คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 : Blue Bicycle
Chapter 9 : Blue bicycle
วันนี้จินวูแทฮยอนพร้อมทั้งสามแสบมาถ่ายรายงานวิชาดนตรีนอกสถานที่ที่อาจารย์มินจีเคยสั่งไว้ว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่ คะแนนของงานชิ้นนี้จะคิดเป็น50%ของคะแนนทั้งหมด ให้ส่งปลายเทอม
ซึงยุนผู้ที่เก่งเรื่องกล้องมีหน้าที่ถ่ายทำ ซึงฮุนออกแบบท่าเต้น มินโฮทำกราฟฟิค ส่วนจินวูและแทฮยอนมีหน้าที่จัดหาสถานที่และออกแบบงาน
ช่วงเช้านี้เป็นงานของซึงยุน ซึงยุนมีกล้องสามตัว ทั้งสามคนกลัวงานเสร็จไม่ทันเลยให้ซึงยุนช่วยสอนการใช้กล้องแบบมือโปรให้ ซึงฮุนและมินโฮเลยรับสองหน้าที่ในงานนี้
ส่วนสองสาวจินวูและแทฮยอน ผู้ซึ่งออกแบบงานและหาสถานที่นั้นก็ได้หาไปแล้ว ช่วงเช้าเลยว่าง ไม่มีงาน เลยไปหาอะไรเล่นฆ่าเวลา
“แทฮยอน ไปปั่นจักรยานเล่นกัน”
“ไปๆ รอด้วย”
เสียงใสตอบรับข้อเสนอของเพื่อนรักทันทีโดยไม่ลังเล เด็กชายผมแสกกลางกระโดดขึ้นซ้อนท้ายจักรยานสีน้ำเงินที่ตอนนี้จินวูประจำอยู่ตำแหน่งส่วนคนขับแล้ว
“จะไปละนะ ฮึบ”
.
.
.
.
.
“อ้าๆ แทฮยอนลงเลยๆ จินวูมาซ้อนฉันนี่มาๆ”
เสียงเรียกของผู้มาใหม่ขัดขึ้นพร้อมผลักตัวคนซ้อนท้ายลง แทฮยอนหน้าเหวอและถอยออกมาด้วยความงงแต่ก็กลับมายิ้มเพราะรู้เจตนาของคนตัวสูง
“นี่ ออกไปเลยนะ ฉันจะให้แทฮยอนซ้อน”
“ไม่”
“งานของนายเสร็จแล้วรึไง ไปช่วยซึงฮุนถ่ายวิดิโอเลยไป”
“ไอ้มินโฮมันก็ช่วยอยู่แล้วไง ฉันก็ถ่ายส่วนของฉันเสร็จหมดแล้วด้วย” จินวูยู่ปากและจมูกด้วยความหงุดหงิด
“จะไปไม่ไป”
“แทฮยอ…..” จินวูหันไปเรียกเพื่อนคิ้วตกหวังขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้แทฮยอนกำลังเป็นหุ่นทดลองกล้องถ่ายวิดิโอของมินโฮอยู่น่ะสิ
“ทำให้มันเป็นธรรมชาติกว่านี้หน่อยดิ กระโดดอะให้มันยืนเหมือนอยู่บนแทมเบอรีน ไม่ใช่เหมือนโดนกาวตราช้างแปะไว้ที่รองเท้าอย่างนั้น เอ้ะหรือกระโดดไม่ขึ้นเพราะ…..หนัก”
“อะไรของนาย เออ ไปให้ซึงฮุนถ่ายก็ได้”
“ฮ่ะๆ ขอโทษ มาๆถ่ายต่อ”
ส่วนซึงฮุนน่ะหรอ รายนั้นอย่าไปกวนเลย ใครๆก็รู้ว่าซึงฮุนเป็นคนรักสัตว์ ยิ่งเป็นลูกหมายิ่งชอบ นู่น ตั้งแต่ชิวาวาตาโตตัวนั้นเดินผ่านมา ซึงฮุนก็ขลุกอยู่กับลูกหมาตัวนั้นแล้ว แถมตั้งชื่อให้ด้วยว่า ‘อี๊ฮี’ นี่คงหวังกลับเอาไปเลี้ยงที่บ้านแล้วสินะ
“เฮ้อ”
จินวูส่ายหน้าให้กับเพื่อนทั้งสาม ในเมื่อตอนนี้จินวูหมดตัวช่วยแล้ว เขาก็ต้องหันมาเผชิญหน้ากับคนปากบวม ที่ตอนนี้สายตาคาดคั้นคำตอบจากเขาอยู่
“สรุปจะไปมั้ยครับ….คนสวย”
