คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13 : A Beautiful Night
Chapter 13 : A Beautiful Night
งานประจำปีของโรงเรียน YG ถูกจัดขึ้นหลังวันประกาศผลสอบ ซึ่งปีนี้ก็ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี แน่นอนเมื่อพบกับความผิดหวังก็อย่าไปกังวล ปล่อยมันไว้ข้างหลัง เดินหน้าต่อไปและทำวันพรุ่งนี้ให้มีความสุขที่สุด คติของพ่อใหญ่ คนที่สร้างโรงเรียนแห่งนี้มาอย่างท่านยางฮยอนซอก อาจารย์ใหญ่ของที่นี่ จึงเป็นเหตุให้มีงานสังสรรค์เลี้ยงส่งขึ้นทุกท้ายเทอมของโรงเรียนนี้
เวทีถูกเตรียมขึ้นที่ลานน้ำพุหน้าหอประชุมโรงเรียน เครื่องเสียงถูกแสตนด์บายไว้พร้อมตามมุมต่างๆของเวที ฉากหลังถูกขึงแน่นด้วยริ้วผ้าหลากสีสดใสจากอาจารย์ที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นงานคืนความสุขให้นักเรียนเลยก็ว่าได้ เท็ดดี้และเซเว่น ในฐานะที่เป็นอาจารย์ผู้ชายที่มีน้อยมากในโรงเรียนนี้ ถูกรับหน้าที่จัดของบนเวที เพราะงานหนักๆ หวาดเสียวๆคงไม่พ้นมือของแรงผู้ชาย ส่วนอาจารย์ผู้หญิงอย่างซีแอล บม ดาร่าและมินจี ก็แยกย้ายกันจัดของตามซุ้มต่างๆ ลูกโป่งหลากสีและริบบิ้นถูกโยงระยางห้อยตามชายคาเต๊นท์เต็มไปหมด งานนี้พวกเธอตั้งใจกันมาก เพราะหวังอยากให้พวกเด็กๆมีความสุขกัน
ตกเย็น แสงอาทิตย์ริบหรี่เพราะใกล้ลับขอบฟ้า นักเรียนหญิงชายต่างพากันอวดชุดที่ตนใส่มาวันนี้ แสงระยิบระยับพร่างพราวจากกากเพชรบนชุดและดวงดาวกำลังแข่งกัน และแน่นอนว่าทุกคนที่มางานวันนี้จะพกดอกกุหลาบติดไม้ติดมือมากันคนละหนึ่งดอก บางคนถึงกับเอามาเป็นช่อใหญ่เพราะต่างมีคนพิเศษที่จะให้กันอยู่แล้ว จินวูที่อยู่ในชุดสูทสีเทาอ่อนลายตารางหมากรุก ผมม้าที่ปกติเรียวแต่วันนี้กลับทำให้ฟูขึ้นนิดนึงแล้วปัดลงมาปิดตานิดหน่อยเพื่อความน่ารัก เขาเดินสะพายกระเป๋ากีต้าร์ที่ใหญ่กว่าตัวเขามาวางไว้หลังเวที
“เอ้ามาแล้วหรอจินวู”
“อื้ม โทษที รถติดอะเลยมาช้า” เอ่ยขอโทษฮงซอกที่มารอหลังเวทีได้สักพักแล้ว
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ฉันก็มาก่อนนายแปปเดียวเอง”
“แล้วดงฮยอกอะ”
“อ่อ รายนั้นนี่มาคนแรกเลย แต่ปวดท้องเลยขอเข้าห้องน้ำ นี่หายไปนานละนะ ยังไม่กลับมาสักที”
“อืมม ไม่เป็นไร อีกตั้งนานกว่างานจะเริ่ม งั้นฉันไปเช็คเสียงกีต้าร์แปปนะ เดี๋ยวลงมา” ว่าพลางแบกกีต้าร์ของตัวเองขึ้นไปบนเวที เสียบสายแจ็คเข้ากับตัวกีต้าร์แล้วลองดีดดูความชัดและดังของเสียง มือเรียวหมุนปรับเสียงกีต้าร์ให้ได้เสียงที่พอเหมาะ ได้ที่แล้วจินวูก็ลงจากเวที
“เสร็จล้ะ ไปหน้างานกันฮงซ…....พี่ท้อป” จินวูเบิกตาโพลงเมื่อเจอกับคนที่ตนไม่คิดว่าจะเจอ ท้อปในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำตัวเดิมกับที่เขาเจอครั้งที่แล้วกำลังเดินมาหลังเวทีพร้อมกับสมาชิกในวงของเขา แดซอง ซึงรี และแทยัง
“ฮยองหวัดดีฮะ” ทักทายซึงรีผู้เป็นพี่ที่เดินอยู่ข้างหลังท้อป ความจริงจินวูเห็นท้อปก่อนที่จะเห็นซึงรีพี่ชายของตน แต่แน่นอนว่าจินวูเลือกที่จะทักทายพี่ชายตัวเองก่อนคนที่เคยทำร้ายหัวใจของเขา ตากลมโตมองผ่านร่างสูงตรงหน้าแล้วโบกมือให้ซึงรี ส่งยิ้มหวานแล้ววิ่งเข้าไปหา
“เล่นเหมือนกันหรอเรา” เอ่ยถามด้วยเสียงอบอุ่น ความคิดถึงในตัวพี่ชายคนนี้ยังไม่เท่าเดิมไม่เคยลดเลย
“ใช่ฮะ เก่งใช้มั้ยล่า” ส่งยิ้มกว้างให้พี่ชาย ตากลมโตกลับเรียวเล็กลงเพราะถูกแก้มกลมยกขึ้นมาปิดเกือบหมด
