ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KHR Fic. ] ร้ายนักนายมาเฟีย 10069

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 58


         เอี๊ยด!

     

         ผมขับรถมาจอดอยู่หน้าตึกร้างนอกเมืองที่พวกนั้นนัดเอาไว้โดยมีถี่ถิงติดรถตามมาด้วย ผมสำรวจพื้นที่รอบๆอย่างระแวดระวัง ตึกแห่งนี้สูงประมาณ 20 ชั้นสภาพตึกนั้นทรุดโทรมซะจนคิดว่าไม่สามารถจะปรับปรุงอะไรได้นอกจากจะทุบทิ้งอย่างเดียว เศษปูนและกระเบื้องกองเกลื่อนกลาด ภายในตึกนั้นก็มืดซะจนมองไม่เห็น

     

         “ ระวังตัวด้วยนะครับ ”

     

         ผมเอ่ยพร้อมกับเดินนำหน้าเธอเข้าไปในตึก เสียงเดินของเราทั้งคู่ที่ดังก้องให้ความรู้สึกวังเวง ไฟฉายที่เตรียมมาก็

    ส่องแสงไปได้ไม่ไกลมากนัก

     

         “ ทำไมถึงต้องเป็นตึกแบบนี้ด้วยนะ...ฉันไม่ค่อยจะชอบเลย ”

     

         ถี่ถิงชวนคุยเพื่อทำให้บรรยากาศที่ดูอึมครึมและน่ากลัวนี้คลายลงบ้าง เธอหันซ้ายหันขวาตลอดทางเดินพร้อมกับ

    กำชายเสื้อของผมเอาไว้ด้วย

     

         “ ก็แค่พวกนั้นรสนิยมแย่น่ะครับ...ฮึ ฮึ ”

     

         ผมพูดแบบขำๆสมัยนี้การที่แก๊งมาเฟียจะมานั่งเจรจากันที่ตึกล้างนั้นหาได้ยากยิ่งแล้ว ส่วนมากเราจะนัดเจอกันที่

    โรงแรมหรือไม่ก็ร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่านเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่ดูเหมือนว่าที่พวกนั้นนัดผมมาที่นี่คงห่างไกล
    กับคำว่า
    เจรจา แล้วล่ะ

     

         ยิ่งเดินเข้ามาลึกเรื่อยๆข้างในก็ยิ่งดูน่ากลัว แถมบนเพดานก็ยังมีน้ำไหลลงมาคาดว่าคงเกิดจากการทรุดตัวของตึก

    ทำให้ท่อที่ฝังอยู่เกิดแตก กลิ่นชื้นที่ลอยคลุ้งทำให้หายใจไม่ค่อยออก ผมเดินตามทางเข้าไปเรื่อยๆโดยมีถี่ถิงที่กำเสื้อของผมแน่นมากขึ้น ในตอนนั้นผมเห็นแสงไฟสลัวๆและร่างของชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำหนึ่งคนยืนห่างจากพวกเราประมาณ 5 เมตร

     

         “ แก...คือ...เบียคุรัน เจสโซ่ใช่มั้ย? ”

     

         “ ทักทายได้ไร้มารยาทมากเลยนะ...สมควรแล้วที่เป็นแค่พวกชั้นต่ำ ”

     

         ผมกวนประสาทมันนิดหน่อยแต่ดูเหมือนว่าคนที่ผมว่าจะโกรธจนหน้าขึ้นสีเลยล่ะ

     

         “ แล้วนั่นใครล่ะ...แกพาคนอื่นมาด้วยงั้นเหรอ? ”

     

         สายตาของไอ้หมอนี่มันไวจริงๆขนาดถี่ถิงอยู่ข้างหลังของผมมันก็ยังสังเกตเห็น พอได้ยินแบบนั้นถี่ถิงก็ค่อยๆชะโงก

    หน้าออกมาเห็นแค่หัวเท่านั้น

     

         “ ผู้หญิงเหรอ?...ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่แกคิดว่ามาทำอะไรที่นี่กันแน่...ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ๆแกจะมาแสดงตัวเป็นพระเอกหรอกนะ ”

     

         ผมรำคาญไอ้หมอนี่จริงๆนะ

     

         “ งั้นผู้ร้ายหน้าตาเหมือน ปลาบู่ชนเขื่อน อย่างนายก็พาฉันไปหาเจ้านายแกซักทีสิ ”

     

         อ่า...วันนี้ผมเป็นอะไรกันนะรู้สึกว่าจะพูดจากวนประสาทมากกว่าปกติแถมควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้

    ด้วย ชายคนเดิมยืนกัดฟันกรอดกับคำชมของผม

     

         “ ปากดีไปก่อนเถอะ!

