ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Winner (Yoonwoo) : Just memories

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14 : Stay with me

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 58


    Chapter 14 : Stay with me

     

     

     

                หลังจากผ่านวันนั้นมาได้ วันสุดท้ายของภาคเรียนม.4 วันที่แสนพิเศษของซึงยุน ชีวิตของเขาทั้งสองคนจากที่ปกติมีความสุขอยู่แล้ว ก็ดูจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเก่า แผนที่คังซึงยุนได้วางไว้ว่าเขาจะพิชิตใจจินวูจนสำเร็จ และในวันนี้เขาทำได้ ซึงยุนไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ เขามีความสุขมาก มากยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก และยิ่งเป็นแฟนกันช่วงปิดเทอม ทำให้เขาทั้งสองคนมีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันแบบเต็มอิ่ม  ไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เรียกว่าแทบจะใช้เวลาทุกวินาทีร่วมกันเลยก็ว่าได้

     
     

     

                ช่วงปิดเทอมใหญ่จินวูถูกย้ายมาอยู่ที่คอนโดซึงยุน ก็แทฮยอนเพื่อนเขาน่ะสิ บอกว่าตอนปิดเทอมจะย้ายไปอยู่ที่คอนโดของมินโฮสักพักเพื่อจะติวข้อสอบเข้าคณะสถาปัตย์ คณะในฝันของคนทั้งคู่ แต่ผมว่ามันก็แค่ข้ออ้างของคนติดแฟนเท่านั้นแหละ แล้วดู ก็เลยทิ้งผมให้อยู่ที่หอคนเดียว แต่ดีที่ผมยังมีที่พึ่งคือคังซึงยุน เพื่อนรักปากบวม แต่ตอนนี้คงเรียกเพื่อนไม่ได้ ต้องเปลี่ยนมาเรียกว่าคนรักปากบวมซะแล้วสิฮะ

     


     

                มันแปลกนะที่เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟน ตอนแรกเราสองคนก็ยังอายๆ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ากัน ไม่สิ ผมคนเดียวมั้งที่อาย ก็ตอนแรกเป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ แล้ววันนึงต้องมาเป็นคนรักกัน มันก็ต้องมีความรู้สึกแปลกๆไปบ้าง แต่เพราะคังซึงยุน คนขี้เหย้าขี้แหย่ แกล้งผมมันทุกวัน ทำให้เดี๋ยวนี้ผมทำตัวสบายขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วก็กล้าที่จะไปไหนมาไหนกับซึงยุนตามประสาคนรักแบบไม่เคอะเขิน และก็เพราะซึงยุนอีกนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องหอบผ้าหอบผ่อนพร้อมแบกกีต้าร์ตัวโตย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคนขี้บังคับ ด้วยเหตุผลทีว่าผมน่ะขี้หลงทาง ตัวเล็กบอบบางแถมยังเชื่อคนง่าย เกิดถูกลักพาตัวเข้าป่าดงดิบแล้วถูกกระทำชำเราจะทำยังไง นั่นล่ะครับเหตุผลของเขา ผมผู้ซึ่งมีคุณสมบัติทุกประการตรงตามที่ซึงยุนบอกก็เถียงไม่ออกสิครับ สุดท้ายเลยต้องทำตามคำสั่งของซึงยุนอย่างว่าง่าย

     

     

     

                “แกร๊กประตูบานขาวเปิดออก จินวูก้าวเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่คุ้นเคยอีกครั้ง

     

     

                เอากระเป๋าไว้ในห้องฉัน เสื้อผ้าเอาใส่ตู้เลยนะ ฉันย้ายของตัวเองไปใส่อีกตู้ละจูงมือคนตัวเล็กมาที่ห้องนอน แล้วเล่ารายละเอียดที่คนตัวเล็กจะต้องทำให้ฟัง

     

     

                กีต้าร์วางไว้มุมห้องข้างทีวีละกัน เผื่ออยากเล่นจะได้หยิบมาง่ายๆ

     

                “อือฮึพยักหน้าตามอย่างว่าง่ายแล้วเดินตามซึงยุนไป

     

                นี่เป็นห้องครัวนะ ถ้านายหิวก็มาตรงนี้ ตู้เย็นอยู่นี่

     

                “นี่ซึงยุน ฉันคงไม่ได้หลงทางง่ายขนาดหาทางมาตู้เย็นไม่เจอหรอกนะ

     

                “ใครจะไปรู้ ส่งสายตาขี้เล่นมาพร้อมพาคนตัวเล็กเดินต่อ

     

                นี่ห้องน้ำ โถชักโครกอยู่นี่ ปวดฉี่ก็มาตรงนี้ โอ๊ย

     

                ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพูดพร้อมเตะเข้าที่หน้าขาของร่างสูงอย่างแรง

     


                ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ลูบผมนุ่มของคนตัวเล็กแล้วพามาหยุดอยู่ที่ห้องนั่งเล่นใจกลางห้อง เป็นการสิ้นสุดทัวร์แนะนำห้องของซึงยุน

     

     

                ส่วนเรื่องที่นอน….” ซึงยุนเว้นวรรคคำ แอบลอบมองปฏิกิริยาจากสายตาของคนตัวเล็ก

     


     

                นายนอนบนเตียงไปละกัน เดี๋ยวฉันเอาฟูกมาปูนอนข้างล่างเองลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนตัวเล็กถอนหายใจ ซึงยุนไม่รู้ถึงสาเหตุการถอนหายใจนั่นหรอก แต่ดูจากสีหน้าแล้วจินวูคงผิดหวังที่ไม่ได้นอนเตียงเดียวกับผมแน่ เอ้ะนี่ผมคิดเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่านะ

     

     

                ปะ รีบเก็บของ เดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน

     

