ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KHR Fic. ] ร้ายนักนายมาเฟีย 10069

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 54


         ฟิ้ว~

         เสียงแรงดันลมความเร็วสูงดังทั่วพื้นที่โล่งกว้าง เครื่องบินหลายลำเข้าจอดเทียบท่าตามเวลาที่กำหนด ชายหนุ่มผมสีไพรินในชุดสูทสีดำเดินตามทางยาวในสนามบินพร้อมกับบิดาที่มาถึงอิตาลี ระหว่างทางที่กำลังออกจากสนามบินเพื่อขึ้นรถไปยังจุดหมายเนตรสองสีเหลือบไปเห็นผู้ชายร่างกายกำยำสองคนกำลังเดินเข้ามาหาทั้งคู่

         “ คุณคือ โรคุโด โคโด รึเปล่าครับ?

         ชายคนหนึ่งในพวกนั้นหันมาถามชายชรา

         “ อืม ใช่ฉันเอง ”

         “ ท่านเบียคุรันสั่งให้พวกเรามารับคุณครับ ”

         “ งั้นคงต้องรบกวนพวกนายแล้วนะ ”

         “ ไม่เป็นไรครับ ”

         ชายในชุดสูทดำลากกระเป๋าของทั้งสองขึ้นท้ายรถก่อนที่จะเดินทางไปที่ตึกบัญชาการณ์มิลฟิโอเล่กลุ่มมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอิตาลีก่อนหน้าที่จะมาโคโดได้โทรแจ้งมาทางมิลฟิโอเล่แล้วแต่ไม่นึกเลยว่าทางฝ่ายบอสของมิลฟิโอเล่จะส่งคนมารับถึงที่

         ชายหนุ่มผมสีไพรินนั่งเท้าคางที่ด้านหลังคนขับมองวิวด้านนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม มีเพียงตึกสูงระฟ้าเพียงตึกเดียวที่ตั้งเด่นกลางความงดงามเหล่านั้นด้วยตัวตึกที่ทันสมัย ยิ่งพอรถมาจอดที่หน้าทางเข้ายิ่งรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของบอสแห่งมิลฟิโอเล่

         ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติเปิดออกเผยให้เห็นตัวตึกด้านในที่ตกแต่งด้วยสีขาวและเฟอร์นิเจอร์สีอ่อนๆซึ่งไม่เข้ากับตึกบัญชาการของมาเฟียเอาซะเลย

         “ คุณเบียคุรันคงชอบสีขาวมากนะครับ ”

         โคโดเริ่มเปิดประเด็นเมื่อเดินเข้ามาในลิฟท์จากตัวเลขชั้นที่แสดงทำให้รู้ว่าตึกนี้มีทั้งหมด 169 ชั้นเลยทีเดียวซึ่งคงต้องใช้เวลาราว 10 นาที

         “ ครับ ท่านเบียคุรันชอบสีขาวที่สุดเพราะมันดูบริสุทธิ์ดีครับ ”

         มุคุโร่เกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ทันกับคำตอบที่ได้ยินพลางนึกในใจว่า

    เป็นมาเฟียแสนชั่วร้ายที่ชอบแย่งทุกสิ่งทุกอย่งมาจากคนอื่น แต่กลับชอบสีขาวเพราะมันบริสุทธิ์เนี่ยนะ ช่างไม่เข้ากับคนอย่างคุณเลยนะ เบียคุรัน

     

         ทันทีที่ประตูเปิดออกยังคงมีทางยาวทอดไปอีกซัก 50 เมตรซึ่งด้านข้างมีห้องต่างๆ ทั้งห้องอาหาร,ห้องนั่งเล่น,ห้องเล่นเกมส์และอื่นๆอีกมากมาย พูดง่ายๆว่าแค่ชั้นนี้ชั้นเดียวก็มีทุกอย่างครบวงจรแล้ว สุดทางเดินก็พบประตูบานใหญ่ตั้งตระหง่านด้านหลังประตูนั้นคือห้องของบอสแห่งมิลฟีโอเล่

         “ ท่านเบียคุรันครับ คุณโรคุโด โคโดมาถึงแล้วครับ ”

         ชายนำทางพูดใส่กล่องสีขาวที่ติดข้างกำแพง

         “ อืม เข้ามาสิ ”

         เจ้าของห้องขานรับ ประตูบานใหญ่เลื่อนออกเผยให้เห็นห้องสีขาวขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมด้วยกระจกใสจนมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอก ทั้งสี่คนเดินเข้ามาด้านในแล้วหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ถูกจัดไว้กลางห้อง

         ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผมสีเพอร์ไวท์ นั่งเท้าคางอย่างสบายอารมณ์ที่โต๊ะ ดวงตาสีอเมทีสต์จับจ้องผู้มาเยือน แสงสีขาวจากดวงอาทิตย์ส่องเข้าจากด้านหลังทำให้ร่างของบุรุษเจ้าของห้องถูกกลืนไปกับแสงสว่างนั้น

         “ ไม่ได้พบกันซะนานนะครับ คุณเบียคุรัน ”

         โคโดเป็นฝ่ายทักก่อนพลางคำนับตามวิสัยของคนญี่ปุ่น ชายหนุ่มผมสีเพอร์ไวท์ยิ้มตอบก่อนที่จะเดินออกมาแล้วหยุดยืนตรงหน้าบุรุษสูงวัยมือข้างซ้ายยังคงล้วงกระเป๋ากางเกง มุคุโร่มองร่างสีขาวอย่างไม่ค่อยพอใจกับท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว

         “ ไม่ได้พบกันนานนะ คุณโรคุโด โคโด...แล้วนั่น ”

         เบียคุรันเปรยตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังโคโด

         “ นั่นลูกชายผมเองครับ โรคุโด มุคุโร่ ”

      ร่างสูงเดินไปหาชายหนุ่มเนตรสองสีพลางยื่นมือมาด้านหน้า

         Umm...Nizza per incontrare voi.Mukurokun

        มุคุโร่ไม่เข้าใจสิ่งที่ร่างสูงเอ่ย เขาได้แต่ทำหน้างงเรียกรอยยิ้มจากบุรุษตรงหน้าได้ไม่ยาก

         “ นั่นเป็นภาษาอิตาลีน่ะ แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก มุคุโร่คุง ” เบียคุรันแปลให้เสร็จ

    ทั้งที่อายุน่าจะน้อยกว่าเราแต่กลับกล้าเรียกชื่อของเราอย่างสนิมสนม...คนอย่างคุณมันไร้มารยาทที่สุด

         เจ้าของเนตรสองสียื่นมือตอบอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็เก็บอาการเหล่านั้นภายใต้รอยยิ้มที่ดูเยือกเย็น

         “ ฝากตัวด้วยครับ คุณเบียคุรัน ”

         “ อืม ฉันหวังพึ่งความสามารถของเธอนะ มุคุโร่คุง ”

         “ ผมฝากมุคุโร่กับคุณเบียคุรันด้วยนะครับ ”

         “ ครับ ผมจะดูแลเขาอย่างดีตามที่ตกลงกันไว้ ”

         “ งั้นผมคงต้องขอตัวกลับญี่ปุ่นเลยนะครับ ”

         “ อ้าว ทำไมล่ะคุณโคโด ผมนึกว่าคุณจะอยู่ที่นี่ซักสอง สามวันซะอีก ”

         “ ผมมีงานต้องสะสางที่บริษัทครับ ”

         “ หืม บริษัทของผมน่ะเหรอ?

         ร่างสูงพูดแทงใจดำโคโดด้วยรอยยิ้ม ชายสูงวัยเหงื่อแตกพลักร่างของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อยเมื่อเบียคุรันวางมือบนไหล่ของเขา

         หมับ!!

         มือเรียวเหมือนสตรีเข้ามาคว้ามือหนาของเบียคุรันออกจากพ่อของตน

         “ คุณมีผมอยู่ที่นี่แล้วนี่ครับ ”

         “ อืม~ นั่นสินะ ”

         เบียคุรันผละออกจากโคโดกลับมายืนที่เดิมก่อนที่มุคุโร่จะมายืนขั้นกลางใบหน้าของเขายังคงความเยือกเย็นทั้งที่ในใจอยากจะชกให้คว่ำ

         “ งั้น ฉันจะให้คนไปส่งนะ ”

         ร่างสูงสาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานพลางต่อสายไปที่เลขา ไม่นานนักชายร่างกำยำ 2 คนในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามาในห้อง

         “ พวกนายช่วยไปส่งคุณโคโดที่สนามบินทีนะ ”

         “ ครับ ”

         ทันทีที่โคโดนเดินลับสายตาภายในห้องสีขาวมีเพียงสองร่างที่ยืนเงียบงันทั้งคู่ต่างเผยยิ้มใส่กันทั้งที่ต่างฝ่ายต่างรู้อยู่แก่ใจว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้จริงใจแม้แต่น้อย ร่างสูงเดินไปนั่งที่โซฟาสีม่วงอ่อน บนโต๊ะรับแขกมีโน๊ตบุ๊ค 1 ตัวกับถุงขนมสีขาว

         “ มานั่งนี่สิ มุคุโร่คุง ”

         เบียคุรันกล่าวน้ำเสียงสบายๆพลางหยิบขนมในถุงมาบี้เล่น ชายหนุ่มผมสีไพรินทำตามอย่างว่าง่าย

         ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

         “ ขออนุญาตครับ คุณเบียคุรัน ”

        “ เข้ามาสิ ”

         ชายหนุ่มผมสีส้มใส่แว่นหนาเต๊อะเดินเข้ามาในห้องพร้อมแฟ้มเอกสารท่วมหัว เขาเดินโซเซเรียกเสียงหัวเราะของเจ้าของห้อง มุคุโร่เดินเข้าไปช่วยถือแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ

         “ โชจังเนี่ยชอบทำอะไรตลกนะ ”

         “ ก็คุณเองไม่ใช่เหรอที่ไม่ยอมทำงานน่ะ แล้วแฟ้มพวกนี้จะต้องเอาเข้าประชุมวันนี้แล้วนะครับ ”

        อิริเอะโวยวายกับท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของบอสแถมยังยิ้มระรื่นใส่ซะอีก ตอนนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มเนตรสองสี

         “ เขาเหรอครับ? ที่คุณพูดถึง ”

         “ อืม เขานี่ล่ะ...โรคุโด มุคุโร่คุง ”

         “ แล้วคุณเอาเขามาอยู่ในตำแหน่งอะไรครับ ”

         “ นั่นสินะ...ตำแหน่งไหนดีล่ะ...เอาเป็น...เลขาส่วนตัวของฉันแทนนายไงล่ะ ” ร่างสูงนำขนมที่อยู่ในมือใส่ปาก

         “ ห๋า!!...อะไรนะ ”

         ทั้งมุคุโร่และอิริเอะพูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เจ้าของห้องยังคงนั่งเคี้ยวขนมอย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจกับคำถาม

         “ คุณเบียคุรัน คุณพูดจริงเหรอครับ? ” ชายผมส้มถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือดวงตาสีเขียวมรกตสั่นระริก

         “ คุณทำแบบนี้มันไม่ถูกนะครับ คุณจะไล่เขาออกแบบนี้ไม่ได้แล้วผมก็ไม่คิดจะเป็นเลขาส่วนตัวของคุณด้วย ”

         “ เป็นอะไรไปทั้งสองคน...ฉันไม่ได้บอกซักหน่อยว่าจะไล่โชจังออกน่ะ ”

         ทั้งสองสบตากันอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่บอสพูด เบียคุรันยังคงยิ้มร่าพร้อมหยิบขนมขึ้นมาอีกชิ้นก่อนที่จะเฉลยออกมา

         “ ฉันอยากให้นายไปดูแลงานที่ญี่ปุ่นน่ะ โชจัง ”

         “ ผมเหรอ?...ทำไมล่ะครับ ”

         “ นั่นก็เพราะ โชจังเป็นคนที่ฉันไว้ใจที่สุดและถ้าฉันปล่อยให้มุคุโร่ที่อยู่ญี่ปุ่นอยู่แล้วดูแล ฉันกลัวว่าเขาจะทำอะไรแผลงๆกับมิลฟิโอเล่ของฉันน่ะสิ ”

         เบียคุรันมองไปที่ชายหนุ่มผมสีไพรินอย่างเจ้าเล่ห์

         “ แล้วคุณเบียคุรันจะให้ผมไปดูงานอะ ไรที่ญี่ปุ่นเหรอครับ ”

         “ บริษัทที่ฉันเพิ่งได้มาไม่นานนี้น่ะ ”

         “ อย่าบอกนะครับว่า... ”

         “ ใช่ๆๆ...บริษัทส่งออกผลไม้ของตระกูลโรคุโดไงล่ะ ”

         ร่างสูงหยิบขนมเข้าปากอีกชิ้นอย่างสบายอารมณ์ผิดกับเจ้าของเนตรสองสีที่ยืนกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ

         “ ฉันถึงได้บอกไงล่ะว่าอยากให้นายดูแลแทนมุคุโร่คุง ”

         “ คุณจะให้ผมไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ครับ?

         “ เร็วที่สุดเพราะฉันไม่อยากทิ้งธุรกิจของฉันไว้นานน่ะ ”

         “ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”

         อดีตเลขาส่วนตัวเดินออกจากห้องของบอสด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทันทีที่ประตูปิดอิริเอะถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกพลางคิดในใจว่า

    ไอ้เราก็นึกว่าจะได้หลุดพ้นจากคุณเบียคุรันแล้วทั้งที...ไหงโดนส่งไปญี่ปุ่นได้นะ...แต่ก็ดีเหมือนกันได้ไปทำงานที่อื่นบ้าง

         อิริเอะหันมองที่ประตูสีขาวอีกครั้ง

    โชคดีนะครับ...คุณโรคุโด มุคุโร่...การทำงานกับคุณเบียคุรันน่ะไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×