ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Winner (Yoonwoo) : Just memories

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8 : Signature

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 130
      2
      17 มี.ค. 58

    Chapter 8 : Signature

     

     

                ไม่รู้ว่าตอนไหน ที่ทั้งห้าคนเริ่มสนิทกัน ก็จริงที่ผ่านมาได้สี่เดือนแล้ว จากเมื่อก่อนที่จินวูจะไปไหนมาไหนกับแทฮยอนแค่สองคน เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น แต่เดี๋ยวนี้ จินวูสามารถไปไหนได้เอง หรือไม่ก็ไปกับคนอื่นได้ที่ไม่ใช่แทฮยอน ไม่ว่าจะเป็นมินโฮ ซึงฮุน หรือว่าซึงยุน อาจเป็นเพราะความเชื่อใจ ที่จินวูมีให้ทั้งสี่คนในตอนนี้มันมากขึ้น

     

     

                และคงเป็นเพราะที่ร้านไอติมวันนั้น ทำให้ซึงยุนูสนิทกับแทฮยอนมากกว่าเดิม มากจนคนอื่นสงสัย โดยเฉพาะ มินโฮ

     

                ซึงฮุนกินข้าวกัน

     

                “อ่าว แล้วจินวูอ่ะ

     

                “ออกไปกับฮงซอก จุนฮเว ยุนฮยองเมื่อกี้อ่ะ ไปไหนไม่รู้ จินวูบอกให้กินกันก่อนเลย

     

                “เอ่อ….กูกับไอ้มินโฮยังทำงานที่จะส่งเที่ยงนี้ไม่เสร็จเลยอะดิ พวกมึงไปกินกันก่อนเลยก็ได้

     

                “อ่อเคๆ ปะแทฮยอน ไปกินกันสองคนอีกละ

     

                “อือ เออๆ เมื่อวานอ่ะ……”

     

                เสียงคุยของแทฮยอนและซึงยุนค่อยๆเบาลงเรื่อยๆตามระยะห่างที่ไกลออกไป

     

               

                ทำได้แค่สงสัย มินโฮทำได้แค่สงสัย ทำอะไรไม่ได้นอกจากนี้ เขาไม่รู้เลยว่าทำไมตอนนั้นแทฮยอนถึงหนีเขาไป เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เปลี่ยนเฟสบุค เปลี่ยนโรงเรียน และถึงขั้นย้ายออกจากบ้านมาอยู่หอคนเดียวอีก มินโฮไม่รู้อะไรเลยจริงๆ และครั้งสุดท้ายที่เขาได้คุยกับแทฮยอนมันก็จบไม่สวยซะด้วยสิ คุยกันทางโทรศัพท์ บอกรักกันอยู่ดีๆ ก็โดนแทฮยอนวางสายแบบงงๆ พอรู้ตัวอีกทีอีกฝ่ายก็ตัดขาดการติดต่อกับเขาแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ซะแล้ว เขาอยากรู้เหตุผล มันต้องมีเหตุผล เพราะปกติแทฮยอนไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแบบนี้

     

     

     

                จากที่คิดว่าจะถาม แต่ตอนนี้ดูเหมือนอะไรๆมันจะไม่ง่ายซะแล้ว แทฮยอนเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก ความน่ารักสดใส เสียงหัวเราะถูกกลืนกินหายไปหมด มีแต่ความเย็นชา ดูเหมือนคนละคน แทฮยอนคนใหม่เขาไม่อยากได้ มินโฮต้องการนัมแทฮยอนคนเดิมกลับมา

     

     

     