     

         ผมยิ้มรับหน้าระรื่น นี่ผมไม่ได้ถูกพูดใส่ด้วยคำพูดหยาบๆแบบนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ ตั้งแต่เป็นบอสของมิลฟิโอเล่

    ผมก็แทบจะไม่เคยเปลืองตัวลงมาคุยกับพวกชั้นต่ำเลย ส่วนมากจะให้คิเคียวหรือโชจังจัดการแทนทั้งหมด การที่ผมยอมมาด้วยตัวเองอย่างนี้ เธอคนนั้น จะรู้รึเปล่าว่าผมรักเขามากแค่ไหน

     

         ผมและถี่ถิงเดินตามเจ้านั่นโดยเว้ณระยะห่างประมาณนึง ตอนแรกผมนึกว่าจะต้องเดินขึ้นบันไดไป

    ซะแล้ว แต่ที่ไหนได้ตึกนี้ยังมีชั้นใต้ดินอีกสองชั้นสงสัยคนที่นัดมาพบที่นี่คงไม่ธรรมดาซะแล้วสิ ผมแอบหยิบโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนอยู่กระเป๋าด้านในเสื้อสูทออกมาดูเป็นไปตามคาดที่นี่ไร้สัญญาณโทรศัพท์และอาจรวมถึงสัญญาณต่างๆด้วย

     

         “ ถี่ถิงครับ...ผมว่าหากคุณคิดจะหนีกลับไปตอนนี้ก็ยังทันนะครับ ”

     

         ผมกระซิบเบาๆหลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าเธอยังเดินตามหลังผมอยู่

     

         “ มาพูดเอาตอนนี้ใครจะยอมกลับออกไปง่ายๆล่ะค่ะ ”

     

         เธอกระซิบตอบเสียงสูงเหมือนจะกำลังโกรธ ผมหันมาส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันกลับไป

    แล้วพบว่าคนนำทางหยุดยืนอยู่หน้าประตูเหล็กสูงซัก 2 เมตรได้

     

         แอ๊ด!!!

     

         เสียงของประตูแหลมแสบหูจริงๆดูจากที่หมอนั่นต้องออกแรงมากเพื่อเปิดมันทำให้คิดได้ว่าที่แห่งนี้

    คงไม่ได้ถูกใช้มานานแล้ว ผมได้กลิ่นเหม็นอับลอยออกมาจนต้องยกมือปิดจมูก

     

         “ กลิ่นตัวนายนี่ใช้ได้เลยนะ ”

     

         คนถูกว่าหันมาจ้องผมตาเขม็งอย่างกับจะเชือดหนังของผมทิ้งซะ ผมยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว หมอ

    นั่นเดินนำพวกผมเข้าไปก่อน

     

         “ คุณจะตามเขาเข้าไปเหรอค่ะ...ดูยังไงนี่ก็เป็นกับดักที่อันตรายมาก ”

     

         “ ผมถอยกลับได้เหรอครับ? ”

     

         ผมตอบเธอด้วยคำถามแล้วค่อยๆก้าวเดินเข้าไปในห้องอย่างระวังตัว ภายในห้องมีเพียงหลอดไฟที่

    ถูกแขวนไว้บนเพดานเพียงดวงเดียวบริเวณรอบข้างมืดมิดคล้ายๆกับห้องสอบสวน ภายใต้หลอดไฟนั้นมีร่างๆหนึ่งนั่งหมดสติพร้อมกับถูกมัดมือไพร่หลังติดกับเก้าอี้

     

         ผมมองร่างนั้นอย่างวิเคราะห์สถานการณ์ ผมไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะยอมปล่อยให้ผมเข้าใกล้ร่างนั้นง่ายๆแน่

    ถึงแม้ว่าในใจของผมตอนนี้อยากจะเข้าไปตรวจดูให้แน่ใจว่าเขายังปลอดภัยดีอยู่

     

         “ อ้าวๆๆ...น่าเสียดายจังที่แกไม่ยอมตะครุบเหยื่อ ”

     