“เรียกใครสวย เดี๋ยวเหอะ” จินวูไม่ชอบให้ใครมาเรียกเขาว่าคนสวย ตั้งแต่พี่ท้อปแล้ว ทำไม เขาแค่หน้าสวย แต่เขาเป็นผู้ชายนะ เขาต้องหล่อสิ จินวูชี้หน้าคนปากบวมแบบคาดโทษพร้อมขึ้ซ้อนเบาะหลังคนขับ ในชีวิตนี้จินวูไม่เคยซ้อนท้ายจักรยานใครเลย ขนาดท้อปก็ไม่เคย เพราะท้อปมักขับรถยนต์มารับเกือบทุกวันที่พาไปไหนมาไหน ถ้าไม่นับซึงรีที่เป็นพี่ชายแล้ว ก็คนที่เขากำลังซ้อนท้ายอยู่นี่แหละเป็นคนแรก
“จะปั่นไปไหน”
“แถวนี้แหละน่า ไม่พาหลงหรอก”
เงียบ....ทั้งสองคนตกอย่ในความเงียบ ไม่ใช่เพราะความอึดอัดหรืออะไร แค่เวลานี้ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเกินกว่าทุกครั้ง ใกล้กันจนทำอะไรไม่ถูก ขนาดตอนเซ็นลายเซ็นให้วันนั้นยังไม่ใกล้ขนาดนี้
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย ฉันไม่เคยมาเลย”
“หรอ แต่ฉันมาบ่อยนะ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะหลง”
“อืม…นี่ซึงยุน”
“หื้ม”
“รู้ป่าว นายเป็นผู้ชายคนที่สองเลยนะที่ฉันนั่งซ้อนจักรยานด้วยอะ”
“หรอ” ซึงยุนตอบเสียงเรียบ แต่สีหน้าเขาตรงกันข้ามกับน้ำเสียงโดยสิ้นเชิง ฉีกยิ้มกว้างจนเกือบถึงรูหู แก้มกลมสองข้างแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศสุก
“นี่ ไม่ตื่นเต้นเลยหรอ นี่ถ้าเป็นคนอื่นรู้นะ ป่านนี้ดีใจกระโดดตีลังกาสามรอบแล้ว เพราะว่าได้คนน่ารักอย่างฉันมาซ้อนไงล่ะ ฮ่าๆๆ”
“บ้า นี่ก็ขี้โม้ไปอีก คนอะไรหลงตัวเองชะมัด”
“ฮ่าๆ” จินวูขำในคำพูดแปลกๆที่เขาพูดเข้าข้างตัวเองเมื่อครู่พลางนั่งจิ้มแก้มตัวเองด้วยความเขินอายกับการกระทำบ้าๆนั่น
“แล้วนายรู้เปล่า”
“ไม่รู้”
“จินวูอย่าเพิ่งกวนตีนสิ”
“ฮ่าๆ” ไม่จบ จินวูยังขำกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ นานแล้วที่จินวูไม่ได้หัวเราะและยิ้มได้อย่างมีความสุขสุดๆแบบนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันสดใส ถ้าใครมาเห็นคงจะมีความสุขตามไปด้วยไม่น้อย
“นายเป็นคนแรกเลยนะที่ซ้อนจักรยานฉัน” จินวูหยุดหัวเราะทันทีหลังสิ้นคำพูดซึงยุน เสียงหัวเราะเงียบลง แต่เสียงหัวใจของคนสองกลับไม่เงียบตามไปด้วย
“เอี๊ยด”
ซึงยุนเบรกรถอย่างกะทันหัน ทำให้คนตัวเล็กที่นั่งซ้อนเซมาข้างห้าและกระทบเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างแรง
“โอ๊ย จะหยุดก็บอกกันก่อนสิ” พูดแล้วตีเข้าที่หลังคนขับ
“รอนี่แปปนึงนะ” ซึงยุนพูดจบปุ๊บก็วิ่งไปที่ร้านสะดวนซื้อข้างทาง เมื่อจัดการซื้อของเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาหาคนตัวเล็กทันที
“อ่ะนี่ ให้”
“หืม”
“เชอร์เบตมะนาว ของชอบไม่ใช่หรอ”
