คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14
อย่างเร่งด่วน การตามหาทำได้ค่อนข้างยากเพราะรถคันนั้นไม่มีป้ายทะเบียน ดังนั้นมิลฟิโอเล่จำเป็นต้องใช้อิทธิพลติดต่อขอใช้กล้องวงจรปิดทุกตัวกับทางตำรวจจนได้ภาพรถคันสีดำ รถคันนั้นได้แล่นเข้าไปที่ท่าเรือทันทีที่รถผ่านเข้าไปประตูก็ถูกปิดลง
หลังจากนั้น 30 นาทีได้มีขบวนรถแบบเดียวกับที่จับตัวมุคุโร่วิ่งตามกันออกมามากมายประมาณ
169 คันวิ่งแยกย้ายไปคนละทิศละทาง เท่าที่สังเกตจากกล้องวงจรปิดรถทุกคันไม่ได้ถูกติดแผ่นป้ายทะเบียนเหมือนกัน คิเคียวได้ส่งลูกน้องไปตรวจสอบพื้นที่ๆนั่นไม่เหลือรถจอดทิ้งไว้แม้แต่คันเดียว
“ หึหึ...คงวางแผนมาเป็นอย่างดีสินะ ”
เบียคุรันโยนแฟ้มรายงานลงกับโต๊ะ ใบหน้าคมคายแย้มยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ เพราะจำนวนรถที่แยกย้ายมีมากเกินไป...ทำให้ไม่สามารถตามเจอได้ในทันทีครับ ”
คิเคียวพูดเสียงเรียบ เนตรสีมรกตคอยสังเกตปฏิกิริยาของบอสที่ดูจะอารมณ์ดีไม่เข้ากับสถานการณ์
แต่ลูกน้องคนสนิทอย่างเขารับรู้ได้เลยว่าบอสคงกำลังโมโหอยู่มากแน่ๆ
“ ก็นะ...ฝีมือพวกนั้นก็คงไม่ธรรมดา...ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าทำเรื่องอย่างนี้หรอก ”
เบียคุรันเอนกายชิดติดพนักเก้าอี้ส่วนมืออีกข้างถือถุงน้ำแข็งประคบบริเวณที่ถูกฟาด
“ แล้วท่านเบียคุรันเป็นยังไงบ้างครับ?...ดีขึ้นรึยัง? ”
“ ก็ยังปวดอยู่นิดหน่อยล่ะนะ ”
พอถุงน้ำแข็งสัมผัสเข้าที่ขมับใบหน้าของเบียคุรันก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ว่าจะเป็นโชคดีหรือ
ว่าโชคร้ายที่หัวของเขาไม่แตก แต่กลับมีรอยเขียวช้ำมาแทน
“ แล้วท่านเบียคุรันจะให้พวกผมทำยังไงต่อเหรอครับ? ”
“ อูย!...นั่นสินะ...ในเมื่อเราไม่รู้ว่าคนที่จับตัวมุคุโร่คุงเป็นใคร...งั้นเราก็คงต้องรอให้ฝ่ายนั้นเป็นคน
ติดต่อเรามาเองนั่นแหละ ”
“ รับทราบครับ ”
คิเคียวโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการน้อมรับคำสั่งก่อนที่จะหันกายเดินไปที่ประตูพร้อมกับแฟ้มรายงาน
“ บอกโชจังว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าให้มาพบฉันที่มิลฟิโอเล่ ”
“ แต่ว่าคุณโชอิจิอยู่ที่ญี่ปุ่นนะครับ ”
“ หึหึ...ไม่ต้องห่วง โชจังจะต้องมาทันแน่...ถึงแม้ว่าเขาจะต้องลำบากก็ตามอ่ะนะ ”
“ รับทราบครับ ”
..........
......
..
.
ภายในความมืดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยผ้าบางๆผืนหนึ่ง เจ้าของเนตรที่ถูกปิดได้สติหลังจากที่ถูกบังคับให้
รับกลิ่นอ่อนๆจากผ้าของชายชุดดำ พอออกแรงถึงได้รู้ว่าแขนทั้งสองข้างถูกจับมัดไพล่หลัง
...มันเกิดอะไรขึ้น ที่นี่ที่ไหน?...
“ พอตื่นขึ้นมาก็ไม่อยู่นิ่งเลยนะค่ะ ”
เสียงผู้หญิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นมุคุโร่เริ่มเคลื่อนไหว
“ คุณเป็นใคร?...จับผมมาทำไม? ”
“ อะไรกัน...นี่คุณจำฉันไม่ได้เหรอค่ะ...นั่นสินะ ก็เราเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนี่ ”
...เพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แล้วใครมันจะไปจำได้ล่ะ?...
“ ถ้าอย่างนั้นผมก็คงจำคุณไม่ได้หรอกครับ?...แก้มัดผ้าที่ตาของผมสิครับ....จะได้รู้ว่าคุณเป็นใคร ”
“ คุณเองก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะค่ะ ”
มือบางทั้งสองข้างอ้อมไปด้านหลังของมุคุโร่เพื่อปลดผ้าปิดตาออก แสงจ้าจากไฟนีออนทำให้เนตร
ต่างสีไม่สามารถลืมตาได้ในทันที
“ คุณจับผมมาทำไม? ”
มุคุโร่ขมวดคิ้วหลังจากที่รับรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร เนตรต่างสีมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ ใจร้อนเกินไปหน่อยแล้วนะค่ะ...เรามาค่อยๆคุยกันดีกว่า ”
“ คึหึหึ...คุยเหรอครับ...คุณจับผมมา แล้วยังมัดผมไว้อีก...คงไม่ใช่แค่การคุยธรรมดาใช่มั้ยครับ? ”
หญิงสาวยิ้มอย่างเอ็นดูมือบางของเธอสัมผัสที่แก้มของมุคุโร่เบาๆ
“ คุณนี่...ฉลาดพอๆกับเบียคุรันเลยนะค่ะ ”
“ คึหึหึ...อย่าเอ่ยชื่อของคนๆนั้นอีกนะครับ...ผมไม่ชอบใจเลยที่บอกว่าผมเหมือนเขา ”
“ กะแล้วเชียวว่าฉันเลือกคนไม่ผิด...คุณน่ะไม่ได้ชื่นชอบในตัวของคนๆนั้นจริงๆด้วยสินะค่ะ ”
“ ผมไม่ได้อยู่กับคุณเบียคุรันเพราะว่าชอบเขาหรอกนะครับ...แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ
เลยนี่... ”
เธอออกแรงบีบที่ปลายคางได้รูป แรงบีบมีมากพอที่ทำให้มุคุโร่พูดลำบาก
“ ฉันรู้ค่ะ...ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ...ฉันส่งคนสะกดรอยตามคุณได้สักพักแล้ว...คุณโรคุโด มุคุโร่...
รวมถึงสืบประวัติและรู้กระทั่งว่าคุณมาอยู่ที่นี่เพื่อชดใช้หนี้ที่ติดไว้...แต่นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นของเล่นฆ่าเวลาของเบียคุรันด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เนตรต่างสีเบิกกว้าง เธอคลี่ยิ้มอย่างพอใจพลางคลายมือออกเปลี่ยนมานั่งตรงหน้าขาของมุคุโร่แทน
“ คุณต้องการอะไรกันแน่!! ”
“ เร็วๆนี้จะมีการเซ็นสัญญาระหว่างแฟมิลี่ของเบียคุรันและของฉัน...การเจรจาไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร ...
