ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KHR Fic. ] ร้ายนักนายมาเฟีย 10069

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 54


         “ เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆเลยนะ เวลาประชุมเนี่ย ”

         ชายหนุ่มผมสีเพอร์ไวท์กล่าว พร้อมกับเดินบิดขี้เกียจออกมาจากห้องประชุมโดยมีร่างบางผมสีไพรินเดินตามหลัง

         “ คุณเป็นบอสนะครับ หากลูกน้องคุณได้ยินที่คุณพูดมีหวังย้ายไปอยู่แก๊งอื่นแน่ ”

         “ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันจะฆ่าทิ้งให้หมดเลย ”

         เบียคุรันพูดไปยิ้มไป มุคุโร่ลอบถอนหายใจกับคำตอบถึงภายนอกจะดูเล่นๆแต่ในใจเขาก็กลับคิดว่าคนตรงหน้าต้องทำจริงแน่เพราะเหตุการณ์ที่เขาเจอก่อนนี้เป็นหลักฐานอย่างดีทีเดียว

          “ อ๊ะ!! เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย หาอะไรกินกันเถอะ มุคุโร่คุง ฉันหิวแล้ว ”

         ร่างสูงเดินนำลิ่วเหมือนเด็กที่กำลังจะได้ไปสวนสนุก ทันทีที่เบียคุรันเดินมาหยุดที่ประตูเลื่อนบานใหญ่รถสปอร์ตสีขาวคันหรูถูกมาจอดเทียบแล้ว ชายร่างกำยำในชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์เดินมาเปิดประตูด้านคนขับพร้อมกับผายมือออก

         “ วันนี้ฉันคงไม่เข้ามาที่ศูนย์บัญชาการแล้วนะ “ ร่างสูงหันมาพูดกับลูกน้อง

         “ ขึ้นรถสิ มุคุโร่คุง ”

         ร่างบางเลิกคิ้มสูงด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยอมขึ้นรถหรูแต่โดยดีซึ่งมีคนขับรถเป็นถึงบอสแห่งมิลฟีโอเล่

         “ คุณจะพาผมไปไหน?

         “ ฮ่าๆๆ มุคุโร่คุงนี่ตลกจัง เธอเพิ่งมาถึงไม่ใช่เหรอ? ฉันก็จะพาไปดูที่พักไงล่ะ แต่ก่อนหน้านั้นเราจะไปกินข้าวกันก่อนนะ ”

         “ แต่กระเป๋าเสื้อผ้าของผมยังไม่ได้เอามาจากห้องของคุณเลยนะครับ ”

         “ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ลูกน้องฉันเอาใส่มาให้ท้ายรถแล้ว ”

         เบียคุรันยิ้มอย่างอารมณ์ดีตลอดเส้นทางก่อนที่จะมาหยุดหน้าตึกแถวแสนธรรมดา ภายนอกไม่หรูหราอะไรมากมายมีป้ายร้านเก่าๆที่ร่างบางอ่านไม่ออกติดอยู่ซึ่งน่าจะเป็นชื่อร้าน

         “ ตามมาสิ มุคุโร่คุง ”

        ร่างสูงเดินนำเข้าตึกซึ่งทางเดินนั้นแคบจนแทบจะเดินสวนกันไม่ได้ ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจนพบกับประตูกระจกบานใหญ่ที่หน้าประตูมีบริกรหญิง – ชายยืนรออยู่

         “ ยินดีต้อนรับค่ะ ต้องการกี่ที่ค่ะ ”

         “ สองที่ ขอมุมเดิมนะ ”

         ทันทีที่บริกรหญิงเงยหน้าสบตาเรียวสีอเมทิสต์ใบหน้าของเธอเริ่มแดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มแสนดีถูกส่งให้เธอเต็มๆจนแทบจะละลายซะตรงนั้น มุคุโร่ที่ยืนดูปฏิกิริยาลอบขำกับลักษณะภายนอกจอมปลอมของคนเบื้องหน้า

         “ เชิญค่ะ ”

        บริกรหญิงคนเดิมพามาที่นั่งริมหน้าต่างบานใหญ่ที่พอจะมองเห็นวิวข้างนอก ในร้านตกแต่งแบบธรรมดาแต่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเข้ามากินเยอะขนาดนี้

         “ กินอะไรดีล่ะ มุคุโร่คุง ”

         ร่างสูงพลิกเมนูไปมาทำสีหน้าลังเลอย่างกับจะสั่งทุกอย่างที่อยู่ในนั้นออกมา

         “ แล้วแต่คุณเบียคุรันสิครับ ผมไม่มีความรู้เรื่องอาหารอิตาลี่หรอกครับ ”

         “ อืม นั่นสินะ ฉันลืมคิดไปซะสนิทเลยแล้วเธอจะกินอาหารของที่นี่ได้มั้ย?

