คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10
“ มุคุโร่คุง...ลองชิมนี่สิ ”
เสียงทุ้มสบายๆของเบียคุรันเอ่ยเรียกผมที่กำลังวุ่นอยู่กับงานเอกสารประจำวัน เขานั่งท้าวคางด้วยมือข้างเดียวกับที่
สวมแหวนปีกนก
“ ไม่เอาหรอกครับ...ขนมแบบนั้นมีคุณกินคนเดียวก็พอแล้ว ”
ผมบอกปัดด้วยความรำคาญก็เขาเล่นไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งกินขนมนั่นกับนั่งดูโน๊ตบุ๊คเครื่องจิ๋วตรงหน้า ผม
ยังคงนั่งมองเอกสารในมือต่อ
“ โชจังอุตส่าห์ส่งขนมตัวอย่างมาให้ได้ชิมทั้งทีและก็จดหมายของคุณโคโด ”
เบียคุรันหยิบซองจดหมายจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทของเขาออกมา แววตาขี้เล่นชวนหงุดหงิดมองมาทางผม
“ เราก็อุตส่าห์คิดว่าจะเอาให้ซะหน่อย...แต่เมื่อเธอไม่สนใจฉันก็จะทำลายเดี๋ยวนี้แหละ ”
ไม่พูดเปล่าเบียคุรันใช้มืออีกข้างหนึ่งออกแรงฉีกซองจดหมายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมที่เห็นแบบนั้นรีบดีด
ตัวอย่างอัตโนมัติรีบวิ่งไปที่พื้นที่เหล่าเศษจดหมายกระจัดกระจาย
“ นี่คุณทำบ้าอะไรครับ? ”
เขายังยิ้มระรื่นอย่างพอใจ แต่ผมกลับไม่เป็นเช่นนั้นผมโมโหเขามากที่มาทำลายของๆคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้
ขณะที่ผมกำลังรวบรวมเศษกระดาษเหล่านั้น เบียคุรันก็เอื้อมมือมาเชยคางของผมอย่างถือวิสาสะ
“ ล้อเล่นน่ะ...อันนี้ของจริง ”
เขาชูจดหมายอีกซองที่เหมือนกันขึ้นมา ผมที่รู้ตัวว่าถูกแกล้งใบหน้าร้อนฉ่าด้วยความอายและเจ็บใจ ผมรีบ
คว้าซองจดหมายและลุกขึ้นเต็มความสูง
“ สนุกนักรึไงครับ ? ”
“ หึหึ...ก็มุคุโร่คุงไม่สนใจที่ฉันพูดเองนี่นา ”
คิ้วผมกระตุกเล็กน้อยที่คนตรงหน้าไม่คิดจะสำนึกผิดเลย เขายังคงนั่งท้าวคางอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ ผมไม่ได้ยินว่ามีจดหมายด้วยนี่ครับ ”
ผมพยายามสะกดอารมณ์อย่างถึงที่สุดที่จริงผมอยากจะต่อยเขาให้คว่ำซะตรงนี้เลยด้วยซ้ำ
“ หืม~...เหรอ...นี่ฉันไม่ได้บอกเหรอ? ”
‘ ไอ้คนกะล่อนเอ๋ย! ’
“ เพื่อเป็นการถ่ายโทษ...ฉันจะให้เธอได้ชิมขนมนี้นะ ”
‘ ยังไม่ยอมเลิก ’
“ แค่ชิมก็พอแล้วใช่มั้ยครับ ”
“ อืม~ ”
เพื่อจบปัญหาไร้สาระนี้ผมจำต้องยอมทำตาม ขณะที่กำลังจะก้าวขาก็ดันสะดุดกับถังขยะเป็นเหตุให้ตัวถลาเข้า
หาเบียคุรัน
โครม!!! ล้มทั้งคน...ล้มทั้งเก้าอี้
ผมรู้สึกจะไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่แต่ความรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ที่หน้าผากเหมือนกับกระแทกอะไรเข้า ผมลูบที่
เจ็บเบาๆพลางดันตัวขึ้นแล้วเนตรต่างสีก็ต้องสั่นไหวเมื่อผมกำลังค่อมอยู่บนตัวของเบียคุรัน
“ อ่า!...เจ็บจังเลย ” เบียคุรันร้องโอดครวญ
“ ปะ...เป็นอะไรรึเปล่าครับ? ”
เขายกมือลูบที่หน้าผากของตัวเองที่เดียวกับของผม คิ้วเรียวสีเดียวกับเส้นผมสั่นระริก
“ ฉันว่าหัวของเรากระแทกกันนะ ”
“ ขอผมดูหน่อยนะครับ ”