                กินที่คอนโดก็ได้นี่ ฉันทำอาหารเป็นนะจินวูขมวดคิ้วทำหน้างง ด้วยความที่อยากโชว์ฝีมือทำอาหาร เลยออกตัวไปว่าทำอาหารเป็น ก็มีครัวเตรียมพร้อมแล้ว คนทำอาหารก็มีแล้ว จะรอะไรอยู่ล่ะ

     


     

                แต่ไม่มีของสดซึงยุนตอบเสียงเรียบ ทำหน้าเหมือนกับยังไงวันนี้ก็จะต้องออกไปให้ได้

     

     

                ย๊าส์ คอนโดบ้าอะไรเนี่ยไม่มีของสดขึ้นเสียงดังแบบหงุดหงิด แต่ถึงยังไงก็ยังไม่น่ากลัวอยู่ดีสำหรับคังซึงยุน


     

     

                ก็เลยจะออกไปซื้อนี่ไง นะ ซื้อมาทำตอนเย็นก็ได้นี่ แต่กลางวันนี้ไปกินข้างนอกกัน นะๆๆเดินเข้ามากอดแขนคนตัวเล็ก ยื่นปากทำสายตาออดอ้อนแล้วส่ายตัวไปมา คิดว่าน่ารักมากหรอฮะ ที่จินวูไม่ค่อยอยากออกไปไหนเพราะจำเป็นต้องประหยัดเงิน เงินที่เขาใช้อยู่ก็เป็นของลุงกับป้าเขาทั้งนั้น ท่านทั้งสองขยันทำงานและส่งเงินมาเป็นค่าเลี้ยงดูให้เขาและซึงรีทุกเดือน จินวูคิดว่าอะไรที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัด แต่ถึงยังไงจินวูก็แพ้สายตาขี้อ้อนของลูกหมาที่กำลังเกาะแขนข้างขวาของเขาอยู่ดี

     

                ก็ได้ อ๊ะ

     

                “ฟอดขโมยหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ ทันทีที่ปลายจมูกฝังลงไปในแก้มขาวใส ซึงยุนก็ผละตัวออกมาทันที ดวงตากลมโตยังคงเบิกกว้างและมองมาที่ซึงยุน


     

                ไปเปลี่ยนชุดไปใบหน้าอูมผละออกมา ส่งยิ้มกว้างให้เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรแล้วลากคนตัวเล็กไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ มือเรียวจัดการเปิดออกแล้วหยิบเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกมาเลือกอย่างพิถีพิถัน หยิบชุดที่ต้องการได้แล้วก็ส่งให้คนตัวเล็ก

     

     

                อ่ะ ใส่ตัวนี้ เปลี่ยนแล้วออกมาเร็วๆ หิวซึงยุนคนขี้บังคับก็ยังคงคอนเสปต์ขี้บังคับเหมือนเดิม อ้อนเขาได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับมาบังคับเขาอีกแล้ว หวานกันได้ไม่นานก็กลับมากัดกัน คงเพราะแบบนี้แหละที่ทำให้จินวูไม่ทำตัวเคอะเขินเวลาอยู่กับซึงยุน จินวูรับเสื้อผ้าจากคนตัวสูงแล้วเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุดทันที ใช้เวลาไม่นานก็ออกมา จินวูในเสื้อยืดสีขาวและยีนส์ตัวเก่งขายาวที่มีรอยขาดประปราย ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเพราะเข้าเดือนเมษาทำให้ซึงยุนเลือกเสื้อผ้าที่บางที่สุดให้จินวูใส่


     

     

                ทำไมเอาขายาวให้ฉัน ยีนส์ขาสั้นก็มี มันร้อนนะออกมายืนหน้าห้องน้ำ ตรวจสภาพความเรียบร้อยของเสื้อผ้าแล้วบ่นซึงยุนที่เลือกเสื้อผ้าไม่ตรงใจตัวเอง

     

     

                ก็แดดมันแรง เกิดใส่ขาสั้นขาก็ดำหมดพอดีเปล่าหรอก ก็แค่ไม่อยากให้คนอื่นมามองขาสวยๆของแฟนเขาน่ะสิ ก็ขาวซะขนาดนั้นใครจะไม่มอง แฟนใครใครก็หวงนะ

     

     

                ว่าแต่….ใส่แบบนี้แล้วก็ดูเท่ห์ไปอีกแบบ ลืมภาพจินวูคนน่ารักไปเลยมองคนตัวเล็กตาค้างแล้วพูดออกมายิ้มๆ

     

     

                อ้ะแน่นอน คนมันเท่ห์ทำอะไรก็เท่ห์คิมจินวูคนไม่เจียมสังขาร สภาพตัวเองน่ารักแล้วยังจะอยากมาเท่ห์อีก คนอะไรกัน จินวูยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้มาวางใต้คาง ท่าเก๊กคลาสสิกที่ใครๆก็ต้องทำกันเมื่อโดนชมว่าเท่ห์

     

     

                ฮึ่ยย อย่าน่ารักให้มันมาก ฉันหลงจะตายแล้วเนี่ยบีบจมูกคนตัวเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยวจนจินวูยู่หน้า

     

     

                อื้ออ พอแล้ว

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< 

     

     

                ปิดเทอมของทุกคนคงจะมีแต่ความสุข ได้ไปเที่ยวกับครอบครัว ได้ออกไปพักผ่อนหย่อนใจ ได้ทำอะไรๆที่ชอบ แต่คงไม่ใช่สำหรับจินฮวาน ห้องสมุดเป็นสถานที่แรกและที่เดียวที่จินฮวานนึกถึงเมื่อปิดเทอมมาถึง หลังจากผลสอบออก

     

     

               

