คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที 6 ความรู้สึก
วันรุ่งขึ้น
อากาดทีเกาะเชจูช่วงนี้ค่อนข้างหนาวมากเพราะมันอยู่ติดริมทะเลด้วยก็เลยมีลมพัดแรงเป็นพิเศษร่างบางของฮยอนชึงทีกำลังนอนหลับไหลอยู่ชุกตัวเข้ากับผ้าห่มผืนหนาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลมที่พัดเล็ดลอดเข้ามา อากาดแบบนี้คงไม่มีใครเขาอยากตื่นกันหรอก
“คุณหนูตื่นได้แล้วมั้งครับ ทานข้าวทานน้ำ”เสียงของบุคคนหนึ่งดังลอดเข้ามาในโสดประสาทของฮยอนชึงพร้อมกับแรงยุบเบาๆที่ข้างตัวบ่งบอกว่าคนๆนั้นคงจะนั่งลงบนเตียงข้างๆเขาและคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยงจุนฮยองบอดี้กราด์สุดหล่อของเขาเอง
“อืม...ที่นี่ที่ไหนอ่ะ”พอโดนปลุกร่างบางก็บิดขี้เกียจเล็กน้อยลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพร้อมเอ่ยปากถาม
“บ้านดงอุนครับ”
“แล้วฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง”
“ก็คุณหนูเมาเรือจนหลับผมก็เลยอุ้มมา”
“ตลก ฉันไม่ได้จะเบาถึงขั้นอุ้มได้ง่ายดายขนาดนั้น แบกมาก็ว่าไปอย่าง ไหนล่ะข้าว”
“หึ บางอย่างคุณมันจะไปหนักอะไรล่ะ กับข้าวผมยังไม่ได้ทำเลย ที่มาปลุกเนี่ยเพราะอยากให้ลุกไปช่วยกัน คงจะไม่ติดนิสัยคุณหนูมาจากทีนั้นนะ ”
“ดูถูก คนอย่างฉันทำอะไรเป็นกว่าทีนายรู้เยอะ เดียวออกไปช่วยขออาบน้ำก่อน”
“เร็วนะครับ ไส้ผมจะขาดแล้ว”ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินอออกไปข้างนอก
“จุนฮยอง”แต่ร่างบางก็เรียกรั้งไว้ชะก่อน
“ขอบใจนะ”
“ถ้าเป็นคุณผมเต็มใจเสมอครับ”
“ออกไปได้แล้วจะอาบน้ำ”คำพูดแฝงความหมายของจุนฮยองไม่ใช่ฮยอนชึงไม่ใส่ใจแต่เขาแค่กลัว...กลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปแล้วมันจะทำรายอะไรบางอย่างลงไป กลัวว่าจะเสียร่างสูงตรงหน้านี้ไปอีกคน
ในขณะที่ร่างบางอาบน้ำ จุนฮยองก็เตรียมตัวทำอาหาร ที่บอกให้ฮยอนชึงออกมาช่วยนะแค่พูดเล่นปกติเขาก็เป็นคนทำอาหารอยู่แล้วแค่นี้ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกแค่ทำอาหารง่ายๆสักสองสามอย่างแล้วก็คงจะทำเผื่อดงอุนด้วยเลยเป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือเขาในครั้งนี้
“ฮยองทำอะไรกับบ้านผมนะ”ดงอุนทีอยู่ในชุดเดิมเมื่อวานเดินผมกระเชอะกระเชิงออกมาจากห้องทำงานแต่ถึงจะเป็นขนาดนั้นเขาก็ยังดูดี
“ทำอาหารนะ ยังไม่ได้อาบน้ำใช่มั้ยรีบไปอาบเลย แล้วจะได้ออกมาทานพร้อมกัน”
“ครับ ผมไม่ได้กินอาหารฝีมือฮยองนานแล้วนะ”
“ก็กำลังทำให้กินนี่ไง ไปได้แล้ว”ว่าแล้วก็หันไปสนใจกระทะต่อ
“เอ่อ...ฮยองครับผมถามได้มั้ยว่าเด็กผู้ชายที่มากับฮยองเป็นใคร”
“นายจะอยากรู้ไปทำไมอีกเดี่ยวพวกเราก็ไปและก็ไม่กวนนายแล้ว”
“อย่างน้อยผมก็ควรรู้จักเขา”
“เขาชื่อฮยอนชึง จางฮยอนชึง เป็น...”