หมอนั่นเจ้าเล่ห์อย่างกับหมาป่า ”
“ ดังนั้นคุณจึงจับตัวผมมาเพื่อขู่เขาเหรอครับ...คึหึหึ บอกไว้ก่อนเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมติด
กับอะไรง่ายๆแบบนี้ ดีไม่ดีเขาอาจจะดีใจก็ได้นะครับที่ผมถูกกำจัด...แล้วอีกอย่างผมก็ไม่คิดจะขอให้เขามาช่วยหรอกนะครับ ”
“ ฉันดูออกค่ะว่าคุณสำคัญกับเบียคุรันมากขนาดไหน...มากถึงขนาดกีดกั้นออกจากธุรกิจสกปรก...
ปกป้องคุณจากมาเฟียอย่างพวกฉันและรู้ด้วยว่าคุณจะไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากเขา ”
หญิงสาวโอบแขนรอบคอมุคุโร่ ริมฝีปากบางกระซิบอย่างเย้ายวนที่ใบหู
“ ที่จริงก็ว่าจะรออีกซักหน่อย...แต่พอดีว่าฉันได้รับรายงานจากลูกน้องที่คอยเฝ้าว่าคุณกำลังวิ่ง
หนีเบียคุรัน...ถึงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่ก็เป็นโอกาสดี...กำหนดการจับตัวคุณก็เร็วกว่าที่คิดไว้...และอีกอย่างคุณไม่อยากได้ธุรกิจของตระกูลกลับคืนมาเหรอค่ะ? ”
นิ้วเรียวเกลี่ยริมฝีปากของมุคุโร่ช้าๆ เธอสบตาเนตรต่างสีอย่างเย้ายวน
“ คึหึหึ...ผมไม่คิดจะร่วมมือกับมาเฟีย ”
“ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ...ฉันถึงอยากจะคุยกับคุณก่อนไงค่ะ...คุณมุคุโร่ “
..........
......
..
.
...ให้ตายสิ เมื่อไหร่คนๆนี้จะเลิกเอาแต่ใจซักทีนะ นึกจะเรียกกลับก็เรียก ไม่เคยนึกถึงหัวอกคนอื่นบ้างเลย...
โชอิจิบ่นออดแอดอยู่ในใจ ผมหนาสีส้มยังหวีไม่เข้าทรงดี เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ควรจะนุ่งทับ ชายเสื้อกลับ
หลุดออกมาข้างนอกมือทั้งสองข้างลากสัมภาระอย่างทุลักทุเลเข้าห้องของบอสมิลฟิโอเล่
“ อ้าว โชจังมาแล้วเหรอ?...มาไวจริงๆเลยนะ ”
“ ไม่ต้องมาพูดอย่างนี้เลยนะครับ...ถ้าผมมาช้าคุณก็จะ... ”
โชอิจิพูดไปได้นิดเดียวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นรอยเขียวจางบนใบหน้าหล่อเหลาของบอส เบียคุรันยิ้ม
ตอบ
“ ฉันจะทำไมงั้นเหรอ? ”
“ จะทำไมก็ช่างเถอะครับ...หน้าของคุณไปโดนอะไรมา ”
“ คนที่กล้าถามฉันก็มีแต่โชจังเนี่ยอ่ะนะ ”
เบียคุรันลูบที่แผลเบาๆ
“ นี่เป็นผลงานของมุคุโร่เขาน่ะ ”
โชอิจิถึงกับหน้าซีดเขาไม่เคยคิดเลยว่ามุคุโร่จะกล้าทำร้ายและก็ไม่คิดเลยว่าเบียคุรันจะเสียท่าง่าย
ขนาดนี้ โชอิจิวางกระเป๋าเดินทางลงกลางห้องก่อนจะเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงาน
“ คุณจัดการกับคุณมุคุโร่ไปแล้วเหรอครับ? ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ...โชจัง ”
“ เฮ้อ นั่นสินะครับ...แล้วที่รีบเรียกผมมามีเรื่องอะไรเหรอครับ ”