                จากวันแรกที่ได้เจอกันจนถึงวันนี้ แทฮยอนทำตัวปกติกับทุกคยกเว้นเขา มินโฮสังเกตได้ คนอื่นฟังอาจจะคิดว่าเขาคิดไปเอง แต่ไม่ใช่ คนเคยคบกันมาก่อน อยู่ดีๆวันนึงทำตัวเปลี่ยนไปนิดหน่อยเขาก็รู้สึกได้ แทฮยอนยิ้มให้คนอื่น แทฮยอนคุยและหัวเราะกับคนอื่นยกเว้นเขา แล้วยิ่งหมู่นี้ทำตัวสนิทกับซึงยุน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มันทำให้มินโฮไม่สบายใจ แทฮยอนทำอะไร แทฮยอนคิดอะไรอยู่เขาไม่รู้เลย เขาต้องการเข้าไปมากกว่านี้ แต่ก็เหมือนถูกปิดกั้นทุกทีจากสายตาและความรู้สึกที่ได้รับมา

     

     

     

                จากวันั้นที่ตัดสินใจเอ่ยปากถามออกไป คิดว่าจะปรับความเข้าใจได้และกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เขากลับได้รับสีหน้าเรียบนิ่งและคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

     

                เรื่องเมื่อก่อน นายจำได้ด้วยหรือไง

     

                ‘ก็ขอบคุณที่ยังจำได้

     

                ‘แต่ลืมๆไปซะก็ดี

     

                เรื่องเมื่อก่อนมันคืออะไรกันแน่ มันคงโหดร้ายมากสำหรับแทฮยอน แต่….เขาทำอะไรผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ เหตุการณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไง ทำไมซงมินโฮไม่รู้

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< 

     

     

                งานประจำปีของโรงเรียนมัยม YG มักจะจัดขึ้นทุกๆวันสุดท้ายของภาคเรียน และแน่นอนว่าในวันงานจะต้องมีการแสดงของนักเรียนและคุณครู หนึ่งในนั้นก็คือวงดนตรี 

     

    มินจีรับหน้าที่นี้ เพราะนอกจากเธอจะรับหน้าที่สอนเต้นแล้ว เรื่องดนตรีก็เก่งไม่แพ้ใคร งานนี้เธอจึงรับไปเต็มๆ

     

     

    เอาล่ะ ที่เรียกพวกเธอมาวันนี้ก็คงรู้แล้วใช่มั้ยว่าเรียกมาทำไม

     

    ถ้ารู้แล้วพวกผมจะนั่งทำหน้ามึนแบบนี้มั้ยล่ะฮะจุนฮเวตอบเสียงนิ่งหน้ากวน นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกอาจารย์ใหญ่แล้วล่ะก็ นายไม่รอดแน่ กูจุนฮเว มินจีทำได้แค่คิด ซ่อนความคิดของแม่มดภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เพราะคงทำอะไรไม่ได้ ขืนทำไปมีหวังตกงานแหงๆ

     

    ตามสบายละกัน กูจุนฮเว

     

    ฮ่ะๆ

     

    วงดนตรีครูจะขอแบ่งเป็นสองส่วนนะ ส่วนแรกครูอยากให้เป็นวงเต็ม เปิดด้วยจังหวะสนุกๆ มันส์ๆน่าจะดี ขอยกหน้าที่ส่วนแรกให้พวกนายละกัน จุนฮเว ยุนฮยอง ชานอู จินฮยอง

     

    ส่วนที่สองนี่คงรู้กันอยู่แล้ว ครูอยากให้ปิดท้ายงานด้วยดนตรีฟังสบายๆ ไม่ต้องหนักเหมือนวงแรก จินวู ฮงซอก ดงฮยอก พวกนายเคยเล่นด้วยกันมาแล้ว น่าจะซ้อมกันได้ไม่ยากเนอะ

     

     

    เครื่องดนตรีของวงใหญ่ กลองชุด แอมป์หรือเบส ถ้าไม่มีพวกนายมาซ้อมที่ห้องดนตรีได้นะวงใหญ่

     

    เออรู้แล้วน่า จะให้พวกผมไปซ้อมในห้องน้ำรึไงครับแน่นอนว่าคำตอบนี้คงเป็นใครพูดไม่ได้นอกจากกูจุนฮเวเจ้าเดิม แต่ความกวนประสาทนี้คงทำอะไรมินจีไม่ได้ คงเพราะเธออยู่กับเด็กพวกนี้มานาน ภูมิต้านทานเลยเยอะ