“เป็น?”
“คนสำคัญนะ ช่างเถอะ ไปได้แล้วไป”
“ครับๆ”แม้จะสงสัยแต่ก็ยอมเดินออกมาแต่โดยดี คนสำคัญงั้นเหรอ คำนี้ไม่ได้หลุดจากปากพี่ชายของเขามานานนะ เพราจุนฮยองไม่เคยใช่คำนี้กับใครนอกจากฮยอนอา แม้แต่คนในครอบครัวแท้ๆก็ไม่เคย
ร่างสูงโปร่งของดงอุนพาตัวเองเข้ามาในห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ำตามคำสั่งของพี่ชายหน้าหล่อของตน แต่พอเข้ามาก็เจอกับภาพที่ชวนช็อกเป็นอย่างมาก ฮยอนชึงที่ดูเหมือนพึ่งจะอาบน้ำเสร็จยืนอยู่หน้าห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพื้นเดียวที่คุมท่อนล่างหยดน้ำเกาะพราวทีหน้าท้องขาวแบนราบทำให้ดงอุนถึงกันหายใจติดขัดยืนมองตาค้างโดยไม่หันหนี ทำไมถึงใจเต้นกับผู้ชายด้วยกันนะ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!”เมื่อตั้งสติได้หลังจากที่ช๊อกเหมือนกันฮยอนชึงชึงก้ร้องออกมาสุดเสียง
“เฮ้ย!”ดงอุนก็ร้องออกมาอย่างตกใจเช่นกันที่อยู่ๆร่างบางก็ร้องขึ้นมา
“เป็นอะไร!!ฮยอนชึงเป็นอะไร!!”จุนฮยองวิ่งหน้าตื่นมาทันทีเมือได้ยินเสียงร่างบางร้องโดนที่มือยังถือตระหวิวเอาไว้อยู่
“เฮ้ย!ไอ้อุ่น หันไป”เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็สั่งน้องชายตัวเองเสียงดังแต่ดงอุนก็ยังยืนเอ๋อจุนฮยองก็เลยรีบเข้าไปผลัก ร่างบางให้เข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับรื้อหาเสื้อเชิดตัวใหญ่ของตัวเองในกระเป๋าทีเอามาด้วยแล้วก็โยนตามเข้าไป
“ใส่เสื้อผ้าชะ!แล้วค่อยออกมา ส่วนแกไอ้อุ่น วันนี้ไม่ต้องกินข้าว!”
“อ้าวฮยอง ผมทำไรผิดอ่ะ ก็พี่บอกผมเข้ามาอาบน้ำ แล้วอีกอย่างมันจะเป็นอะไร ผู้ชายเหมือนกันนะ”
“ก็...ก็ ฮื่ย!ไม่รู้ล่ะ ยังไงแกก็ผิด”เมื่อเถียงไม่ออก จุนฮยองก็สบถอย่างหัวเสีย
“กลิ่นอะไรวะ ฮยองทอดอะไรไว้รึเปล่า”ด้วยสัญชาติญาณของสายลับตาไว หูไว จมูกก็ต้องไวตามไปด้วย ก็เลยทำให้ดงอุนรู้สึกถึงความผิดปกติ
“อ้าว!เวรแล้วไง”จุนฮยองไม่ตอบแต่กับวิ่งออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว
“อะไรก็ตามที่ฮยองทอดไว้ คงไม่มีสภาพที่ดีเท่าไรนะ”ดงอุนส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินออกจากห้องนอนตามไปด้วยอีกคน
เวลาอาหาร