         ชายคนหนึ่งค่อยๆปรากฏกายจากความมืดเขาเดินมาหยุดยืนใกล้กับเก้าอี้ของมุคุโร่โดยมีลูกน้องที่สวมชุดสูทสีดำ

    อีก 2 คน รวมกับคนที่เดินนำหน้าก็เป็น 3 คน

     

         “ พาคนมาต้อนรับฉันซะขนาดนี้...เป็นเกียรติ์จริงๆเลยนะ ”

     

         ผมพูดยิ้มๆ พร้อมกับสำรวจพื้นที่รอบๆไปด้วยเท่าที่ดูเป็นสถานการณ์ที่แย่จริงๆด้วยแหะ ดูจากที่

    พวกนั้นยืนเบียดๆกันห้องนี้คงจะไม่ใหญ่เท่าไหร่เคลื่อนไหวลำบากแล้วสิ ผมหันมองถี่ถิงอีกครั้งเธอเองก็ยืนไม่ห่างจากตัวผมนัก

     

         “ บอสของมิลฟิโอเล่มาเยือนทั้งที...จะให้น้อยหน้าได้ยังไงล่ะ ”

     

         “ หากนายคิดได้ขนาดนั้นทำไมไม่หาสถานที่ๆดูดีกว่านี้ล่ะ? ”

     

         ลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผม แต่ก็ถูกลูกพี่ยกมือห้ามไว้ หมอนั่นส่งยิ้มอย่าง

    เหี้ยมเกรียมให้ผม

     

         “ สาเหตุที่ต้องเป็นที่นี่ก็เพราะว่า... ”

     

         มือหยาบเอื้อมจิกที่ผมของมุคุโร่จนเจ้าของร่างต้องเอนไปตามแรง ใบหน้างามถูกดึงให้เชิดขึ้นเผยให้

    เห็นรอยแผลที่แก้มและมุมปาก แรงกระชากทำให้เจ้าของร่างรู้สึกตัว ผมกำหมัดแน่น

     

         “ ...ถ้าพาเลขาของแกไปสภาพนี้มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง? ”

     

         “ นั่นสินะ...ดูไม่ดีจริงๆซะด้วย ”

     

         “ คะ...คุณเบียคุรัน!

     

         ผมพยายามที่จะเก็บกดอารมณ์โกรธให้ได้มากที่สุดภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มยังไงตอนนี้ผมก็เสียเปรียบ หากทำอะไร

    บุ่มบ่ามไปมีแต่จะทำให้มุคุโร่มีอันตรายเปล่าๆ

     

         “ ในเมื่อฉันมาอยู่ที่นี่แล้ว...พวกนายช่วยปล่อยเขาไปได้มั้ยล่ะ? ”

     

         ผมยื่นข้อเสนอที่ดูพื้นๆด้วยรอยยิ้ม สายตาของพวกนั้นคงคิดว่าผมไม่รู้จักประมาณตนสินะ ผมรู้ได้

    จากสายตาและเสียงหัวเราะของพวกมัน

     

         “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าฉันทำตามที่แกว่า...แล้วฉันจะจับมันมาทำไมให้เหนื่อยล่ะ ”

     

         “ พวกนายจับเขามาเพื่อต้องการพบฉันไม่ใช่เหรอ?...เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเขาคงต้องหมดลงแล้ว ”

     

         “ เป็นนักต่อรองที่เก่งจริงๆ...แต่ฉันคงปล่อยเขาไปไม่ได้หรอกเพราะว่า... ”

     

         “ ...เพราะว่าคนที่สามารถตัดสินใจได้ไม่ใช่นาย...จริงมั้ย? ”

     

         ผมเน้นเสียงอย่างจงใจ คนที่เป็นหัวหน้าถึงกับหยุดชะงักมองผมอย่างลุกลี้ลุกลน

     

         “ แกหมายความว่ายังไง? ”

     

         “ ฉันกำลังบอกพวกต่ำอย่างพวกนายว่าให้ไปเรียกหัวหน้าตัวจริงออกมาดีกว่า...จะได้คุยให้จบไปไงล่ะ ”

     

         “ เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว...ฉันนี่แหละหัวหน้า!!