ไอติมเชอร์เบตมะนาวสองลูกวางอยู่บนโคนถูกส่งมาให้จินวู ไอเย็นกระทบพวงแก้มใส จินวูชอบไอติมรสนี้มาก เวลาเครียดหรือคิดอะไรไม่ออกก็จะกินไอติมรสนี้ ซึงยุนรู้เพราะแทฮยอนบอก แน่นอนว่าถ้าจะจีบแล้ว เรื่องของชอบของจินวูเขาต้องไม่พลาด
“รู้ได้ไงว่าฉันชอบ”
“ก็คนพูดมาก ตัวเตี้ย ส่วนมากก็ชอบไอติมรสนี้กันทั้งนั้นแหละ โอ้ย”
“,ว่าฉันเตี้ย เดี๋ยวเหอะ”
ซึงยุนร้องลั่นหลังถูกคนตัวเล็กเตะเข้าที่หน้าขา ส่วนจินวูนั้นรีบเลียไอติมทันทีเพราะกลัวว่ามันจะละลายหมด ใบหน้าหวานมีความสุขกับการใช้ลิ้นและฟันขบก้อนน้ำแข็งนุ่มสีเขียวนั่น ท่าทางร้อนรนและมีความสุขของจินวูเมื่อได้กินไอติม ทำให้ซึงยุนไม่รู้สึกเจ็บจากรอยช้ำที่โดนคนตัวเล็กเตะเมื่อครู่เลย ยิ้ม ซึงยุนยิ้ม ยิ้มออกมาเพราะได้เห็นคนตรงนี้กำลังมีความสุข
“เป็นบ้าหรอยิ้มอยู่คนเดียว”
“ฮะ อ้ะ ป่าว”
“ป่าวก็ไปปั่นกลับเลย ป่านนี้สามคนนั้นคงรอนานแย่แล้ว นี่ฉันกะออกมาปั่นเล่นแปปเดียวนะ แต่มากับนายมันทำให้นานเลยดูดิ”
“ค่า คุณแม่” ซึงยุนรีบขึ้นแท่นคนขับเตรียมปั่นกลับ แต่คนตัวเล็กทำไมยังไม่ขึ้นซ้อนท้ายเขาอีกล่ะ
“ทำไมไม่ขึ้นอ่ะ”
“อย่าปั่นเร็วอีกนะ จะหยุดก็บอกกันก่อนด้วย เมื่อก้ายเบรกจนหน้าฉันกระแทก จมูกจะแบนหมดแล้วเนี่ย” เอามือลูบจมูก พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนบวกด้วยหน้าตาเง้างอดทำให้คนฟังใจอ่อนได้ไม่ยาก ยิ่งถ้าคนที่พูดด้วยเป็นคังซึงยุนคนนี้ด้วยแล้ว
‘น่ารัก’
‘น่ารัก’
‘น่ารัก’
“อื้ม ได้ ขึ้นมา มะ” จินวูรีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายซึงยุน ก่อนที่ล้อจักรยานจะหมุนแล่นออกไปยังที่หมายเก่าที่พวกเขามา
แสงแดดยามเย็นสีส้มตัดกับสีน้ำเงินและสายลมอ่อนๆ กลิ่นหอมไอดินกระทบจมูกเล็กเป็สัญญานว่าคงจะมีเมฆฝนเคลื่อนตัวมาอีกในไม่ช้า
‘แหมะ’
‘แหมะ’
‘แปะ แปะ’
‘ซู่ๆๆ ซู่ๆๆ’ หยดน้ำใสหลายหยดเริ่มตกลงมาเป็นสายและกลายเป็นห่าฝนขนาดใหญ่
“เห้ย ฝนตก จินวูนายได้เอาร่มมาปะ”
“ห้ะ”
“นายได้เอาร่มมาป่าว” เพราะตอนนี้ฝนตกหนักมาก ทำให้คนสองคนที่แม้จะอยู่ใกล้กันมากก็ตาม ยังต้องตะโกนคุยกัน
“ไม่ได้เอามา”
‘ก็ใครจะไปรู้กันล่ะว่าฝันจะตกวันเนี้ย’ จินวูพึมพัมกับตัวเองในใจ
“อ้ะ”
จินวูเผลอเซไปกอดเอวคนข้างหน้า เพราะฝนตกหนักทำให้ถนนลื่นมาก ซึงยุนเลยปั่นจักรยานไม่ค่อยสะดวก ทำให้ลื่นบางครั้ง
สัมผัสนุ่มที่เอวทำให้รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นที่ใบหน้า เขาไม่เคยได้รับสัมผัสนี้จากจินวู ไม่เคยได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ไอร้อนจากอ้อมกอดของจินวูทำให้ซึงยุนอยู่ได้ท่ามกลางพายุฝน เขาปั่นไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า
