คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 : Begin Again
Chapter 10 : Begin again
นาฬิกาเรือนขาวบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม เสียงเข็มนาทีและวินาทียังเดินสลับกันประสานเสึยงไปตามลาน แต่ก็ถูกขัดขึ้นเพราะเสียงเปิดประตูห้อง ร่างโปร่งเดินเข้ามาก่อนแล้วตามด้วยชายร่างหนาผิวแทน นัมแทฮยอนเดินลิ่วเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวเเล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทำกิจวัตรที่เขาทำอยู่ทุกวันโดยไม่สนใจเลยว่ายังมีสิ่งมีชีวิตอีกสิ่งหนึ่งอยู่ในห้องด้วย มินโฮมองทุกการกระทำของเเทฮยอน ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่ที่โซฟาเล็กกลางห้อง
ห้องของแทฮยอนเป็นห้องที่ไม่ใหญ่นัก เเค่ห้องๆหนึ่งในหอพักราคาถูก ตอนแรกเขาก็อยู่คนเดียว แต่พอมีจินวูมาเขาก็จำเป็นต้องแบ่งห้องใช้กับจินวูเป็นโซนๆ สำหรับแทฮยอนมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก ดีด้วยซ้ำไปที่มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน
เสียงสายน้ำกระทบพื้น คนในห้องน้ำกำลังชำระล้างร่างกายอย่างสบายใจ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แทฮยอนก็ยังไม่ออกมาอีก ไม่รู้ว่าทำอะไรถึงนาน สระผมงั้นหรอ ไม่หรอก แทฮยอนไม่ใช่ผู้หญิง ที่จะมาสระผมนานเหมือนดาน่า น้องสาวของเขา แล้วปกติแทฮยอนอาบน้ำนานขนาดนี้เลยหรอ มินโฮนั่งรอด้วยใจไม่เป็นสุข ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยุดที่หน้าห้องน้ำ ยกมือขึ้นเตรียมเคาะ แต่จังหวะที่หลังนิ้วจะกระทบกับประตูนั้น คนในห้องน้ำก็เปิดประตูออกมาพอดี
"จะใช้หรอ"
"ปะ เปล่า"
"งั้นก็ถอย"
แทฮยอนในเสื้อยืดสีฟ้ากางเกงขาสั้นสีขาวเดินตัวปลิวไปยังเตียง เช็ดผมตัวเองอย่างสบายใจ ราวกับในห้องมีเพียงแค่เขาคนเดียว ซุกตัวเองในผ้าห่ม ก่อนจะเอื้อมมือไปชักโคมไฟบนหัวเตียง
"แทฮยอน" มินโฮจับข้อมือแทฮยอนแน่นไม่ยอมให้อีกคนเอาผ้าห่มมาคลุมโปง
"อะไร" รับรู้ถึงสายตาคมที่มองมาแต่เเทฮยอนเลือกที่จะหลุบตามองต่ำ หลบสายตานั่น
"อย่าเพิ่งนอน คุยกันก่อน"
"ก็บอกว่าวันอื่นไง"
"แต่ฉันอยากรู้วันนี้ ลุกขึ้นมา"
"โว้ะะะ คนจะนอน อย่ากวนได้ปะวะ"
แทฮยอนสะบัดแขนที่มินโฮจับออกอย่างแรง พลิกตัวหันหลังให้มินโฮ แล้วหลับตาปี๋ ถอนหายใจอีกรอบแล้วเดินไปที่อีกข้างหนึ่งของเตียง สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับแทฮยอนแล้วดึงคนดื้อเข้ามากอด
"แทฮยอน"
"ปล่อย"
"คุยกันก่อน"
"...."