ทังสามคนนั่งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่นอกระเบียงฝั่งที่ยื่นออกไปนอกชายหาด เพราะบ้านดงอุนไม่มีพื้นทีมากนักทำให้การตั้งโต๊ะกินข้าวเป็นไปไม่ได้ที่จะทำในบ้าน แต่เขาก็ไม่เคยจะมานั่งกินข้าวชมบันยากาดอย่างนี้หรอกเพราะงานของเขาลัดตัวตลอดเวลาทังผู้ว่าจ้างก็เร่งวันเร่งคืน จะมานอนสบายใจกินข้าวชมวิวก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“อากาดหนาว ใส่เสื้อแขนยาวเพิ่มอีกหน่อย”จุนฮยองเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นเสื้อโค๊ดตัวใหญ่ชองตนให้ฮยอนชึงที่ตอนนี้ใส่แต่เสื้อเชิดของเขาเพียงตัวเดียว แต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันมันก็เลยทำให้เสื้อยาวลงมาเกือบปิดเขา แต่อากาดมันก็ยังหนาวอยู่ดี
“คุณไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเดี่ยวจะพาออกไปชื้อแล้วกันรอให้อากาดมันอุ่นกว่านี้สักหน่อย ช่วงเย็นๆนะ”
“นี้มันอะไรอ่ะฮยอง”ดงอุนท้วงขึ้นพร้อมเอาตะเกียบจิ้มไปไปที่ ก้อนดำๆอะไรสักอย่างที่มันนอนแอ้งแม่งอยู่ในจาน
“ก็ปลาทอดไงล่ะ เพราะนายมันถึงไหม้เพราะชะนั้นนายต้องรับผิดชอบทานมันให้หมด”
“ไอ้นี้มันคือปลาเหรอ โห ไม่บอกนี้ผมไม่มีทางรู้นะ”
“ก็บอกอยู่นี้ไง จะบ่นอีกนานมั้ย รีบกินๆเข้าไปสิงานนายเยอะไม่ใช่เหรอ”
“ก็นะ”เมื่อดงอุนตอบแค่นั้น บทสนทนาทุกอย่างจึงยุติและก็พากันตั้งใจกินข้าว
เมื่อดงอุนหายไปกับงานของตัวเองแล้วทังจุนฮยองกับฮยอนชึงก็กลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรทำอย่างสมบูญแบบ
“อยากไปไหนมั้ย”จุนฮยองเอ่ยถามร่างบางที่นอนเล่นอยู่บนเตียงโดยที่เขานั่งทำงานอยู่บนพื้น แน่ล่ะ มาถึงที่นี้ก็ยังต้องทำงาน
“ไม่อ่ะ นายอยากไปไหนมั้ยล่ะ ไปได้นะ เดียวเฝ้าบ้านให้”
“คุณไม่ไปผมจะไปได้ยังเล่า”
“นั้นสิ ”
“โทรหาน้องชายคุณบ้างรึยัง”
“ยังเลยก็นะ โทรหาโยหน่อยดีกว่าว่าเป็นไงบ้าง”ว่าแล้วก็พลิกตัวหาโทรศัพท์ของตน
“ห้ามใช้โทรศัพท์คุณโทรออกเด็ดขาด พวกมันตามรอยสัญญาณ โทรศัพท์ได้แน่ๆ ”
“แล้วจะให้ทำไง”
“ใช้ของผม ผมเป็นตำรวจพวกมันหาสัญญาณโทรศัพท์ผมไม่ได้หรอก”
“ต่างกันตรงไหน”
“อย่าถามจะโทรมั้ย”
“โทรสิ” ว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ของร่างสูงที่ยื่นให้
ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...
(ฮัลโหล)พอเสียงรอสายดังได้สักพักก็แทนทีด้วยเสียงทีแสนจะคุ้นเคยของยังโยซอบ
“โย เป็นไงบ้าง”
(พี่เหรอฮะ พี่อยู่ทีไหน)พอจำได้ว่าเป็นพี่ชายของตนเองน้ำเสียงของโยซอบก็ดีใจอย่างปิดไว้ไม่มิด
“พี่อยู่ที...”