“อือออ หนาว”
กระชับกอดแน่นขึ้นจากด้านหลัง เพราะยิ่งนานขึ้น ฝนที่ตกลงมาก็ไม่มีท่าทีว่าจะตกเบาหรือลดน้อยลงเลย มีแต่ตกแรงขึ้น แรงขึ้น และด้วยร่างกายที่บอบบางของคนตัวเล็กข้างหลังแล้ว คิมจินวูคงจะโดนหวัดเล่นงานแน่ๆ
“แปปนึงนะจินวู ใกล้ถึงแล้ว อีกแปปนึงนะ”
ซึงยุนเอามือข้างซ้ายมากอบกุมมือเล็กทั้งสองเอาไว้พลางลูบให้คตัวเล็กได้อุ่นขึ้น ถึงจะทำให้ปั่นจักรยานยากลำบากก็ตาม แต่ถ้าทำเพื่อคนตัวเล็กได้อุ่นขึ้นแล้ว ปั่นยากกว่านี้เขาก็ทำได้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
“พอแล้ว สองคนนั่นไปแล้ว ไม่ต้องมาฝืนทำก็ได้”
“อืม รู้แล้ว” มินโฮหยิบดอกไม้ที่แกล้งทัดหูแทฮยอนออก ปิดกล้องและชันเข่าเตรียมลุกไปที่อื่น ท่าทางเย็นชาของมินโฮที่เปลี่ยนมาได้สักพักแล้ว ทำให้แทฮยอนสงสัยว่ามินโฮเป็นอะไร
“อ้า ฝนตกแล้วอ้ะ มินโฮเก็บของเร็ว แทฮยอนนายจะกลับยังไง” ซึงฮุนพูดอย่างรวดเร็ว เพราะเม็ดฝนที่ตกมาไม่ดูเวลาแถมยังตกหนักอีกด้วย เขาต้องพูดแข่งกับเสียงฝนและเก็บของในเวลาเดียวกัน
“กะจะรอจินวูกับซึงยุนก่อนอะ”
“รอทำไม ฝนตกหนักขนาดนี้ สองคนนั่นคงกลับไปหลบฝนที่คอนโดแล้ว”
“จะทำอะไรก็ทำ เร็วๆได้มั้ย กล้องตัวหลายหมื่นนะเว่ย พังทีนายจ่ายเลยแทฮยอน” หนุ่มผิวแทนพูดขัดขึ้นมาทันที เพราะถ้าช้ากว่านี้คงจะเป็นหวัด ไม่สบายกันทั้งกลุ่มแน่ ขายาวของร่างโปร่งรีบสาวก้าวยาวโดยไม่ลังเลแล้วขึ้นรถมินิคูเปอร์สีดำของมินโฮทันที
“ไปส่งที่หอนะ”
“อืม”
“จะกินข้าวก่อนมั้ยแทฮยอน” ซึงฮุนพูดถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่บ่าย เขาทั้งห้าคนยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย
“อ่า….” สายตาดุจากคนหน้าคมมองลอดผ่านกระจกมองหลัง ทำให้รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าหวานจางลงทันที
“ไม่ล่ะ ไปส่งที่หอเร็วๆเหอะ ผ่านนี้จินวูกะซึงยุนรอนานแล้ว”
“แน่ใจหรอว่าทั้งสองคน ไม่ใช่ซึงยุนคนเดียว”
“เกี่ยวอะไรกับซึงยุน”
“หึ”
เสียงถอนหายใจจากคนขับทำให้แทฮยอนหัวเสีย ไม่รู้ว่าเสียงถอนหายใจนั่นจะมาจากสาเหตุอะไร ประชด เหนื่อย เสียใจหรืออะไรก็ตาม ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ทำให้มินโฮมาเป็นคนเย็นชาใส่แทนที่จะเป็นเขา วันนั้น มินโฮเป็นคนบอกเขาเองว่าให้ทำตัวปกติ เขาก็ปรับแล้ว แทฮยอนพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว มินโฮเป็นคนบอกเขาเองว่าให้ปฏิบัติตัวต่อเขาให้เหมือนกับคนอื่น แทฮยอนทำแล้ว เขาคิดว่าอะไรๆคงจะดีขึ้น แต่ไม่ใช่ มินโฮกลับเป็นคนเย็นชาซะเอง แทฮยอนไม่เข้าใจ แล้ววันนั้นจะบอกให้เขาปรับตัวไปเพื่ออะไร