ผมเอื้อมมือปัดปอยผมสีเพอร์ไวท์ของเขายอมรับว่าตอนนี้หน้าของผมกับเขาห่างกันแค่นิดเดียวและดูเหมือนว่า
หน้าของเบียคุรันจะแดงนิดหน่อย นี่ผมชนแรงไปรึเปล่านะ
“ ไม่เป็นอะไรมากนี่ครับ ”
ผมมองดวงตาสีอเมทีสต์และดูเหมือนว่าเขาจะเหม่อเล็กน้อยเขาจ้องหน้าผมอย่างไม่อาจเดาใจได้
“ มุคุโร่... ”
เบียคุรันเรียกชื่อของผมอย่างอ่อนโยนพลางใช้ศอกดันตัวขึ้น ขณะที่หน้าเราจะชนกันอีกเป็นครั้งที่สองผมจึงถอย
หลังเพื่อหลบให้พ้นแต่มืออีกข้างหนึ่งของเบียคุรันกลับรั้งเข้าที่ท้ายทอยของผมตอนนี้ผมไม่สามารถเบือนหน้าหนีไปไหนได้แล้ว
‘ นี่เขา...จะจูบเรางั้นเหรอ? ’
ไม่รู้ว่าผมจะคิดไปเองรึไม่แต่สถานะการณ์แบบนี้ผมเองก็คิดได้เพียงอย่างเดียว ผมหลับตาสนิทเพราะริมฝีปากได้รูป
นั้นใกล้เข้าหาผมทุกที แต่ที่แน่ๆตอนนี้ร่างกายของผมสั่นไปหมด
“ มะ...มาชเมลโล่ ”
เวลาผ่านไปเนินนานแต่สิ่งที่ผมคิดก็ยังมาไม่ถึง ผมได้ยินเบียคุรันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนเด็กทำขนมหกแล้ว
ร้องด้วยความเสียดาย ผมลืมตาขึ้นก็พบว่าเขากลับไปสนใจขนมสีขาวที่ล่วงหล่นเต็มพื้น ผมรีบผละตัวออกจากเขาโดยเร็ว
“ เสียดายจัง...โชจังอุตส่าห์ส่งมาให้ ”
“ คึหึหึ...เขาเรียกว่าเวรกรรมตามทันนะครับ ”
ถึงเขาจะดูน่าสงสารแค่ไหนผมก็ไม่มีทางเอนเอียงตามเด็ดขาด
“ นี่เธอยังโกรธเรื่องจดหมายอีกเหรอ? ”
“ เปล่าครับ...ผมพูดตามความจริง ”
เบียคุรันมองผมอย่างงอนๆก่อนที่จะไปหยิบชิ้นหนึ่งจากพื้นขึ้นมาและยิ้มออกมาเหมือนเดิม
“ ไม่เป็นไร...ฉันจะให้โชจังส่งมาใหม่ ”
‘ เรื่องทำคนอื่นลำบาก...มันงานถนัดของคุณรึไงครับ ’
ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนที่จะเดินไปหยิบอีกชิ้นที่ยังอยู่บนโต๊ะทำงานของเบียคุรัน
“ ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกครับ...ชิ้นนี้ก็ยังพอกินได้อยู่ ”
ผมจัดการชิมขนมเจ้าปัญหานี้ซะก่อนที่จะมีคนเดือดร้อนต้องส่งมาใหม่ บอกตามตรงนะผมไม่ชอบขนมหวานชนิดนี้
จริงๆ
“ เป็นไง...อร่อยมั้ย? ”
เบียคุรันทำหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดๆก็เขาเล่นยิ้มแป้นกดดันผมซะขนาดนี้
“ ก็ใช้ได้นี่ครับ...ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบมันก็เถอะ ”
“ ฉันว่าแล้ว...ว่าเธอต้องชอบ ”
ดูเหมือนเขาจะดีใจจนเกินเหตุไปหน่อยนะเขาแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยแค่ทิ้งงานทุกอย่างให้คุณโชอิจิเป็นคนทำ
ส่วนตัวเองก็ได้แต่นั่งชิม
“ ฉันจะรีบโทรบอกโชจัง ”
“ ดีครับ...คุณโชอิจิจะได้ไม่ต้องปวดหัวคิดขึ้นมาใหม่...แล้วถ้าผมบอกว่าไม่อร่อยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ? ”
ผมก็แค่แกล้งยั่วโมโหเขาไปอย่างนั้นแหละพอเห็นหน้าตาที่ดูดีใจเกินเหตุแล้วมันก็อดไม่ได้
“ ฉันก็จะสั่งเก็บไอ้คนที่คิดมันออกมาน่ะสิ ”
“ คึหึหึ...ฟังดูไม่เลวนะครับ ”