     

         มือสกปรกที่แตะต้องคนของผมออกแรงกระชากเส้นผมสีไพรินอย่างถือดี ผมปรายตามองใบหน้าที่

    บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บนั้นอย่างเย็นชา ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไร แต่เพราะแสดงมันออกมาไม่ได้ต่างหากล่ะ มุคุโร่พยายามมองมาทางผมด้วยสายตาเว้าวอน

     

         “ ชะ...ช่วย...ผม...ด้วยครับ...คุณเบียคุรัน ”

     

         “ .......... ”

     

         ผมยังคงยื่นนิ่งรักษารอยยิ้มบนหน้าอย่างใจเย็น พิจารณาเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างรอบคอบ มุคุโร่ที่

    อยู่ใกล้พวกนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับลูกกวางที่อยู่ในดงฝูงหมาฮายีน่า

     

         “ คุณถี่ถิงครับ...ถ้าสบโอกาส...ผมอยากให้คุณเข้าไปช่วยมุคุโร่ครับ ”

     

         ผมหันไปกระซิบกับเธอและเธอก็พยักหน้ารับรู้

     

         “ ไหนๆฉันก็มาแล้ว...ช่วยบอกเรื่องที่ต้องการจะเจรจรกับฉันหน่อยสิ ”

     

         ผมเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นอีกสองก้าวพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นเป็นการเชื้อเชิญ ลูกน้องที่ยืนรอด้านหลังเริ่มระวังตัว

    มากขึ้น

     

         “ ยกมิลฟิโอเล่ของแกให้ฉันซะ ”

     

         ผมยืนยิ้มค้างคนพวกนี้ขออะไรง่ายเกินไปรึเปล่านะ?หรือภายในสมองมีแต่ขี้เลื่อย ไม่สิ ขี้เลื่อยยังมี

    ประโยชน์มากกว่าซะอีก

     

         “ เรื่องแค่นี้ถึงขนาดต้องลักพาตัวคนของฉันมา...ดูจะไม่คุ้มค่าเอาซะเลยนะ ”

     

         “ ไม่ต้องมาพูดมาก...ว่ายังไงล่ะ?...คำตอบของแกน่ะ ”

     

         “ หึ หึ ฉันน่ะ...ไม่ยอมยกแฟมิลี่ของผมให้กับพวกแก๊งต่ำๆอย่างพวกนายหรอก ”

     

         รู้สึกว่าคำตอบของผมจะเข้าไปจุดชนวนระเบิดเข้าซะแล้วสิ ผู้ชายร่างกำยำคนแรกพุ่งหมัดมาทางผม

    เต็มแรง ผมเบี่ยงตัวหลบอย่างเฉียดฉิวด้วยน้ำหนักที่ทิ้งลงมามากทำให้เขาเสียหลักผมจึงใช้โอกาสฝาดสันมือลงกับต้นคอของเขาจนสลบ คนที่สองตามมาติดๆผู้ชายคนนี้รูปร่างสันทัด ได้สัดส่วน หมัดของเขาที่ปล่อยออกมาถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ผมปัดออกได้อย่างไม่ลำบากมากนัก ผ่านไปซักห้าหกหมัด ผมก็เปลี่ยนมาเป็นดึงมือของเขาจนเสียหลักพร้อมกับกระแทกซอกเข้าที่ดั้งจมูกอย่างจังจนร่วงลงไปนอนกับพื้น

     

         “ ลูกน้องของนายอ่อนแอจังเลยนะ ”

     

         “ หนอย...แก!!

     

         ผมขยับเสื้อสูทให้เข้าที่ด้วยท่าทีสบายๆ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะไม่ยอมปล่อยให้ผมได้จัดการตัวเอง

    ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วชายคนที่สามก็พุ่งมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีดสั้น ผมใช้ความไวที่เหนือกว่าจับข้อมือของเขาบิดไพร่ไปด้านหลังจนมีดหลุดจากมือแล้วผมก็รับมันได้ก่อนที่จะตกถึงพื้น ผมใช้มีดเล่มนั้นปาดเข้าที่คอรวดเดียวทำให้เลือดไหลพุ่งเหมือนท่อน้ำแตก ผมปล่อยร่างไร้วิญญาณนั้นกองกับพื้น

     

         ผมมองพวกที่เหลืออย่างเลือดเย็น หวังว่าพวกนั้นจะกลัวและยอมลามือไปเอง แต่สิ่งที่ผมกังวล

    มากกว่าอะไรคือมุคุโร่คุง ถ้าเขาเห็นว่าผมสามารถฆ่าใครก็ได้อย่างไร้ความปราณีเขาจะมองผมด้วยสายตาแบบไหนนะ อ่า...เนตรต่างสีของมุคุโร่คุงเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาซีดเผือด ร่างกายสั่นเหมือนกับลูกกวางที่กำลังจะถูกเสือขย้ำ

     

    ...เธอกลัวฉันและก็เกลียดฉันแล้วสินะ...

