ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ KHR Fic. ] ร้ายนักนายมาเฟีย 10069

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 55


    “ มุคุโร่คุง...ลองชิมนี่สิ ”

    เสียงทุ้มสบายๆของเบียคุรันเอ่ยเรียกผมที่กำลังวุ่นอยู่กับงานเอกสารประจำวัน เขานั่งท้าวคางด้วยมือข้างเดียวกับที่

    สวมแหวนปีกนก


    “ ไม่เอาหรอกครับ...ขนมแบบนั้นมีคุณกินคนเดียวก็พอแล้ว ”


    ผมบอกปัดด้วยความรำคาญก็เขาเล่นไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งกินขนมนั่นกับนั่งดูโน๊ตบุ๊คเครื่องจิ๋วตรงหน้า ผม

    ยังคงนั่งมองเอกสารในมือต่อ


    “ โชจังอุตส่าห์ส่งขนมตัวอย่างมาให้ได้ชิมทั้งทีและก็จดหมายของคุณโคโด ”


    เบียคุรันหยิบซองจดหมายจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทของเขาออกมา แววตาขี้เล่นชวนหงุดหงิดมองมาทางผม


    “ เราก็อุตส่าห์คิดว่าจะเอาให้ซะหน่อย...แต่เมื่อเธอไม่สนใจฉันก็จะทำลายเดี๋ยวนี้แหละ ”


    ไม่พูดเปล่าเบียคุรันใช้มืออีกข้างหนึ่งออกแรงฉีกซองจดหมายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมที่เห็นแบบนั้นรีบดีด

    ตัวอย่างอัตโนมัติรีบวิ่งไปที่พื้นที่เหล่าเศษจดหมายกระจัดกระจาย


    “ นี่คุณทำบ้าอะไรครับ
    ?


    เขายังยิ้มระรื่นอย่างพอใจ แต่ผมกลับไม่เป็นเช่นนั้นผมโมโหเขามากที่มาทำลายของๆคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้

    ขณะที่ผมกำลังรวบรวมเศษกระดาษเหล่านั้น เบียคุรันก็เอื้อมมือมาเชยคางของผมอย่างถือวิสาสะ


     
    “ ล้อเล่นน่ะ...อันนี้ของจริง ”


    เขาชูจดหมายอีกซองที่เหมือนกันขึ้นมา ผมที่รู้ตัวว่าถูกแกล้งใบหน้าร้อนฉ่าด้วยความอายและเจ็บใจ ผมรีบ

    คว้าซองจดหมายและลุกขึ้นเต็มความสูง


    “ สนุกนักรึไงครับ
    ?


    “ หึหึ...ก็มุคุโร่คุงไม่สนใจที่ฉันพูดเองนี่นา ”


    คิ้วผมกระตุกเล็กน้อยที่คนตรงหน้าไม่คิดจะสำนึกผิดเลย เขายังคงนั่งท้าวคางอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว


    “ ผมไม่ได้ยินว่ามีจดหมายด้วยนี่ครับ ”


    ผมพยายามสะกดอารมณ์อย่างถึงที่สุดที่จริงผมอยากจะต่อยเขาให้คว่ำซะตรงนี้เลยด้วยซ้ำ


    “ หืม~...เหรอ...นี่ฉันไม่ได้บอกเหรอ
    ?


    ไอ้คนกะล่อนเอ๋ย!


    “ เพื่อเป็นการถ่ายโทษ...ฉันจะให้เธอได้ชิมขนมนี้นะ ”


    ยังไม่ยอมเลิก


    “ แค่ชิมก็พอแล้วใช่มั้ยครับ ”


     
    “ อืม~ ”


    เพื่อจบปัญหาไร้สาระนี้ผมจำต้องยอมทำตาม ขณะที่กำลังจะก้าวขาก็ดันสะดุดกับถังขยะเป็นเหตุให้ตัวถลาเข้า

    หาเบียคุรัน


    โครม
    !!! ล้มทั้งคน...ล้มทั้งเก้าอี้


    ผมรู้สึกจะไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่แต่ความรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ที่หน้าผากเหมือนกับกระแทกอะไรเข้า ผมลูบที่

    เจ็บเบาๆพลางดันตัวขึ้นแล้วเนตรต่างสีก็ต้องสั่นไหวเมื่อผมกำลังค่อมอยู่บนตัวของเบียคุรัน


    “ อ่า
    !...เจ็บจังเลย ” เบียคุรันร้องโอดครวญ


    “ ปะ...เป็นอะไรรึเปล่าครับ
    ?