เบียคุรันนั่งท้าวคาง เนตรสีอ่อนจ้องตรงมาที่โชอิจิอย่างเย็นชา ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเย็นยะเยือก
“ มุคุโร่...ถูกจับตัวไป...ต่อหน้าต่อตาฉันเลย ”
“ เป็นไปได้ยังไงครับ ”
เบียคุรันเอนกายชิดผนัก มือขวาล้วงซองขนมสีขาวนุ่มนิ่ม หยิบออกมาหนึ่งชิ้นในระดับสายตาออกแรง
บีบอย่างสนุกมือก่อนจะส่งขนมชิ้นนั้นเข้าปาก
“ ฉันคิดว่าจะต้องมีคนแอบสะกดรอยมุคุโร่คุงอยู่แล้วแน่ๆ...แต่พอดีว่าดันเกิดเรื่องบังเอิญขึ้น...ทำให้
สบโอกาสน่ะนะ ”
จนถึงตรงนี้โชอิจิก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด การที่มุคุโร่ถูกสะกดรอยอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้กับเบียคุรันย่อมตกเป็นที่สนใจอยู่แล้ว แต่เรื่องบังเอิญที่เบียคุรันพูดถึงและถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตานั้นคงเป็นไปไม่ได้
“ เรื่องบังเอิญที่ว่า...เกี่ยวกับแผลบนหนาของคุณรึเปล่าครับ? ”
“ หึหึ...ก็ส่วนนึงน่ะ ”
“ แล้วคุณรู้ตัวคนลักพาตัวไปรึยังครับ? ”
“ ก็กำลังรอฝั่งนู้นติดต่อมาน่ะ ”
“ ใจเย็นเกินไปรึเปล่าครับนั่น ”
เบียคุรันเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงพลางเดินมาที่โชอิจิ มือซ้ายวางบนไหล่อดีตเลขา
“ ฉันถึงต้องเรียกนายกลับมาไงล่ะ...โชจัง...เรื่องเทคโนโลยีไม่มีใครเก่งเกินนายอยู่แล้ว ”
โชอิจิมองเบียคุรันอย่างไม่เชื่อหูตังเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเบียคุรันคงไม่พูดอะไรทำนองนี้หรือว่าการที่มีมุ
คุโร่อยู่ใกล้ตัวอาจทำให้เขาอ่อนโยนขึ้น โชอิจิยิ้มรับพร้อมกับวางมือขวาลงบนหลังมือเบียคุรัน
“ เชื่อใจผมได้เลยครับ...คุณเบียคุรัน ”
เวลา 18.00 น. ของวันนั้น...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เบียคุรันกำลังนั่งประกอบไพ่เป็นทาวเวอร์สูงระดับสายตา เสียงนั้นรบกวน
สมาธิทำให้ไพ่ทาวเวอร์ล้มลงอย่างง่ายดาย โดยมีโชอิจินั่งอยู่ข้างๆ มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอแสดงเบอร์ที่ไม่ขึ้นชื่อ แถมเขาเองก็ไม่คุ้นซะด้วย
“ ฮัลโหล...ฉันเบียคุรัน ”
“ นายคือเบียคุรัน เจสโซ่สินะ ”
“ ถ้านายหมายถึงหัวหน้ามิลฟิโอเล่ด้วยคนๆนั้นก็คือฉันนี่แหละ ”
โชอิจิรับรู้ได้ถึงความผิดปกติเขามองหน้าเบียคุรันที่ยังคงแย้มยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับเปิด
อุปกรณ์ดักฟังที่ติดกับโทรศัพท์
“ นายคือคนที่จับตัวมุคุโร่ไปสินะ ”
เบียคุรันเริ่มเปิดประเด็นอย่างไม่รอช้า คนปลายสายมีน้ำเสียงหวั่นไหวเล็กน้อย
“ นี่แกรู้ตัวแล้วเหรอ? ”