                ถึงแม้ลำดับที่และคะแนนยังออกมาดี ดีมากด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังไม่พอ ถ้าเขายังไม่ได้มากกว่าจินวู สายตาท่าทางสบายๆของจินวูหลังรู้เกรดวันนี้ทำให้จินอวานอารมณ์เสีย เลือดเอาชนะและความอิจฉาริษยาสูบฉีดพล่านทั่วร่างกาย เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งที่เขาขยันมากแล้วแท้ๆ อยู่ในห้องสมุด จมกับกองหนังสือทั้งวันทั้งคืน ทุ่มเทเวลาทุกวินาทีให้กับกระดาษสีขาวพวกนั้นแล้ว แต่ทำไมเขายังแพ้จินวู คนที่วันๆเอาแต่ดีดกีต้าร์ ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน หัวเราะเฮฮาอย่างมีความสุข จินฮวานแทบจะไม่เคยเห็นจินวูแตะหนังสือเลยสักครั้งเดียว แต่ทำไมพอผลสอบออกมา มันกลับดี ดีมากและดีกว่าเขาทุกครั้ง จินวูมีทุกอย่าง มีเพื่อน มีความสามารถ มีแต่คนรัก มีทุกอย่างที่เขาไม่มี ทำไมกัน ทั้งๆที่ตอนนั้นก็มีเรื่องอื้อฉาวจากภาพหลุดนั้นแล้ว แล้วทำไมจินวูยังมีเพื่อนคบอยู่ได้ จินฮวานไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยสักอย่าง

     

     

     

    ลูกต้องเป็นหมอ อ่านหนังสือซะ เชื่อป๊า

     

     

     

    คำพูดของพ่อที่ปลูกฝังให้เขาต้องเป็นหมอยังวนเวียนอยู่ในหัวนับตั้งแต่วันที่จินฮวานออกมาจากสถาบันสอนเต้น ทั้งพ่อและแม่ของจินฮวานไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไมจินฮวานถึงตัดสินใจไม่เรียนต่อที่นั่น แต่ถึงไม่รู้สาเหตุ มันก็เป็นผลดีแล้วที่จินฮวานจะได้ทำในทางที่พ่อและแม่ได้กำหนดไว้ให้



     

     

    การเป็นหมอ เป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วสำหรับอาชีพในอนาคต พ่อและแม่ของจินฮวานคิดแบบนั้น ดูเป็นอาชีพที่มั่นคง รายได้เยอะ และอยู่ง่ายเพราะทำงานแค่ในโรงพยาบาล ไม่ต้องออกไปไหน ถ้าจินฮวานสอบติดหมอได้พ่อและแม่ของจินฮวานคงมีความสุขที่สุดในโลก แต่การวางแผนอนาคตให้จินฮวานแบบนั้น มันกลับกลายมาเป็นความกดดันให้กับคนตัวเล็ก จินฮวานไม่ได้อยากเป็นหมอ จินฮวานไม่ชอบที่จะทำงานงกๆอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีอุปกรณ์การแพทย์สีเงินวางอยู่ตรงหน้าเป็นชั่วโมง จินฮวานไม่ชอบ การได้ออกไปข้างนอก สูดอากาศบริสุทธิ์ ปล่อยตัวตามสบายนั่นแหละที่จินฮวานชอบ แต่มันจะมีอาชีพไหนบ้างที่จะสบายแบบนั้น หมอคงเป็นทางเลือกสุดท้ายและทางเลือกเดียวที่จินฮวานคงหนีไม่พ้น

     



     

    กองหนังสือหลากสีสันถูกวางตั้งเรียงกันบนโต๊ะยาวสีน้ำตาล ปากกาถูกขีดเขียนยุกยิกลงบนกระดาษขาวทับกันไปมา ลายเส้นจากหนักๆก็เริ่มจางลงเพราะน้ำหนักมือของคนตัวเล็กที่เบาลงด้วย เปลือกตาเรียวค่อยๆลงมาปิดตาดำและทับกันสนิท ความง่วงเข้าครอบงำจินฮวาน ด้วยการที่หักโหมอ่านหนังสือตลอด ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน นอนไม่พอ หัวของจินฮวานหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วง แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะไอเย็นเฉียบที่เข้ามากระทบผิวกาย

     


     

    อ่ะกินนี่ จะได้ตาสว่างกระป๋องน้ำส้มสีเงินถูกยื่นมากระทบแก้มคนตัวเล็ก ฮันบินส่งยิ้มให้แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามจินฮวาน


     

    ขอบใจนะส่งยิ้มบางให้ฮันบินแล้วหยิบกระป๋องน้ำส้มขึ้นมาแกะดื่ม


     

    ออกไปข้างนอกมั่งเหอะ ปิดเทอมแล้วไปพักผ่อนบ้างพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเป็นห่วง และไม่วายมือกลับยกหนังสือทั้งหมดไปวางไว้ที่ชั้นเดิม เก็บเครื่องเขียนของคนตัวเล็กลงประเป๋าแล้วกุมมือเรียวของจินฮวานออกไปข้างนอกทันที ด้วยแรงที่น้อยกว่ามากทำให้จินฮวานต้องเดินตามออกไปด้วยความไม่เต็มใจ

     

     

    พาออกมาทำไม ฉันจะอ่านหนังสือต่อเงยหน้าพูดกันตัวสูงทั้งๆที่มือก็ยังถูกฮันบินกุมอยู่

     

     

    ยังมีหน้ามาถามอีก นายไม่เบื่อรึไงอยู่แต่ในห้องสมุด ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง

     


     

    แต่ฉันจำเป็น

     


     

    รู้ว่าจำเป็น แต่ห่วงสุขภาพของตัวเองบ้าง รู้มั้ยว่าเป็นห่วงแค่ไหนคำพูดของฮันบินทำให้จินฮวานหยุดเดิน เงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยท่าทางงงๆ


     

    เป็นห่วง?”