‘ซงมินโฮเป็นอะไร’
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
“แกร๊ก”
สองร่างที่ตอนี้เปียกโชกกันทั้งคู่ก้าวเข้ามาในห้องสีขาวโพลน ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเรียบแต่น้อยชิ้น คงเป็นเพราะเป็นเจ้าของห้องที่อยู่คนเดียว เลยเป็นการตกแต่งห้องแบบง่ายๆ
ซึงยุนพาร่างเล็กมาหยุดที่โซฟากลางห้องแล้วเจ้าตัวก็หายไปในห้องนอนและกลับมาด้วยผ้าขนหนูสองผืน
“อ่ะนี่ สระผมซะเดี๋ยวไม่สบาย ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยววันนี้ใส่ของฉันไปก่อนนะ แล้ววันหลังค่อยซักมาคืน” ร่างสูงพูดอย่างรวดเร็วพร้อมกับเช็ดผมบนหัวตัวเองอย่างลวกๆ จินวูจ้องหน้าซึงุนตาแป๋วแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ
“เฮ้ออออ”
ซึงยุนถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความโล่งอก เพราะขืนถ้าอยู่คุยนานกว่านี้ เขาคงอกแตกตายแน่ๆ ภาพคนตัวเล็กเมื่อครู่ยังติดตาซึงยุนอยู่ไม่หาย ผมเส้เล็กฟูสีน้ำตาลที่เมื่อโดนน้ำแล้วกลับลู่และเรียบลงมา ปลายจมูกงอน พวงแก้มใสสีแดงระเรื่อที่มีหยดน้ำติดอยู่ และที่สำคัญ วันนี้จินวูใส่เสื้อสีขาวมาทำงาน และเสื้อมันบางมาก พอโดนน้ำฝนแล้ว เสื้อผ้าแนบชิดติดเนื้อ เขาสามารถเห็นผวสีขาวนวลจากข้างนอกได้ง่ายๆ เขาเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อนึกถึงภาพนั้น ไม่รู้ตอนปั่นจักรยานเมื่อกี้เขาอยู่ได้ยังไง ถ้าซึงยุนเห็นภาพนี้ตอนปั่นจักรยาน วันนี้เขาคงปั่นไม่ถึงคอนโดแน่ๆ ยิ่งซึงยุนคิดความคิดเขาก็ยิ่งเตลิดไปไกล
“ซึงยุน”
“ห้ะ เห้ย ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะจินวู”
จินวูที่ตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปกปิดส่วนล่างอยู่ยืนห่างจากซึงยุนไม่ถึงช่วงแขน หยดน้ำเล็กๆพราวเกาะอยู่บนหน้าอกขาวนวล มันไม่ต่างจากภาพที่ติดอยู่ในหัวซึงยุนเมื่อครู่เลยสักนิด
“ก็นายไม่ได้หยิบให้ฉัน ฉันจะรู้ได้ไงว่าต้องใส่ตัวไหน” จินวูยืนเอียงคอมองคนตัวสูง
“สะ ใส่ตัวไหนก็ได้ เข้าไปหยิบเลย” ชี้นิ้วไปยังห้องตัวเองอย่างละล่ำละลัก แล้วพาตัวเองเข้าไปยังห้องน้ำที่จินวูเพิ่งออกมาทันที
หอมกลิ่นสบู่และแชมพูอุ่นๆจากร่างสูง ซึงยุนเดินเข้ามาหยุดที่โซฟาข้างจินวูที่ตอนนี้กำลังดูซีรี่ย์เรื่องโปรดอย่างสบายใจพร้อมส่งผ้าขนหนูผืนเล็กให้
“ทำไมไม่เช็ดผม เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
“อ้อ อ่า ลืมไปเลย ขอบใจนะซึงยุน” เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูตรงหน้าแต่เจ้าของผ้ากลับชักมือกลับและวางผ้าบนหัวคตัวเล็กทันที
