ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9
Mukuro Part
“ ดูนี่สิ...มุคุโร่คุง ”
เบียคุรันเรียกผมขณะที่วุ่นอยู่กับงานหมอนี่ใช้ผมหัวไม่วางหางไม่เว้ณเลย ส่วนตัวเองก็เอาแต่นั่งดูจอโน็ตบุ๊คกับ
กินขนมอย่างสบายใจ
“ มีอะไรเหรอครับ? ” ที่จริงผมก็ถามไปอย่างนั้นแหละ ผมมองไปที่จอโน๊ตบุ๊ดที่เบียคุรันหันมาให้เนื้อความใน
อีเมล์ที่ส่งมาเขียนว่า
ถึง คุณเบียคุรัน
ผมอิริเอะ โชอิจิตัวแทนบริษัทเจสโซ่สาขาญี่ปุ่นมีโปรเจคที่จะนำขนมหวานอย่างมาชเมลโล่มาเผยแพร่ที่ญี่ปุ่นโดยการสอดไส้ผลไม้ต่างๆเข้าไปวัตถุดิบนนั้นผมตั้งใจจะใช้จากบริษัทส่งออกผลไม้ของตระกูลโรคุโด ไม่ทราบว่าคุณเบียคุรันเห็นด้วยมั้ยครับ
ใจความทั้งหมดมีเพียงแค่นั้นทั้งที่หัวจดหมายก็เขียนถึงเขาอยู่แล้วๆทำไมถึงยังให้ผมอ่านอีกล่ะหรือเขาตั้งใจจะ
ยั่วผมกันแน่ที่จะทำอะไรบริษัทของครอบครัวผมก็ได้
“ โชจังนี่ตลกจังเลยน๊า..เขียนมาซะเป็นทางการเชียว ” ร่างสูงพูดพลางกลั้วหัวเราะ
“ แล้วคุณจะเอายังไงครับ ”
“ ฉันต้องอนุมัติอยู่แล้วล่ะ...ก็โชจังขอมาซะขนาดนี้ ”
จริงๆนะผมไม่เข้าใจความคิดของหมอนี่เลยบางครั้งก็ไร้สาระ ไม่เอาจริงเอาจัง แต่บางครั้งก็เอาการเอางานซะ
ดื้อๆตลอดเวลาที่ร่วมงานกันผมก็ยอมรับในความสามารถของเขาล่ะครับ มีเรื่องที่รับไม่ได้อย่างเดียวก็คือ เจ้าบอสบ้านั่นชอบแต๊ะอั๋งผม ตื่นนอนทุกเช้าผมต้องเจอหมอนี่นอนมองหน้าผมแบบกรุ้มกริ่มบางทีก็นอนกอดเอวผมซะงั้น ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ
“ งั้นคุณคงต้องตอบกลับไวๆนะครับคุณอิริเอะจะได้ไม่คอยนาน ”
“ ฉันจะตอบเดี๋ยวนี้ล่ะ...รู้สึกว่ามุคุโร่คุงจะดุขึ้นนะ ”
เบียคุรันหันมายิ้มให้ผมพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยทำท่าเหมือนผมบังคับเขางั้นแหละทั้งที่นั่นเป็นสิ่งที่บอสควรจะทำ
อยู่แล้ว ขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องอื่นเบียคุรันเอื้อมมือมาดึงแขนของผมจนเซล้มลงที่ตักของเขา
“ มุคุโร่เป็นแบบนี้ฉันก็ชอบนะเหมือนเธอกำลังใส่ใจฉันเลย ”
“ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยครับ...แล้วก็ปล่อยผมได้แล้ว ”
แทนที่ผมพูดขนาดนี้แล้วจะปล่อยหมอนี่กลับทำตรงข้ามเขายิ่งออกแรงกอดผมมากขึ้นจนรู้สึกอึดอัด สันจมูก
ของเขาเริ่มซุกไซร้ต้นคอของผมๆเลยออกแรงผลักอกของเขาจนแขนนั้นผละออกจากตัวผม
“ เลิกเล่นบ้าๆแบบนี้ซะทีเถอะครับ ”
“ ใครว่าฉันเล่น...ฉันจริงจังนะ ”
เบียคุรันยังคงทู่ซี้เหมือนเดิมแล้วทุกครั้งผมจะสังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดภายใต้รอยยิ้มนั้น ทั้งที่รู้แต่ผมก็ยังคง