     

    อ้อ ลืมบอกไป งานปีนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี หาเพลงรักหวานๆมาเล่นก็ดีนะ ทั้งสองวงเลย

     

    ครับ

     

                “โอเคงั้นไว้แค่นี้ พวกนายก็หาเวลาซ้อมกันเองละกัน แล้วเดี๋ยวใกล้วันงานครูจะมาบอกรายละเอียดอีกที

     

                “ครับ

     

                “คิมดงฮยอก

     

                “ครับ

     

                “ฮ่าๆ ไม่ต้องมาครับหรอก ครูออกไปแล้ว

     

                “อ่อหรอ ฮ่ะๆ โทษที

     

                เสียงคุยเจื้อยแจ้วตามระเบียงทางเดินกลับจากห้องดนตรี ดงฮยอก จินวูและฮงซอก อดีตเพื่อนร่วมห้องสามคนยังคงต่อบทสนทนาทักทายสารทุกข์สุกดิบกันและกันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

     

     

                หมู่นี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ เป็นไง ห้องใหม่โอเคปะ

     

                “ก็ ดี โอเคอะ แต่ต้องมารับใช้พวกนั้นยังกับทาส เหนื่อยจริงๆ

     

                “ฮ่าๆ ก็เป็นหัวหน้าห้องนี่นะ โดนใช้งานทุกวันอยู่แล้วแหละ ดูฮงซอกดิ โดนใช้ทุกวัน นี่กะจะย้ายโต๊ะไปอยู่ในห้องพักครูอยู่แล้วนะ

     

                “บ้า จินวูขี้เว่อ

     

                “ฮ่าๆ

     

                “เอ่อ ว่าแต่….นายดูผอมลงปะ ปากซีดๆ ใต้ตาคล้ำด้วย ใช่ป่ะฮงซอก ดูดิ นายไม่สบายรึเปล่า

    จินวูเอ่ยถามอดีตเพื่อนร่วมห้องอย่างเป็นห่วง สายตาเป็นห่วงที่มอบให้ทุกคนยังเหมือนเดิมไม่คยเปลี่ยน คิมจินวูผู้บริสุทธิ์ คนใสซื่อ รู้มั้ยแววตาแบบนี้ทำให้ใครหวั่นไหวมากี่คนแล้ว


     

    อะ เอ่อ ก็….เปล่าหนิ โดนพวกนั้นใช้งานล่ะมั้ง ร่างกายไม่ไหว

    ดงฮยอกตอบปัด ก็จริงที่ร่างกายเขาปกติเป็นคนอ่อนแออยู่แล้ว พอเจออะไรนิดอะไรหน่อยมันยิ่งแสดงออกให้เห็นได้ง่าย     ไม่แปลกที่ดงฮยอกเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ คงเพราะทั้งพ่อและแม่ของดงฮยอกเป็นหมอด้วยกันทั้งคู่ เลยออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ได้ตลอด


     

    อ่อ งั้นก็อย่าหักโหมมากละกัน เดี๋ยวฉันกับฮงซอกไปกินข้าวก่อนนะ เมื่อกลางวันยังไม่ได้กินอะไรเลย ไว้เจอกันนะดงฮยอก

     

    โอเค บ้ายบาย

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< 

     

     

                “ฮ้า เสร็จสักที มินโฮมึงเสร็จยังวะ

     

                “เสร็จก่อนหน้ามึงนานละมินโฮตอบเสียงกวน เอาลิ้นดุนปาก พร้อมแกว่งสมุดการบ้านในมือเล่น ส่งยิ้มขี้เล่นให้ซึงฮุน

     

                ฮ่ะ กูเสร็จทีหลังหรอ ไรวะ เอามา เดี๋ยวเอาไปส่งให้ ฮงซอกคงยกกองใหญ่ไปส่งหมดแล้ว

     

                “ดีมาก

     