     

         ผมเจ็บแปลบในใจสายตานั้นช่างดูห่างเหินและหวาดกลัว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนั้น ผม

    ขยับเดินเข้าไปใกล้เพิ่มอีกก้าวพลางควงมีดที่เพิ่งยึดมาได้

     

         “ เหลือแค่แกคนเดียวแล้ว...จะเอายังไงต่อดีล่ะ ”

     

         คนที่บอกว่าเป็นหัวหน้าจับจ้องมาที่ผมอย่างลนลาน เขาปล่อยมือออกจากเลขาของผมอย่างง่ายดาย

    พลางถอยไกลไปทางด้านหลัง ผมเดินเข้าไปหามุคุโร่ด้วยรอยยิ้มอย่างนักบุญ

     

         “ ฉันมาช่วยเธอแล้วมุคุโร่... ”

     

         ขณะที่ผมกำลังแก้มัดอยู่นั้น บางอย่างที่ทำให้ผมต้องชาไปหมดทั้งตัวถูกจี้เข้าที่ด้านหลัง ถึง

    จะแค่แป๊ปเดียวมันก็ทำให้ผมไร้เรี่ยวแรงจนนอนคว่ำลงไปกองอยู่กับพื้น ผมหันมองคนลอบกัดอย่างยากลำบาก

     

         ผู้หญิงที่ผมพามาด้วยยืนอยู่เหนือตัวของผมพร้อมกับเครื่องช๊อตไฟฟ้า รอยยิ้มของเธอช่างเย้ายวน

    และก็กวนประสาทในคราวเดียวกันเลย

     

         “ ไม่ระวังตัวเลยนะค่ะ...เบียคุรัน ”

     

         ถี่ถิงพูดพร้อมกับนั่งยองๆข้างตัวผม เธอเอื้อมสัมผัสที่แก้มของผมเบาๆเหมือนกำลังหยอกล้อ

     

         “ คุณนี่เป็นเหมือนงูร้ายอย่างที่เขาล่ำลือกันจริงๆด้วยนะครับ ”

     

         ผมกล่าวชื่นชมเธอจากใจจริง ถี่ถิงยิ้มรับก่อนจะทำสีหน้าเหนื่อยใจ

     

         “ ยังปากเก่งอยู่อีกนะค่ะ...คุณเบียคุรัน ”

     

         เธอจี้เครื่องช๊อตไฟฟ้าเข้าบริเวณใกล้กับกระดูกสันหลังของผมอีกครั้ง คราวนี้ผมขยับร่างกายไม่ได้

         แม้แต่นิดเดียว ใบหน้าของผมบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่คิดจะร้องออกมา

     

         “ คุณยิ่งทำสีหน้าแบบนั้น...ฉันก็ยิ่งอยากจะทรมานคุณมากขึ้นไปอีกนะค่ะ ”

     

         ถี่ถิงชูเจ้าเครื่องนั่นใกล้กับใบหน้าของผมเธอคงหวังจะให้ผมร้องขอชีวิตหรืออ้อนวอนเธอ ถึงแม้ผม

    จะถูกฆ่าตายตรงนี้ผมก็ไม่มีทางทำเรื่องน่าสังเวชแบบนั้นหรอก แต่สิ่งที่ผมห่วงก็คือ...

     

         “ เลิกเล่นดีกว่ามั้ยครับ...คุณถี่ถิง ”

     

         มุคุโร่พูดขัดขึ้นขณะที่กำลังแก้เชือกที่ผูกรอบข้อมือออกโดยมีเจ้าคนที่บอกว่าเป็นหัวหน้าคอยช่วย

    เนตรต่างสีมองผมอย่างเย็นชา ถี่ถิงผละออกจากผมแล้วไปยืนข้างกายของมุคุโร่

     

         “ อะไรกันค่ะ...ทั้งที่ฉันคิดว่าคุณจะชอบซะอีก ”

     