“ห้ามบอกนะ!”จุนฮยองร้องแทรกขึ้นมา
“ทำไมล่ะ ”
“มันอันตรายเกินไปที่จะพูดทางโทรศัพท์”
(งั้นก็ช่างเถอะฮะ แค่พี่ยังปรอดภัยก็พอ )
“นายล่ะโย เป็นไงบ้าง”
(ก็อยู่ที่ปูซานกับคุณป้าก็แค่ช่วยงานบางเล็กน้อยเป็นบางครั้งคราว ส่วนเรื่องมหาลัย พ่อดรอฟให้พวกเราแล้วนะ)
“งั้นเหรอ เฮ้อออ จะจบก็ไม่จบเนอะ”
(พี่ฮะ แค่นี้ก่อนนะโยจะไปช่วยงานที่สวนสักหน่อยไว้โยจะโทรหา รักพี่นะครับ เราคงได้เจอกันเร็วขึ้น)
“พี่ก็รักโย เราต้องได้เจอกันเร็วๆอย่างแน่นอน”ตู๊ดๆๆๆ
“สบายใจรึงยังล่ะได้คุยกับน้องชาย”
“ก็...ดีขึ้นนิดหนึ่ง คุณพ่อจะเป็นไงบ้างนะ”
“ท่านออกนอกประเทศไปแล้วล่ะ”
“ฮะ?”
“ท่านไม่อยู่เกาหลีแล้ว มันอันตรายเกินไปแม่ของคุณก็ด้วย”
“จะอยู่ที่ไหนก็ช่างเถอะ ขอแค่พวกท่านปรอดภัยแล้วก็ยังอยู่ด้วยกัน”
“อืม”
“จุนฮยอง เล่าเรืองสมัยเด็กของนายกับฮยอนอาให้ฟังหน่อยสิ”
“ที่อยากฟังเนี่ยเพราะผมหรือฮยอนอา”
“ถามบ้าๆก็เพราะฮยอนอานะสิ”คำตอบไม่รักษาน้ำใจเอาชะเลยนะ
“ก็...ไม่เห็นจะมีอะไรมาก เราสองคนรู้จักกันเรียยนเอฟบีไอมาด้วยกัน พอจบก็ย้ายมาอยู่เกาหลีแค่นี้”
“ย่อเกินไปมั้ย เอาประมารว่าบ้านฮยอนาทำอะไร บ้านนายทำอะไร ทำไมถึงเรียนเอฟบีไอแล้วทำไมถึงมาอยู่เกาหลี”
“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรสำคัญหรอก แค่มาเลื้อยๆ”
“ฮยอนอาคงสำคัญกับนายมากสินะ”
“คนๆเดียวทีผมกล้าใช้คำว่ารัก”
“แค่รุ่นพี่รุ่นน้องจริงรึเปล่าเนี่ย”
“ทำไมหรือว่าหึงผม”
“หึงฮยอนอาต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆๆ”เสียงหัวเราะใสๆของฮยอนชึงทำให้จุนฮยองยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ฮยอนอาไม่สนคุณหรอก”
“นายรู้ได้ไง”
“ผมเป็นรุ่นพี่ที่อยู่กับเธอมาเกือบสิบปีนะ”
“บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนเธอได้ก็ได้”
“ฮยอนอานะไม่เปลี่ยนหรอก...แต่ผมเปลี่ยนไปเกินครึ่งแล้ว”ประโหยคหลังเอ่ยเสียงเบาหวิว
“ว่าไงนะ”
“เปล่าครับ เดียวเราออกไปชื้อเสื้อผ้ากันนะ คุณไม่มีเสื้อใส่นี้”
“อืมๆ ”
“หวังว่าแถวนี้คงปรอดภัยนะ”
“จุนฮยอง ฉันขออย่างหนึ่งได้มั้ย”
“อะไรครับ”
“อย่าพกปืนเวลาที่เราอยู่ทีนี้”
“แต่ว่ามันอันตรายนะครับ”
“ฉันเชื่อใจนายว่านายจะไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอะไร แม้นายจะไม่มีมันก็ตาม”
“แต่เราควรจะกันไว้ดีกว่าแก้ แล้วเหตุผลอะไรทีขอให้ผมทำแบบนี้”
“ไม่รู้สิ แล้วนายทำได้มั้ยล่ะ”
“เฮ้ออออ ฮยอนชึงคุณมันยากจะคาดเดา โอเคครับ ผมจะไม่พกปืน”