    เขายกมือลูบที่หน้าผากของตัวเองที่เดียวกับของผม คิ้วเรียวสีเดียวกับเส้นผมสั่นระริก


    “ ฉันว่าหัวของเรากระแทกกันนะ ”


    “ ขอผมดูหน่อยนะครับ ”


    ผมเอื้อมมือปัดปอยผมสีเพอร์ไวท์ของเขายอมรับว่าตอนนี้หน้าของผมกับเขาห่างกันแค่นิดเดียวและดูเหมือนว่า

    หน้าของเบียคุรันจะแดงนิดหน่อย นี่ผมชนแรงไปรึเปล่านะ


     
    “ ไม่เป็นอะไรมากนี่ครับ ”


    ผมมองดวงตาสีอเมทีสต์และดูเหมือนว่าเขาจะเหม่อเล็กน้อยเขาจ้องหน้าผมอย่างไม่อาจเดาใจได้


    “ มุคุโร่... ”


    เบียคุรันเรียกชื่อของผมอย่างอ่อนโยนพลางใช้ศอกดันตัวขึ้น ขณะที่หน้าเราจะชนกันอีกเป็นครั้งที่สองผมจึงถอย

    หลังเพื่อหลบให้พ้นแต่มืออีกข้างหนึ่งของเบียคุรันกลับรั้งเข้าที่ท้ายทอยของผมตอนนี้ผมไม่สามารถเบือนหน้าหนีไปไหนได้แล้ว


     
    นี่เขา...จะจูบเรางั้นเหรอ? ’


    ไม่รู้ว่าผมจะคิดไปเองรึไม่แต่สถานะการณ์แบบนี้ผมเองก็คิดได้เพียงอย่างเดียว ผมหลับตาสนิทเพราะริมฝีปากได้รูป

    นั้นใกล้เข้าหาผมทุกที แต่ที่แน่ๆตอนนี้ร่างกายของผมสั่นไปหมด


    “ มะ...มาชเมลโล่ ”


    เวลาผ่านไปเนินนานแต่สิ่งที่ผมคิดก็ยังมาไม่ถึง ผมได้ยินเบียคุรันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนเด็กทำขนมหกแล้ว

    ร้องด้วยความเสียดาย ผมลืมตาขึ้นก็พบว่าเขากลับไปสนใจขนมสีขาวที่ล่วงหล่นเต็มพื้น ผมรีบผละตัวออกจากเขาโดยเร็ว


    “ เสียดายจัง...โชจังอุตส่าห์ส่งมาให้ ”


    “ คึหึหึ...เขาเรียกว่าเวรกรรมตามทันนะครับ ”


    ถึงเขาจะดูน่าสงสารแค่ไหนผมก็ไม่มีทางเอนเอียงตามเด็ดขาด


    “ นี่เธอยังโกรธเรื่องจดหมายอีกเหรอ
    ?


    “ เปล่าครับ...ผมพูดตามความจริง ”


    เบียคุรันมองผมอย่างงอนๆก่อนที่จะไปหยิบชิ้นหนึ่งจากพื้นขึ้นมาและยิ้มออกมาเหมือนเดิม


    “ ไม่เป็นไร...ฉันจะให้โชจังส่งมาใหม่ ”


    เรื่องทำคนอื่นลำบาก...มันงานถนัดของคุณรึไงครับ


    ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนที่จะเดินไปหยิบอีกชิ้นที่ยังอยู่บนโต๊ะทำงานของเบียคุรัน


    “ ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกครับ...ชิ้นนี้ก็ยังพอกินได้อยู่ ”


    ผมจัดการชิมขนมเจ้าปัญหานี้ซะก่อนที่จะมีคนเดือดร้อนต้องส่งมาใหม่ บอกตามตรงนะผมไม่ชอบขนมหวานชนิดนี้

    จริงๆ


    “ เป็นไง...อร่อยมั้ย
    ?


    เบียคุรันทำหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดๆก็เขาเล่นยิ้มแป้นกดดันผมซะขนาดนี้


    “ ก็ใช้ได้นี่ครับ...ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบมันก็เถอะ ”


    “ ฉันว่าแล้ว...ว่าเธอต้องชอบ ”


    ดูเหมือนเขาจะดีใจจนเกินเหตุไปหน่อยนะเขาแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยแค่ทิ้งงานทุกอย่างให้คุณโชอิจิเป็นคนทำ

    ส่วนตัวเองก็ได้แต่นั่งชิม


    “ ฉันจะรีบโทรบอกโชจัง ”


    “ ดีครับ...คุณโชอิจิจะได้ไม่ต้องปวดหัวคิดขึ้นมาใหม่...แล้วถ้าผมบอกว่าไม่อร่อยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ
    ?


    ผมก็แค่แกล้งยั่วโมโหเขาไปอย่างนั้นแหละพอเห็นหน้าตาที่ดูดีใจเกินเหตุแล้วมันก็อดไม่ได้


    “ ฉันก็จะสั่งเก็บไอ้คนที่คิดมันออกมาน่ะสิ ”


    “ คึหึหึ...ฟังดูไม่เลวนะครับ ”


    เบียคุรันยิ้มรับเช่นทุกครั้งผมละเหนื่อยใจซะจริงที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย


    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก


    เสียงเคาะประตูดังขึ้นผมเดาได้เลยว่าผู้มาเยือนเป็นใคร
    ? คงไม่มีใครมาที่ห้องนี้ได้นอกจากผมกับคุณคิเคียว


    “ ขออนุญาตครับ...ท่านเบียคุรัน ”


    “ อืม
    ~...เข้ามาสิคิเคียวจัง ”


    เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวก็ก้าวเข้ามาในห้อง


    “ ตอนนี้คุณถี่ถิงจากฮ่องกงมาถึงเรียบร้อยแล้วครับ ”


    “ หืม~...มาเร็วกว่าที่คิดซะอีกนะ ”


    เบียคุรันเอื้อมมือหยินขนมที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาบีบเล่นแววตาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง


    “ แต่ก็เอาเถอะ...ไหนๆก็มาแล้วนี่นะ ”


    “ จะให้เชิญเธอเข้ามาที่นี่เลยมั้ยครับ
    ?


    “ เอาสิ...ช้า เร็วยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว ”


    “ งั้นผมขอตัวไปพาเธอเข้ามาเลยนะครับ ”


    “ มีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะวานให้เธอช่วยหน่อยนะ...คิเคียวจัง ”


    “ อะไรเหรอครับ...ท่านเบียคุรัน ”


    “ นายช่วยพามุคุโร่ไปส่งที่บ้านทีนะ ”


    เบียคุรันพูดพลางยิ้มมาทางผม คุณคิเคียวก็มองมาที่ผมเช่นกันก่อนที่จะโค้งตัวคำนับแล้วเดินจากไป


    “ คึหึหึ...พอมีผู้หญิงมาก็รีบไล่ผมเลยเหรอครับ
    ?


    “ หึหึ...เธอนี่รู้ทันดีจัง~ ”


    “ กลัวผมจะรู้ความลับของคุณรึครับหรือว่าเธอจะเป็น... ”


    “ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ...ฉันกลัวว่าคุณถี่ถิงจะหลงเสน่ห์เธอมากกว่าฉันต่างหาก ”


    “ โอ๊ะโอ๋
    !..คนอย่างคุณเบียคุรันกลับกลัวเรื่องแบบนี้เหรอครับ?


    เราทั้งคู่คุยกันได้ไม่เท่าไหร่คุณคิเคียวก็พาหญิงสาวนามว่าถี่ถิงเข้ามาในห้อง เธอเป็นผู้หญิงอายุราวๆยี่สิบสี่แต่กลับ

    แต่งหน้าเข้มเหมือนป้าอายุสามสิบห้า เธอมาในชุดกี่เพาสีแดงสด


    เบียคุรันเดินตรงเข้าหาคุณถี่ถิงด้วยรอยยิ้มพลางเอื้อมมือสัมผัสมือของเธอแล้วจูบลงที่หลังมือของเธออย่าง

    อ่อนโยน ผมล่ะหมั่นไส้หมอนี่จริงๆ


    “ ยินดีต้อนรับสู่อิตาลีครับ...คุณถี่ถิง ”


    “ ยินดีเช่นกันค่ะ...คุณเองก็ไม่เห็นต้องมากพิธีเลย ”


    “ คุณออกจะสวยซะขนาดนี้...ผมก็ต้องทำอะไรให้สมกับความสวยของคุณสิครับ ”