         “ คึหึหึ...อย่าเอารสนิยมแย่ๆของคุณมายัดเยียดให้ผมสิครับ ”

     

         ทั้งคู่พูดคุย ไม่สิ เหน็บแนมกันอย่างสนิทสนม ผมที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างรับรู้ได้ในทีว่า

    ถูกหักหลัง เข้าซะแล้ว
     

         “ แปลกใจมั้ยค่ะ...คุณเบียคุรัน ”

     

         เธอหันมาถามผมที่กำลังนอนตัวชา ผมยิ้มตอบเธอโดยไม่พูดอะไร สายตาของผมจับจ้องไปที่ใบหน้า

    งาม ใบหน้าของคนที่ผมคิดจะช่วย

     

         “ เงียบแบบนี้...ผมว่าเขาคงจะกำลังเจ็บใจอยู่มั้งครับ ”

     

    ลงทุนสร้างเรื่องโกหกนี้ขึ้นมาเธอคงแค้นฉันมากสินะ มุคุโร่...

     

         “ ไม่เลยซักนิด ”

     

         ผมตอบมุคุโร่ด้วยความสัตย์จริง นี่ไม่ใช่การถูกหักหลังครั้งแรกหรอกนะ แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเจ็บขนาดนี้

    ชายคนที่อ้างว่าเป็นบอสเข้าประชิดตัวผมอย่างได้ใจ หลังจากนั้นไม่นานมันก็ใช้เท้าสกปรกเตะเข้าที่ซี่โครงของผมอย่างแรงจนร่างของผมพลิกเปลี่ยนมาเป็นนอนหงาย

     

         “ อย่ารุนแรงกับเขานักสิ...อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงบอสเชียวนะ ”

     

         ถี่ถิงพูดประชดพลางมองมาที่ผมที่ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเยาะเย้ย มุคุโร่เองก็ไม่ต่างกันริมฝีปากนั้นยิ้มอย่าง

    พอใจ เนตรต่างสีส่อแววเย็นชา

     

         “ ผมว่าเรามารีบทำให้จบๆไปเถอะครับ...ผมไม่อยากจะเสียเวลาที่นี่นานนักหรอกนะ ”

     

         ถี่ถิงพยักหน้าไปที่ชายคนนั้น หมอนั่นเคลื่อนตัวเข้ามาที่ผมพร้อมกับดึงตัวของผมให้ยืนขึ้นแล้วล็อคแขนทั้ง 2

    ข้างไว้ด้านหลัง

     

         “ ฉันต้องขอโทษคุณจริงๆนะค่ะ... ”

     

         เธอเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าพลางสัมผัสเข้าที่แก้มของผมเบาๆ ผมยิ้มรับเหมือนเคย ผมมองไปที่มุคุโร่ที่ยืนอยู่

    ด้านหลัง หากผมจะถูกเขาพูดถากถางอีกซักคนก็คงไม่ทำให้ผมแปลกใจอะไร ถี่ถิงเอื้อมมาหยิบปืนทีอยู่ใต้เสื้อสูทของผมออกไป

     

         “ บอกฉันมาสิค่ะว่าคุณอยากจะตายแบบไหน? ”

     

         ถี่ถิงจ่อปืนมาที่ศีรษะของผมเหมือนกำลังหยอกล้อ ผมเงียบเฉยไม่โต้ตอบอะไรเธอ ดูเหมือนว่านั่นทำให้เธอขัดใจ

    ไม่น้อย

     

         “ หรือว่าคุณปรารถนาที่จะ... ”

     

         ถี่ถิงหันไปมองที่มุคุโร่พร้อมกับหยิบมีดที่ซ่อนอยู่บริเวณต้นขาของเธอออกมาแล้วยื่นไปทางเขา มุคุโร่มีสีหน้าตกใจ

    เล็กน้อย

     

         “ หมายความว่ายังไงครับ? ”

     

         “ ฉันจะให้คุณเป็นคนจัดการ...หรือว่าคุณไม่กล้าค่ะ ”

     

         ผมรู้จักนิสัยของมุคุโร่ดี หากเขาถูกท้าทายหรือสบประมาทมุคุโร่ก็จะยินดีทำตามคำเชื้อเชิญนั้นทันที ว่าแล้วมุคุโร่

    ก็รับมีดนั้นมาจากมือของถี่ถิงแล้วเดินตรงเข้ามาที่ผม

     