“ กำลังรออยู่เลยต่างหาก...แล้วนายล่ะเป็นคนของแก๊งไหน? ”
“ แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก! ”
“ ทำไมล่ะ?...ทั้งที่กล้าจับคนของฉันไปแท้ๆ...แต่กลับไม่กล้าแสดงตัว...ขี้ขลาดจังเลยนะ ”
เบียคุรันกดเสียงต่ำ ทำเอาคนที่นั่งข้างๆอย่างโชอิจิรู้สึกหวั่นไปด้วยเพราะเวลาที่บอสของเขาเอาจริงมัน
น่ากลัวมากชนิดที่ว่าทำลายโลกทั้งโลกได้เลยทีเดียว
“ ฉันว่าแกน่าจะห่วงเรื่องคนของแกมากกว่านะ...ใช้ได้เลยนี่หว่า ”
“ นายหมายความว่ายังไง? ”
“ ก็ไม่รู้สินะ...แค่อยากจะบอกว่าคนของแกไม่ค่อยทนมือทนเท้าเอาซะเลย... ”
“ นี่แก!...ทำอะไรมุคุโร่ ”
เบียคุรันดีดตัวขึ้นด้วยอารมณ์โมโหหน้าแข้งของเขากระแทกเข้ากับโต๊ะรับแขกจนสั่นไหว เสียงดังพอที่
ทำให้คนในโทรศัพท์ได้ยิน
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า อะไรกัน...แค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วยเหรอ? ”
“ ปล่อยตัวมุคุโร่มาเดี๋ยวนี้!! ”
“ จะให้ปล่อยไปง่ายๆตามคำพูดของแกได้ยังไงล่ะ ”
“ แล้วแกจะเอายังไง? ”
“ มาหาฉันที่ตึกร้างนอกเมืองสิ...แล้วแกก็มาเอาคนของแกกลับไป ”
“ หึ...ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่ามุคุโร่ยังมีชีวิตอยู่ ”
ปลายสายรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ ขณะที่เขากำลังคุยกับเบียคุรันก็มีร่างบางนั่งอยู่ข้างๆตลอด
เขาจ่อโทรศัพท์ที่หูของตัวประกัน
“ คุณเบียคุรัน! ”
เบียคุรันที่ได้ยินเสียงใสก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง เขามั่นใจได้ว่าตอนนี้ร่างบางปลอดภัยดีอยู่
“ มุคุโร่คุง...เธอเป็นยังไงบ้าง...พวกนั้นซ้อมเธอรึเปล่า? ”
“ คุณเบียคุรัน...ช่วย...ผม...ด้วยครับ ”
มุคุโร่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือทำเอาคนฟังรู้สึกร้อนรน
“ รอฉันก่อนนะ...มุคุโร่...ฉันจะไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้แหละ ”
“ คราวนี้คงมาเจอฉันได้แล้วสินะ ”
จากเสียงของมุคุโร่กลับมาเป็นเสียงของคนลักพาตัวแล้ว
“ แกต้องการอะไรกันแน่? ”
“ ไว้แกมาถึงก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันดีมั้ย?...เวลานัดคือ 3 ทุ่ม...อ่อ ขอเตือนไว้อีกอย่าง...แกห้าม
พาคนของแกมาด้วย...อย่ามาเล่นตุกติกกับฉันล่ะ ”
ปลายสายกดวางไปแล้ว โชอิจิเริ่มมีท่าทีเคร่งเครียดการที่ฝ่ายตรงข้ามยื่นข้อเสนอแบบนี้ต้องไม่เป็น
ผลดีแน่
“ ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำตามคำพูดของมันนะครับ ”
“ อืม...นั่นสินะ...ฉันมีทางเลือกอื่นรึเปล่าล่ะ? ”