“ห่ะๆ ไม่ต้องเลย เล่นมาหลายงานแล้วนี่ ทำเป็นตื่นเต้น ฮ่าๆ” หัวเราะน้อยๆแล้วลูบกลุ่มผมนุ่มของจินวูด้วยท่าทางเอ็นดู ซึงรีพยายามเบี่ยงเบนความสำคัญจากท้อปไปจากจินวู เพราะตัวเองรู้ดีว่าในตอนนี้สิ่งใดที่ควรทำมากที่สุด
“เอ้า มาครบกันแล้วใช่มั้ย จะได้บอกคิวเล่นให้” เสียงผู้มาใหม่ดังขึ้น มินจีที่อยู่ในชุดเดรสสีขาว ผมสีแดงเพลิงที่เพิ่งไปย้อมมาสำหรับงานในค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ เธอเดินเข้ามาหลังเวทีพร้อมกระดาษที่บอกรายละเอียดคิวการแสดงในมือ
“หว่าวๆๆๆ ย้อมผมมาเลยนะจารย์ อยากเปลี่ยนลุคก็บอก ฮ่าๆๆ” เจ้าของน้ำเสียงกวนตีนเจ้าเดิม คู่ปรับของกงมินจียืนแซวคนที่ตนเรียกว่าอาจารย์ กูจุนฮเวยืนขำกับยุนฮยองคู่หูของเขา มินจีถอนหายใจ แกล้งทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดเย้ยหยันของจุนฮเว เขาชินซะแล้วที่เป็นแบบนี้ เพราะด้วยอายุที่น้อยกว่าอาจารย์ทุกคนในโรงเรียน เลยทำให้มินจีดูจะเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กได้ดีกว่าใคร เปิดหน้ากระดาษพลิกไปมาราวกับกูจุนฮเวเป็นอากาศ
“ชุดดนตรีของพวกเราจะเริ่มเกือบท้ายงานเลยนะ สักสองทุ่มครึ่งก็เตรียมแสตนด์บายหลังเวทีกันได้ละ”
“วงของนายเริ่มก่อนนะจุนฮเว”
“จ่ะ แม่สาวผมแดง” พูดแซวราวกับเป็นเพื่อนเล่น แต่มินจีมีภูมิต้านทานมาดี เธอสามารถทำให้คำพูดนั้นเป็นเพียงละอองฝุ่นที่ปลิวเข้าหูเธอมาได้
“แล้วต่อด้วยวงนายนะจินวู”
“ครับ”
“ส่วนวงนาย ซึงรี เดี๋ยวพอวงของจินวูเล่นจบจะมีการจับของขวัญต่อก่อน พอจับเสร็จแล้ววงนายค่อยเล่นปิดท้ายงานไปเลย….... ไหนๆนี่ก็ปิดสุดท้ายแล้ว เอาให้เต็มที่ล่ะ คิดซะว่าเวทีนี้เป็นของพวกนาย” ส่งยิ้มมุมปากให้ซึงรี ถึงจะไม่ใช่ยิ้มกว้างแสดงถึงความมีความสุขมากเท่าไหร่ แต่ก็ได้กำลังใจมากพอควร ยิ้มที่เท่ห์ ยิ้มที่ดูจะทำให้วงของซึงรีมีความมั่นใจมาก…ในฐานะของครูคนหนึ่งที่คอยเฝ้าดูแลมาตลอด
จินวูขอปลีกตัวมางานก่อนแทฮยอนเพราะต้องมาเตรียมเครื่องเสียงด้านหลังเวที ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสดีของแทฮยอนที่ต้องอยู่ซ้อมเช็คความพร้อมวงสมัครเล่นของตัวเองอย่างลับๆที่หอของเขากับเพื่อนอีกสามคน
“อย่าลืมท่อนนี้นะซึงยุน ขึ้นเสียงสูงตามอารมณ์ของนายเลย เอาให้หวานสุดๆเลยนะ” แทฮยอนกำชับนักร้องหลักของวง ผู้ที่คิดแผนการนี้ขึ้นมาทั้งหมด
“นายก็อย่าลืมตอนท้ายเพลงนะ พอไอยุนร้องจบปุ๊บก็ค่อยๆกรีด อย่าเร็วเกินไปล่ะเดี๋ยวไม่เพราะ” พูดเตือนซึงฮุนขึ้นอีกเสียง
“ส่วนมินโฮ….ทำให้ดีเหมือนที่ซ้อมกันไว้ก็พอ” น้ำเสียงเรียบเปลี่ยนมาหวานอีกครั้งเมื่อสบกับดวงตาคม รอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นชินเพราะช่วงนี้อยู่ด้วยกันบ่อย ทำให้บรรยากาศในห้องพักของแทฮยอนดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ควรจะเย็น เพราะเปิดแอร์ 20 องศาแล้ว
“อีกนานมั้ยพ่อคู้นนนน ปกตินี่ก็หวานกันปานจะกลืนละ แล้วนี่มาวันวาเลนไทน์ พวกมึงจะหวานแข่งกับน้ำตาลปี๊บเลยมั้ยล่ะ อิห่า สงสารคนไม่มีคู่อย่างกูบ้าง” ซึงฮุนบ่นตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่นั่นดูไม่น่าสงสารเลยสำหรับอีกสามคนที่เหลือ ทั้งสามต่างประสานเสียงหัวเราะกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“จ่ะ ขำเข้าไปไอยุน เดี๋ยวมึงก็มีคู่อีกคนละนี่ ไม่ต้องมาทำขำเลย เฮอะ”
“โอ๋ๆ ฮ่าๆๆ”
“กูเกลียดพวกมึง!!!!!”