"ไม่งั้นก็ไม่ปล่อย"
"เออๆๆ ก็ได้ ปล่อยได้แล้ว" ตัดสินใจลุกขึ้นนั่งบนเตียง ตัดรำคาญจากคนตัวใหญ่ที่ตามรังควานเขาไม่หยุด
"รีบๆถามแล้วก็รีบๆออกไปได้แล้ว"
"ทำไมนายถึงย้ายมาที่นี่" เลื่อนตาไปมองที่คนผมแสกกลาง และพอดีกับที่อีกฝ่ายมองมาพอดี มินโฮสัมผัสได้ถึงความเศร้าในดวงตาเรียว
"นายไม่รู้จริงๆรึไง"
"ถ้ารู้แล้วคิดว่าฉันจะปล่อยให้นายมาอยู่ที่นี่คนเดียวหรอ"
"....." เงียบ แทฮยอนเงียบเพราะเขาไม่รู้เลยว่ามินโฮไม่รู้จริงๆ ที่ผ่านมาเขาคิดมาตลอดว่าแม่มินโฮต้องคุยกับมินโฮเรื่องนี้เเล้ว แทฮยอนคิดว่ามินโฮต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาแน่เมื่อฟังเรื่องจากปากแม่ของเขาแล้ว แต่ไม่ใช่ เขาคงเข้าใจมินโฮผิดมาตลอด
"วันนั้น...ที่ฉันป่วยแล้วโทรไปหานาย"
"อืม"
"ฉันคุยกับนายอยู่ แล้วพอแม่นายมานายก็หยุดคุยกับฉันแล้วหันไปคุยกับแม่"
"แล้ว.... นี่งอนเพราะเรื่องแค่นี้อะนะ"
"หยุดขัดได้มั้ย จะฟังไม่ฟัง"
"ฟังๆ"
"เออ ต่อ แล้วนายก็คุยกับแม่โดยที่ยังไม่วางสายฉัน"
"แล้วนาย.....จำได้มั้ยว่านายคุยกับเเม่เรื่องอะไร"
"ไม่อะ นานแล้วใครจะไปจำได้" ปฏิเสธหน้าตาย ความจริงมินโฮจำได้แต่เขาไม่อยากจำหรอก เขาไม่ชอบความคิดที่แม่มีต่อเขาเเบบนั้น เขากลัวว่าแม่จะกลายมาเป็นอุปสรรคความรักของเขาและแทฮยอน
.
.
.
.
"แต่ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ"
"……."
"ชายกับชายมันอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะ มีลูกกันก็ไม่ได้ สังคมก็ไม่ยอมรับ ไปที่ไหนจะมีแต่คนรังเกียจ"
"ไปเลิกกันเลยนะ....ห่ะๆ ประโยคนี้ฉันจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ" แทฮยอนฝืนยิ้ม แต่น้ำใสๆเริ่มไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง จมูกและตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความเจ็บที่อัดอั้นไว้ คิดว่าทำใจได้แล้ว ตัดได้แล้ว แต่พอกลับมาพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะต่อหน้าอดีตคนรัก กำแพงที่เคยสร้างไว้มันก็ทลายลงไปอย่างช่วยไม่ได้
"นะ นาย นายวางสายฉันไปแล้วไม่ใช่หรอ"
"ยัง ฉันคิดว่านายคุยกับแม่แปปเดียวแล้วจะกลับมาคุยต่อ ฮึก ฮึก ตะ แต่ก็ดีนะ ทำให้ฉันเลิกฝันลมๆแล้งๆ พระ เพราะยังไงเรื่องของนายกับฉันก็คงเป็นไปไม่ได้ ฮึก ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอะดีละ..."