“เราเช็ดให้ดีกว่า ดูซีรี่ย์ไปเหอะ”
“เอางั้นหรอ โอเคๆ”
คนตัวสูงนั่งบนโซฟาข้างๆจินวู ยื่นมือไปเช็ดผมให้คนตัวเล็กที่ตอนี้กำลังหัวเราะคิกคัก รอยยิ้มหวานๆที่ถูกมองจากด้านข้างก็ยังทำให้หัวใจซึงยุนเต้นไม่ปกติเหมือนทุกครั้ง ไม่ต่างจากภาพด้านหน้าเลย มือหนาหยุดการกระทำ ณ ตอนนั้น จ้องรอยยิ้มสวยแบบไม่วางตา
ส่วนคนตัวเล็ก เมื่อสัมผัสที่ได้รับจากบนหัวนั้นช้าและหยุดลง เขาสงสัยในความปกติจึงหันหน้าไปดู
ราวกับ ณ นาฬิกาหยุดเดิน สายตาสองคู่ประสานกัน
วินาทีนั้นทั้งจินวูและซึงยุนคงควบคุมตัวเองไม่ได้ ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แสงไฟริบหรี่พอให้เห็น มวลสารรอบตัวต่างพากันเป็นใจให้กับบรรยากาศในตอนนี้ จินวูถูกดูดเข้าไปในห้วงความคิดของตัวเอง เหตุการณ์เมื่อกลางวันมันทำให้เขามีความสุขมาก ราวกับมาเดทยังไงยังงั้น ถึงแม้เขาจะแสดงออกให้ซึงยุนเห็นว่ารำคาญกับการกระทำของเขา แต่ในใจลึกๆก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี อ้อมกอดที่เผลอกอดไปตอนฝนตกนั้นช่วยคลายความหนาวได้มาก ตอนกอดนั้นจินวูรู้สึกได้ จังหวะหัวใจทั้งเขาและซึงยุนดูประสานเป็นเสียงเดียวกัน มันเต้นพร้อมกันจนจินวูตกใจ จะคลายกอดรอบเอวบางแต่ก็ถูกกอบกุมจากมือหนา ซึงยุนลูบมือเบาๆ การกระทำแสนอ่อนโยนนั้นทำให้ใจสั่นมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ความรูสึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จินวูไม่รู้ เขารู้แค่ว่าตอนนั้นเขามความสุขมาก มากจนทำให้ลืมเรื่องเศร้าในอดีตไปได้เกือบหมด
ดวงตาเรียวจ้องลึกเข้าไปในแววตากลมโต พวงแก้มขาวของจินวูเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าของทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้กัน ลมหายใจอุ่นรดปลายจมูก ใกล้กันเรื่อยๆ และ
“ปัง!!”
“เฮ้ย”
ชายชุดดำถือปืนยิงชายหนุ่มตกสะพาน แฟนสาวทำได้เพียงยืนร่ำไห้และมองร่างคนรักจมลงในน้ำอย่างช้าๆ เสียงกรีดร้องแสดงถึงความทรมานและความสูยเสียที่ไม่มีวันได้กลับคืนมา
ดวงตากลมใสเริ่มมีน้ำเอ่อคลอเบ้า จมูกขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึงยุนที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะตกใจในการอินซีรี่ย์ของคนตัวเล็ก
“เด็กน้อยขี้แยจริงๆ” ซึงยุนเอามือยีผมคนขี้แยแล้วเตรียมลุกไปจัดที่นอนให้จินวู
“ถ้านายเสียคนที่นายรักไปนายจะทำยังไง” ซึงยุนหยุดก้าว เพราะตอนนี้คนตัวเล็กเอามือมากุมข้อมือเขาไว้แน่น
“นายจะอยู่ยังไงซึงยุน ฮึก นายจะทำยังไง”
“จินวู..”