                รับสมุดจากเพื่อนหน้ากวน แล้วสาวก้าวยาวพร้อมกึ่งเดินกึ่งกระโดดออกาจกห้องเหมือนมีเรื่องดีใจทั้งที่ไม่มีเลยสักนิด  เขาเพียงแค่รู้สึกโล่งเพราะทำงานเสร็จแล้ว ก็แค่นั้น

     

                “อ้ะ

     

                “อ้าว จะไปส่งงานเหมือนกันหรอ

     

                คนตัวเล็กอุทานตกใจเมื่อซึงฮุนบังเอิญกระโดดเข้าส่โดยไม่ได้ตั้งตัว กองสมุดใหญ่ในอ้อมกอดสะเทือนและสั่นเล็กน้อยเพราะความตกใจ

     

                ฉันไปด้วยนะ

     

                “อื้ม

     

     

                ทางเดินระเบียงหน้าห้องพักครูเป็นสถานที่ที่เด็กๆจะไม่ค่อยมาเดิน เพราะจะเป็นพื้นที่ของครูและพวกที่มาส่งงานเท่านั้น ไม่แปลกที่จะเงียบ ในตอนนี้มีเพียงเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนจากคนสองคนเท่านั้น

     

     

                แล้วทำไมมาคนเดียว

     

                “ห่ะ

     

                “ก็ปกติเห็นอยู่กับฮันบิน

     

                “รออยู่ที่ห้องสมุด

     

                “เฮอะ

     

                “ทำไม ก็คาบต่อไปเรียนที่ห้องสมุด นายจะถอนหายใจทำไม

     

                “ถอนหายใจแล้วมันแปลกตรงไหนมิทราบ

     

                “….” คนตัวเล็กเงียบเพราะขืนยืนกรานเถียงต่อไปเขาก็มมีแต่จะแพ้ เขาไม่เคยเถียงผู้ชายคนนี้ชนะเลยสักครั้ง กองหนังสือก็หนัก จินฮวานทำได้แค่ก้มห้ามองทางเดินกับปกสมุดต่อไป ความเงียบเข้าปกคลุมคทั้งสอง บรรยากาศดูตึงเครียด มันก็ไม่ดีสักเท่าไหร่ จนกระทั่งซึงฮุนเปิดปากพูดทำลายความเงียบนั้น แต่มันดูจะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม

     

     

                เป็นอะไรกับมัน

     

                “อย่าเรียกฮันบินว่ามันได้มั้ย

     

                “ฮ่ะๆ มีปกป้องกันด้วย ได้กันแล้วสินะ

     

                “ซึงฮุน!!!”

     

                “เพียะใบหน้าขาวเรียวหันตามแรงตบ จินฮวานทนอดกลั้นความโกรธไว้ไม่ไหว อีซึงฮุนอาจดูเป็นคนดีสำหรับคนภายนอกที่มองมา แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ ซึงฮุนร้าย ซึงฮุนเป็นคนร้ายกาจกว่าที่ทุกคนคิด ร้ายแบบที่ไม่มีใครคาดถึง

     

                อย่าทำตัวหยาบคายแบบนี้อีก ก็แค่ไม่อยากให้เรียกคนอื่นว่ามัน ทำไม จะอะไรกันนักกันหนา

     

                “จินฮวาน ฉันขอโทษ

     

                “แล้วก็เลิกทำเหมือนว่าเราเป็นอะไรกันสักที จบแล้วคือจบ พอ

     

                สิ้นคำพูด จินฮวานหันหลังเดินไปยังห้องพักครูเพื่อจะส่งงาน ทิ้งให้ซึงฮุนอยู่กับพูดและสายตาที่มองมาเมื่อครู่ของคนตัวเล็ก เขาแพ้ภัยให้กับอารมณ์ชั่ววูบของเขาอีกครั้ง เพราะความโมโหทำให้เขาเสียสติ พลาดพลั้งพูดคำบ้าๆเหล่านั้นออกไป ซึงฮุนนึกโกรธตัวเองที่ควบคุมไม่ได้ ทุกครั้งที่อยู่กับคนตัวเล็กเขาไม่เคยควบคุมตัวเองได้

     

                ฉันขอโทษ จินฮวานฉันขอโทษ

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< 

     