“สัญญา”
“ผมไม่ชอบสัญญา ผมไม่เคยสัญญาเพราะผมกลัวผิดคำสัญญา”
“นายจะดูแลฉันอย่างดีที่สุดใช่มั้ย”
“อันนี้ ผมสาบานครับ ไม่ใช่แค่สัญญา”
“นายเป็นคนดีกว่าที่ฉันคิดไว้นะ”
“แต่ก่อนผมดูแย่ในสายตาคุณเหรอ”
“โคตรแย่อ่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่ตลกนะ ผมไม่อยากดูแย่ในสายตาคุณ”
“ทำไมต้องสนด้วยอ่ะ”
“มีคนบอกผมว่าเราจะสนแค่คนที่สำคัญเท่านั้น”
“เอ่อ...ว่าแต่ดงอุนทำงานแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”ฮยอนชึงกลัวบันยากาดมันมาคุเพราะคำพูดแปลกๆของร่างสูงเลยหาเรืองเปลี่ยนชะงั้น
“ก็แบบนี้แหละครับ ผมยังเคยคิดจะเป็นสายลับเหมือนเขาเลย แต่ผมชอบงานลุยมากกว่างานใช้สมอง”
“ถ้าเรืองจบแล้ว นายจะไปเป็นตำรวจเหมือนเดิมเหรอ”
“น่าจะอย่างนั้น”คำตอบของจุนฮยองทำให้ฮยอนชึงใจไม่ดี เขาชินเสียแล้วกับการต้องอยู่กับร่างสูงเพราะชินเลยไม่อยากจะเสียไป เพราะชินเลยอยากจะอยู่แบบนี้ เพราะความเคยชินหรือเพราะอย่างอื่นกันแน่นะ
“ฉันไม่อยากให้นายไป”เอ่ยเสียงเบาหวิวเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ร่างสูงทีจบเอฟบีไอมาประสาทสัมผัดก็ไวเป็นธรรมดา
“ถ้าคุณขอผมจะไม่ไป”
“ตลก ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”ด้วยความปากแข็งของเจ้าตัวเลยไม่ยอมรับง่ายๆ
“ถ้ามันมีสักวันที่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ บอกผมนะฮยอนชึง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอและตลอดไป”คำพูดที่มีความหมายลึกชึ้งมากมายที่จุนฮยองไม่เคยพูดมันกับใครแต่วันนี้คนที่ได้ยินกับเป็นฮยอนชึง
“ให้เวลาฉันหน่อยนะ”เพราะเลี่ยงไปก็คงไม่มีประโหยดก็เลยเอ่ยไปตามความรู้สึกของตน
“เวลานะผมมีให้เสมอ และผมก็ต้องการสิ่งที่น่าพอใจด้วย”
คุยกันค่ะ!!
ตอนนี้ก็เหมือนตอนที่ผ่านๆมาป่วง บ้า อินดี้ แต่งยากนิดหนึ่งสำรับตอนนี้
ไม่ชินกับการต้องแต่งอะไรอย่างนี้เลย เขิน ขนาดแค่นี้ยังจะตายแล้วคนที่รออ่านnc
จะได้อ่านมั้ยเนี่ย ไรท์เตอร์คงไม่มีปัญญาแต่ก็จะพยายามนะT^Tมีคนถามถึงดูซอบ
มีแน่นอนค่ะ ไรท์เตอร์คิดไว้แล้วไม่มีการเขียนแพลนล่วงหน้าสมองสดๆล้วนๆส่วน
อุ่นกวังไรท์เตอร์ยังหาสถานะการให้เจอกันไม่ได้เลย ไรท์เตอร์มึนตึบ สุดท้ายก็อ่านแล้วเม้นนะค่ะ
ไรท์เตอร์จะได้รู้ข้อดีข้อเสียของตัวเอง หรือมีแต่ข้อเสียก็เม้นให้ได้รู้กันเป็นกำลังให้เราหน่อยเราเหนื่อยมากๆเลย
รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ
ความคิดเห็น