางคนอาจจะแก้เกริ่นนำไปตามตอนล่าสุด วิธีนี้ก็ดีเช่นกัน แต่... สำหรับผู้ที่มีขาประจำแล้วเช่นนั้นนะ เพราะขาประจำจะได้รู้แล้วเข้ามาอ่านตอนใหม่ต่อได้ง่ายๆ หากไม่มีแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย เสียพื้นที่ในการอธิบายเรื่อง และเสียเวลาไปซะเปล่าๆ
เกริ่นนำน่ะ ไม่จำเป็นต่อขาประจำหรอก แต่สำคัญกับผู้ที่ไม่เคยอ่านนิยายเราเสียมากกว่า
5 ภาษายอด
ทุกสิ่งทุกอย่างคือภาษา หากภาษาไม่ดีแล้วจะทำอะไรได้?
ภาษาที่ใช้ไม่สมควรจะเป็นภาษาวิบัติ นั่นน่ะมันเหมาะสำหรับพูดคุยกับเพื่อนเท่านั้นแหละ หากนำมาใช้ในนิยายแล้วมันไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้โดนตั้งแต่ ถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่ยอมอนุรักษ์เอกลักษณ์ของชาติ จนกระทั่งผู้อ่านอ่านนิยายของเราไม่รู้เรื่อง! การใช้ภาษาวิบัติ เหมือนกับเราแต่งนิยายโดยใช้ภาษาอื่นที่ผู้อ่านไม่คุ้นเคย ทำให้ผู้อ่านต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ ซึ่งนอกจะทำให้อ่านนิยายได้ยากแล้ว อารมณ์ร่วมในนิยายยังจะหายไปหมดอีกด้วย
คำผิด อันนี้มีได้หลายแบบ คือตั้งแต่กดผิด จนกระทั่งจำคำนั้นผิด หรือกระทั่งจำคำๆนั้นไม่ได้ การกดผิดสามารถแก้ได้ตอนตรวจทานนิยายอีกรอบ ส่วนการจำคำผิดหรือไม่แน่ใจคำๆนั้นต้องให้ผู้อ่านที่มีความรู้พอมาช่วย เตือนให้ ซึ่งในเรื่องนี้จริงๆแล้วสมควรทุกครั้งที่จะตรวจในพจนานุกรมทุกครั้งที่เรา ไม่แน่ใจในคำๆนั้น
หากจะตีพิมพ์แล้ว การตรวจทานคำที่ผิดนี่เป็นสิ่งสำคัญเลยทีเดียว และแม้จะไม่ได้ตีพิมพ์ก็ตาม แต่เราก็ไม่สมควรที่จะปล่อยให้คำผิดยังคงมีอยู่ เพราะมันอาจจะทำให้บทซึ้งๆของเรากลายเป็นบทขำขันไปได้โดยง่าย
ภาษาสละสลวย ยังไม่จำเป็นเท่าสิ่งนี้ เพราะหากเรามีประสบการณ์มาก ความสละสลวยของภาษาที่เราใช้มันจะพัฒนาขึ้นมาเอง แต่คำผิดหรือภาษาวิบัตินี่สิ มันจะเป็นเกี่ยวกับนิสัยมากกว่า หากทำเข้าบ่อยๆแล้ว หากเราจะมาแก้คราวหลังก็จะคงทำได้ยาก
ภาษาผิด เล็กๆน้อยน่ะไม่เท่าไหร่หรอก(ในบทความนี้ก็มี) แต่อย่าไปผิดตรงที่สำคัญๆเช่นชื่อนิยายล่ะ หมดความเชื่อถือจากผู้อ่านได้ง่ายๆเลยเชียวล่ะ
6 ตอนมาก
ตอนมากดียังไง? ที่แน่ๆอย่างน้อยก็ทำให้เราดูว่าเขียนมานานแล้วยังไงล่ะ
ยิ่งตอนมากๆเท่าใดก็ยิ่งทำให้ผู้อ่านเชื่อมั่นได้ว่าเราจะแต่งต่อได้จนจบ ไม่หายไปแล้วทิ้งเรื่องค้างๆคาๆไว้ให้ผู้อ่านกลุ้มใจเล่น ถ้าตอนน้อย มีโอกาสได้มากที่ผู้แต่งจะเลิกเขียนไปก่อนที่เรื่องจะจบ
ถ้าเยอะมากๆ บางทีผู้อ่านก็จะไม่สามารถอ่านได้จบในวันเดียว ต้องมาติดตามอ่านไว้ในวันต่อไป ซึ่งสิ่งนี้แหละ จะทำให้เขาบันทึกนิยายเราไว้ เพื่อที่จะมาอ่านต่อในวันถัดๆไปอย่างแน่นอน
ทว่าตอนเยอะมากๆ บางทีผู้อ่านบางคนชอบตอนน้อยๆ อันนี้ก็ต้องทำใจนะ แต่ถ้าคิดจะโกงจำนวนตอนโดยการใส่ตอนนึงเข้าไปน้อยๆน่ะ ขอให้เลิกคิดดีกว่า เพราะจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกรำคาญ เพราะทำให้เขาต้องกดเปลี่ยนหน้าอยู่บ่อยๆ
7 คนมุงแยะ
อีกหนึ่งของเทคนิคของการสร้างความเชื่อมั่น เคยเห็นใช่ไหมล่ะ ที่ๆมีคนมุงอยู่เยอะๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม มันก็ส่งผลให้เราอยากเข้าไปดูด้วย