เบียคุรันยิ้มรับเช่นทุกครั้งผมละเหนื่อยใจซะจริงที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นผมเดาได้เลยว่าผู้มาเยือนเป็นใคร? คงไม่มีใครมาที่ห้องนี้ได้นอกจากผมกับคุณคิเคียว
“ ขออนุญาตครับ...ท่านเบียคุรัน ”
“ อืม ~...เข้ามาสิคิเคียวจัง ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“ ตอนนี้คุณถี่ถิงจากฮ่องกงมาถึงเรียบร้อยแล้วครับ ”
“ หืม~...มาเร็วกว่าที่คิดซะอีกนะ ”
เบียคุรันเอื้อมมือหยินขนมที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาบีบเล่นแววตาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ แต่ก็เอาเถอะ...ไหนๆก็มาแล้วนี่นะ ”
“ จะให้เชิญเธอเข้ามาที่นี่เลยมั้ยครับ? ”
“ เอาสิ...ช้า เร็วยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ”
“ งั้นผมขอตัวไปพาเธอเข้ามาเลยนะครับ ”
“ มีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะวานให้เธอช่วยหน่อยนะ...คิเคียวจัง ”
“ อะไรเหรอครับ...ท่านเบียคุรัน ”
“ นายช่วยพามุคุโร่ไปส่งที่บ้านทีนะ ”
เบียคุรันพูดพลางยิ้มมาทางผม คุณคิเคียวก็มองมาที่ผมเช่นกันก่อนที่จะโค้งตัวคำนับแล้วเดินจากไป
“ คึหึหึ...พอมีผู้หญิงมาก็รีบไล่ผมเลยเหรอครับ? ”
“ หึหึ...เธอนี่รู้ทันดีจัง~ ”
“ กลัวผมจะรู้ความลับของคุณรึครับหรือว่าเธอจะเป็น... ”
“ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ...ฉันกลัวว่าคุณถี่ถิงจะหลงเสน่ห์เธอมากกว่าฉันต่างหาก ”
“ โอ๊ะโอ๋!..คนอย่างคุณเบียคุรันกลับกลัวเรื่องแบบนี้เหรอครับ? ”
เราทั้งคู่คุยกันได้ไม่เท่าไหร่คุณคิเคียวก็พาหญิงสาวนามว่าถี่ถิงเข้ามาในห้อง เธอเป็นผู้หญิงอายุราวๆยี่สิบสี่แต่กลับ
แต่งหน้าเข้มเหมือนป้าอายุสามสิบห้า เธอมาในชุดกี่เพาสีแดงสด
เบียคุรันเดินตรงเข้าหาคุณถี่ถิงด้วยรอยยิ้มพลางเอื้อมมือสัมผัสมือของเธอแล้วจูบลงที่หลังมือของเธออย่าง
อ่อนโยน ผมล่ะหมั่นไส้หมอนี่จริงๆ
“ ยินดีต้อนรับสู่อิตาลีครับ...คุณถี่ถิง ”
“ ยินดีเช่นกันค่ะ...คุณเองก็ไม่เห็นต้องมากพิธีเลย ”
“ คุณออกจะสวยซะขนาดนี้...ผมก็ต้องทำอะไรให้สมกับความสวยของคุณสิครับ ”
หมอนี่พูดคำหวานได้แบบไม่ละอายปากซักนิดไม่คิดเลยรึไงว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ผมยืนกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่ชอบใจเอาซะเลย
“ คิเคียวจัง...ช่วยไปส่งคุณมุคุโร่ทีนะ ”
เพิ่งจะนึกออกเหรอว่ามีผมอยู่ด้วยคนน่ะคุณถี่ถิงเองเพิ่งจะหันมามองผมเหมือนกันดวงตากลมโตมองผมอย่างสงสัย
ว่า ‘ นายมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ’
“ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ”
“ เช่นกันค่ะ ”
ผมทักทายอย่างมีไมตรีขณะที่ผมกับเธอจะจับมือกันเบียคุรันเดินเข้ามาขวางกลางลำซะดื้อๆ เขาหันมาพูดกับผมด้วย
ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มุคุโร่มีธุระที่ต้องรีบไปทำไม่ใช่เหรอ? ”
ดูก็รู้ว่าหมอนี่เสแสร้งชัดๆนี่เขากันผมขนาดนี้เลยเหรอ? ผมไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้มค้างไว้อย่างนั้น