    หมอนี่พูดคำหวานได้แบบไม่ละอายปากซักนิดไม่คิดเลยรึไงว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ผมยืนกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่ชอบใจเอาซะเลย


    “ คิเคียวจัง...ช่วยไปส่งคุณมุคุโร่ทีนะ ”


    เพิ่งจะนึกออกเหรอว่ามีผมอยู่ด้วยคนน่ะคุณถี่ถิงเองเพิ่งจะหันมามองผมเหมือนกันดวงตากลมโตมองผมอย่างสงสัย

    ว่า นายมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


    “ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ”


    “ เช่นกันค่ะ ”


    ผมทักทายอย่างมีไมตรีขณะที่ผมกับเธอจะจับมือกันเบียคุรันเดินเข้ามาขวางกลางลำซะดื้อๆ เขาหันมาพูดกับผมด้วย

    ใบหน้ายิ้มแย้ม


    “ มุคุโร่มีธุระที่ต้องรีบไปทำไม่ใช่เหรอ
    ?


    ดูก็รู้ว่าหมอนี่เสแสร้งชัดๆนี่เขากันผมขนาดนี้เลยเหรอ
    ? ผมไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้มค้างไว้อย่างนั้น


    “ ครับ...ผมมีธุระ ด่วน
    ! มากจริงๆ...คงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ ”


    ผมเน้นเสียงคำว่าด่วนสุดๆจนเบียคุรันยังทำหน้างงก่อนที่จะเดินออกจากห้องโดยมีคุณคิเคียวเดินตามหลัง
    ..........
    .......
    ....
    .


    โมโหอะไรกันนะ


    ทำไมมุคุโร่ต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นด้วยอ่ะ ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย


    “ คุณเบียคุรันค่ะ ”


    ถี่ถิงเรียกผมแล้วขยับเดินเข้ามาใกล้ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยใช้ได้เลยล่ะ


    “ มีอะไรเหรอครับ
    ?


    “ คนเมื่อกี้เขาเป็นใครเหรอค่ะ
    ?


    “ อ๋อ...อย่าไปใส่ใจเลยครับ...ก็แค่คนที่มาขอทำธุรกิจน่ะครับ ”


    “ ฉันคงเข้ามาผิดจังหวะใช่มั้ยค่ะ
    ?...ดูเขาจะไม่ค่อยพอใจ ”


    “ ไม่หรอกครับ...อย่าคิดมาก ”


    ผู้หญิงคนนี้ตาไวจริงๆเพียงแว่บเดียวก็มองออกแล้ว จะว่าไปผู้หญิงมีเซ็นส์ทางด้านการจับผิดทุกคนเลยรึไงนะ


    “ คุณมาไกลขนาดนี้มีธุระอะไรรึเปล่าครับ
    ?


    “ เป็นคนหนุ่มที่ใจร้อนจังเลยนะค่ะ ”


    เธอขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นริมฝีปากบางของเธอแย้มยิ้มอย่างเย้ายวน


    “ ฉันอยากจะ... ”


    มือเรียวเอื้อมจับเนคไทของผมแล้วใช้นิ้วชี้หมุนไปมา


    “ ...เป็นพันธมิตรกับคุณค่ะ ”


    “ หืม~
    …หงส์งามอย่างคุณที่อยู่เหนือเหล่ามังกรทั้งหลายทำไมถึงอยากมาเป็นพันธมิตรกับผมล่ะครับ?


    “ เพราะว่ามังกรที่ฉันอยากจะเป็นพันธมิตรด้วยนั้นทั้งฉลาดและมีความสามารถแบบคุณไงค่ะ ”


    “ เป็นเกียรติ์จริงๆ...แต่คุณก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบมาแบบนี้ก็ได้นะครับ...แค่คุณยื่นสัญญามาผมก็ยินดีจะรับคุณอยู่

    แล้ว ”


    “ ที่ฉันมาก่อนก็เพราะว่าฉันอยากจะพบคุณและหากคุณทำให้ฉันยอมรับได้จะมีแก๊งมาเฟียจากจีนเข้าร่วมเป็น

    พันธมิตรด้วยอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้า ”


    “ แล้วถ้าผมทำไม่ได้ล่ะ
    ?