                กีต้าร์โปร่งตัวใหญ่สีน้ำตาลถูกใส่กล่องหุ้มหนังสีดำอย่างดีพิงไว้ที่ผนังหลังห้อง น้อยคนนักที่จะเล่นออกมาแล้วไพเราะ บางคนเพียงแค่ดีดตามคอร์ด แต่ไม่เข้าถึงอารมณ์เพลงและท่วงทำนองในการดีด แต่สำหรับคนนี้ถือเป็นข้อยกเว้น มือเล็กแกะกล่องกีต้าร์ออกอย่างเบามือ หยิบกีต้าร์ขึ้นมา กระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะเรียนภายในห้องที่มีเพียงเขาและแทฮยอน

     

                จะซ้อมในนี้จริงๆหรอ

     

                “อื้ม เงียบดี ไม่มีเสียงกวนยกยิ้มกว้างขึ้นส่งให้แทฮยอนแล้วหันไปตั้งสายกีต้าร์ต่อ นิ้วชี้ขวาดีดสายกีต้าร์ทีละเส้นจากเส้นล่างขึ้นมาเส้นบน มือซ้ายคอยบิดปรับเสียงขั้นและลง ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ

     

                เอ่อ งั้นเราไปซื้อขนมแปปนึงนะ เอาไรป่าว

     

                “น้ำเปล่าละกัน เย็นๆนะ

     

                “อื้ม

     

     

                หลังจากร่างสูงโปร่งเดินลิ่วออกจากห้องแล้ว นิ้วเรียวก็เริ่มบรรเลงเพลงที่คุ้นนิ้ว เพลงที่เล่นประจำ จับกีต้าร์ได้เมื่อไหร่ก็ไม่วายที่จะเล่นเพลงนี้ ‘Officially missing you’

     

                ไม่ได้มีเหตุผลที่เลือกเล่นเพลงนี้ จินวูไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น เพียงแค่ไม่รู้จะเล่นอะไรแล้วจริงๆ เขาต้องหาเพลงสำหรับเล่นงานโรงเรียนที่ใกล้เข้ามาแล้ว จินวูคิดว่าถ้าเลือกเพลงที่เคยเล่นอยู่แล้วน่าจะใช้เวลาในการซ้อมได้น้อยกว่า แต่จินวูก็ยังต้องหาเพลงอื่นไง้เผื่อเลือกอยู่ดี

     

                ฮ้า มีเพลงอะไรอีกมั้ยนะ นึกไม่ออกเลย

     

                นั่งทำหน้าครุ่นคิด นึกหาเพลงอื่นไป มือที่จับกีต้าร์อยู่ก็ไม่วายเล่นเพลงที่คุ้นชินกับมือไป พอถึงท่อนฮุก เนื้อเพลงที่ติดปากก็ขัดความคิดที่นึกหาเพลง เผลอร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

                “Hoo…. Can’t Nobody do it like you…”

     

                เสียงหวานๆของจินวูเคล้าคลอกับเสียงกีต้าร์ ดูเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจริงๆ เหมือนเป็นเสียงสวรรค์คอยกล่อมก่อนนอน แล้วก็เหมือนเป็นเสียงนกร้องคอยปลุกยามเช้า

     

                “I’m officially missing you”

     

                แชะ แชะ

     

                “อ้ะ อ้าวซึงยุน มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้ยินเสียงเลยเสียงเพลงหยุดลง ใบหน้าเล็กหันตามเสียงแฟลชกล้อง แค่ได้ยินเสียงจินวูก็รู้แล้วว่าเป็นใคร คนที่มีกล้องสะพายอยู่ที่คอตลอดเวลา คังซึงยุน

     

                สักพักละ ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย

     

                “เหย ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พอร้องได้เฉยๆอะ พูดไปหน้าแดงไป ก็มีคนมาชมต่อหน้าแบบไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้ ถ้าไม่เขินก็ไม่เรียกว่าคนแล้ว

     

                ใครสอนกีต้าร์อะ

     