บรรยากาศในงานเริ่มครึกครื้นขึ้นเพราะจำนวนคนที่เริ่มมาก เสียงพูดคุยกันของแขกในงานดังประปรายแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ อีกสิบห้านาทีจะถึงพิธีเปิดแล้ว ยางฮยอนซอก ประธานของงานในคืนนี้กำลังเตรียมตัวขึ้นเวทีเพื่อจะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในค่ำคืนนี้
และพร้อมกับอีกสี่คนที่เพิ่งมาถึงงาน แทฮยอน มินโฮ ซึงยุนและซึงฮุนก้าวลงจากแท๊กซี่คันเขียว แปดขารีบจ้ำอ้าววิ่งผ่านเข้าประตูหลังโรงเรียนมาเพราะใกล้กว่าทางด้านหน้า แทฮยอนรีบแบกกีต้าร์ของจินวูอีกตัวไปวางใกล้พุ่มตะโกดัดรูปสุนัข เขาจำเป็นต้องยืมมาก่อนโดยไม่ได้ขออนุญาต และต้องแอบเอามาซ่อนโดยห้ามให้จินวูเห็นอีกเด็ดขาด ไม่งั้นแผนการในงานค่ำคืนนี้จะไม่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่ๆ เมื่อแทฮยอนจัดการซ่อนของเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนเลยตามหาจินวู และก็เจอคนตัวเล็กอยู่กับฮงซอกที่ซุ้มปาเป้า
“เอาอีกๆ ฮงซอกเอาอีก โห่ยอีกนิดเดียวก็เข้าแล้วอ้ะ เล่นใหม่นะ นะๆๆ” ยืนตะโกนเชียร์เสียงดังลั่นข้างยางฮงซอก คนที่ยืนจองตำแหน่งปาเป้าตรงนี้มาหกตาแล้ว
“โห่ยจินวู นี่รอบที่เจ็ดแล้วนะ จะเอาอีกหรอ” หันไปยู่ปากพร้อมทำเสียงเนือยๆกับคนตัวเล็ก ใช่ นี่มันรอบที่เจ็ดแล้ว แล้วดูฮงซอกจะเมื่อยมือและสายตามากด้วย แต่คนตัวเล็กข้างเขานี่สิ ยืนตะโกนเชียร์เสียงดังลั่น ดูลุ้นซะยิ่งกว่าเขาเล่นเองและไม่มีแววว่าจะเหนื่อยเลย สงสัยว่าอยากได้ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวนั้นมาก มันเป็นของรางวัลชิ้นใหญ่ที่ต้องปาเข้าเป้าทั้งหมดห้าลูก และแน่นอนว่าฮงซอกยังคงปาไม่เข้าซักลูก ดวงตากลมโตยังคงเป็นประกายฉายแววส่องไปที่ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่
“เอามานี่ ฉันปาให้” ราวกับมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยฮงซอก เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นข้างหลังของทั้งคู่
“ซึงยุน” ฮงซอกกับจินวูอุทานพร้อมกัน เสียงของฮงซอกแสดงถึงความดีใจที่ตนจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมปาเป้านี่แล้ว เขาจะได้ไปสูดอากาศข้างนอกบ้างเสียที และเสียงของจินวูก็แสดงถึงความดีใจเหมือนกัน แต่แฝงไปด้วยความประหลาดใจมากกว่า ประหลาดใจกับ…คังซึงยุนคนใหม่
“เป็นอะไร จะให้ฉันปาต่อให้มั้ย” คังซึงยุนเอ่ยเรียกทำลายภวังค์ของจินวู คนตัวเล็กมองซึงยุนตั้งแต่หัวจรดเท้าตาไม่กระพริบ วันนี้ซึงยุนมาในชุดสีดำขลับ ผมสีดำเรียบกลับถูกทำให้ยุ่งและย้อมสีน้ำตาลอ่อนพร้อมด้วยหมวกทรงสูงด้านบน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนกับผิวนวลใส ทุกอย่างดูแปลกใหม่หมด แต่เหมือนเดิมก็ตรงที่สายตาอบอุ่นที่มองมาและกล้องตัวเก่งที่สะพายติดคอมาตลอดราวกับเป็นสร้อยพระ
“จินวู!!”
“ห้ะ”
“เป็นอะไร”
“อ่ะ อ่อ เปล่าๆ” หลุบตาลงต่ำเพราะไม่อาจทนมองสายตานั่นอีกต่อไปได้ แก้มใสเริ่มซับสีเลือดจางๆ
“ฉันหล่อล่ะสิวันนี้ ใช่มะ ฮ่าๆ” เกือบละ เกือบดูดีละถ้าไม่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา ซึงยุนว่าพลางแบมือขอลูกดอกในมือของฮงซอก ฮงซอกยิ้มกว้าง ปลาบปลื้มน้ำตาปริ่มขอบตา และวิ่งออกไปหาซึงฮุนที่ยืนรออยู่…คนไร้คู่ก็เป็นซะแบบนี้
“คอยดูนะ ฉันจะปาให้เข้าตรงจุดศูนย์กลางของวงกลมสีแดงเล็กนั่นเลยคอยดู” ร่างสูงหยิบลูกดอกในมือมาทำท่าเล็งๆให้ดูคล่องแคล่วเอาไว้ เผื่อคนตัวเล็กจะมีหวังบ้าง
“แหม่ทำเป็นเก่ง สอบได้คะแนนดีทีนี่อวยตัวเองใหญ่เลยนะ”
“ก็เพราะนายนั่นแหละ ฉันถึงได้ดี” ประโยคธรรมดาแต่ทำให้คนตัวเล็กใจสั่นได้ไม่น้อย ‘เพราะนาย’ จินวูไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะหมายความว่าอะไร เพราะเขาช่วยติวข้อสอบให้ หรือเพราะจูบทางอ้อมในวันนั้น
“ไม่ต้องพูดมากเลย ปาเร็วๆ ฉันอยากได้ตุ๊กตาหมี ปาให้ดีๆด้วยล่ะ” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่ตัวเองจะคิดไปไกล ซึงยุนหันไปมองตุ๊กตาหมีสีขาวบนชั้นวางของรางวัล นี่สินะสาเหตุที่ทำให้ฮงซอกยืนเมื่อยแขนอยู่นานแสนนาน ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่ ใหญ่กว่าจินวูซะอีก ตุ๊กตาหมีสีขาวน่ารัก แต่คงน่ารักสู้คนตัวเล็กข้างๆผมไม่ได้สักนิด
“เอาล่ะ จับตาดูไว้เลยนะ”
“สวบ!” ลูกดอกพุ่งออกจากมือเรียวไปปักเข้าตรงกลางจุดสีแดงบนแผ่นกลมนั่นทันที
“เห้ยยยยยยย ซึงยุน เข้าแล้ว ดูสิเข้าแล้ว นายเห็นมั้ย งื้ออ” ก็เขาเป็นคนปา ทำไมจะไม่เห็นล่ะจินวู เก็บความสงสัยในคนตัวเล็กเอาไว้ในใจ มองร่างเล็กที่กำลังมีความสุขอยู่ จินวูกระโดดกอดแขนซึงยุนแน่น เขย่าไปมาด้วยความดีใจ ร้องเสียงดังลั่นราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
“เห็นมะ บอกแล้ว” ร่างสูงไม่รอช้า หยิบลูกดอกสีเหลืองในมืออีกอันมาเล็งที่เป้าแล้วปาออกไปด้วยความมั่นใจ
“เข้าอีกแล้ว อ๊า เก่งมากซึงยุน นายเก่งมาก” ส่งยิ้มกว้างแล้วยกนิ้วโป้งให้ซึงยุน ให้ผมเดาว่านี่คงเป็นยิ้มที่มีความสุขที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยล่ะ
ดอกที่สามและดอกที่สี่ก็ยังคงเข้าเป้าเหมือนเดิม ตอนนี้จินวูลุ้นกับลูกดอกสุดท้ายมากว่าจะเข้าหรือไม่ ตุ๊กตาหมีตัวนั้นจะได้มาอยู่ในมือของเขามั้ย แต่คนที่ลุ้นมากกว่าคงจะเป็นคนที่ถือลูกดอกอยู่นี่ล่ะ ซึงยุนมือสั่น เขาไม่มั่นใจเลยกับดอกสุดท้าย ถ้าเขาปาไม่เข้าแล้วจะเป็นยังไง จินวูคงผิดหวังมาก เขาคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขตามที่หวังไว้อีกแล้ว เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นที่ฝ่ามือเรียว
“สวบ!”