"พอ พอแล้ว ไม่ต้องเล่าแล้ว"
"ฮึก ฮึก ฮือ" มินโฮดึงร่างบางเข้ามากอด แทฮยอนซบหน้ากับแผ่นอกกว้างแล้วกอดตอบแน่น มินโฮไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับแทฮยอนที่ผ่านมาจะเป็นเพราะความสะเพร่าของเขา ถ้าเขาวางสายเเทฮยอนไปตั้งแต่วันนั้น แทฮยอนคงไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ มือขวาของมินโฮลูบกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลและมือซ้ายลูบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบ แทฮยอนปล่อยโฮออกมาจากที่อัดอั้นไว้มานาน กระชับกอดให้แน่นขึ้น กอดที่เขาเคยได้รับ อ้อมกอดที่ห่างหายไปนาน วันนี้กอดนั้นกลับมาอีกครั้ง
"ฉันขอโทษ แทฮยอน ฉันขอโทษ"
“ฮึก อือ ฮืออ”
“แทฮยอน”
“อืออ”
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย” มินโฮผละแทฮยอนออกจากอ้อมกอด จับใบหน้าเรียวขึ้นมาสบกับดวงตาของเขา มินโฮจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวประหนี่งขอร้อง แววประกายใสในนั้น งดงามยิ่งกว่าดาวทุกดวงในค่ำคืนนี้ ตาของแทฮยอนยังสวยไม่เคยเปลี่ยน
“ดึกแล้ว รีบนอน” ผละใบหน้าหวานออกจากมือของมินโฮ ซุกตัวลงไปกับผ้าห่มแล้วนอนหันหลังให้ร่างหนา การกระทำของคนตรงหน้าทำให้ใจมินโฮหล่นวูบ แต่ก็กลับมาชื้นขึ้นอีกครั้งเพราะคำพูดของคนขี้อาย
“หนะ ไหนนายบอกให้ฉันรีบถามรีบกลับ”
“เปลี่ยนใจไม่ได้หรือไง นอนๆไปเถอะน่ะ พรุ่งนี้ค่อยกลับก็ได้” เสียงพูดอู้อี้เพราะคนพูดพูดเอาผ้าห่มมาคลุมหน้า ไม่รู้เพราะง่วงหรือเพราะความเขินกันแน่ ที่แทฮยอนไม่ตอบคำถามของมินโฮไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธ แค่ตอนนี้แทฮยอนไม่กล้าเอาหน้าแดงๆของตัวเองให้มินโฮเห็นเท่านั้นเอง
มินโฮลอบยิ้มออกมา ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่านี่คือการตอบรับคำขอของเขาในอีกแบบนึงของแทฮยอน สำเร็จแล้วสินะ สิ่งที่ฉันตามหามนาน วันนี้สำเร็จแล้วสินะ มินโฮล้มตัวลงนอน ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มสีฟ้าอ่อนลายตารางผืนเดียวกับแทฮยอน ซุกจมูกเข้าไปสูดดมความห่วงหาในกลุ่มผมนุ่มของแทฮยอน แทรกมือเข้าไปที่เอวบาง ดึงแทฮยอนเข้ามากอด ตามคาด แทฮยอนไม่ขัดขืนเขาเหมือนเก่า จริงๆใช่มั้ย แทฮยอนและเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจริงๆใช่มั้ย ถึงจะยังไม่ได้รับการยอมรับจากปากของแทฮยอน แต่การกระทำในตอนนี้ มินโฮก็รับรู้แล้วว่า ความสัมพันธ์ของเขาและแทฮยอนในตอนนี้ ถึงจะเป็นแม่เขาก็ห้ามไม่ได้แล้วจริงๆ
“ขอบคุณนะ”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
"อืออ แอ่ก แค่ก แค่ก"
จินวูตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันนึง ไม่ใช่เพราะถูกรบกวนจากแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านรูม่านเข้ามา แต่เป็นเพราะพิษไข้จากการตากฝนเมื่อวานต่างหาก ร่างเล็กพลิกตัวไปทางขวาเพื่อบิดขี้เกียจ กระพริบตาเล็กน้อยเพื่อจะมองภาพตรงหน้าชัดๆ กลุ่มผมสีดำ แขนเรียวสองข้างที่ถูกขัดกันโดยมีใบหน้าทับอยู่
"ซึงยุน"
"อืออ อะ อ้าวจินวู ตื่นแล้วหรอ" ซึงยุนที่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงเงยหน้าขึ้นมาหาต้นเสียง ขยี้ตาเล็กน้อยเพื่อปรับแสงที่เข้ามากระทบตา
"เมื่อคืนนายไม่ได้นอนที่โซฟาหรอ"
"ไม่อ่ะ เมื่อคืนตัวนายร้อนมาก ฉันกลัวกลางดึกนายตื่นมาแล้วมีปัญหาอะไร ฉันเลยมานั่งเฝ้าข้างๆเผื่อเกิดอะไรขึ้น" ว่าพลางยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียง เสยผมหน้าม้าสีน้ำตาลขึ้นเอาหลังมือมาทาบลงบนหน้าผากเล็กของจินวู
"อืมม ดีขึ้นนิดนึงแล้ว เดี๋ยวฉันไปต้มน้ำมาให้นะ เช็ดตัวอีกรอบ" ส่งยิ้มบางให้คนตาโต
"อืออ" มองแผ่นหลังกว้างของซึงยุนที่เดินถือกะละมังใส่น้ำออกไปจากห้อง ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจ อีกครั้งแล้วที่จินวูรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่รู้สึกดีเพียงเพราะซึงยุนมาดูแล มาทำดีด้วย แต่ทุกการกระทำ สายตา รอยยิ้มที่ได้รับจากซึงยุนมันทำให้หัวใจของเขา….ไม่เหมือนเดิม
.