         “ หากมันไม่ใช่ยาพิษหรืออะไรแปลกๆผมก็กินได้ทั้งนั้นล่ะครับ ”

         “ งั้นฉันจะสั่งอะไรแปลกๆให้เธอก็แล้วกัน ”

         ว่าแล้วร่างสูงก็วางเมนูลงพลางกวักมือเรียกพนักงานมารับเมนู เบียคุรันพูดภาษาอิตาลี่ซะยาวจนร่างบางหน้าเริ่มถอดสีไม่รู้ว่าสิ่งที่กล้วยไม้ขาวพูดไปนั้นมีอะไรบ้าง

         “ คุณเบียคุรัน คุณสั่งอะไรไปบ้างครับเนี่ย ”

         “ ฉันไม่บอกหรอก เอาไว้รู้ตอนมันเสร็จก็แล้วกัน ”

         ระหว่างรอเบียคุรันหยิบกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนที่จะวางลงตรงหน้ามุคุโร่

         “ อะไรเหรอครับ?

         “ เปิดดูสิ ”

         ร่างบางหยิบกล่องสีขาวพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วตัดสินใจเปิดออกดูข้างในเป็นนาฬิกายี่ห้อดังซึ่งทำด้วยทองทั้งเรือน หน้าปัดเป็นอัญมณีสีน้ำเงินเข้มและเข็มทำจากอัญมณีสีแดง

         “ เป็นไง? ถูกใจมั้ยล่ะ ”

         มุคุโร่เหลือบมองร่างสูงที่นั่งท้าวคางมองปฏิกิริยาของเขาอย่างพออกพอใจ ร่างบางปิดกล่องเหมือนเดิมก่อนจะวางคืนให้เบียคุรัน

         “ ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ ”

         “ อ้าว ทำไมล่ะหรือว่าเธอไม่ชอบ ”

         “ ไม่ใช่หรอกครับ นาฬิกาเรือนนี้สวยมากก็จริง แต่คุณไม่มีความจำเป็นอะไรต้องให้ของกับผมนี่ครับ และก่อนหน้านี้ผมก็คิดจะฆ่าคุณด้วยซ้ำ ”

         “ อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอ ฉันไม่ใส่ใจกับเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอกนะ ”

         “ แต่ว่า... ”

         “ นาฬิกาเรือนนี้ฉันตั้งใจให้เธอเพราะฉะนั้นเธอก็รับมันไปซะสิ ”

         เบียคุรันคว้ามือเรียวของร่างบางพร้อมถอดนาฬิกาเรือนเก่าที่ข้อมือของร่างบางออกแล้วนำของที่เขาเตรียมไว้ให้ใส่แทน มุคุโร่รับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะริมฝีปากที่เผยยิ้มตลอดนั้นเม้มเป็นเส้นตรง

         “ ขะ...ขอบคุณมากครับ ”

         “ อืม ไม่เป็นไร มันดูดีมากเลยนะเมื่ออยู่กับเธอน่ะ ”

         เบียคุรันกลับมายิ้มอีกครั้ง

         “ อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ ”

         บริกรหญิงเดินถือถาดสีเงินที่เต็มไปด้วยอาหารหลายจาน มุคุโร่ถึงกับเบิกตากว้างกับอาหารหลากหลายอย่างที่นำมาวางลงบนโต๊ะเพราะมันมีมากกว่าสำหรับ 2 คนที่จะกินเข้าไป

         “ ไม่ต้องเกรงใจนะ มุคุโร่คุง ”

         “ คุณสั่งมาเยอะเกินไปรึเปล่าครับ ”

         ร่างสูงก้มมองที่โต๊ะอย่างพิจารณาก่อนที่จะกลับมาส่งยิ้มให้ร่างบางอีกครั้ง

         “ ก็ฉันไม่รู้ว่ามุคุโร่จะกินอะไรนี่นาเลยลองสั่งอะไรหลายๆอย่างมาให้เลือก ”

         “ แต่ไม่จำเป็นต้องสั่งมาเยอะขนาดนี้นี่ครับ แต่ก็ช่างเถอะครับไหนๆก็สั่งมาแล้วคุณก็รับผิดชอบไปแล้วกัน ”

         ร่างบางมองอาหารบนโต๊ะหน้าตาของมันดูจะน่ากินไปซะหมด สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะหยิบพิซซ่าหน้าพามาแฮมมาหนึ่งชิ้นเพราะไม่ว่าที่ไหนก็มีพิซซ่ารสชาติก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่