“เย่!!!!!!!!! ซึงยุน เข้าแล้ว นายปาเข้าหมดเลย ซึงยุนเห็นมั้ย เย่ๆๆ” ด้วยความที่ผมใช้กล้องมานาน เลยทำให้สายตาดีและปาเข้าเป้าหมดเลยมั้ง ฮ่าๆ นั่นมันก็แค่ความคิดข้างข้างตัวเองของผม คนตัวเล็กดีใจจนลืมตัว สวมอ้อมกอดเข้ามาที่เอวผม แขนเล็กของจินวูรัดเอวผมแน่นมาก ถึงจะเป็นกอดที่จินวูไม่ได้ตั้งใจก็เหอะ มันก็ทำให้ผมยิ้มกว้างและหัวใจพองโตได้มากเหมือนกัน
“นี่ครับ ตุ๊กตาหมี” คนเฝ้าซุ้มยื่นตุ๊กตาหมีให้จินวู จินวูรับมากอดไว้แน่น ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แล้วเดินไปที่ลานน้ำพุพร้อมซึงยุน
“ชอบมากเลยหรอ” ซึงยุนเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยังยิ้มให้ตุ๊กตาหมีสีขาวไม่หยุด
“อื้ม ชอบมาก ขอบใจนะ” พูดเสียงอู้อี้เพราะปากเล็กยังคงซุกอยู่บนหัวของตุ๊กตา
ซึงยุนพาจินวูมานั่งพักที่ลานน้ำพุหน้าหอประชุม เพราะคงไม่ดีแน่หากคนตัวเล็กบอบบางอย่างจินวูแบกตุ๊กตาหมีที่ตัวใหญ่กว่าเขาเดินไปไหนมาไหนตลอด
“แล้วคนอื่นๆหายไปไหนอะ” จินวูเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ จริงๆมันก็ไม่ได้เงียบอะไร เพราะในงานก็มีเสียงเพลงเปิดคลอและเสียงพูดคุยกันของแขกในงานกันอยู่แล้ว เพียงแต่ในตอนนี้ ที่ตรงนี้ มีเพียงเขาและซึงยุน สิ่งรอบข้างของเขาทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป
“นู่นไง ไปสวีทกันอยู่นู่น” ซึงยุนพยักเพยิดหน้าไปทางซุ้มดอกไม้ในงานที่จัดไว้สำหรับให้คู่รักได้มาถ่ายรูป แทฮยอนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่กับคนรักอย่างมินโฮ สองคนนี้อยู่ด้วยกันอะไรๆก็ลงตัวไปหมด คนนึงขี้อายขี้งอน อีกคนนึงก็ขี้เย้าขี้อ้อน ดูเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของกันและกัน จินวูเห็นก็แอบอิจฉา
“แล้วฮุนอะ” เอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ที่ตั้งแต่มางานแล้วจินวูยังไม่เห็นหน้าเลย
“นั่นไง โซนของคนไม่มีคู่อยู่ตรงนู้น” ชี้นิ้วไปทางซุ้มอาหาร แน่นอนว่าวันนี้วันวาเลนไทน์ คู่รักมากคู่ที่มาร่วมงานส่วนมากจะพลอดรักกันโดยไม่เกรงใจคนโสด แล้วคนไร้คู่อย่างอีซึงฮุนทำอะไรได้ นอกจากมาหาอะไรกินประชดชีวิตที่ซุ้มอาหารกับฮงซอกนี่ล่ะ
“ย๊า ทำตัวให้ดีๆหน่อยได้มั้ยวะฮงซอก คนไร้คู่อย่างเราต้องอยู่อย่างไม่เสียศักดิ์ศรีเว้ย มะ อ้าปาก เดี๋ยวกูป้อน” ยัดคัพเค้กสีสดใส่ปากฮงซอกอย่างไม่ใยดี ฮงซอก คนน่าสงสารที่ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนแกล้ง เมื่อกี้รอดจากจินวูมาได้คิดว่าจะดีแล้ว ยังมาเจออีซึงฮุนคนขี้บังคับ บังคับให้มากินอาหารด้วยเพราะไม่มีคู่อีก แล้วคนปฏิเสธใครไม่เป็นอย่างฮงซอกทำไงได้ ก็ต้องมาสิครับ ฮือ พระเจ้าช่วยผมด้วย
ท่าทางน่าสงสารของฮงซอกทำให้จินวูอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวเล็กดึงตุ๊กตาหมีที่วางอยู่ข้างตัวมาวางไว้บนตักหันหน้าเข้าหาตัวเอง ใช้มือจับแขนสองข้างของตุ๊กตายกไปยกมาทำท่าทางให้ตุ๊กตาราวกับมันมีชีวิตจริง จินวูโยกหน้าตามท่าทางของตุ๊กตา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ซึงยุนมองใบหน้าด้านข้างของจินวูในตอนนี้แล้วก็ได้แต่สงสัย ทำไมคนตัวเล็กคนนี้ต้องน่ารักตลอดเวลา ขนาดท่าทางตอนเล่นกับตุ๊กตายังน่ารักเลย ก็ลองนึกสภาพซงมินโฮคนตัวดำมาเล่นตุ๊กตาแทนจินวูสิครับ ทำท่าแอ๊บแบ้วโยกไปโยกมา ผมว่าคงน่าถีบมากกว่าน่าเอ็นดู
“อ้ะ สองทุ่มครึ่งแล้ว ซึงยุน ฉันไปหลังเวทีก่อนนะ ฝากบอกเพื่อนๆด้วย”
“อ้อ ฉันฝากลูกฉันด้วยดิ”
“ลูก?”