.
.
.
“มา ถอดเสื้อ”
“ห้ะ”
“ก็จะเช็ดตัวให้ ถอดเสื้อ”
“มะ ไม่” เอาแขนสองข้างกอดตัวเองแน่น ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
“เมื่อคืนฉันก็เช็ดให้ นายไม่เห็นจะว่าอะไรสักคำ”
“ตอนไหน”
“ฮ่ะๆ ก็นายหลับไปแล้ว จะรู้ได้ไง”
“เอามา ฉันเช็ดเองได้” ยื่นมือออกไปรับกะละมังและผ้าขนหนูจากคนตัวสูง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อซึงยุนไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมาเลยสักนิดเดียว
“ไม่เอา จะอายอะไร ผู้ชายด้วยกัน แค่ถอดเสื้อเองนะจินวู หรือจะให้ถอด….กางเกงด้วย”
“มะ ไม่ๆๆๆ ถอดก็ถอด”
“ก็แค่นั้น” ซึงยุนไหวไหล่ประหนึ่งได้ชัยชนะ วางกะละมังใส่น้ำร้อนบนเก้าอี้ข้างเตียง ส่วนเจ้าตัวก็เดินไปนั่งบนเตียงข้างคนขี้อาย วางผ้าขนหนูในน้ำ บิดให้หมาด แล้วหันมาจัดการเช็ดที่แขนของคนป่วยไปเงียบๆ จินวูที่เคอะเขินกับการกระทำของคนตรงหน้าก็ทำได้แค่หันออกไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
คอนโดซึงยุนอยู่ใจกลางเมือง แถมเจ้าตัวก็เลือกที่จะอยู่ชั้นเกือบบนสุด เพราะคิดว่าจะเห็นวิวจากรอบเมืองได้ชัดทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน และด้วยฐานะทางบ้านของซึงยุนจึงทำให้อะไรๆดูง่ายไปหมด ยอดตึกระฟ้าที่มองจากมุมนี้ ไม่เหมือนกระจกของตึกข้างๆที่จินวูเคยมองจากห้องพักที่หอแทฮยอนเลยสักนิดเดียว แถมเสียงก็เงียบ ไม่มีเสียงมอเตอร์ไซค์หรือแตรรถมาคอยรบกวน จะได้ยินก็แค่เสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงลานนาฬิกา และเสียง…….
“ตึกตัก ตึกตัก”
ก้อนเนื้อในหน้าอกด้านซ้ายกำลังเต้นรัวเมื่อซึงยุนเปลี่ยนตำแหน่งมาเช็ดที่อกกว้าง สัมผัสเย็นวาบจากผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนที่โดนฉาบด้วยไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ หรือสัมผัสจากมืออุ่นๆของซึงยุน จะเป็นอะไรก็ตาม มันทำให้ตอนนี้หัวใจของจินวูเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมา บรรยากาศเงียบ ทำให้จินวูไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้เลยนอกจากเรื่องของคนตรงหน้า
‘มะ ไม่ได้ ขืนอยู่แบบนี้ต่อ ฉันต้องพาตัวเองคิดเรื่องอื่นไปไกลแน่ จินวู ทำไงดี นายจะทำไงดี’
.