     

     

    อืม เป็นห่วงมาก ที่ฉันเฝ้าตามดูนายทุกวัน ทั้งๆที่ก็ควรจะออกไปเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขตามประสาวัยรุ่นบ้าง แต่ฉันกลับไม่ทันก็เพราะอะไรล่ะ

     

     

    “……”

     

     

    เลิกทำให้เป็นห่วงสักทีเถอะ มีอะไรก็ระบายออกมา อย่าเก็บไว้คนเดียวดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดและพูดระบายสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาทั้งหมด มันอึดอัด อึดอัดที่คนในอ้อมกอดของเขาไม่รับรู้สิ่งที่เขาพยายามบอกมาเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ที่เขาเฝ้าตามคนตัวเล็กมาที่ห้องสมุด คอยอยู่เป็นเพื่อน เพราะเขารู้ว่าจินฮวานอยู่คนเดียวมาตลอด และเป็นไปไม่ได้ที่คนตัวเล็กบอบบางอย่างจินฮวานต้องอาศัยในโรงเรียนด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาอยู่เคียงข้างคนตัวเล็กตั้งแต่วันนั้นมา

     

     

     

    ยิ่งอยู่ด้วยไปนานๆมันก็ยิ่งรู้สึกดี ไม่ใช่เพียงแค่ใบหน้าน่ารักเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกดี แต่เพราะความสบายใจที่คนตัวเล็กมีให้เขา จินฮวานรู้สึกเหมือนปลดปล่อยเวลาได้อยู่กับฮันบิน คงเพราะเขาเป็นคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างคนตัวเล็ก ทำให้จินฮวานไม่ค่อยแคร์อะไรเวลาอยู่กับเขา เวลาจินฮวานมีปัญหาอะไรก็คอยจะปรึกษาฮันบิน ยกเว้นก็แต่เรื่องในอดีตที่จินฮวานไม่เคยเล่าอะไรให้ฮันบินฟังเลย และดูเหมือนเรื่องในอดีตนั้นจะคอยกวนใจจินฮวานและเป็นสาเหตุให้คนตัวเล็กเครียดจนเป็นแบบที่เห็นอยู่ในสภาพนี้ ฮันบินแค่อยากให้คนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาได้ผ่อนคลายบ้าง อยากให้จินฮวานได้ใช้ชีวิตสบายๆแบบคนอื่นบ้าง

     


     

    ฮันบิน

     


     

    ฉันรักนายนะ อย่าทำให้เป็นห่วงจะได้มั้ยกระชับกอดแน่นขึ้น คำๆนี้ที่อยากพูดอออกไปวันนั้นที่จินฮวานถาม เขาอยากบอกมันออกไปให้จินฮวานได้รู้ แต่เขาแค่อยากให้คนตัวเล็กมั่นใจมากกว่านี้ มั่นใจว่าเขารู้สึกกับจินฮวานแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่ฮันบินอดทนนับรอวันนั้นที่จะมาถึงไม่ไหว ยิ่งเห็นจินฮวานอยู่ในสภาพนี้ เส้นความอดทนของฮันบินที่ขึงตึงขึ้นเรื่อยๆมันก็ขาดลงในที่สุด


     

     

    แต่..”

     


     

    นายจะคิดยังไงก็เรื่องของนาย ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ดูแลนายแบบนี้นะ ขอร้องล่ะ

     


     

    อืมครางตอบในลำคอภายใต้อ้อมกอดของฮันบิน ไอความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วร่างของคนทั้งสอง ความรู้สึกที่ตรงกันทำให้จินฮวานมั่นใจในคำตอบของตัวเองในวันนั้น เพียงแต่เขาไม่กล้าที่จะเอ่ยปากออกไปว่ารู้สึกเหมือนกัน เขาไม่อยากผูกมัดความสัมพันธ์ของทั้งเขาและฮันบินด้วยคำว่าแฟน เขากลัว กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย จินฮวานไม่รู้ว่าคำว่ารักของฮันบินจะเหมือนกับของซึงฮุนมั้ย จินฮวานเลยเลือกที่จะให้ความสัมพันธ์ของเขาและฮันบินอยู่ในแบบที่คลุมเครือแบบนี้ต่อไป รู้สึกดีต่อกันแต่ยังไม่ใช่แฟน ถึงจะอึกอักและดูลำบากไปบ้าง แต่มันก็ดีกว่าที่จะใช้คำว่าแฟนมาผูกมัด

     

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<< 

     

     

                “เอาอันนี้ อกไก่อีกสองแพ็ค ต้นหอม ผักชี แครอท ดอกกะหล่ำด้วย นั่นๆตรงนั้น ไปเร็วซึงยุนเสียงใสตะโกนเจื้อยแจ้วบอกรายการของสดที่จะต้องซื้อเข้าคอนโด จินวูชี้นิ้วไปทางนู้นทีทางนี้ที ขาเล็กวิ่งไปวิ่งมา ซึงยุนที่ทำหน้าที่เข็นรถเข็นถึงกับต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี ทั้งแรงแขนที่ใช้เข็นรถเข็น แรงขาที่ต้องใช้ออกแรงวิ่ง ไหนจะต้องคอยฟังรายการจากคนตัวเล็ก สายตาคอยสอดส่องว่าคนตัวเล็กจะไปไหน จะหลงอีกหรือป่าว โอ้ย บอกเลยว่าตอนนี้ซึงยุนหัวปั่นยิ่งกว่าไดนาโมรถจักรไอน้ำอีก

     


     

                เดี๋ยวๆ จินวูช้าๆ เราเหนื่อยพูดตะโกนเสียงแหบแห้ง แต่ไม่ทันหลังเล็กที่วิ่งไปไกลแล้ว ซึงยุนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะตามคนตัวเล็กไปให้ทัน