                “อ่อ พี่อ่ะ พี่เราอยู่วงประจำโรงเรียน Bgbang”

     

                “จริงปะ งี้ก็กำลังจะดังเลยอะดิ งั้นถ้าพี่นายดัง นายก็ดังตามไปด้วย เห้ยย ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยครับพี่จินวู

     

                “ได้เลยครับ จะให้เซ็นตรงไหนดีจินวูรับมุกอย่างทันท่วงที ซึงยุนเล่นมาเขาก็เล่นกลับ มือเล็กวางกีต้าร์ลงแล้วหยิบปากกาในกระเป๋าดินสอขึ้นมาเตรียมท่าจะเซ็น พูดไปก็ขำไป เสียงหัวเราะคิกคักกับรอยยิ้มสดใสนั่น ทำให้คังซึงยุนใจอยู่ไม่สุข

     

                ตรงนี้ๆ เอาชัดๆนะครับ ผมกลัวมันหลุดนิ้วชี้จิ้มที่แก้วข้างขวาพลางพองลมในปากแล้วเดินเข้าไปใกล้จินวูที่นั่งอยู่บนโต๊ะมากขึ้น เพื่อให้คนตัวเล็กเขียนได้ง่าย

     

                อ๋า ตรงนี้ใช่มั้ยจินวูยื่นมือซ้ายจับใบหน้าด้านขวาของซึงยุนไว้เพื่อให้เขียนได้ถนัด มือขวาจับปากกเมจิกพลางเหลือบตามองบนเพดานอยู่ในท่าครุ่นคิด สักพักก็บรรจงจรดปากกาเมจิกลงบนแก้มอูม จินวูเม้มปาก สายตาของความตั้งใจมองไปที่แก้มขวา แลบลิ้นออกมานิดหน่อยด้วยความเผลอ เผลอว่าจะเขียนไม่สวย เผลอว่าลายเซ็นบนแก้มของซึงยุนจะเละ สีหน้าจริงจังของจินวู ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก ซึงยุนเผลอยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับมนต์สะกด เหมือนเวลาหยุดหมุน ซึงยุนอยากจะยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพนี้ไว้ในส่วนหนึ่งของความทรงจำของเขา

     

     

                อ้ะ เสร็จละสายตาสองคู่ประสานกันโดยบังเอิญ จินวูที่เขียนลายเซ็นบนแก้มอูมเสร็จแล้วก็เลื่อนสายตามามองยังบุคคลที่ตนพูดด้วย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่จินวูก็เผลอยกยิ้มขึ้นเหมือนกับซึงยุน ดวงตาเรียว แก้มขาวที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝีปากอูมเป็นกระจับได้รูป มองไปมองมาก็น่ารักดีเหมือนกัน ราวกับเวลาหยุดเดินอีกครั้ง เหมือนทั้งคู่โดนมนต์สะกด จินวูที่ตั้งสติได้ก็ค่อยๆผละใบหน้าออกมาจากซึงยุนสบัดหน้าสลัดความคิดเมื่อครู่ออกจากหัว

     

                อ่า ขอบใจนะ

     

                จินวูรีบเก็บกีต้าร์ลงกล่อง เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้จินวูและซึงยุนทำตัวไม่ปกติต่อกัน ปล่อยไว้ยังงี้คงไม่ดีแน่ ต้องมีใครสักคนชวนคุยเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น และคงไม่ใช่จินวู

     

                เอ่อ เมื่อกี้สวนกับแทฮยอน มันบอกว่าจะรออยู่ข้างล่างน่ะ ลงไปกันเลยมั้ย

     

                “อ่าๆ อื้ม ลงเลย

     

                จินวูพูดไปลนลานไป ยอมรับว่าเขิน ใครมาทำแบบเมื่อกี้กับตัวเองก็เขินกันทั้งนั้น  เก็บกระเป๋าเสร็จก็รีบเดินออกจากห้อง ไม่สนใจอีกคนที่อยู่ในห้องว่าจะทำหน้ายังไง และแน่นอนว่าซึงยุนก็ต้องยิ้มกับตัวเอง เอามือลูบแก้มไปบิดตัวไป รู้ตัวอีกทีจินวูก็หายไปจากห้องแล้ว