.
.
.
“แล้ว….วันนี้ไม่ไปเรียนหรอ” หาเรื่องคุย คงเป็นทางออกสุดท้ายของจินวู
“ฮ่าๆ จินวู วันนี้วันอาทิตย์นะ ไปเรียนทำไม นายนี่จะขยันเรียนเกินไปแล้ว”
“เอ้า ก็เมื่อวานวันพฤหัส วันนี้ก็ต้อง….” จินวูชี้นิ้วไปมา ตาเหลือบมองเพดาน คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันพลางนึก
“ไม่ใช่ เมื่อวานอะวันเสาร์ วันนี้ก็ต้องวันอาทิตย์สิ ที่เมื่อวานเราไปทำรายงานกันไง เป็นหวัดแล้วเบลอเลยหรอ”
“กะ ก็…”
“เด็กดื้ออย่าเถียง” ขยี้ผมนุ่มของคนตรงหน้า แล้วหันมาสนใจกับผ้าขนหนูในกะละมังต่อ จินวูยู่ปากแล้วมองซึงยุนด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ แต่นั่นคงไม่ใช่สำหรับคังซึงยุน
“นั่นดุแล้วหรอ”
“อืม ดุมากด้วย กลัวสิ”
“ฮ่าๆ แบบนี้เค้าไม่เรียกดุ เค้าเรียกน่ารัก” จิ้มหน้าผากคนตัวเล็กไปหนึ่งทีแล้วหันมาจัดการกับแผ่นหลังขาวของจินวูต่อ
“หันหลังหน่อย จะเสร็จแล้ว” ขยับให้โดยดี ไม่มีการปฏิเสธอะไร เพียงเพราะอยากให้เสร็จเร็วๆสักที เขาจะได้หายจากอาการผิดปกติที่เป็นอยู่ตอนนี้สักที
“แล้วแทฮยอน…”
“มินโฮอยู่เป็นเพื่อนแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง เมื่อคืนมันบอกตอนฉันโทรไปหามัน”
“อ่อ” หลุบตามองต่ำ จินวูรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทิ้งให้แทฮยอนอยู่คนเดียว ถ้าเขาไม่เป็นหวัด ป่านนี้มินโฮคงจะได้กับไปพักที่บ้าน แล้วแทฮยอนก็จะได้มีเพื่อน อะไรๆก็คงดีขึ้น
“นี่”
“หื้ม”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ไม่ใช่ความผิดของนายที่จะมาป่วยแบบนี้ โทษฝนนู่น จะตกตอนไหนก็ไม่บอก แล้วยังมาทำนายเป็นหวัดอีก นิสัยไม่ดี เนอะ” จินวูหลุดขำให้ท่าทางโกรธแค้นฝนของซึงยุน ยิ้มบางถูกส่งออกมาจากใบหน้าหวานเป็นครั้งแรกของเช้าวันนี้ ถึงจะเป็นคนป่วยที่กำลังยิ้ม แต่ยิ้มนั้นก็ยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง
“เสร็จแล้ว ไปกินข้าวก่อน จะได้กินยา อยู่บนโต๊ะนู่นอ่ะ กินไปได้เลยนะ ไม่ต้องรอ เดี๋ยวฉันเอาผ้าไปซักแปปนึง”
ซึงยุนรีบพูดรีบเดินออกจากห้อง เหตุการณ์ตรงหน้าดูรีบเร่งไปหมด กลิ่นหอมโชยออกมาจากห้องนั่งเล่น ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ซึงยุนคงทำตอนที่ไปต้มน้ำมาแน่ๆ
โต๊ะกินข้าวขนาดย่อมวางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโซฟา จานข้าวหนึ่งจานและชามใส่โจ๊กหมูถูกจัดวางตรงข้ามกัน จินวูเดินมาหยุดที่ชามโจ๊กหมู ข้างๆมีแก้วเล็กสองใบใส่ยาและน้ำอยู่ แน่นอนว่านี่คือาหารของเขาแน่ เพราะเขาคือคนป่วย จินวูนั่งลงแล้วจุ่มช้อนลงในอาหารสีขาวนั่น