     

     

                ฮู้ ฮู ฮูเสียงผิวปากอย่างสบายใจของคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แตกต่างจากซึงยุนที่มือสองข้างเต็มไปด้วยถุงพลาสติกใส่ของที่ซื้อมาพะรุงพะรังไปหมด

     

     

                แหม่ สบายจังนะ

     

                “แน่นอน ทีนี้ก็ไปหาอะไรกินกันได้ละ

     


     

                “โอ้ย นี่แหละคำที่ฉันรอฟังมานานซึงยุนอุทานออกมาด้วยความดีใจ ลืมความเหนื่อยความเมื่อยที่เกาะอยู่บนร่างกายไปหมดสิ้น ขายาวก้าวเดินไปหาจินวูอย่างกระฉับกระเฉง ย้ายของในมือขวามาถือรวมในมือข้างซ้าย และคว้ามือเล็กของจินวูมาจับประสาน ถึงจะถูกขัดขืนด้วยแรงอันนิดน้อยจากจินวูก็ไม่เป็นผลอะไรกับซึงยุน ซึงยุนกระชับมือที่กุมไว้ให้แน่นขึ้น ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินนำคนตัวเล็กไปยังร้านอาหาร จินวูส่ายหน้าน้อยๆให้คนบ้าหอบฟาง


     

     

                ถ้าอยากจะจับมือกันขนาดนี้นะ เอามานี่ ฉันช่วยถือแบ่งของในมือข้างซ้ายซึงยุนมาถือไว้อีกแรง ซึงยุนมองจินวูที่กำลังแบ่งถุงพลาสติกไปจากมือแล้วก็อดที่จะยิ้มน้อยๆให้คนตัวเล็กไม่ได้

     


     

                ซึงยุนและจินวูเดินมาเรื่อยๆจนเจอร้านสเต็กเล็กๆข้างทาง ด้วยการตกแต่งร้านที่น่ารักเชิญชวนให้คนอย่างจินวูเข้าไป ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนเข้ามานั่งอยู่ที่โต๊ะติดกระจกในร้าน หยิบเมนูมาแล้วเลือกอาหารที่จะสั่ง

     

     

                รับอะไรดีครับบริกรเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบ เสียงที่คุ้นเคยทำให้ซึงยุนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองตามต้นเสียงนั้น

     


     

                จะแจ็คอุทานเสียงเงียบแต่ก็หลบไม่พ้นสายตาของบริกร

     

     

                หื้ม รู้จักกันหรอซึงยุนจินวูที่นั่งตรงข้ามเห็นท่าทางของซึงยุนเปลี่ยนไปเลยเอ่ยถาม

     


     

                ปะ เปล่าจินวูมองซึงยุนสลับกับบริกรด้วยท่าทางงงๆแต่ก็หันกลับมาสนใจเมนูตรงหน้าต่อ ไม่มีท่าทีเอะใจอะไร ซึงยุนก็เช่นเดียวกัน หลังจากอุทานแล้วก็รีบก้มหน้าแล้วสั่งอาหารต่อโดยที่สายตาก็ยังจ้องอยู่ที่เมนู


     

     

                สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าที่นึงครับจินวูสั่งอาหารกับบริกร

     

     

                สเต็กแซลม่อนพริกไทยดำซึงยุนเอ่ยสั่งเสียงเรียบ แจ็คสันจดรายการอาหารตามที่ได้รับมา มือหนากำปากกาและกระดาษแน่น ความรู้สึกเคียดแค้นกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าซึงยุน แต่ก็ต้องข่มเอาไว้เพราะตนทำงานอยู่

     

     

                น้ำล่ะกัดฟันพูดแล้วเอ่ยออกมาเสียงเรียบ

     

                เอ่อ น้ำส้มละกันฮะ ซึงยุนเอาป่าว

     

     

                “อื้มตอบสั้นๆด้วยสีหน้าเรียบ ตอนนี้ซึงยุนไม่อยากจะพูดอะไรออกไปทั้งนั้น ความหวาดกลัวเผยขึ้นผ่านทางแววตาและสีหน้า มือและขาสั่นไปหมด ซึงยุนภาวนาให้การสั่งอาหารนี้ผ่านไปเร็วๆ จุนฮเวยกยิ้มมุมปาก ปิดสมุดออดอร์แล้วเดินไปหลังร้าน

     


     

                ยุน

     

                “หื้ม


     

                “เป็นไรป่าวเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ตอนที่บริกรมารับออเดอร์ ซึงยุนก็มีท่าทางเปลี่ยนไป จนถึงตอนนี้บริกรไปแล้ว ซึงยุนก็ยังมีท่าทางเหมือนเดิม จินวูอดห่วงไม่ไหวเลยถามออกไป

     


     

                ป่าวหรอกส่งยิ้มบางให้จินวู ซ่อนใบหน้าที่หวาดกลัวเอาไว้ภายใน เขาไม่อยากทำให้จินวูเป็นห่วง นั่นมันก็แค่เรื่องในอดีต จบแล้ว มันจบแล้ว ซึงยุนได้แต่บอกกับตัวเอง

     


     

                บรรยากาศการกินมื้อกลางวันเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ จินวูชวนคุยนู่นนี่ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนใบหน้าหวานทำให้ซึงยุนลืมใบหน้าของแจ็คสันไปหมดสิ้น เหตุการณ์ในวันนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน แต่พอแค่ได้เห็นรอยยิ้มรูปสามเหลี่ยมของจินวูแล้วก็ทำให้ดีขึ้นมาก

     

     

                 