“ มีสิครับ...คุณก็ไม่ต้องไปพบพวกนั้นไง...คุณส่งใครไปก็ได้อยู่แล้วนี่ ”
“ นี่โชจังกำลังจะบอกให้ฉันทิ้งมุคุโร่ไปนะ ”
เบียคุรันเอ่ย เนตรสีอ่อนมองเรียบนิ่ง พอถึงตรงนี้โชอิจิก็พูดไม่ออกเขาก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า...เธอรู้จักฉันดีนี่...ฉันจะไม่ยอมเป็นอะไรก่อนที่จะได้แต่งงานกับมุคุโร่คุง
เด็ดขาด ”
เบียคุรันพูดติดตลกเพื่อให้สถานการณ์ตึงเครียดได้คลี่คลายลงบ้าง แต่เจ้าของผมส้มกลับยิ่งหงุดหงิดมาก
ขึ้นกว่าเก่า
“ แต่ว่า...คุณเองก็สำคัญกับมิลฟิโอเล่เหมือนกันนะครับ ”
โชอิจิตะโกนลั่นจนเบียคุรันยังรู้สึกอึ้ง ใบหน้าคมคายยิ้มอย่างอ่อนโยนกับท่าทางขึงขัง มือทั้งสองข้าง
วางบนไหลของเพื่อนสนิท
“ แต่มุคุโร่สำคัญกับฉันมากเหมือนกัน...เธอก็รู้นี่...เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงต้องเรียกนายกลับมา...อีก
อย่างฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย...นี่เป็นความลับระหว่างเรานะ...หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...โชอิจิ นายห้ามบอกมุคุโร่เรื่องของฉันอย่างเด็ดขาด... ”
..........
......
..
.
ก่อนเวลานัด 1 ชั่วโมง ณ. ตึกมิลฟิโอเล่
“ คุณจะไม่เปลี่ยนใจจริงๆเหรอครับ ”
“ อืม...นี่เธอถามฉันกี่ครั้งแล้วเนี่ย? ”
เบียคุรันเอ็ดขณะกำลังเช็คกระสุนปืน มือหนาหมุนลูกโม่หนึ่งรอบแล้วค่อยจะสะบัดให้มันเข้าที่ก่อนจะ
เก็บเข้าซองปืนสะพายไหล่ เขาหยิบเสื้อสูทสีขาวสวมทับเพื่อปกปิด
“ ผมว่าคุณน่าจะมีคนติดตามไปด้วยนะครับ...อย่างน้อยคุณก็ให้ผมตามไปด้วยคนก็ยังดี ”
“ อย่าลืมหน้าที่ของเธอสิ...โชจัง...อีกอย่างถึงเธอไปด้วยก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ? ”
โชอิจินิ่งเงียบเพราะน้ำเสียงตอนนี้เหมือนจะเป็นคำสั่งมากกว่าการขอร้อง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของชายหนุ่มทั้งสอง เบียคุรันส่งสายตาไปที่โชอิจิให้ไปตรวจดู
ว่าผู้มาเยือนยามวิกาลเป็นใคร
“ คุณเบียคุรันอยู่มั้ยค่ะ? ”
หญิงสาวพูดทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
“ มีธุระอะไรรึเปล่าครับ? ”
“ พอดีฉันว่าจะชวนคุณเบียคุรันไปทานอาหารค่ำซักหน่อยค่ะ ”
“ ต้องขอโทษด้วยนะครับ...พอดีว่าคุณเบียคุรันไม่อยู่ครับ ”
“ งั้นเหรอค่ะ...เหมือนฉันจะเห็นรถของเขาจอดอยู่ที่ลานจอดรถนะค่ะ ”
ถี่ถิงส่งสายตาอย่างคาดคั้นพร้อมกับมองไปที่ประตูที่แง้มเปิด คนโกหกไม่เก่งอย่างโชอิจิถึงกับกลืน
น้ำลายลำบาก
“ ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับที่คนของผมตอบคุณไปแบบนั้นน่ะ ”