“ ครับ...ผมมีธุระ ด่วน! มากจริงๆ...คงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ ”
ผมเน้นเสียงคำว่าด่วนสุดๆจนเบียคุรันยังทำหน้างงก่อนที่จะเดินออกจากห้องโดยมีคุณคิเคียวเดินตามหลัง
..........
.......
....
.
‘ โมโหอะไรกันนะ ’
ทำไมมุคุโร่ต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นด้วยอ่ะ ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ คุณเบียคุรันค่ะ ”
ถี่ถิงเรียกผมแล้วขยับเดินเข้ามาใกล้ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยใช้ได้เลยล่ะ
“ มีอะไรเหรอครับ? ”
“ คนเมื่อกี้เขาเป็นใครเหรอค่ะ? ”
“ อ๋อ...อย่าไปใส่ใจเลยครับ...ก็แค่คนที่มาขอทำธุรกิจน่ะครับ ”
“ ฉันคงเข้ามาผิดจังหวะใช่มั้ยค่ะ?...ดูเขาจะไม่ค่อยพอใจ ”
“ ไม่หรอกครับ...อย่าคิดมาก ”
ผู้หญิงคนนี้ตาไวจริงๆเพียงแว่บเดียวก็มองออกแล้ว จะว่าไปผู้หญิงมีเซ็นส์ทางด้านการจับผิดทุกคนเลยรึไงนะ
“ คุณมาไกลขนาดนี้มีธุระอะไรรึเปล่าครับ? ”
“ เป็นคนหนุ่มที่ใจร้อนจังเลยนะค่ะ ”
เธอขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นริมฝีปากบางของเธอแย้มยิ้มอย่างเย้ายวน
“ ฉันอยากจะ... ”
มือเรียวเอื้อมจับเนคไทของผมแล้วใช้นิ้วชี้หมุนไปมา
“ ...เป็นพันธมิตรกับคุณค่ะ ”
“ หืม~
หงส์งามอย่างคุณที่อยู่เหนือเหล่ามังกรทั้งหลายทำไมถึงอยากมาเป็นพันธมิตรกับผมล่ะครับ? ”
“ เพราะว่ามังกรที่ฉันอยากจะเป็นพันธมิตรด้วยนั้นทั้งฉลาดและมีความสามารถแบบคุณไงค่ะ ”
“ เป็นเกียรติ์จริงๆ...แต่คุณก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบมาแบบนี้ก็ได้นะครับ...แค่คุณยื่นสัญญามาผมก็ยินดีจะรับคุณอยู่
แล้ว ”
“ ที่ฉันมาก่อนก็เพราะว่าฉันอยากจะพบคุณและหากคุณทำให้ฉันยอมรับได้จะมีแก๊งมาเฟียจากจีนเข้าร่วมเป็น
พันธมิตรด้วยอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า ”
“ แล้วถ้าผมทำไม่ได้ล่ะ? ”
ผมยิ้มให้กับเธอและดูเหมือนว่าเธอเองก็ยิ้มตอบก่อนที่นิ้วเรียวนั่นจะเลื่อนมาแตะที่อกของผมเบาๆ
“ ฉันรู้...ว่าคุณจะต้องทำได้ ”
มือทั้งสองข้างประคองหน้าของผมหลวมๆเรียวฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นหวังจะประกบปาก จนถึงตอนนี้ผมไม่แปลกใจ
แม้แต่นิดเดียวเธอคนนี้ก็เหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่ผมเจอ ตอนนี้ผมคงต้องตักตวงผลประโยชน์ที่กำลังจะได้นี้สินะ...เหมือนทุกครั้ง
‘เลิกทำตัวเล่นๆแบบนี้ซะทีเถอะครับเพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่ชอบคุณ ’
เสียงดุของมุคุโร่ดังขึ้นในโสตประสาทของผมแม้แต่ในเวลาแบบนี้เธอก็ยัง...กวนใจฉัน...ผมยกมือสัมผัสที่ริมฝีปาก
ของถี่ถิงเป็นการปรามดูเธอจะเสียอารมณ์ไม่น้อย รอยยิ้มของผมทำให้เธอไม่กล้าที่จะแสดงอาการมากมายนัก
“ ผมว่าเรามาคุยรายละเอียดกันซักเล็กน้อยดีกว่านะครับ ”
“ กะ...ก็ได้ค่ะ ”
..........