    ผมยิ้มให้กับเธอและดูเหมือนว่าเธอเองก็ยิ้มตอบก่อนที่นิ้วเรียวนั่นจะเลื่อนมาแตะที่อกของผมเบาๆ


    “ ฉันรู้...ว่าคุณจะต้องทำได้ ”


    มือทั้งสองข้างประคองหน้าของผมหลวมๆเรียวฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นหวังจะประกบปาก จนถึงตอนนี้ผมไม่แปลกใจ

    แม้แต่นิดเดียวเธอคนนี้ก็เหมือนกับผู้หญิงทุกคนที่ผมเจอ ตอนนี้ผมคงต้องตักตวงผลประโยชน์ที่กำลังจะได้นี้สินะ...เหมือนทุกครั้ง


    เลิกทำตัวเล่นๆแบบนี้ซะทีเถอะครับเพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่ชอบคุณ


    เสียงดุของมุคุโร่ดังขึ้นในโสตประสาทของผมแม้แต่ในเวลาแบบนี้เธอก็ยัง...กวนใจฉัน...ผมยกมือสัมผัสที่ริมฝีปาก

    ของถี่ถิงเป็นการปรามดูเธอจะเสียอารมณ์ไม่น้อย รอยยิ้มของผมทำให้เธอไม่กล้าที่จะแสดงอาการมากมายนัก


    “ ผมว่าเรามาคุยรายละเอียดกันซักเล็กน้อยดีกว่านะครับ ”


    “ กะ...ก็ได้ค่ะ ”
    ..........
    .......
    ....
    .

     

    เบียคุรัน!...คนบ้า!! ’


    ผมได้แต่ด่าทอในใจเท่านั้นถึงแม้ผมจะโวยวายไปก็ไร้ความหมายเพราะไอ้คนที่ทำให้โมโหไม่อยู่ตรงนี้น่ะสิ ผมทุบ

    โซฟาจนจะเป็นรูอยู่แล้ว ก็นี่มันปาเข้าไปจะทุ่มอยู่แล้วเขายังไม่กลับมาเลย หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว จะเอายังไงก็ไม่โทรมาขืนผมกินก่อนมีหวังเขาต้องกลับมาบังคับให้ผมกินด้วยอีกแน่


    แล้วประตูห้องถูกเปิดออกโดยมีร่างสูงโปร่งของเบียคุรันเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว


    “ กลับมาแล้ว...มุคุโร่คุง~ ”


    “ ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะครับ...ผมหิวจะแย่แล้วนะ ”


    “ ขะ...ขอโทษเพราะคุณถี่ถิงไม่ยอมให้ฉันกลับ...ฉันเลยจำเป็นต้องพาเธอไปทานข้าวเย็น ”


    “ ถ้าคุณกินมาแล้วก็น่าจะโทรมาบอกกันหน่อยนะครับ...ผมจะได้ไม่คอย ”


    ผมยืนกอดอกสวดเป็นชุดแต่คนตรงหน้าก็ได้แต่ยิ้มแป้นแล้น ก่อนที่จะชูถุงพลาสติกถุงใหญ่ขึ้นมา


    “ ฉันเองก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน...ฉันเลยซื้อกลับมากินพร้อมเธอ ”


    ผมยืนอึ้งไปพักนึงก่อนที่จะยื่นมือรับแบบงงๆ


    “ แล้วคุณถี่ถิงล่ะครับ...คุณปล่อยให้เธอนั่งกินคนเดียวเหรอ
    ?


    “ เปล่าฉันชวนคิเคียวจังไปด้วยอีกคนน่ะ...แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจเท่าไหร่ ”


    “ คึหึหึ...แล้วทำไมคุณถึงไม่กินข้าวกับเธอสองต่อสองล่ะครับ...เห็นกันผมนักไม่ใช่เหรอ
    ?


    “ แต่ถ้าปล่อยให้เธอกินคนเดียวมันยิ่งแย่กว่า...ฉันก็เลยปล่อยให้คิเคียวจังนั่งกินเป็นเพื่อนถี่ถิงแทน ”


    “ คึหึหึ...คุณนี่มันเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เลยนะครับ ”


    “ เอ๋
    !..นี่ตกลงว่าเธอหึงฉันหรือคุณถี่ถิงกันแน่ ”


    เบียคุรันมองผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ริมฝีปากของเขายิ้มเหยียดพลางขยับตัวเข้าใกล้ผมมากขึ้น...ก้าวต่อก้าว...จนผม

    ต้องส่งเสียงดุเขา


    “ พูดอะไรบ้าๆแบบนั้นครับ...ผมน่ะเหรอจะหึงคุณ..อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยครับ ”