         “ พิซซ่าของที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะ ”

         เบียคุรันรีบสาธยายความอร่อยของพิซซ่าหลังจากได้เห็นสีหน้าพึงพอใจของมุคุโร่

         “ แล้วทำไมคุณไม่สั่งเฉพาะของอร่อยของทางร้านเขาล่ะครับ ”

         “ ก็เพราะของๆเขาอร่อยทุกอย่างไงล่ะ ”

         “ อย่าบอกนะครับว่าที่คุณสั่งมาทั้งหมดเป็นของที่คุณชอบ ”

         “ อืม~ ก็ทำนองนั้นล่ะ ”

         ร่างบางหรี่ตามองอย่างเหลืออดเมื่อตะกี้ยังบอกว่าที่สั่งมาเพราะไม่รู้ว่าตัวเขาจะกินอะไรได้บ้าง แต่ตอนนี้กลับบอกว่าของที่สั่งมาเป็นของที่ร่างสูงชอบ

    คนๆนี้เชื่อใจอะไรไม่ได้เลยรึไงนะ...แม้แต่เรื่องพวกนี้ก็ยังโกหก

         “ มุคุโร่คุงไม่ลองชิมนี่ดูบ้างเหรอ?

         เบียคุรันชี้ไปที่พาสต้าเส้นดำที่วางอยู่ตรงหน้าของเขา

         “ ไม่เอาหรอกครับ ”

         “ ทำไมล่ะ? ลองดูสิอร่อยมากเลยนะ ”

         ร่างสูงจัดแจงหยิบส้อมม้วนเส้นพาสต้าขนาดพอดีคำยื่นไปหาร่างบาง

         “ ขอบคุณครับ ”

         ขณะที่มุคุโร่กำลังจะยื่นมือไปรับส้อมนั้น...

         “ อ้าปากสิ มุคุโร่คุง ”

         “ ห๋า!?

         “ ห๋า อะไรล่ะ ฉันจะป้อนเธอไงล่ะ ”

         “ ผมกินเองได้ครับ ”

         “ เอ๊า อ้าปากเร็วเข้าเดี๋ยวเส้นก็ร่วงหมดหรอก ”

         เบียคุรันยิ้มแกมบังคับให้ร่างบางจำใจต้องเปิดปากแล้วรับเอาพาสต้าเข้าปากไปโดยดี

        “ เป็นไงบ้าง อร่อยใช่มั้ยล่ะ?

         “ อืม ก็ไม่เลวนี่ครับ ”

        ชายหนุ่มผมสีเพอร์ไวท์ยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนที่จะจัดการอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะทั้งหมดในเวลา 20 นาที หลังจากที่บริกรหญิงเดินมาเก็บจานที่ว่างเปล่าทั้งหมด ไม่ถึง 5 นาทีเธอก็นำของหวานมาว่างตรงหน้าทั้งสองคน

         ของหวานของมุคุโร่ คือ เค๊กช๊อคโกแลตที่โรยหน้าด้วยสตอเบอร์รี่ชุบช๊อคโกแลต ส่วนของร่างสูงก็ไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่มัน คือ มาชเมลโล่ที่นำไปย่างไฟจนพองกินคู่กับช๊อคโกแลตเหลว

         “ คุณเบียคุรันชอบมาชเมลโล่มากเหรอครับ?

         “ ก็ชอบพอๆกับที่เธอชอบช็อคโกแลตนั่นแหละ ”

         “ คุณรู้ได้ยังไงครับว่าผมชอบช็อคโกแลต?

         “ ฉันแอบสืบข้อมูลส่วนตัวของเธอมาหมดแล้วน่ะสิ ”

         ชายหนุ่มผมสีเพอร์ไวท์หยิบของหวานขึ้นมาบีบก่อนที่จะส่งมันเข้าปาก

         “ คนอย่างคุณมันไร้มารยาทที่สุดเลยครับ ”

         มุคุโร่ยิ้มอย่างเย้ยหยันหวังจะเรียกอารมณ์โกรธจากคนตรงหน้าได้บ้าง แต่คำพูดนั้นกลับไม่เป็นผลเพราะรอยยิ้มชวนหลงไหลยังคงปรากฏบนใบหน้าของบอสหนุ่ม

         “ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณเบียคุรันครับ ”

         “ เรื่องอะไรล่ะ?