พูดแบบนี้ ดีนะที่ผมเหลือมมองนาฬิกาเวลาช่วยผมเอาไว้พอดี
“ เที่ยงแล้วครับ...ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ ”
“ ..... ”
เขาไม่ตอบอะไรแต่ผมก็ถือว่าเขาอนุญาตแล้ว ผมก้าวเท้าอย่างไวเพื่อให้พ้นจากตรงนั้น ดวงตาสีม่วงอ่อนยังคง
มองมาที่ผมจนพ้นประตู
ผมลงลิฟท์มาที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นขายอาหารพนักงานต่างเดินเลือกซื้อกันกวักไกว่มีของน่ากินหลายร้านผมเดิน
สำรวจไปเรื่อยๆจนสุดท้ายก็เลือกกินข้าวแกงกะหรี่ ผมเลือกนั่งโต๊ะตัวยาวสีขาวที่อยู่ตรงมุม ผมมองคนอื่นๆที่นั่งโต๊ะถัดไปพวกนั้นนั่งกินข้าวเป็นกลุ่มดูสนุกจัง แต่ผมไม่แคร์หรอกผมกินเองคนเดียวได้
“ ผมนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ? ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับจานที่วางลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อดูผู้มาเยือน
“ คึหึหึ...นั่งสิครับ คุณคิเคียว นี่ไม่ใช่ที่ของผมคนเดียวซะหน่อย ”
ผมพูดพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่ใจจริงแล้วอยากนั่งคนเดียวมากกว่า
“ วันนี้คุณไม่กินข้าวกับท่านเบียคุรันเหรอครับ? ”
ผมชะงักทันทีไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องถามถึงหมอนั่นด้วย
“ คุณเบียคุรันเขาบอกว่าจะให้เวลาส่วนตัวกับผมน่ะครับ ”
“ อืม...งั้นเหรอครับ ”
คุณคิเคียวมองผมด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนที่จะลงมือกินข้าว
“ คุณคิเคียวกินคนเดียวแบบนี้ทุกวันเหรอครับ? ”
“ ส่วนมากผมจะกินกับคุณอิริเอะและก็หน่วยบุปผาอาลัยอีกสองสามคนน่ะครับ ”
“ เหรอครับ...” ผมมองซ้ายมองขวา “ แล้วคนในหน่วยวันนี้ไม่ได้มากินกับคุณรึครับ ”
“ ทุกคนออกไปทำงานที่อื่นตามคำสั่งท่านเบียคุรันครับ ”
“ คึหึหึ...คงเหงาแย่เลยนะครับ ”
“ ไม่หรอกครับเพราะทุกวันผมก็จะนั่งกับพนักงานคนอื่นด้วยเหมือนกัน...แต่พอดีเห็นคุณนั่งคนเดียวก็เลยมานั่ง
ด้วย ”
“ หึ...ผมไม่เหงาหรอกครับ ” ผมเปรยตามองเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง
“ แล้วตอนนี้ท่านเบียคุรัน... ”
“ เขาก็คงนั่งกินขนมสบายใจอยู่ในห้องนั่นล่ะครับ ”
“ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิครับ ”
“ รู้สึกคุณจะห่วงเขาจังเลยนะครับ ”
“ ท่านเบียคุรันเป็นเหมือนพระเจ้าที่ชุบชีวิตใหม่ให้พวกเราและการที่เขายืนอยู่ ณ จุดนั้นย่อมต้องโดดเดี่ยวอยู่
แล้วครับ ”
น้ำเสียงของคนๆนี้ฟังดูเคารพและเทิดทูลเบียคุรันจนเกินเหตุ ในความคิดของผมเขาคือปีศาจร้ายที่คอยล่อล่วง
เหยื่อด้วยรอยยิ้มและแย่งทุกอย่างโดยไม่สนใจใครเหมือนกับผม