    “ แล้วทำไม
    ?เธอต้อง... ”


    ใบหน้าคมคายของเขาใกล้ผมมากขึ้น...มากขึ้น...ผมรีบยกถุงปิดหน้าแต่เหมือนเบียคุรันจะหยุดไม่ทันหน้าของเขาชน

    เข้ากับถุงร้อน


    “ โอ๊ย
    !!...ร้อนๆ ”


    เบียคุรันร้องพลางกุมมือที่จมูกถึงตอนนี้ผมสะใจอย่างบอกไม่ถูกไหนๆก็ได้ทีแล้วผมรีบชิ่งวิ่งไปที่ห้องครัวทันที


    “ ผมไปเทอาหารก่อนนะครับ...คุณ...เบีย...คุ...รัน~ ”


    “ เดี๋ยวก่อนสิ...มุคุโร่ ”


    “ คึหึหึ...ไม่เดี๋ยวแล้วครับ ”


    ผมหนีเขามาที่ห้องครัวแต่ก็ไม่เห็นเขาจะเดินตามเข้ามาสงสัยคงจะนั่งงอนอยู่ข้างนอกนั่นแหละ แต่ก็ช่างเถอะโดนซะ

    บ้างก็ดี


    เจ็บเป็นบ้าเลย


    มุคุโร่คุงนี่ชอบเล่นอะไรแรงๆกับผมอยู่เรื่อยแล้วก็นี่อีกไม่หันมาสนใจกันซักนิด ผมเหลือบมองห้องครัวที่คนๆนั้นเดิน

    หนีหายไปอย่างเคื่องๆ


    แต่ก็ดีแล้วล่ะ...เพียงเท่านี้เธอก็จะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเกลียด


    จะว่าไปช่วงอาทิตย์นี้ผมคงต้องห้ามไม่ให้มุคุโร่คุงไปที่ทำงานซักพัก แต่จะทำยังไงดีล่ะมุคุโร่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จะ

    บอกว่าให้ขนงานมาทำที่บ้านเขาก็คงไม่ยอมอีกแน่เวลาตั้งอาทิตย์นึง


    “ อาหารมาแล้วครับ ”


    มุคุโร่พูดด้วยรอยยิ้มพลางวางจานลง ถึงรอยยิ้มนั้นจะเหมือนเป็นการเยาะเย้ยก็ตาม


    “ คึหึหึ...เป็นอะไรอีกล่ะครับ...อย่าบอกนะว่าคุณโกรธผมเรื่องเมื่อกี้ ”


    อันนั้นก็มีส่วนแต่ผมจะพูดกับเขายังไงดีล่ะ
    ? ผมมองเส้นหมี่ที่ถูกม้วนด้วยส้อม


    “ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป...มุคุโร่คุงทำงานถึงแค่ 3 โมงเย็นก็พอนะ ”


    “ ทำไมล่ะครับ
    ?


    “ เธอจะได้มีเวลาส่วนตัวไงล่ะ...ไม่ดีเหรอ
    ?


    “ หืม~...แปลกจังนะครับคุณเนี่ย ”


    “ หึหึ...มุคุโร่คุงอยากอยู่กับฉันตลอดเวลางั้นเหรอ
    ?...ฉันดีใจนะ ”


    ผมยิ้มหวานให้มุคุโร่แต่ถ้ามองไม่ผิดเหมือนเขาจะเบ้ปากอย่างเอือมๆ เนตรสองสีคู่สวยมองมาที่หน้าของผมด้วยแวว

    นิ่งเรียบ


    คงไม่ได้สงสัยหรอกมั้ง?


    “ ก็ได้ครับ...ผมเองก็จะได้ไปไหนมาไหนเหมือนกัน ”


    “ งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ”


    ผมยิ้มอย่างโล่งอกพลางลงมือจัดการเจ้าเส้นหมี่ที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนว่ามุคุโร่ก็ไม่ติดใจสงสัย ภายในอาทิตย์นี้ผม

    ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ขออย่าให้มีอะไรมาทำให้สะดุดเลย...
    __________________________________________________
    ขอโทษนักอ่านทุกคนที่ไรท์เตอร์หายหน้าไปนาน...ต่อไปนี้จะรีบอัพตอนต่อไปให้เร็วที่สุดค่ะและขอบคุณคอมเมนท์ทุกคอมเมนท์นะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×