         “ ผมสงสัยว่าทำไมคุณถึงสนใจธุรกิจของผมทั้งที่มีบริษัทใหญ่ๆมากมายในญี่ปุ่นให้คุณเป็นหุ้นส่วน ”

         บอสหนุ่มถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาสีอเมทีสต์จะสบกับเนตรสองสี

         “ มุคุโร่คุงเนี่ยว่าแต่คนอื่นเขาว่าไม่มี มารยาทแต่ดูตัวเธอสิดันถามเรื่องงานในเวลากินข้าว ”

         มุคุโร่กัดฟันแน่นคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำตอบยียวนกวนประสาท

    หมอนี่...เอาคืนได้ทันฟันเลยนะ...ผมคงประมาทคุณไม่ได้แล้วสิครับ

         “ งั้นผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ”

         “ อืม เชิญเลย ”

         ทันทีที่มุคุโร่เดินผ่านเบียคุรันไปแล้วนั้นร่างบางเปรยตามองร่างสูงที่นั่งหันหลังพร้อมกับเหยียดยิ้มแสนเจ้าเล่ห์

         เวลาผ่านไป 20 นาที

         “ มุคุโร่คุงเนี่ยช้าจังเลยน๊า ”

         เบียคุรันนั่งท้าวคางพลางบีบมาชเมลโล่ชิ้นสุดท้ายเล่นก่อนที่จะนำขนมแสนหวานใส่ปาก

         รัน...รัน...รั๊นๆๆๆๆ...เบียคุรัน

         เสียงโทรศัพท์ที่เป็นเอกลักษณ์ดังจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท ร่างสูงไม่แม้แต่จะดูชื่อผู้โทรมาเขาหยิบโทรศัพท์มือถือแสนแพงออกมารับอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

         “ ว่าไง ”

         “ ท่านเบียคุรันครับ คุณมุคุโร่หนีไปแล้วครับตามที่ท่านคิดไว้เลยครับ ”

         “ อืม~ ฉันรู้แล้วล่ะ ขอบใจมากนะ คิเคียวจัง ”

         เบียคุรันกดสายทิ้งก่อนที่จะหันมองออกไปทางหน้าต่าง ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้มกว้าง

         ณ. สนามบิน

         ร่างบางในชุดสูทสีดำขลับกำลังควานหาพาสปอร์ตและกระเป๋าเงินของตนอย่างร้อนรน มุคุโร่จำได้ว่าเขาเอาทั้ง 2 อย่างใส่ไว้ในเสื้อสูทนี่นา แต่ตอนนี้มันไม่มีเขาเตรียมมันไว้เผื่อว่าตัวเองจะได้หนีกลับประเทศของตนในกรณีที่สามารถฆ่าหรือฆ่าบอสของมิลฟิโอเล่ไม่สำเร็จ

         “ ให้ตายสิ คราวนี้ผมคงเหมือนโดนตัดแขนตัดขาแล้วสิครับ ”

         ร่างบางพึมพำพร้อมยิ้มเย้ยหยันกับความผิดพลาดของตนเอง มุคุโร่สาวเท้าช้าๆออกจากประตูมาหยุดยืนริมฟุตปาดของสนามบิน ร่างบางมองดูเบื้องหน้าอย่างไร้ทางไป พาสปอร์ตกับกระเป๋าเงินก็หายแถมยังฆ่าเบียคุรันไม่สำเร็จอีกไม่นานเขาต้องโดนบอสของมิลฟิโอเล่ตามล่า

         เอี๊ยด...

         รถสปอร์ตคันหรูสีขาวแสนคุ้นตาจอดเทียบทางเดินเบื้องหน้าของร่างบางและแน่นอนว่าเจ้าของรถคันนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากร่างสูง เจ้าของผมสีเพอร์ไวท์ ดวงตาสีอเมทิสมองใบหน้าของผู้แพ้อย่างพึงพอใจ เบียคุรันชูของสองสิ่งที่มุคุโร่กำลังหาเมื่อครู่ขึ้น ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มกว้าง

         “ เธอลืมของรึเปล่า? มุคุโร่คุง ”

         “ คึหึหึ ถ้าจะบอกว่าผมลืมของ สู้พูดว่าคุณหยิบมันไปโดยพลการจะดีกว่านะครับ ”

         “ ก็ฉันรู้ว่ามุคุโร่จะทำแบบนี้ไงล่ะ เอาล่ะ ขึ้นรถเถอะนะจะได้กลับบ้านกันซะที ”

         “ คึหึหึ ถ้าผมไปกับคุณ คุณคงได้พาผมไปกำจัดทิ้งสิครับ ”

         “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มุคุโร่คุงเนี่ยช่างคิดนะ เธอกลัวฉันเหรอ?