วันนี้คงเป็นโชคดีของผมที่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเบียคุรันมากขึ้นเพราะนั่นมันยิ่งทำให้ผมเอาคืนเขาได้เร็วขึ้นรู้แบบนี้
ผมต้องมานั่งกินข้าวกับคุณคิเคียวบ่อยๆซะแล้ว
ขณะที่ผมกำลังเดินกลับไปที่ห้องทำงานของเจ้าบอสบ้านั่น ผมได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังลอดประตูทำนองนั้น
สามารถสะกดผมให้หยุดยืนที่หน้าห้องไดอย่างง่ายดาย ทำนองนี้ผมเคยได้ยินมาก่อน
‘ Tsukiyo no Violinist ‘
ผมผลักประตูเข้าไปช้าๆเหมือนต้องมนต์และภายในห้องสีขาวนั้นผมเห็นเบียคุรันกำลังสีไวโอลินตัวสีขาวซึ่งเป็น
สีที่เขาชอบมาก แสงแดดที่ส่องจากด้านหลังช่างดูเหมือนปีกของเทวดา หมอนี่ทั้งรูปร่างหน้าตาจัดอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียวกิริยาทุกอย่างดูสง่ากว่าใครๆที่ผมเคยรู้จัก ทั้งที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาจะยิ้มออกมาอย่างง่ายดายแท้ๆแล้วทำไมเวลาสีไวโอลินใบหน้าถึงได้เรียบเฉยขนาดนั้น
“ มาแอบฟังแบบนี้เป็นเด็กไม่ดีเลยนะ ”
เบียคุรันเอ่ยหลังจากเล่นจบไม่นานสีหน้าของเขาเปลี่ยนมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ผมเองก็สะดุ้งเล็กน้อย
“ คึหึหึ...ถ้าคุณรู้ว่าผมมานั่นก็ไม่ได้เรียกว่าแอบแล้วล่ะครับ ”
“ พอเห็นเธอตั้งใจฟังขนาดนั้นก็ไม่อยากขัดน่ะ ”
“ หลงตัวเองอีกแล้วนะครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจฟังซะหน่อย ” ผมรีบเถียงทันควันก็หมอนี่เอาแต่มองผมเหมือนจับผิด
“ ชอบรึเปล่าล่ะ? ”
“ ก็ไม่ถึงขั้นชอบหรอกครับ...ไม่ยักรู้ว่าคุณจะเล่นไวโอลินเป็นด้วย...นึกว่าจะมีดีแค่หน้าตากับอำนาจซะอีก ”
ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ ฉันเคยเรียนเมื่อตอนเด็กน่ะ...แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมีแค่เพลงนี้เท่านั้นที่ฉันจำขึ้นใจ ”
เบียคุรันหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาก่อนที่จะวางไวโอลินไว้ด้านใน ความจริงหมอนี่ก็เล่นเก่งนะ
“ ผมเคยได้ยินว่าคนที่สามารถเล่นดนตรีได้จะต้องเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนแต่กับคุณมันต่างสิ้นเชิงเลยครับ ”
“ เธอกำลังจะบอกว่าฉันเป็นคนไม่อ่อนโยนงั้นเหรอ? ”
“ คึหึหึ...ก็มันจริงนี่ครับ ”
“ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่า ฉันจะทำแบบนั้นเฉพาะกับเธอคนเดียว ”
ไม่รู้ว่าผมจะคิดไปเองรึเปล่าว่าเบียคุรันมองผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่สุดมันทำให้ใจของผมเต้นรัว...นี่ผมเป็น
อะไรไป...ผมกำลังเขินเขางั้นเหรอ?