จินวูยื่นตุ๊กตาหมีขาวตัวใหญ่มาให้ซึงยุน ร่างเล็กรีบวิ่งไปหาฮงซอกและจูงมือไปหลังเวทีด้วยกัน เหตุการณ์ตรงหน้าซึงยุนดูรวดเร็วไปหมด ซึงยุนมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกแปลกๆ จากเมื่อก่อนที่เขาจะรู้สึกไม่ดีเวลาจินวูอยู่ใกล้ฮงซอกเพราะกลัวว่าจินวูจะเผลอใจ แต่ว่าตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป คงเพราะทั้งซึงยุนและจินวูต่างไว้ใจกันและกัน รู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไรต่อกัน ที่จินวูแสดงออกกับฮงซอกมันก็แค่เพื่อน แต่กับเขา เพียงแค่มองตาซึงยุนก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ ความรู้สึกมันไปได้ไกลมากกว่านั้น ซึงยุนนึกขำตัวเองที่เมื่อก่อนแอบอิจฉาฮงซอกที่ได้อยู่ใกล้จินวู แต่ตอนนี้เขาได้ทำมากกว่าที่ฮงซอกเคยทำซะอีก ถึงจะยังไม่ได้เป็นแฟน แต่ความรู้สึกที่จินวูมีให้เขามันลึกซึ้งมากกว่านั้น ซึงยุนดึงตุ๊กตาหมีสีขาวมาวางบนตัก แล้วทำท่าทางเดียวกับที่จินวูทำเมื่อครู่
“อยู่กับพ่อก่อนนะ เดี๋ยวมาดูแม่เล่นดนตรีด้วยกันเนอะ” ยิ้มกว้างให้สรรพนามที่เขาใช้เรียกเพียงคนเดียว ว่าพลางลุกเดินไปหาเพื่อนๆ และไม่ลืมที่จะกอดตุ๊กตาหมีขาวตัวใหญ่ไปด้วย
“เอาล่ะครับ ทุกคนคงเริ่มอยากสนุกกันแล้วใช่มั้ยฮะ มาครับลุกขึ้นมา เพราะต่อไปจะเป็นการแสดงวงดนตรีของน้องๆชั้นม.4ครับ เชิญวงแรกขึ้นมาได้เลยครับ” เสียงพิธีกรอย่างอีจงซอก รุ่นพี่ม.6 ประธานนักเรียนปีนี้พูดขึ้น ด้วยหุ่นมาดนายแบบ น้ำเสียงหวานและรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ ทำให้ไม่แปลกเลยที่จงซอกจะได้รับเสียงกรี้ดอย่างท่วมท้น แต่สาวๆหลายคนก็คงจะต้องเสียดายไม่น้อย เพราะในวันนี้จงซอกไม่ได้เป็นพิธีกรแค่คนเดียว เขายังควงคนรู้ใจอย่างพัคชินฮเย มาเป็นพิธีกรสาวคู่ในงานด้วย
“ขอเสียงปรบมือด้วยนะคะ” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสองคนนี้ดูเหมาะสมกัน น้ำเสียงหวานใสบวกกับใบหน้าน่ารัก ทำให้สาวๆหลายคนอิจฉาไม่ลง เพราะคู่นี้เป็นคู่ที่ดูลงตัวกันจริงๆ
“แฮะแฮ่ม ไมค์เช็ค วันทู มายเนมอิสจุนฮเว” ทดลองเสียงไมค์พร้อมเสยผมไปด้านหลัง ไม่รู้จะทำไปทำไมเพราะเจลที่ใช้เซ็ตผมมาก็แข็งดีอยู่แล้ว เสียงเช็คไมค์ของจุนฮเวเป็นสไตล์ที่หาใครเลียนแบบได้ยาก เพราะคนที่ทำได้จะต้องมั่นหน้าถึงระดับยี่สิบ ยางฮยอนซอกที่นั่งดูอยู่ในห้องรับรองถึงกับเอามือก่ายหน้าผาก
“สวัสดีฮะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแห่งความรัก กระผม กูจุนฮเว จะขอเล่นบทเพลงน่ารักๆ สนุกๆละกันนะครับ ใครหน้าตาดีขอให้ลุกขึ้นมา เอ้า วู้ววว” พูดทักทายคนดูก่อนจะบรรเลงเพลง Treasure เพราะเป็นเพลงรักจังหวะสนุก ทำให้วงของจุนฮเวทำให้ออกมาดีได้ไม่ยาก แขกในงานลุกขึ้นมาออกันหน้าเวที กระโดดโลดเต้นกันอย่างสนุกสนาน
เสียงปรบมือดังสนั่นให้กับวงของจุนฮเวที่เพิ่งเล่นจบไป จินวู ฮงซอกและดงฮยอกทยอยกันขึ้นมาบนเวที จัดวางเก้าอี้พร้อมตั้งเสียงกีต้าร์อย่างคล่องแคล่ว
“ฮะ ฮัลโหลว” เสียงเช็คไมค์อย่างกล้าๆกลัวๆของดงฮยอกดังขึ้น ดูแตกต่างจากจุนฮเวโดยสิ้นเชิง แต่ปกติที่เคยเล่นกันมาดงฮยอกไม่เคยมือสั่นขนาดนี้ หรืออาจเพราะนี่เป็นงานใหญ่ เลยทำให้ประหม่า จินวูเอื้อมมือไปแตะแขนดงฮยอกเบาๆ ส่งยิ้มบางให้
“ใจเย็นๆ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ นายทำได้คิมดงฮยอก”
“อื้ม” เพราะมนต์เสน่ห์จากรอยยิ้มของจินวูหรืออย่างไรดงฮยอกไม่ทราบ แต่หลังจากเห็นรอยยิ้มของจินวูแล้วอาการก็ดีขึ้นมา
“ครับ พบกับเพลงจังหวะสนุกไปแล้ว วงของพวกผมก็ขอเล่นเพลงจังหวะช้าๆกันบ้างนะฮะ ทุกคนเคยมีความรักกันมั้ยครับ”
“มี // ไม่มี โสดโว้ยยยยย” เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากด้านล่างเวที เพราะวงของจินวูเคยเล่นมาหลายงานแล้ว ทำให้มีแฟนคลับติดตามอยู่ไม่น้อย
“ฮ่ะๆ จะมีหรือไม่มีก็แล้วแต่นะครับ แต่อย่างน้อยก็ต้องเคยรู้สึกดีกับใครซักคนใช่มั้ยล่ะฮะ ผมว่าเพลงนี้คงเหมาะกับทุกคนนะครับ ไปฟังกันเลยครับ กับเพลง Lost star” สายตาของดงฮยอกไม่ได้มองที่คนดูล่างเวทีเลย เขาเพียงแต่มองคนด้านข้าง ที่คอยให้กำลังใจเขาอยู่ ดวงตากลมโตใสราวกับลูกกวางทำให้ดงฮยอกพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา การพูดเข้าเพลงของดงฮยอกที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับความหมายของเพลงเลย เพื่อลดความประหม่า ดงฮยอกจึงพูดอะไรก็ได้ในใจออกไป เผื่อว่ามันจะช่วยได้มากขึ้น