         “ อย่าโกรธกันเลยนะครับ...คุณเบียคุรัน ”

     

         มุคุโร่ง้างมือพร้อมที่จะแทงมาที่ผม ผมมองใบหน้างามด้วยความเข้าใจ ผมยิ้มรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่

    วินาทีข้างหน้า แต่แล้วปลายมีดนั้นกลับหยุดชะงักก่อนที่จะแทงเข้าที่ท้องของผม มือบางนั้นสั่นเทาด้วยความลังเล

     

         “ เป็นอะไรไปค่ะ?...เกิดกลัวขึ้นมารึไง ”

     

         ถี่ถิ่งเอ่ยด้วยความหงุดหงิด เธอเดินมาด้านข้างสังเกตเห็นว่ามีดนั้นยังไม่ถูกส่งมาถึงผม

     

         “ รีบๆฆ่าเขาซักทีสิ...ทั้งคุณทั้งฉันก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ...ถ้าคุณยังลังเลอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้บริษัทของครอบครัวคืนมา

    หรอกนะ ”

     

         “ ผะ...ผม...ผม ”

     

         มือบางทั้ง 2 ข้างจับด้ามมีดแน่น มันแน่นซะจนร่างทั้งร่างสั่นไปทั้งตัว ผมไม่แปลกใจหรอกนะที่คนตรงหน้าของ

    ผมจะเป็นแบบนี้เพราะมือของเขาไม่เคยต้องเปื้อนเลือดนั่นเอง

     

         สวบ...

         ความเย็นจากเหล็กแหลมแทงทะลุท้องของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ดูเหมือนว่าคงมีใครบางคนรอมุคุโร่ตัดสินใจไม่ไหว

    ถี่ถิงใช้มือเล็กๆของเธอจับที่ข้อมือของมุคุโร่แล้วดันมีดเล่มนั้นมาที่ผม ทันทีที่เลือดไหลออกมามุคุโร่ก็ชักมีดออกจากตัวผมแล้วร่วงหล่นพื้น

     

         “ อึก... ”

     

         ร่างของผมเซไปหามุคุโร่อย่างอ่อนแรง มือบางโอบเอวแล้วพยุงร่างของผมเอาไว้ได้ทัน

     

         “ เป็นฉากจบที่งดงามดีใช่มั้ยล่ะค่ะ...เบียคุรัน...คุณเคยคิดรึเปล่า? ว่าตัวเองจะมาตายด้วยมือคนรัก ”

     

         “ แฮกๆ...ก็คิดอยู่บ้างเหมือนกันนั่นแหละ...ต้องขอบคุณเธอจริงๆ...อึก!
     

         ผมพูดจากวนประสาทเธออีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมาะที่จะทำอย่างนี้ก็ตาม ร่างบางที่โอบเอวผมไว้

    เริ่มสั่นเทามากขึ้น

     

         “ ยังปากเก่งอยู่เลยนี่ค่ะ ”

         ถี่ถิงเดินอ้อมมาทางด้านหลังของมุคุโร่อย่างเชื่องช้า มุคุโร่ที่กำลังช๊อคกับเหตุการณ์ก่อนหน้ายังคงนั่งแข็งทื่อแล้วบ่น

    พึมพำเบาๆ

     

         “ ผมขอโทษ...คุณเบียคุรัน...ผมขอโทษ ”

     

         ผมกระชับอ้อมแขนเบาๆเพื่อเป็นการปลอบ ผมทำได้เพียงเท่านี้ถึงแม้ว่าผมอยากจะหาคำพูดต่างๆมากมายมาเพื่อ

    ทำให้เขาสบายใจขึ้น

     

         “ แล้วแบบนี้...เป็นสิ่งที่คุณคิดไว้รึเปล่าล่ะค่ะ? ”

     

         ถี่ถิงยกปืนที่ยึดไปจากผมจ่อที่ศีรษะของมุคุโร่ที่นั่งหันหลังให้ ใบหน้าของผมที่วางบนไหล่บอบบางเห็นเหตุการณ์

    ทุกอย่าง เธอยิ้มเยาะอย่างสะใจ แววตาของเธอช่างโหดเหี้ยมสมกับเป็นมาเฟีย มุคุโร่ของผมกำลังถูกหักหลัง...นิ้วเรียวเล็กค่อยๆเหนี่ยวไกช้าๆ

     

         ปัง!!!...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×