“ เธอมาก็ดีแล้ว...มุคุโร่คุง ”
“ มีอะไรอีกล่ะครับ? ”
“ ทำไมเธอถึงไม่พูดว่า...มีงานอะไรให้ผมทำเหรอครับล่ะ ”
‘ นั่นไงปีศาจร้ายออกมาแล้ว ‘
“ คุณมีงานอะไรให้ผมทำเหรอครับ ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชดสุดๆ
“ อืม...ดีมาก...งานของเธอก็คือออกแบบมาสคอตประจำสินค้าที่กำลังจะออกวางขาย ”
“ อย่าบอกนะครับว่าสินค้าชิ้นนั้นคือขนมมาชเมลโล่ ”
“ อืม...ถูกต้องแล้วล่ะ...งั้นฉันไปก่อนนะ ”
เขาพูดพลางโบกมือหยอยๆ
“ นั่นคุณจะไปไหนครับ? ”
“ ไปกินข้าวเที่ยงไงล่ะ ”
“ ห๋า!... ตอนนี้เหรอครับ...นี่มันเวลางานแล้วนะ ”
“ นั่นสำหรับพนักงาน...แต่ฉันเป็นบอสนะเรื่องเวลาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ”
แววตาแบบนั้น รอยยิ้มแบบนั้นเหมือนกำลังยิ้มเยาะผมอยู่เลย แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องทำงานก็เพราะมี
ผมนั่งแค่คนเดียวไงล่ะ ผมวาดรูปต่างๆลงบนกระดาษแต่ไม่ว่าจะออกแบบยังไงก็ไม่โดนใจผมซักที
‘ หงุดหงิดชะมัด ’
ผมเอนหลังกับโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย
“ ไม่ถนัดเลยแหะ ”
ผมแหงนมองเพดานสีขาวก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆปิดลง
Byakuran Part
“ วันนี้จะกินอะไรดีน๊า ”
ผมพึมพำกับตัวเองระหว่างที่เดินไปที่ลิฟท์ ก่อนที่ลิฟท์จะมาถึงผมหันกลับไปมองที่ห้องอีกครั้ง
‘ ฮ่า ฮ่า...มุคุโร่คุงคงกำลังเจ็บใจอยู่แน่ๆ’
“ ท่านเบียคุรันกำลังจะไปไหนเหรอครับ? ”
พอผมหันไปที่ต้นตอของเสียงก็พบกับคิเคียวจังที่ถือแฟ้มมาทางผม หมอนี่ทำงานตลอดเวลาจริงๆ
“ ไปกินข้าวน่ะ...นายจะไปกับฉันมั้ย? ”
“ ครับ...ท่านเบียคุรัน ”
ผมกับคิเคียวจังลงลิฟท์มาด้วยกันจนถึงชั้นร้านอาหารของตึก
“ ท่านเบียคุรันจะทานอะไรดีครับ? ”
“ เอาเหมือนเดิมแล้วกัน ”
คิเคียวจังจัดแจงไปซื้อให้เสร็จผมมานั่งคอยเขาที่โต๊ะมุมด้านใน
‘ ถ้ามุคุโร่คุงเป็นแบบคิเคียวจังก็ดีสินะ...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นนั่นก็คงไม่ใช่เธอแล้วล่ะ ’
ทำไมกันนะแค่ผมนึกถึงเธอคนนั้นก็รู้สึกมีความสุขแล้วไม่ว่าเธอคนนั้นจะพูดรุนแรงและทำร้ายจิตใจของผมมาก
แค่ไหนก็ตาม ผมเหลือบมองพนักงานสาวๆที่เดินผ่านไปมาพวกเธอหันมองผมเป็นตาเดียว พอผมหันมองแล้วยิ้มให้พวกเธอกลับสะดุ้งใบหน้าของพวกเธอเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆและวิ่งหนีไป
‘ ทั้งที่เราออกจะเส่ห์แรงขนาดนี้...เมื่อไหร่มุคุโร่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้บ้างนะ ’