เสียงปรบมือและเสียงผิวปากโห่เชียร์ดังแข่งกัน และค่อยๆซาลงเมื่อเสียงกีต้าร์ของจินวูดังขึ้น แค่เมโลดีอินโทรของกีต้าร์ตอนเริ่มก็ทำให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ แขกในงานเงียบราวกับมีมนต์สะกด แตกต่างจากวงที่แล้วลิบลับ ก็แน่นอนว่าแค่แนวเพลงก็ต่างกันแล้ว ปฏิกิริยาก็ต้องต่างกันตามไปด้วยเป็นธรรมดา เสียงใสของสายกีต้าร์ที่กระทบกับนิ้วเรียว ประสานกับเสียงหวานๆของดงฮยอกและเสียงเพอคัชชั่น(เครื่องเคาะจังหวะ) ของฮงซอก ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัว คนดูล่างเวทีโบกมือและโยกหัวกันไปตามจังหวะเพลง โบกมือไปทางซ้ายบ้างขวาบ้างไม่พร้อมกันเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็เป็นภาพที่น่าจดจำ ที่จินวูจะไม่ลืมเลย
เสียงราวกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นเป็นสัญญานจบเพลง เสียงปรบมือดังขึ้นมาพร้อมเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ ดอกกุหลาบมากดอกถูกนำมาออกันหน้าเวที ดงฮยอกรีบรับมาจนล้นมือ ไม่พอฮงซอกต้องช่วยอีกแรง ส่วนจินวูทำได้แค่หยิบพอกำมือนึงเท่านั้นเพราะมืออีกข้างต้องจับกีต้าร์อยู่ ในงานวันนี้เขาทั้งสามคนได้ความรักอย่างท่วมท้นจากคนดู ถึงแม้จะไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่แค่มีคนที่รู้สึกดีด้วยมากขนาดนี้ก็เกินพอแล้ว
จินวูเดินลงจากเวทีมากับฮงซอก เพราะดงฮยอกขอตัวไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ สงสัยข้าศึกบุกอีก สายตาก็สอดส่องหาเพื่อนอีกสี่คนที่เหลือ ซุ้มอาหาร ซุ้มปาเป้า และลานน้ำพุก็ไม่เจอ หรือจะเป็นห้องน้ำ ขาเล็กเตรียมจะก้าววิ่งไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงฮือฮากันหน้าเวทีและเสียงไมค์ที่ไม่คุ้นของคนที่ขึ้นต่อจากเขา
“เฮ้ยมึง วงไรวะไม่เคยเห็นเลย // เออๆกูก็ไม่เคยเห็น // วงใหม่หรอวะ” เสียงถกเถียงกันของคนดูด้านล่างเวทีถึงวงที่เพิ่งขึ้นต่อจากวงของจินวู
“ย๊าพวกมึง ขึ้นไปทำไรบนนั้นวะ เล่นดนตรีกันเป็นด้วยหรอ” เสียงจุนฮเวโดดดังขึ้นมาทำให้จินวูต้องหันไปมองเหตุการณ์ประหลาดที่อยู่บนเวที
“สวัสดีครับ แหะๆ วงของพวกเรารวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่องานนี้โดยเฉพาะฮะ ยังไม่เคยเล่นกันที่ไหนมาก่อน ที่นี่เป็นที่แรก ยังไงก็ขอฝากหัวใจดวงน้อยๆของพวกเราสี่คนไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะฮะ” คำพูดเลี่ยนๆของคังซึงยุนออกมาจากปากของเขาโดยจำเป็น เพราะนี่เป็นการขึ้นเวทีครั้งแรก ซึงยุนจึงประหม่าและไม่รู้ว่าควรพูดอะไร รู้อย่างเดียวคือต้องพูดดี เอาใจคนดูเข้าไว้
เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์มากมายดังขึ้นจากข้างล่างเวที คงเพราะมาดการแต่งตัวของทั้งสี่คนแปลกใหม่ ดูดีและเหมือนนายแบบมากๆ ทำให้ได้รับกำลังใจอย่างท้วมท้น
“กรี๊ดพี่แทฮยอนนน กรี๊ดด”
“พี่ซึงฮุนหล้อหล่ออ”
“พี่มินโฮดำจังค่า ฮ่าๆๆๆ” แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงใครที่ไหน สองแสบประจำ 4/1 จุนฮเวและยุนฮยอง ส่งเสียงเชียร์เพื่อนร่วมห้องของเขาจากล่างเวทีอย่างดี
“ไปซ้อมเอาตอนไหนกันนะ ฮ่ะๆ” จินวูหัวเราะน้อยๆกับวงเฉพาะกิจที่ขึ้นต่อจากเขา ยืนมองเพื่อนของเขาสี่คนกับฮงซอกที่ลานน้ำพุ แล้วยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นที่ใบหน้าสวย
“พวกคุณเคยตกหลุมรักใครสักคนมั้ยครับ ตั้งแต่แรกเห็น ก็รู้เลยว่าคนนี้มันใช่”
“ผมเคยครับ และผมก็ขอมอบเพลงนี้ให้กับใครคนนั้นในงานนี้ด้วยนะฮะ ไปฟังกันฮะกับเพลง…กะทันหัน” สิ้นประโยคพูดของซึงยุน สายตาเรียวก็มาหยุดที่คนตัวเล็กหน้าลานน้ำพุ ราวกับทุกวินาทีหยุดหมุน ยิ้มกว้างผุดขึ้นที่ใบหน้าของคนสอง ทั้งต่างคนต่างรู้ใจของกันและกันว่า ‘ใครคนนั้น’ หมายถึงใคร เสียงกีต้าร์ของแทอยอนดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดราวกรุ๊งกร๊งของซึงฮุน