         “ ไม่เลยครับเพราะก่อนจะมาที่นี่ผมได้เตรียมใจไว้แล้ว ”

         “ ดีแล้วล่ะ ฉันชอบมุคุโร่คุงตรงนี้ที่สุดเลย อย่างห่วงไปเลยฉันรักษาคำพูดเสมอ ฉันจะดูแลนายให้ดีตามที่ได้รับปากกับคุณโคโดไว้ ”

         คำพูดแสนหวานเหมือนคำสัญญาจากเทวดาทำเอามุคุโร่เผลอเชื่อในคำพูดนั้นแว่บนึงก่อนที่จะเรียกสติกลับมาอีกครั้ง

         “ ขึ้นรถเถอะ ”

         คำเชิญชวนจากเทวดาช่างเป็นมิตรจนไม่อาจปฏิเสธ ร่างบางทำตามอย่างง่ายดาย

    เพราะไม่ว่ายังไง ผมคงหนีคุณไปไม่พ้นแล้วสินะครับ

         ภายในรถสปอร์ตคันงาม

         มุคุโร่นั่งมองใบหน้าครึ่งซีกของร่างสูงมาระยะนึงแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกไป จนเบียคุรันต้องหันมาแล้วมุคุโร่กลับเบือนหน้าหนีซะงั้น

         “ เธอมีอะไรจะถามฉันรึเปล่า? มุคุโร่คุง ”

         “ ผมแค่อยากรู้ว่า คุณเอาพาสปอร์ตกับกระเป๋าเงินของผมออกไปตอนไหน ”

         “ เรื่องนั้นเองเหรอ แล้วเธอจะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่อมันอยู่ที่ฉันแล้ว ”

         “ คึหึหึ เผื่อคราวหน้าผมจะได้ไม่เสียท่าให้คุณอีกไงครับ ”

         “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างนี้นี่เอง พูดอะไรตรงไปตรงมาเกินไปรึเปล่า มุคุโร่คุง แบบนี้ไงฉันถึงได้ชอบเธอ ”

    อีกแล้ว ไอ้คุณเบียคุรันพูดแบบนี้ออกมาอีกแล้ว ถึงคุณจะบอกชอบผมมากแค่ไหน ผมก็ไม่หลงกลคุณหรอกครับ

         ร่างบางหรี่ตามองอย่างเอือมระอา

         “ คุณจะบอกผมได้รึยังล่ะครับ คุณเบียคุรัน ”

         “ บอกก็ได้ ถ้าเธอยอมเป็นของฉันๆจะบอกเธอทุกอย่างเลยล่ะ ”

         “ คุณเบียคุรัน!!

         มุคุโร่ถึงกับหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูก

         “ ฉันล้อเล่นน่ะ ”

         ร่างสูงยิ้มกว้างที่ทำให้ร่างบางด้านข้างสติแตกได้แถมยังแลบลิ้นน้อยๆแสนขี้เล่นไปทางมุคุโร่

         “ อย่าพูดอะไรน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้กับผมอีกนะครับ ”

         “ ก็มันสนุกดีนี่นา นอกจากโชจังแล้วก็มีมุคุโร่คุงนี่ล่ะที่ฉันอยากจะแกล้ง ”

         โรคจิต...

         มุคุโร่รีบตีหน้านิ่งพร้อมกับมองออกไปด้านนอก เบียคุรันรู้ทันทีว่าร่างบางเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว

         “ ตอนที่กำลังจับเธอกดลงกับโซฟาที่ห้องทำงานสายตาของฉันมันเหลือบไปเห็นเข้าน่ะ เลยหยิบออกมาดูเฉยๆ แต่มุคุโร่คุงก็ความรู้สึกช้าเองนะ ”

         “ คึหึหึ หยิบไปดูแล้วทำไมไม่คืนผมซะทีล่ะครับ ”

         มุคุโร่พูดพลางแบมือออกหันไปหาเบียคุรันที่ทำสีหน้าสบายอารมณ์สุดๆ

         “ ฉันคงคืนให้ไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้! เธอต้องอยู่กับฉันเพื่อใช้หนี้ให้หมดซะก่อน ”

         “ คุณนี่มัน! น่ารังเกียจจังเลยนะครับ ”

         “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เงินมันไม่ได้หามาได้ง่ายๆนะ มุคุโร่คุง ”

         “ แล้วนี่คุณจะพาผมไปไหนครับ?

         “ พาไปที่พักไง มุคุโร่คุงเพิ่งมาถึงฉันเลยจัดเตรียมห้องไว้ให้แล้วล่ะ ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×