.......
....
.
‘ เบียคุรัน!...คนบ้า!! ’
ผมได้แต่ด่าทอในใจเท่านั้นถึงแม้ผมจะโวยวายไปก็ไร้ความหมายเพราะไอ้คนที่ทำให้โมโหไม่อยู่ตรงนี้น่ะสิ ผมทุบ
โซฟาจนจะเป็นรูอยู่แล้ว ก็นี่มันปาเข้าไปจะทุ่มอยู่แล้วเขายังไม่กลับมาเลย หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว จะเอายังไงก็ไม่โทรมาขืนผมกินก่อนมีหวังเขาต้องกลับมาบังคับให้ผมกินด้วยอีกแน่
แล้วประตูห้องถูกเปิดออกโดยมีร่างสูงโปร่งของเบียคุรันเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ กลับมาแล้ว...มุคุโร่คุง~ ”
“ ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะครับ...ผมหิวจะแย่แล้วนะ ”
“ ขะ...ขอโทษเพราะคุณถี่ถิงไม่ยอมให้ฉันกลับ...ฉันเลยจำเป็นต้องพาเธอไปทานข้าวเย็น ”
“ ถ้าคุณกินมาแล้วก็น่าจะโทรมาบอกกันหน่อยนะครับ...ผมจะได้ไม่คอย ”
ผมยืนกอดอกสวดเป็นชุดแต่คนตรงหน้าก็ได้แต่ยิ้มแป้นแล้น ก่อนที่จะชูถุงพลาสติกถุงใหญ่ขึ้นมา
“ ฉันเองก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน...ฉันเลยซื้อกลับมากินพร้อมเธอ ”
ผมยืนอึ้งไปพักนึงก่อนที่จะยื่นมือรับแบบงงๆ
“ แล้วคุณถี่ถิงล่ะครับ...คุณปล่อยให้เธอนั่งกินคนเดียวเหรอ? ”
“ เปล่าฉันชวนคิเคียวจังไปด้วยอีกคนน่ะ...แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจเท่าไหร่ ”
“ คึหึหึ...แล้วทำไมคุณถึงไม่กินข้าวกับเธอสองต่อสองล่ะครับ...เห็นกันผมนักไม่ใช่เหรอ? ”
“ แต่ถ้าปล่อยให้เธอกินคนเดียวมันยิ่งแย่กว่า...ฉันก็เลยปล่อยให้คิเคียวจังนั่งกินเป็นเพื่อนถี่ถิงแทน ”
“ คึหึหึ...คุณนี่มันเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เลยนะครับ ”
“ เอ๋!..นี่ตกลงว่าเธอหึงฉันหรือคุณถี่ถิงกันแน่ ”
เบียคุรันมองผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ริมฝีปากของเขายิ้มเหยียดพลางขยับตัวเข้าใกล้ผมมากขึ้น...ก้าวต่อก้าว...จนผม
ต้องส่งเสียงดุเขา
“ พูดอะไรบ้าๆแบบนั้นครับ...ผมน่ะเหรอจะหึงคุณ..อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยครับ ”
“ แล้วทำไม?เธอต้อง... ”
ใบหน้าคมคายของเขาใกล้ผมมากขึ้น...มากขึ้น...ผมรีบยกถุงปิดหน้าแต่เหมือนเบียคุรันจะหยุดไม่ทันหน้าของเขาชน
เข้ากับถุงร้อน
“ โอ๊ย!!...ร้อนๆ ”