“หืม อร่อย โจ๊กยี่ห้ออะไรเนี่ยะ” จินวูหันมองรอบข้าง แต่ก็พบเขียงและเศษผักกระจัดกระจายเต็มบนนั้น หม้อโจ๊กที่มีควันขาวลอยขึ้นมายังถูกวางแช่น้ำอยู่ในอ่างล้างจาน ห้องครัวดูรกมาก แต่ซึงยุนคงตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
“ทำเองหรอ….ซึงยุน” เขี่ยโจ๊กในถ้วยวนไปมา ไม่ใช่ว่าไม่อร่อย แต่จินวูกำลังถูกดูดเข้าไปในห้วงคววามคิดของตัวเองอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรที่เขายังไม่รู้อีกเยอะ ดูภายนอกคงเป็นเด็กง่ายๆ ขี้เล่น ที่เล่นไปวันๆ ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต แค่สะพายกล้องและตามเขาไปไหนมาไหนทุกที่ แต่ใครจะไปรู้ ว่าอีกมุมนึงของซึงยุนจะเป็นแบบนี้ แท้จริงแล้วซึงยุนก็เป็นผู้ชายที่อบอุ่น น่ารักเหมือนกันนะ
มื้อเช้าของวันนี้เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มและจบด้วยรอยยิ้ม ยิ้มที่มีความสุข สุขที่ได้กินอาหารอร่อย สุขที่ได้ค้นพบอีกด้านนึงของซึงยุน หรือสุข….เพียงเพราะความเพราะความรู้สึกในใจกำลังเปลี่ยนไป
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
“ห้ะ เล่นกีต้าร์หรอ”
“ชู่ววว เบาๆสิ เดี๋ยวจินวูก็ได้ยินหรอก” แทฮยอนตะโกนดังลั่นหลังจากซึงยุนโทรมาขอร้องให้เขาเล่นกีต้าร์ในงานโรงเรียนท้ายปี แต่ก็ต้องเงียบเสียงลงเพราะกลัวว่าคนป่วยที่เพิ่งกลับมาจะได้ยินเข้า
“อ่าๆ แต่ซึงยุน ฉันเล่นได้นิดเดียวเองนะ จินวูเคยสอนนิดเดียวเอง”
“น่าๆ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นอะไรยากหรอก แค่ดีดขึ้นๆลงๆแค่นั้นเอง”
“แล้ว….แค่ฉันกับนายสองคนเนี่ยนะ”
“อื้อ หรือนายจะชวนมินโฮกับซึงฮุนมาด้วยก็ได้”
“โอเคๆ”
“แต่เรื่องนี้ห้ามจินวูรู้เด็ดขาดนะ ไม่งั้…”
“แทฮยอนคุยไรน่ะ” เสียงบุคคลที่สามที่ถูกพูดถึงดังขึ้นมาในสาย ด้วยความตกใจแทฮยอนเลยเผลอกดวางสายซึงยุนไปทันที โดยที่ยังฟังซึงยุนพูดไม่จบ
“อ้าเปล่าๆๆ นายไม่สบายไม่ใช่หรอ ลุกเดินมายังงี้เดี๋ยวก็เปนลมไปหรอก ไปๆๆ ไปที่เตียงเหมือนเดิมเลยนะ” ซ่อนโทศัพท์ไว้ข้างหลังพลางผลักและดันคนตัวเล็กให้ไปนอนที่เตียงเหมือนเดิม
“หิวยัง”
“นิดหน่อยอะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันลงไปซื้ออะไรมาให้นะ รออยู่นี่ล่ะ แปปเดียว”
“อ่าได้ๆ” แทฮยอนเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์บนเตียง กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ประตูแล้วก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว มือเรียวหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดเบอร์โทรล่าสุดแล้วโทรออก
“เห้ยขอโทษ เมื่อกี้จินวูมาพอดี เลยต้องวาง แล้วเอาไง จะซ้อมวันไหน”
“อืมมมมม พรุ่งนี้เลยปะ ยังไงทุกกลางวันจินวูก็ไปซ้อมกีต้าร์ ไม่ได้อยู่กับพวกเราอยู่แล้ว”