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่สำหรับนิยายก็เช่นเดียวกัน คนมุงในที่นี้หมายถึงViewในนิยาย การที่คนเข้าเยอะสามารถเป็นตัวการันตีได้อย่างหนึ่งว่า เรื่องนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
การเพิ่มให้คนเข้ามาเยอะๆตั้งแต่แรกอาจจะยาก แต่มันยังมีหนทางอยู่
การเกณฑ์คนรู้จักเข้ามามากๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สมควรจะใช้ ยิ่งมีเพื่อมากสักเท่าไหร่ก็ยิ่งจะได้ผลดี ถ้าจะใช้เทคนิคนี้จริงๆ ขอแนะนำให้เพื่อนทั้งหลายของท่านตั้งหน้านิยายท่านเป็นหน้าโฮมไว้ซะ คราวนี้แหละทุกครั้งที่เขาเล่นเน็ตเขาก็ต้องผ่านที่นิยายของเราก่อน ไม่เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะ
นอกจากนี้ยังมีวิธีโกงอยู่อีกแบบ คือไปหาโปรแกรมหรือเว็บที่ทำให้เพิ่มจำนวนViewมาจัดการกับนิยายเราซะ มันมีอยู่จริงๆนะ และมีคนนำมันมาใช้แล้วด้วย จากที่เดือนแรกมีคนเข้าไม่กี่ร้อย แต่เดือนต่อมากลับติดท็อปเท็นได้อย่างหน้าตาเฉย
การเพิ่มจำนวนคนเข้าชมนี้ จริงๆจะได้เห็นผลมากที่สุดตอนที่เราติดท็อปเท็นไปแล้ว ซึ่งจะทำให้นิยายของเราคนเข้าพรวดพราดอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
แต่ในกรณีที่รู้สึกกระดากใจก็หันไปใช้วิธีอื่นก็แล้วกัน แล้วอย่าคิดว่าคนอ่านโง่นะ นิยายเรื่องไหนที่ขึ้นมาดังผิดปรกติ คนอ่านก็รู้ๆกันอยู่ แต่พูดออกมาหรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่องนึง
8 คนเมนต์เยอะ
คอมเมนต์สำคัญไฉน? มันสามารถใช้เป็นที่โต้ตอบกับผู้อ่านได้ นี่แหละคือสิ่งที่สำคัญ
คอมเมนต์สามารถใช้สร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้แต่งกับผู้อ่านได้ หากเรารู้จักพูดโต้ตอบผู้อ่านบ่อยๆ ก็มีโอกาสสูงที่เขาคนนั้นจะเป็นนักอ่านขาประจำของเรา และไม่ใช่แค่เพียงนิยายที่เขาอ่านอยู่นี้เพียงเท่านั้น แต่เรื่องอื่นๆดีไม่ดีเขาก็จะติดตามไปอ่านอีกด้วย คอมเมนต์จึงนับได้ว่าเป็นที่สานสัมพันธ์ของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ๆเราจะสามารถใช้เรียนรู้วิธีการแต่งนิยายได้อีกด้วย แม้จะไม่บ่อยครั้งนัก แต่บางทีก็จะมีนักวิจารณ์โผล่มาที่นิยายของเรา ซึ่งเราสามารถใช้ปรับปรุงวิธีการแต่งนิยายของเราได้ หรือผู้อ่านเองนี่แหละที่เป็นผู้จับผิดในเรื่องคำผิดต่างๆ จนสามารถให้เรากลับไปแก้ไขมันให้ถูกต้องได้
และการที่คอมเมนต์เยอะเป็นอีกวิธีที่คุณจะสามารถโชว์เครดิตของคุณให้กับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านได้ แม้จะไม่เด่นชัดเท่ากับจำนวนผู้อ่านที่โชว์อยู่ แต่มันก็เป็นตัวการันตีได้ว่าจำนวนผู้อ่านที่เรามีอยู่ไม่ได้มาจากกลโกงแต่อย่างใด แถมยังสามารถบอกผู้อ่านได้อีกด้วยว่าเรื่องของเราอยู่มานานแค่ไหนแล้ว
สิ่งที่สมควรทำที่สุดเวลามีคนมาคอมเมนต์เราคือเราต้องควรที่จะตอบกับไป พยายามทำให้บ่อยๆและเป็นกันเองมากที่สุด หากเขาด่าเรามาเราไม่ควรที่จะด่ากลับไป เพราะมันจะทำให้เกิดผลเสียกับเราเอง ถ้าไม่พอใจจริงๆควรที่จะลบมันไปซะ หรือปล่อยมันไว้เฉยๆ แต่ไม่ควรที่จะด่ากลับไปแรงๆ เพราะมันจะไม่ดีกับเราเลย
การแกล้งเป็นนอนเมม หรือ ใช้ไอดีอื่นมาแกล้งพูดคุยกับตนเอง เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะส่วนใหญ่จะถูกจับได้ และหากถูกจับได้ ผู้ที่อ่านนิยายของเราจะสูญเสียความเชื่อมั่นกับนิยายเราอย่างทันที และเป็นไปได้ที่จะเลิกอ่านนิยายเราไปเลย
ความคิดเห็น