เบียคุรันก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มมือข้างขวาท้าวกับขอบประตู ส่วนมือข้างซ้ายแตะแผ่นหลังของโชอิจิ
เบาๆเพื่อบอกว่าให้เขาถอยออกไปก่อน
“ พอดีว่าผมเป็นคนสั่งเขาเองน่ะครับ ”
“ อย่างนี้นี่เอง...แล้วนั่นคุณกำลังจะไปไหนรึเปล่าค่ะ? ”
ถี่ถิงสัมผัสที่ใบหน้าหล่อเหลาเบาๆ ริมฝีปากแดงอวบอิ่มยิ้มอย่างเย้ายวน ดวงตาที่กรีดอย่างสวยงาม
มองไล่ลงถึงแผงอกก่อนจะหันมาสบตากับเบียคุรันอีกครั้ง
“ วันนี้คุณพอจะมีเวลาจะไปทานข้าวกับฉันมั้ยค่ะ? ”
“ ต้องขอโทษจริงๆครับ...ผมมีธุระเร่งด่วนที่ต้องไปทำน่ะ ”
“ แย่จังเลยนะค่ะ...แล้วธุระที่ว่าต้องให้ฉันช่วยรึเปล่าค่ะ? ”
“ นั่นสินะครับ...ถ้าเป็นคุณล่ะก็ต้องช่วยผมได้มากเลยทีเดียว ”
“ มีเรื่องอะไรเหรอค่ะ? ”
“ ผมว่าเราเข้ามาคุยกันข้างในดีกว่านะครับ ”
ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้อง เบียคุรันออกปากเล่าเรื่องราวที่มุคุโร่ถูกลักพาตัวไปโดยไม่เปิดเผย
สถานะระหว่างเขากับมุคุโร่ หญิงสาวรู้แต่เพียงว่าคนที่ชื่อมุคุโร่เป็นแค่เลขาส่วนตัวเท่านั้น มือบางแตะที่ปลายคางเหมือนกับกำลังขบคิด
“ แล้วคุณคิดที่จะทำยังไงต่อไปล่ะค่ะ? ”
“ ก็คงต้องทำตามที่พวกนั้นว่ามานั่นแหละครับ ”
“ มันจะดีแน่เหรอค่ะ?...แค่เลขาคนเดียว...ทำไมคุณถึงต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยด้วยล่ะ ”
เธอพูดน้ำเสียงหยอกล้อเหมือนกับไม่เชื่อว่ามุคุโร่จะเป็นแค่เลขาส่วนตัวธรรมดา ดวงเนตรสีอเม
ทีสต์มองกลับอย่างรู้ทัน ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
“ พอดีว่าผมไม่อยากจะใช้คนเปลืองแล้วล่ะครับ ”
“ ถ้างั้นคุณต้องการให้ฉันช่วยอะไรล่ะค่ะ? ”
“ พวกนั้นแค่บอกว่าไม่ให้เอาคนในแก๊งไป...แต่คุณยังไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับผม...ก็ถือว่าคุณ
ไม่ใช่คนแก๊งเดียวกันไงครับ...อีกอย่างการพาผู้หญิงไปด้วยพวกนั้นต้องไม่ระวังตัวแน่ ”
“ เจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยนเลยนะค่ะ...คุณคงจะใช้เหตุการณ์นี้เพื่อดูฝีมือของฉันด้วยรึเปล่าค่ะ ”
“ คิดมากเกินไปแล้วครับ...ว่ายังไงล่ะครับ...คุณจะช่วยผมรึเปล่า? ”
" แน่นอนสิค่ะ "
............................................................................................................
อยากจะขอสอบถามนักอ่านหน่อยค่ะ ตอนจบของเรื่องนี้อยากให้จบแบบไหนดีค่ะ ตอนนี้คิดไว้หลายแบบเลย แบบ Bad End , แบบ Happy หรือแบบทรมานใจดี เลือกไม่ถูกเลยจริงๆค่ะ ^-^
ความคิดเห็น