“เคๆ เจอกันพรุ่งนี้”
“โอ๊ะ” แทฮยอนหยุดเดิน เพราะเหตุการณ์ตรงหน้ากำลังชุลมุน เด็กผู้ชายประมาณ5-6คน ถือกระบองและไม้หน้าสามไล่ตีกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขา แทฮยอนเหงื่อตก ขาสั่นก้าวไม่ออก ไม่รู้จะวิ่งหนี หาที่ซ่อนหรือจะโทรบอกตำรวจดี แทฮยอนไม่ทันได้คิด แต่สายตาก็เหลือบไปมองเห็นหนึ่งในผู้ชายทั้งหมดนั่น
“ชะ….ชานอูนี่” จองชานอู เพื่อนห้องม.6/2 กำลังโดนผู้ชายอีกคนหนึ่งกระชากคอเสื้อและกำหมัดต่อยเข้าไปที่ท้องหลายที ถึงแทฮยอนจะไม่รู้จักชานอูเท่าไหร่ ไม่เคยได้คุยกันสักครั้ง แต่ยังไงชานอูก็เป็นเพื่อนที่โรงเรียนของเขา ในตอนนั้นแทฮยอนคิดได้อย่างเดียวคือ ‘เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน’
“ตำรวจ ตำรวจมา ช่วยด้วยครับ มีคนตีกัน ตำรวจ”
“เฮ้ยย หนีเร็วมึง” ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูดของแทฮยอน เหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้าก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ทิ้งไว้เพียงชานอูนอนอยู่กับพื้นเพราะลุกไม่ไหว
“นาย…เอ่อ นายเป็นไรป่าว” สายตาคมตวัดขึ้นมามองแทฮยอน ชานอูยันกายตัวเองลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณหรือขอโทษ ทิ้งไว้เพียงความงุนงงสงสัย ชานอูเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนั้น ทำไมต้องมาทำร้ายร่างกายกันด้วย สงสัย แทฮยอนได้แต่สงสัย แต่แทฮยอนก็เลือกที่จะไม่ถามอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ถ้าเกิดเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมา ทางที่ดีเขาควรไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้จะดีที่สุด
“แปลกคน” ก้าวขาเดินไปที่ซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อข้าวผัดปูและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับเขาและจินวู จ่ายตังค์และเดินขึ้นหอ หากแต่ทุกการกระทำยังมีสายตาคู่หนึ่งจ้องเขาไม่วางตา
ฮัลโหลววว
อีพีสิบแล้ว ช่วงนี้ไรต์ลงถี่หน่อย กลัวเปิดเทอมแล้วไม่มีเวลาแต่ง ไหนปิดเทอมแล้วก็จัดเต็ม
เป็นไงง ฟินนัมซงและยุนวูกันมั้ยย งึ้ยย นี่แอดแต่งมาเพื่อเอาใจชิปเปอร์โดยเฉพาะ เห็นว่าช่วงนี้หนุ่มๆไม่มีงาน โมเม้นท์ห่างหาย ไรต์รู้ว่าทุกคนคงคิดถึง เลยแต่งมาให้ชื่นใจกันหน่อย
นัมซงเขาคืนดีกันแล้วล่ะ จุดพลุ เย้!!!! จินวูแน่นอนว่าตอนนี้มีใจให้ไปเต็มๆแล้วว แต่จะเป็นยังไงต่อไปก็ต้องขึ้นอยู่กับซึงยุนแล้วล่ะ ว่าแผนของเขาจะสำเร็จไปมากแค่ไหน
จองชานอูโผล่มาแล้ว เอ้ะแล้วทำไมโดนรุมทำร้ายนะ อยากรู้ล่ะสิ อยากรู้ก็ต้องรอตอนต่อไปนะทุกคน 5555 รักรีดเดอร์ทุกคนที่หลงเข้ามาเลยนะ จุ้บๆๆ
ความคิดเห็น