‘แปลกแต่จริง สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน
มันเป็นรักที่กะทันหันไป แต่จะมองยังไงเธอก็ใช่….. คนเดียวที่ฉันรอ’
จินวูยืนกอดอกอมยิ้ม เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมซึงยุนถึงทำแบบนี้ ลงทุนฟอร์มวงทั้งๆที่ไม่มีใครเล่นดนตรีเป็นเลยสักคน แต่ความพยายามที่น่ารักของทั้งสี่ก็ทำให้จินวูมีความสุข ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เฮีย ไอนั่นมันใครวะ” เสียงผู้มาใหม่ดังขึ้นข้างหูท้อปที่ยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเวที
“คังซึงยุน มันเข้ามาใหม่ปีนี้ มึงไม่รู้จักหรอกไปอยู่ในคุกตั้งกี่เดือน” จินฮยองพูดแทรกขึ้น เพราะคิดว่าเฮียของเขาคงไม่ตอบคำถามเมื่อกี้แน่ ท้อปยืนกอดอกนิ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังเดินไป วงสมัครเล่นที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ดูเผินๆก็ไม่มีอะไร ถ้าท้อปไม่จับสายตาที่ซึงยุนมองลงมาได้ ตลอดเวลาร้องเพลงซึงยุนมองแต่จินวู คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ที่หน้าลานน้ำพุ ท้อปไม่ใช่คนโง่ แค่นี้ก็คงจะพอเดาอะไรออกได้ไม่ยาก
“ซึงยุน… ไอคนที่เคยมีเรื่องกับไอแจ็คเมื่อปีที่แล้วป่ะเฮีย”
“อืม”
“ฮ่ะๆ สงสัยกลัวจนหัวหดเลยย้ายมาเรียนนี่ ขี้ขลาดชะมัด” บ๊อบบี้ยืนกอดอก พูดเหตุการณ์ที่จินฮยองไม่และชานอูไม่เข้าใจกับท้อปแค่สองคน
“คังซึงยุน…”
‘เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด เป็นครั้งแรกที่ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด
แค่ได้รักเธอต่อไป เพราะทำอย่างไรก็ห้ามใจไว้ไม่ได้’
ภาพซึงยุนยื่นนิ้วมาเช็ดคราบนมที่ปาก ภาพซึงยุนกำลังเช็ดตัวให้เขา ภาพเขาที่กำลังซ้อนจักรยานซึงยุน ภาพหลายๆเหตุการณ์ที่เขาทำกับซึงยุนเริ่มผุดขึ้นมาในหัว บวกกับเนื้อเพลงที่ซึงยุนร้องพร้อมน้ำเสียงที่อบอุ่นที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังจากปากเพื่อนของเขาคนนี้ อยู่ดีๆก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของจินวูก็สั่นไม่เป็นจังหวะและพองโตราวกับจะหลุดออกมา เมื่อก่อนจินวูคงไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่ามันเรียกว่า….ความรัก
‘เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด ไม่สนว่าตอนสุดท้ายผลมันจะถูกหรือผิด
เธอไม่รู้ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ใจได้แสดงความจริงข้างใน…..ที่ฉันมีต่อเธอ’
สิ้นเสียงเกากีต้าร์ของแทฮยอน เสียงปรบมือก็ดังขึ้นพร้อมกัน ถึงจะเป็นวงที่เพิ่งได้รวมตัวกัน มีคนเล่นดนตรีพอได้แค่คนเดียว แต่ผลงานที่ออกมามันก็ดีเกินความคาดหมาย ทั้งสี่คนลงจากเวที แทฮยอนกับมินโฮขอตัวไปถ่ายรูปที่ซุ้มดอกไม้ต่อ เหลือแค่ซึงฮุนที่เดินมาพร้อมซึงยุนตรงมาหาเขากับฮงซอกที่ลานน้ำพุ แต่ซึงฮุนก็ลากฮงซอกผู้น่าสงสารออกไปเหมือนเดิม
“ชอบมั้ย”
“มาก นี่ไปซ้อมกันตอนไหนทำไมไม่เคยบอกเลย ไม่ยักกะรู้ว่านายร้องเพลงเพราะ” ยิ้มกว้างแต่ไม่เห็นฟัน เพราะคนตัวเล็กกำลังข่มความอายที่มีภายในอยู่
“ถ้าบอกแล้วจะเซอร์ไพรส์มั้ยล่ะ” ซึงยุนพูดพร้อมยื่นดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ให้จินวู
“หื้ม ให้ฉัน?” ชี้นิ้วที่หน้าตัวเองอย่างงุนงง เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้จินวูทำอะไรไม่ถูก ได้แต่รับมันมาอย่างงงๆ
“พร้อมจะตอบคำถามฉันได้ยัง” ซึงยุนเขยิบหน้าเข้ามาใกล้ จินวูวางดอกไม้ลงกับตุ๊กตาหมีขาวข้างๆ มือเรียวสองข้างจับไหล่ของจินวูไว้ เพราะอยู่ชิดกันมากทำให้จินวูต้องเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า สายตาอบอุ่นที่เคยได้รับ ตอนนี้มันก็ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม แววตาใสของจินวู ราวต้องกับแสงพระจันทร์แล้วทำให้ดูสวยขึ้นไปอีก ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ
“ฉันตกลง” ส่งยิ้มกว้างให้ซึงยุน ซึงยุนดีใจโผเข้ากอดจินวูแน่น คงเพราะอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ในวันนี้จินวูไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลง
“อื้อออ ปล่อย พอแล้วฉันหายใจไม่ออก” จินวูบ่นเพราะอ้อมแขนของซึงยุนรัดแน่นจริงๆ ซึงยุนดีใจ ดีใจมากจนลืมตัว กอดจินวูแน่นแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น
“ก็ฉันดีใจนี่นา” ยอมผละออกแต่โดยดีแต่เปลี่ยนมาเป็นจับมือเรียวเล็กแทน จินวูยิ้มกว้างไม่พูดอะไร เพราะในใจของเขามันพองโตซะเกินกว่าจะหาคำอะไรมาพูดได้ ทั้งคู่นั่งลงที่ขอบลานน้ำพุ ส่งยิ้มให้กันแบบไร้เสียง มีแค่ความเขินอายเท่านั้นในตอนนี้
“เอ้าพวกเรา พร้อมจะสนุกกันรึยัง” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกรอบ นี่คงเป็นโชว์สุดท้ายที่อาจารย์มินจีได้บอกเอาไว้ ผู้ชายร่างใหญ่ในชุดเสื้อคลุมหนังสีดำขลับ ยืนร้องเพลงอยู่กลางเวที จินวูมองนิ่งด้วยสายตาเรียบ ไม่ปริปากอุทานคำใดๆออกมาเหมือนที่เคยเป็น
“วงพี่นายใช่ปะ” ซึงยุนรู้ รู้ว่าจินวูเป็นอะไร กระชับมือแน่นขึ้น เขยิบเข้าไปใกล้และชวนคนตัวเล็กคุยหวังให้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง
“อืม นั่นไง คนที่เล่นกีต้าร์ เป็นไง เท่ห์เหมือนฉันเลยใช่ป่ะล่า” เปลี่ยนสีหน้าทันทีเหมือนไม่มีอะไร แล้วชี้นิ้วไปที่ซึงรีที่กำลังเล่นกีต้าร์อยู่ ผู้ชายร่างบางเดินถือกุหลาบช่อใหญ่พร้อมเสียงผู้คนฮือฮากันหน้าเวทีเรียกความสนใจจากจินวูและซึงยุน จินวูมองตามฝูงคนที่กำลังฮือฮาแหวกทางเดินให้ผู้ชายร่างบางคนนั้น ส่งดอกกุหลาบสีแดงช่อโตให้คนที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที เหตุการณ์ตรงหน้ากำลังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่แปลก แปลกที่จินวูไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว จากเมื่อก่อนที่จินวูคงจะใจหวิวบ้างที่เห็นภาพแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่ คงเป็นเพราะความอบอุ่นจากคนข้างกายที่เขามีอยู่ตอนนี้ ทำให้อะไรๆก็ดูไม่สำคัญอีกต่อไป
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย” น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเป็นห่วงเอ่ยขึ้นถามจินวู แค่ได้มองแววตาของคนข้างๆเขาตอนนี้ด้วย มันก็ทำให้จินวูลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ได้หมด
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก” ส่งยิ้มกว้างให้ซึงยุน จินวูคงไม่เป็นอะไรจริงๆแล้วตอนนี้ ซึงยุนสัมผัสได้ แววตาที่ดูปล่อยวางของจินวูทำให้ซึงยุนรู้สึกสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง คนตัวเล็กคงลืมได้แล้ว ตอนี้จินวูมีเพียงเขา เรื่องในอดีตที่แสนเลวร้ายของจินวูจินวูคงลืมได้แล้ว เขาทำสำเร็จหมดแล้วใช่มั้ย
“กลับบ้านกัน ฉันง่วงแล้ว” ทั้งคู่ลุกขึ้นยืน จินวูแบกกีต้าร์ไว้บนหลัง ถือตุ๊กตาหมีและช่อดอกกุหลาบสีขาวไว้ในอ้อมกอด ท่าทางทุลักทุเลของคนตัวเล็กทำให้ซึงยุนหัวเราะ
“เอามานี่ ฉันถือให้” แย่งกีต้าร์และตุ๊กตาหมีมาสะพายและกอดไว้ เหลือเพียงช่อดอกกุหลาบให้คนตัวเล็กได้ถือไว้เท่านั้น
สองร่างเดินริมฟุตบาท ท่ามกลางแสงไฟข้างทางและแสงดวงดาว คืนนี้คงเป็นคืนหนึ่งที่มีความสุขมากสำหรับจินวูและซึงยุน ร่างสูงที่มีกล้องคล้องคอ แบกกีต้าร์และยังกอดตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ เดินเคียงข้างกับคนตัวเล็กที่ถือเพียงช่อกุหลาบสีขาว สองร่างคุยหยอกล้อกันสนุก ใจจริงซึงยุนอยากยกกล้องขึ้นมาเก็บโมเม้นท์ตรงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ติดที่สังขารเขาคงไม่เอื้ออำนวย ของเต็มไม้เต็มมือแบบนี้คงจะยกกล้องมาถ่ายไม่ไหว ซึงยุนทำได้เพียงมองใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มกว้างผุดขึ้นที่มุมปากของคนตัวเล็ก เขาจะจดจำภาพตรงหน้านี้ไม่มีวันลืม….. ค่ำคืนที่แสนพิเศษของเขา
แชป13~~
ง้า เขินตัวบิดกันเลยใช่มั้ยทุกคน ไรต์แต่งไปยังเขินเลย อีพีนี้เอาหวานๆไป จัดให้ฟินให้หนักกันเลยนะชิปเปอร์ แต่ไรต์สงสารฮงซอกและซึงฮุนนะ คนไร้คู่ก็เป็นแบบนี้ 5555 แอบมีบ๊อบบี้โผล่มาด้วยนิดนึง คึคึ
ขอบคุณทุกยอดวิว ทุกแชร์ ทุกคอมเม้นท์ที่เข้ามาเลยน้า ไรต์สัญญาว่าจะขยันอัพ ฮี่ๆ ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาจริงๆ รักทุกคนเลยย จุ้บๆ
ความคิดเห็น