     

                เอ้าจินวู รอด้วยสิ

     

    ไม่ ก็แค่เผลอไป จินวูนายแค่เผลอไป

     

                พูดปลอบใจตัวเอง บอกตัวเองว่าความรู้สึกเมื่อกี้มันไม่ใช่ แต่จินวูก็ทำได้แค่หลอกตัวเอง เพราะขณะที่คิดไป ปากก็ยกยิ้มขึ้นไม่หุบจากเหตุการณ์เมื่อครู่

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< 

     

    ตือดึ้ง

     

    มีฟงมีแฟนก็ไม่เคยบอก

     

    ห้ะ อะไรของนายจินวู

     

    ก็เห็นแชทกันทุกวัน ไม่ใช่แฟนแล้วจะอะไร

     

    บ้า ไม่ใช่

     

    ไม่ต้องเขินหรอกน่า พามาเปิดตัวบ้างนะ

     

    ฮ่าๆ บ้าไปใหญ่แล้วนายน่ะ ไม่ใช่จริงๆ

     

    เป็นเรื่องจริงที่แทฮยอนแชทเกือบทุกวัน แต่คนๆนั้ไม่ใช่แฟน ก็ซึงยุนนั่นแหละ คอยปรึกษาซะทุกวัน ว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรยังไงดีเพื่อที่จะเข้าใกล้จินวูดี วันนี้ก็เอาอีก เมื่อกี้ก็เพิ่งส่งรูปมาอวด คงเป็นผลจากแผนของเขาในวันนี้แน่ๆ ที่แทฮยอนลงมาซื้อขนมนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อให้ซึงยุนได้ขึ้นไปอยู่กับจินวูสองคน แทฮยอนช่วยขนาดนี้แล้ว ถ้าแห้วไปอะไรก็ช่วยไม่ได้แล้วนะซึงยุน

     

     

    ร่างสูงโปร่งยืนมองอยู่หน้ากระจกมาสักพักใหญ่แล้ว ลูบแก้มขวาไปมาแล้วก็หัวเราะกับตัวเองด้วยความเขิน ลายเซ็นของจินวู ใช้เวลาไม่นานก็เขียนได้ ปลอมง่ายมาก เป็นลายเซ็นที่ไม่ลึกลับซับซ้อนอะไร หรือว่านี่ไม่ใช่ลายเซ็น แค่ตัว J กับรูปหัวใจดวงเล็กขนาบข้างสองดวงเนี่ยนะลายเซ็น แต่มันก็บ่งบอกถึงลักษณะเจ้าของลายเซ็นได้เป็นอย่างดี น่ารักๆ ง่ายๆ ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่มีเส้นหยักอะไรทั้งนั้น เขาล่ะไม่อยากจะลบลายเซ็นนี้ออกจากใบหน้าเลย ถึงจะเป็นมะเร็งผิวหนังก็ยอม แต่ติดที่ว่าพรุ่งนี้เขาต้องไปโรงเรียนน่ะสิ ถ้าเพื่อนล้อ เขาน่ะไม่เป็นไรหรอก ห่วงก็แต่ความรู้สึกจินวู จินวูจะคิดยังไง ไม่เอาล่ะ ตัดสินใจอยู่นานก็หยิบเจลล้างหน้ามาขัดออก แต่ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเก็บไว้

     

     

     

     

     

     

     

                จินฮวานทำไมไปตบหน้าพี่ฮุนเขาอย่างนั้นล่ะ แต่พี่ฮุนนี่ก็พูดแรงเกินไป

    จินวูเริ่มมีใจให้ซึงยุนหรือยังนะ เพราะซึงยุนเริ่มรุกหนักแล้วววว

     

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามฟิคเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณทุกเม้นท์ ทุกแชร์ ทุกยอดวิวเลย รักรีดเดอร์ทุกคนเลยนะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะ // กอดขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×