เบียคุรันร้องพลางกุมมือที่จมูกถึงตอนนี้ผมสะใจอย่างบอกไม่ถูกไหนๆก็ได้ทีแล้วผมรีบชิ่งวิ่งไปที่ห้องครัวทันที
“ ผมไปเทอาหารก่อนนะครับ...คุณ...เบีย...คุ...รัน~ ”
“ เดี๋ยวก่อนสิ...มุคุโร่ ”
“ คึหึหึ...ไม่เดี๋ยวแล้วครับ ”
ผมหนีเขามาที่ห้องครัวแต่ก็ไม่เห็นเขาจะเดินตามเข้ามาสงสัยคงจะนั่งงอนอยู่ข้างนอกนั่นแหละ แต่ก็ช่างเถอะโดนซะ
บ้างก็ดี
‘ เจ็บเป็นบ้าเลย ’
มุคุโร่คุงนี่ชอบเล่นอะไรแรงๆกับผมอยู่เรื่อยแล้วก็นี่อีกไม่หันมาสนใจกันซักนิด ผมเหลือบมองห้องครัวที่คนๆนั้นเดิน
หนีหายไปอย่างเคื่องๆ
‘ แต่ก็ดีแล้วล่ะ...เพียงเท่านี้เธอก็จะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเกลียด ’
จะว่าไปช่วงอาทิตย์นี้ผมคงต้องห้ามไม่ให้มุคุโร่คุงไปที่ทำงานซักพัก แต่จะทำยังไงดีล่ะมุคุโร่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จะ
บอกว่าให้ขนงานมาทำที่บ้านเขาก็คงไม่ยอมอีกแน่เวลาตั้งอาทิตย์นึง
“ อาหารมาแล้วครับ ”
มุคุโร่พูดด้วยรอยยิ้มพลางวางจานลง ถึงรอยยิ้มนั้นจะเหมือนเป็นการเยาะเย้ยก็ตาม
“ คึหึหึ...เป็นอะไรอีกล่ะครับ...อย่าบอกนะว่าคุณโกรธผมเรื่องเมื่อกี้ ”
อันนั้นก็มีส่วนแต่ผมจะพูดกับเขายังไงดีล่ะ? ผมมองเส้นหมี่ที่ถูกม้วนด้วยส้อม
“ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป...มุคุโร่คุงทำงานถึงแค่ 3 โมงเย็นก็พอนะ ”
“ ทำไมล่ะครับ? ”
“ เธอจะได้มีเวลาส่วนตัวไงล่ะ...ไม่ดีเหรอ? ”
“ หืม~...แปลกจังนะครับคุณเนี่ย ”
“ หึหึ...มุคุโร่คุงอยากอยู่กับฉันตลอดเวลางั้นเหรอ?...ฉันดีใจนะ ”
ผมยิ้มหวานให้มุคุโร่แต่ถ้ามองไม่ผิดเหมือนเขาจะเบ้ปากอย่างเอือมๆ เนตรสองสีคู่สวยมองมาที่หน้าของผมด้วยแวว
นิ่งเรียบ
‘ คงไม่ได้สงสัยหรอกมั้ง? ’
“ ก็ได้ครับ...ผมเองก็จะได้ไปไหนมาไหนเหมือนกัน ”
“ งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ”
ผมยิ้มอย่างโล่งอกพลางลงมือจัดการเจ้าเส้นหมี่ที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนว่ามุคุโร่ก็ไม่ติดใจสงสัย ภายในอาทิตย์นี้ผม
ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ขออย่าให้มีอะไรมาทำให้สะดุดเลย...
__________________________________________________
ขอโทษนักอ่านทุกคนที่ไรท์เตอร์หายหน้าไปนาน...ต่อไปนี้จะรีบอัพตอนต่อไปให้เร็วที่สุดค่ะและขอบคุณคอมเมนท์ทุกคอมเมนท์นะค่ะ
ความคิดเห็น