“ ดูมีความสุขจังนะครับ...ท่านเบียคุรัน ”
คิเคียวพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับวางราเมงกับเกี๊ยวซ่าลงบนโต๊ะ
“ ขอบใจนะ...คิเคียวจัง ”
“ เรื่องแค่นี้เองครับ...การทำเรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก ”
“ แล้วเธอไม่กินกับฉันเหรอ? ”
“ ผมกินแล้วครับ...เมื่อตอนกลางวันกับคุณมุคุโร่ ”
“ หืม...จริงอ่ะ ”
“ ครับผม...ตรงที่ๆท่านเบียคุรันนั่งอยู่ตอนนี้ด้วย ”
“ เห...ฉันแปลกใจนะเนี่ย ”
“ ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน ”
แล้วบทสนทนาแสนธรรมดาก็หมดลงจนผมฟาดเจ้า 2 อย่างจนเรียบแล้ว...อา ผมชอบเจ้าราเมงกับเกี๊ยวซ่านี้จัง
กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
‘ หากมุคุโร่เป็นคนทำผมจะรู้สึกดีขนาดไหนน๊า ‘
“ เอาอีกมั้ยครับ? ”
“ พอแล้วล่ะ...เรามาพูดเรื่องงานกันดีกว่า...เธอคงมีเรื่องอยากคุยกับฉันสินะ ”
คิเคียวยื่นแฟ้มมาให้ผมข้างในมีจดหมายที่แก๊งอื่นยอมเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับมิลฟิโอเล่
“ ทำงานได้ดีนี่...คิเคียวจัง ”
“ แต่ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นกับสาขาธุรกิจของเรานะครับ ”
“ เรื่องแปลกๆ... ”
“ เมื่อหลายวันธุรกิจที่อยู่ในเครือของเราถูกปาระเบิดใส่...ช่วงเวลาก็ต่างกันเป็นระยะเวลา 3 วันครับ ”
“ แล้วความเสียหายล่ะ ”
“ ไม่มากเท่าไหรครับ...แค่หน้าร้านเสียหายเล็กน้อย ”
“ อืม~ ...อาจจะเป็นวัยรุ่นที่มีความกล้าพอควรหรือไม่ก็เป็นพวกที่ต้องการจะแก้แค้นฉันล่ะมั้ง? ” ผมพูดด้วย
น้ำเสียงสบายๆ แต่ทำไมคิเคียวจังต้องทำหน้าเครียดด้วยนะ
“ ตอนนี้หน่วยของผมก็กำลังตรวจสอบอยู่ครับ ”
“ อืม...ฉันฝากเรื่องนี้กับคิเคียวด้วยแล้วกัน ”
“ ครับ...แล้วเรื่องพวกนี้ท่านเบียคุรันจะไม่บอกคุณมุคุโร่เหรอครับ? ”
“ ไม่ล่ะ...สังคมเบื้องหลังไม่เหมาะกับเขาหรอก ”
“ ท่านเบียคุรันใจดีจังเลยนะครับ ”
ผมได้แต่ยิ้มตอบไม่ใช่เป็นความใจดีอะไรนั่นหรอกเพราะผมรู้ว่ามุคุโร่คุงที่เกียจมาเฟียเข้าไส้จะต้องรับไม่ได้...
‘ รับความโหดร้ายของผมไม่ได้ ‘
หลังจากแยกกับคิเคียวแล้วก็ไม่รู้จะไหนถ้าโชจังอยู่ล่ะก็ผมจะเข้าไปแกล้งให้เขาปวดหัวเล่นซะหน่อยไม่ใช่ว่าผม
ไม่อยากจะคุยกับพนักงานคนอื่นของผมนะ แต่เพราะเวลาคุยด้วยแล้วพวกนั้นจะเกร็งไปซะหมด คนที่สามารถจะคุยกับผมแบบธรรมดาก็มีแต่โชจังเท่านั้น...ไม่สิ...มีอีกคน...
สุดท้ายผมก็เดินกลับมาที่ห้อง...