                จินวูและซึงยุนกลับมาถึงคอนโด แขนยาววางถุงพลาสติกไว้บนโต๊ะและจัดการยัดของสดใส่ตู้เย็น ส่วนคิมจินวูก็เดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเที่ยวมาทั้งวัน ใช้เวลาไม่นานจินวูก็ออกมาจากห้องน้ำ และถึงคิวที่ซึงยุนต้องไปอาบต่อ คนตัวเล็กเดินเข้ามาในครัว จัดการเลือกของสดในตู้เย็นแล้วเอาออกมาเตรียมทำอาหารมื้อเย็นสำหรับเขาทั้งคู่

     


     

     

                เครื่องครัวที่ดูสะอาดเหมือนเพิ่งซื้อมาเพราะแทบจะไม่เคยผ่านการใช้งานถูกจัดวางเป็นระเบียบที่ชั้นวาง จินวูคว้าหม้อมาใส่น้ำ ตั้งเตาแล้วเอาหม้อไปวาง ระหว่างรอให้ร้อนได้ที่ มือเล็กก็จัดการหั่นผักและสับหมูไปพลาง นี่เป็นครั้งแรกที่จินวูทำอาหารให้คนอื่นทาน ไม่นับแทฮยอนเพราะเปรียบเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว เพราะปกติก็ทำกินเองที่หอกับแทฮยอนสองคน จินวูประหม่า เขากลัวว่าอาหารจะออกมารสชาติไม่ถูกปากซึงยุน แต่ด้วยความตั้งใจ มันต้องอกมาดีแน่ๆ จินวูคิดแบบนั้น

     


     

    กลิ่นน้ำซุปหอมโชยไปถึงห้องนอน คังซึงยุนผู้ที่อาบน้ำเร็วมากอย่างกับวิ่งผ่านน้ำก็ออกมาพอดี ร่างสูงจัดการใส่เสื้อยืดคอกลมสีฟ้าตัวบาง สวมกางเกงขาสั้นแล้วเดินตามกลิ่นแสนยั่วยวนมา

     


     

    อ๊ะ จินวูสะดุ้งเพราะสัมผัสจากด้านหลัง คนขี้ฉวยโอกาศใช้มือเรียวสอดเข้ามาตรงเอวกอดแน่นเหมือนจินวูเป็นหมอนข้าง แล้วเอาคางมนมาวางแหมะบนไหล่เล็กของจินวูอีก ลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคอทำให้จินวูจั๊กจี้ คนตัวเล็กเลยเผลอหัวเราะออกมา

     


     

     

                อะ ฮ่ะๆ ฮ่าๆ อย่าหายใจแบบนั้น ยุนน จั๊กจี้ ฮ่าๆหมดกัน แทนที่จะโรแมนติก กลับมีแต่เสียงหัวเราะเท่านั้นที่ได้มา แต่ซึงยุนยังไม่ลดละความพยายาม หัวเราะแบบนี้แสดงว่าชอบ ซึงยุนหายใจแรงและกอดรัดคนตัวเล็กแน่นเข้าไปอีก จินวูดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอดซึงยุน มือเล็กปล่อยช้อนที่ใช้คนซุปแล้วหันมาจัดการกับคนตัวสูง มื้ออาหารแรกของซึงยุนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอบอวลทั่วห้อง

     


     

                แกงจืดหมูสับและไข่เจียวต้นหอมถูกนำมาวางไว้กลางโต๊ะ กลิ่นอาหารหอมโชยทำให้ซึงยุนอดไม่ได้ที่จะลองชิม

     


     

                หืม อร่อยอะซึงยุนตาลุกวาวเมื่อตักน้ำซุปเข้าปาก  


     

                แต่ก็สู้โจ๊กหมูของนายวันนั้นไม่ได้หรอกยิ้มกว้างออกมาเมื่อนึกถึงรสชาติของโจ๊กหมูที่เขากินวันนั้น


     

                หื้มโจ๊กหมู….อ่อ เอ่อคือซึงยุนเงียบและอึกอักไปพักใหญ่เมื่อจินวูพูดถึงโจ๊กหมู

     

     

                “ทะ ทำไม โจ๊กหมูทำไมหรอ

     

     

                “โจ๊กหมูน่ะฉันไม่ได้ทำเองหรอก….. ใช้ต้มจากซองสำเร็จรูปเอาน่ะเกาหัวด้วยความอายแล้วบอกความจริงกับจินวูออกไป


     

                “อ้าว แต่วันนั้นฉันเห็นเศษผักกระจายเต็มเขียงเลยนะ

     

     
     

                “ฉันทำให้ตัวเองกินไง ข้าวผัดหมู แต่รสชาติแบบ…..” ซึงยุนเบะปากออกมาเมื่อนึกถึงข้าวผัดหมูที่ตัวเองลงทุนทำเองครั้งแรกในชีวิต

     


     

                “เอ้า รู้ว่าตัวเองทำไม่เป็นแล้วทำไมไม่ไปซื้อจากซุปเปอร์เอาเล่า

     


     

                “ฉันกลัวนายรอนาน เลยลองทำเองซะเลย แต่โจ๊กหมูสำหรับนายฉันไม่ไว้ใจให้ตัวเองทำหรอก กลัวจะกินไม่ได้แล้วท้องเสียแบบฉัน ฮ่าๆสารภาพออกมาด้วยความจริงใจ จินวูเบิกตากว้างเมื่อรู้ความจริง

     

     

                โห่ย ฉันก็หลงคิดมาตั้งนานว่านายทำอาหารเป็น นายหลอกฉันหรอคังซึงยุน


     

                “ฮ่าๆๆๆ ก็ใครใช้ให้นายคิดไปเองกันเล่า โถ่ ฮ่าๆ


     

     