“ มุคุโร่คุง... ”
ผมเอ่ยเรียกบุรุษที่มีใบหน้าและรูปร่างเหมือนสตรีที่ตอนนี้ต้องจำยอมมาเป็นเลขาของผม
“ .... ”
ร่างบอบบางของมุคุโร่นั่งตรงที่โซฟาแล้วทำไมเขาไม่ตอบผมล่ะ ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้จนรู้ว่ามุคุโร่แอบหลับ ผมสี
ไพรินที่ยาวสยาย ดวงเนตรที่หลับสนิทกับริมฝีปากบางได้รูปนั้นดึงดูดผมซะจริง
“ ตอนหลับเธอนี่น่ารักที่สุดเลยนะ...นี่ฉันต้องอดทนที่จะไม่สัมผัสเธออีกแล้วใช่มั้ย? ”
ดีนะที่ผมซื้อกาแฟมาด้วย ผมยื่นแก้วที่เย็นเจี๊ยบสัมผัสที่แก้มของมุคุโร่เขาสะดุ้งตื่นพร้อมกับถลึงตาใส่ผม ส่วน
ผมน่ะเหรอก็ยิ้มรับสิครับ
“ เล่นบ้าอะไรของคุณครับ ”
มุคุโร่รีบเช็ดไอน้ำที่โดนแก้มของเขา
“ เธอแอบหลับในเวลางาน ”
“ คึหึหึ...ผมไม่ได้หลับครับ...แค่พักสายตาเฉยๆ ”
“ ฮ่า ฮ่า โกหกอีกแล้ว...เอ้า นี่...ฉันซื้อมาฝาก ”
“ อะไรน่ะครับ? ”
“ กาแฟมอคค่าที่เพิ่มช๊อคโกแลตพิเศษลงไป ”
“ คึหึหึ...ช๊อคโกแลตแบบพิเศษนี่คืออะไรครับ? ” มุคุโร่มองผมแบบไม่ไว้ใจ
“ ก็เธอชอบกินหวานฉันเลยให้ร้านใส่มันมากขึ้นไงล่ะ ”
ถึงเนตรต่างสีนั้นจะไม่ไว้ใจผมก็ตามแต่เขาก็ยอมรับมันไปแค่นี้ก็ดีสำหรับผมมากแล้ว เศษกระดาษมากมายวาง
กระจัดกระจายบนโต๊ะ ผมหยิบมาแผ่นหนึ่ง
“ มุคุโร่คุง...นี่เธอชอบวาดหนอนเหรอ? ” ผมพูดผสมกับหัวเราะออกมาก็มันตลกจริงๆนี่นา ดูไม่เป็นรูปเป็นร่าง
เอาซะเลย
“ เอาคืนมานะครับ ” มุคุโร่รีบดึงกระดาษกลับผมสังเกคุเห็นว่าหน้าเขาเริ่มแดงนิดหน่อย
“ ทำไมล่ะ?...น่ารักดีออก ”
“ เวลาพูดก็หยุดหัวเราะด้วยสิครับ ”
ผมไม่ได้ตั้งใจจะขำนะแต่มันกลั้นไม่อยู่จริงๆนี่นา มุคุโร่กัดฟันแน่นสงสัยว่าเขาต้องโมโหผมอีกแน่
“ ฉันไม่หัวเราะแล้วล่ะ ”
มุคุโร่มองผมตาขวางทั้งที่ผมลดระดับจากหัวเราะมายิ้มปกติแล้วแท้ๆ ก่อนที่บรรยากาศจะเครียดไปกว่านี้ผม
ตัดสินใจนั่งลงข้างๆเขาและเริ่มหยิบแผ่นอื่นมาดู
“ อันนี้ฉันก็ว่าน่ารักดีนะ ”
ผมพยายามเลือกอันที่ดีที่สุดออกมามันเป็นรูปสี่เหลี่ยมสีขาว ตาสีดำกลมโตกับปากที่วาดเหมือนแมวและมีแขน
ขายื่นออกมา
“ คุณพูดจริงเหรอครับ ”
“ อื้ม...ฉันเหมือนคนโกหกเหรอ ”
เหมือนเขาจะเชื่อผมบ้างแล้วนะ มุคุโร่เหลือบมองแผ่นที่ผมหยิบขึ้นมา
“ แต่ผมว่าก็งั้นๆแหละ...ไม่เห็นจะน่ารักเลย ”
มุคุโร่ถอยตัวกลับและดื่มกาแฟที่ผมซื้อมาให้สงสัยคงอร่อยมากมั้งเห็นกินไม่หยุดเลย แค่เห็นแบบนี้ผมก็มี
ความสุขแล้วล่ะ ผมเอื้อมมือไปหยิบถุงขนมของผมที่วางอยู่บนโต๊ะมากินบ้าง ผมนึกไม่ออกเลยแหะว่าเจ้าขนมสีขาวแสนหวานพอมีไส้ผลไม้ข้างในรสชาติมันจะเป็นยังไงนะ...
.................................................................................
* ตอนนี้บ้านของเราน้ำท่วมตามเทรนค่ะ...ฟิคอาจจะเข็นออกมาช้าเล็กน้อย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะค่ะ
* อย่าลืมคอมเมนท์กันด้วยนะค่ะเพื่อกำลังใจของไรเตอร์
* อย่าลืมคอมเมนท์กันด้วยนะค่ะเพื่อกำลังใจของไรเตอร์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น