                เสียงหัวเราะของอาหารมื้อเย็นดังขึ้น นี่คงเป็นการกินข้าวมื้อแรกที่ทำให้ซึงยุนมีความสุขมากขนาดนี้ ทั้งคู่กินข้าวไปยิ้มไปและหัวเราะไปด้วย บทสทนาบนโต๊ะอาหารวันนี้เป็นไปอย่างราบลื่น ซึงยุนคว้ากล้องขึ้นมาถ่ายบรรยากาศรอบตัวเป็นพักๆ ซึ่งบรรยากาศรอบตัวเขาก็คงจะมีแต่คนตัวเล็กตรงหน้า รูปคิมจินวูเยอะแยะมากมายเต็มกล้องไปหมด เพราะว่าโอกาสไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน สักวันเขาและจินวูก็คงต้องจากกันไปอยู่ดี จะเหลือทิ้งไว้ก็เพียงแค่ความทรงจำ และกล้องถ่ายรูป เป็นเครื่องหยุดเวลาสำหรับความทรงจำได้ดีที่สุด ซึงยุนอยากจะเก็บความทรงจำมื้ออาหารครั้งนี้ไปตลอด

     

     



     

                ซึงยุนเสียงหวานดังขึ้นจากบนเตียง ซึงยุนชะโงกหน้าขึ้นไปมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าจ๋อยกอดหมอนข้างอยู่

     

     

                ว่าไงครับ

     

     

    มานอนบนเตียงก็ได้นะงุดหน้าอยู่กับหมอนข้างแล้วพูดเสียงอ่อน จินวูรู้สึกเกรงใจที่มาพักคอนโดซึงยุนแล้วยังมาให้เจ้าของห้องนอนที่พื้นอีกทั้งๆที่เตียงนี้กว้างมากพอนอนได้มากกว่าสองคนด้วยซ้ำ ซึงยุนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะกะไว้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กจะต้องใจดีให้เขานอนด้วยกันบนเตียง ร่างสูงรีบจัดการเก็บฟูก พับเก็บเป็นทบกองไว้ข้างผนังห้องแล้วกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างจินวู

     

     
     

    แต่…” จินวูหยุดพูดแล้วเอาหมอนข้างมาวางกั้นตรงกลางเตียงระหว่างเขาทั้งคู่

     


     

    ต้องมีไอ้นี่กั้นส่งยิ้มกว้างอย่างขี้เล่นเมื่อได้แกล้งซึงยุน ล้มตัวลงนอนและเอาผ้าห่มคลุมตัวอย่างสบายใจ

     

     

    จริงๆเลยนะส่ายหน้าให้กับความฉลาดรู้ทันของจินวูแล้วล้มตัวลงนอน ถึงไม่ได้กอดก็ไม่เป็นไร ได้นอนข้างๆก็พอแล้ว ซึงยุนนอนหลับในคืนนี้ไปพร้อมกับรอยยิ้ม

    .

    .

    .

    .

    .

    หยุดนะเว้ย บอกให้หยุดไง

     

    เสียงชายหลายคนตะโกนไล่หลังมา ซึงยุนรีบเร่งฝีเท้า มือขวาถือกล้องที่ห้อยคอไว้ เขาต้องรักษาให้ดีเพราะเป็นกล้องตัวแรกที่เขาได้มาด้วยเงินเก็บของตัวเอง แต่ยิ่งซึงยุนวิ่งขาเขาก็ยิ่งหมดแรง เสียงตะโกนเรียกจากข้างหลังดังขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และ


     

     

    ตุบซึงยุนสะดุดก้อนหินล้มลง ถึงจะเจ็บแต่ซึงยุนก็ไม่มีเวลามากังวลกับความเจ็บนั่น ขายาวยันพื้นเตรียมลุกแต่ก็ไม่พ้น ซึงยุนล้มลงอีกครั้งจากน้ำหนักมือของชายแปลกหน้าที่กระชากคอเสื้อลง


     

     

    มึงถ่ายอะไรไว้เสียงหยาบกร้านเอ่ยถามเขา ซึงยุนหน้าซีด ไม่ตอบคำถาม

     


     

    กูถาม ตอบสิวะซึงยุนส่ายหน้า เขาไม่ปริปากพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น และทันใดนั้นใบหน้าอูมก็ถูกหมัดแกร่งปะทะเข้าอย่างแรงทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เลือดกบปากและรอยช้ำบนใบหน้าทำให้ซึงยุนไม่มีแรงจะต่อกรกับชายที่กำลังคร่อมอยู่บนร่างของซึงยุนตอนนี้

     

     

                “อือ พอแล้ว อย่า อือออเสียงครางและมือที่ป่ายไปมาของคนข้างๆทำให้จินวูต้องตื่นขึ้นมากลางดึก


     

                ไม่เอา อืออ เจ็บซึงยุนละเมอพูดออกมา คงเพราะเหตุการณ์เมื่อเย็นทำให้ซึงยุนนึกย้อนไปถึงเรื่องในอดีตและเก็บมาฝัน


     

                ยุน เป็นอะไร ซึงยุน


     

                “อือออ


     

                เหงื่อที่ซึมออกมาตามฝ่ามือและต้นคอทำให้จินวูตกใจ ร่างเล็กขึ้นคร่อมซึงยุน มือเล็กเขย่าแรงๆที่ไหล่มนของซึงยุนหวังจะให้ตื่นจากฝันร้ายนั่นสักที

     


     

    ยุนตื่นสิยุน ซึงยุนและมันได้ผล ทันทีที่ซึงยุนสะดุ้งตื่นก็โผเข้ากอดจินวูทันทีและคนตัวเล็กก็ไม่มีทีท่าจะขัดขืน ซึงยุนกอดจินวูแน่น ไม่ใช่เพราะอยากฉวยโอกาสหรืออะไร เพียงแต่กอดเพราะรู้สึกว่าโล่งอก โล่งอกที่เขายังมีจินวูยังอยู่ข้างๆ โล่งอกที่เรื่องเมื่อกี้มันเป็นแค่ฝัน กอดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโหยหา จินวูกอดตอบ มือเล็กลูบเบาๆที่แผ่นหลังกว้าง ฝันร้ายหรอ


     

     

    อือกระชับกอดแน่นขึ้น ซึงยุนได้แต่คิดว่าถ้าเรื่องที่เขาฝันมันกลายเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้งจะทำยังไง ถ้าเกิดมีเหตุที่ทำให้เขาต้องทิ้งจินวูไปเขาจะทำยังไง จินวูจะอยู่ยังไง เขาคงรู้สึกผิดมากถ้าต้องทำให้จินวูมีเสียน้ำตา โชคดีที่ครั้งนี้มันเป็นแค่ฝัน แต่ซึงยุนก็ไม่รู้ว่าฝันในครั้งนี้จะเป็นลางบอกเหตุอะไรหรือเปล่า


     

     

    ไม่ต้องกลัวนะ เค้าอยู่นี่ทั้งคนประโยคที่ออกมากปากของจินวูทำให้ซึงยุนน้ำตารื้น เสียงใสเอ่ยออกมาด้วยความรัก รักที่บริสุทธิ์ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาน่ารักเกินไป จินวูไร้เดียงสาเกินไปที่จะต้องมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ ซึงยุนไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันนั้นมาถึงมันจะเป็นยังไง

     


     

    ซึงยุนคลายอ้อมกอดจากคนตัวเล็ก ผละออกมาแล้วกดจมูกโด่งฝังลงไปในแก้มนิ่มด้วยความรัก สูดดมความหอมจากคนตัวเล็กตักตวงให้ได้มากที่สุด หอมแก้มข้างซ้ายเสร็จก็ย้ายมาข้างขวา และเช่นเดิมที่จินวูไม่มีการขัดขืน มีแต่ความงุนงงที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าหวาน

     


     

    ฉันรักนายนะคิมจินวู ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีก ฉันสัญญา ซึงยุนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คำพูดหวานเลี่ยนที่ปกติจะไม่ออกมาจากปากซึงยุน แต่วันนี้ดันออกมาได้ ยิ่งทำให้ความสงสัยของจินวูเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจอะไรมาก เพราะคิดว่าซึงยุนยังไม่หายตกใจจากฝันร้ายนั้น


     

     

    ฮ่าๆ รู้น่า ฉันรู้ นายไม่มีวันทิ้งฉันไปไหนหรอกพูดพลางจิ้มแก้มของซึงยุน ใบหน้าอูมเริ่มมีรอยยิ้มบางผุดขึ้นมา แต่ก็ยังไม่วายคิดเรื่องฝันร้ายอยู่ดี จากยิ้มบางถูกเปลี่ยนเป็นยู่ปาก ปากล่างบวมๆที่ถูกซ่อนไว้กลับถูกยื่นออกมา ซึงยุนเบะปากแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่เพราะรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าหวานและนิ้วที่ยังจิ้มแก้มอยู่จึงทำน้ำตาที่ถูกกลั้นไว้ไม่ไหลออกมา จินวูขำท่าทางตลกของซึงยุน เลยเปลี่ยนเอานิ้วที่จิ้มแก้มไปจิ้มที่ริมฝีปากล่างทันที

     


     

    อย่าทำแบบนี้ เหมือนบาบูนเลยรู้มั้ย ร้องไห้แล้วไม่หล่อเลยนะ

     

     

     

    จุ๊บยื่นปากอูมๆที่ถูกล้อว่าหมือนบาบูนเข้าไปสัมผัสที่ริมฝีปากบางของคนตัวเล็กแล้วผละออกมาอย่างรวดเร็ว ถึงอยากจะทำมากกว่านี้ก็เถอะ แต่ซึงยุนรู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา คนตัวเล็กคงยังไม่พร้อม  



     
     

    ไม่เป็นบาบูนแล้วส่งยิ้มกว้างอันเอิบอิ่มมาให้จินวู ถึงในห้องจะมืด มีเพียงแสงไฟจากยอดตึกคอยส่องสว่างมาเท่านั้น แต่ซึงยุนก็สัมผัสได้ว่าอนนี้คนตัวเล็กคงหน้าแดงอยู่แน่ๆ จินวูรีบล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงหัวแล้วอนหันหลังให้กับหมอนข้างและผ้าห่ม

     


     

    จินวู


     
     

    อะไรอีกตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเขินไว้

     

     

    ขอบใจนะ



     

    อื้อ


     

                ขอบใจที่ในวันนี้ยังอยู่ข้างๆเขา ขอบใจที่คอยกอดปลอบเขากลางดึก ขอบใจสำหรับแก้มนิ่ม ขอบใจหรับจุ๊บแสนหอมหวาน และขอบใจ.........กับความรักที่มีให้กัน

     

     

     

     



     

    ตอนที่14~~~

    ยังคงความฟินไว้เหมือนเดิมนะ ใครที่รีเควสความฟินมา ไรต์จัดให้แบบโนลิมิต 5555

    เพราะหลังจากนี้……ดราม่าจะมาแล้วข่า ฮืออ แต่ตอนหน้าก็ยังฟินอยู่นะ ยังไม่อยากทำร้ายคนอ่าน อิ้อิ้

     

    เห็นใช่มั้ย เห็นเงาดราม่าแล้วใช่มั้ย บ๊อบบี้เอย แจ็คสันเอย มันมากันแล้ววว

     

     

    ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านและสกรีมแท็ก #ฟิคเมมโมรี่ ในทวิตนะคะ ไรต์ปริ่มมากเลยนนๆทีจะมีคนมาเล่น 5555 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกแชร์เลยนะคะ รักทุกคนที่หลงเข้ามาเช่นเดิม *กอดแรงง*  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×