“ฉันไม่ชอบการจากลาเลย….ฮึก ถะ….ถึงจะเป็นการจากลาด้วยดีก็เถอะ”
ซึงยุนไม่ตอบ เขาเพียงนั่งลงและเอามือใหญ่ดันหัวกลมมนให้มาซบกับไหล่ของตน นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยคราบ้ำตาที่ตอนนี้ไหลอาบแก้มคนตัวเล็กหมดแล้ว จมูกและตาแดงก่ำ เขารู้ อดีตที่แสนเลวร้ายของจินวูยังคงหลอกหลอนคนตัวเล็กอยู่ ซึงยุนไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่จินวูจะลืมมันได้ ซึงยุนไม่มีวันรู้ เขารู้เพียงแค่ว่าตอนนี้จินวูต้องการคนที่อยู่เคียงข้าง คนที่จะไม่ทิ้งจินวูไปไหน คนที่จะคอยปกป้อง และตอนนี้เขาเป็นคนๆนั้น
“คืนี้นอนที่นี่นะ กว่าฝนจะหยุดก็พรุ่งนี้เข้า เดี๋ยวฉันโทรบอกแทฮยอนให้”
“อื้อ”
“เดี๋ยวนายปนอนในห้องนะ ฉันนอนโซฟาเอง โอเคมั้ย”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ตอนนี้ซึงยุนได้ยินแค่เสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอของคนที่เพิ่งหลับไปเมื่อกี้ ซึงยุนส่ายหน้าน้อยๆให้คนขี้เซา แล้วอุ้มจินวูไปวางบนเตียงในห้อง
ปลายนิ้วเรียวเขี่ยปอยผมที่ตกลงมาแล้วจัดให้เป็นทรงเพราะกลัวว่าจะแยงตาจินวู พวงแก้มใสที่เมื่อครู่แดงแต่ตอนนี้ได้กลายเป็นสีขาวนวลเหมือนเดิมแล้ว คราบน้ำตาที่ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกอยู่ ซึงยุนชิ้วหัวแม่มือเช็ดออกให้อย่างเบามือเพราะกลัวว่าจินวูจะตื่น เขาไล่เช็ดตั้งแต่ขอบเจา จมูก ลงมายังริมฝีปากนิ่ม ซึงยุนค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ริมฝีปากหนาขยับเข้าไปเรื่อยๆจนสัมผัสกับริมฝีปากบาง จูบครั้งแรกของเขา…ไม่ใช่จูบที่ร้อนแรง รสจูบอันหอมหวานที่ไม่ได้เกิดจากการรุกล้ำใดๆ จูบที่ทำหั้งหวะหัวใจของซึงยุนกลับมาเต้นเร็วและแรงอีกครั้ง ซึงยุนไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เขาอยากหยุดเวลาตรงนี้ไว้ อยากหยิบกล้องมาถ่ายเก็บไว้แต่คงเป็นไปไม่ได้ เขาทำได้เพียงกอบโกยความรู้สึกในตอนนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด
ซึงยุนถอนจูบออก มองใบหน้าสวยของคนตรงหน้า นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วน้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอที่ขอบตา
‘ทำไมยังคิดถึงแต่เขา’
‘คนที่ทำให้นายมีความสุข คนที่ทำให้นายยิ้มได้ เป็นฉันไม่ได้หรอจินวู’
ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาในหัวซึงยุน แต่ร่างสูงก็ทำได้เพียงนึกในใจ
“ฉันขอ…ขอให้ฉันมาแทนที่เค้าคนนั้นได้มั้ยจินวู”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
รถมินิคูเปอร์สีดำเคลื่อนมาจอดที่หอพักของแทฮยอนหลังจากไปส่งซึงฮุนเสร็จเพราะบ้านของซึงฮุนอยู่ใกล้กว่า มินโฮเลื่อนตามามองที่กระจกมองหลัง แทฮยอนนั่งนิ่งก้มหน้ามองพื้น ไม่มีท่าทีว่าจะออกจากรถเลย เขานั่งนิ่งมากว่าห้านาทีแล้ว มินโฮตัดสินใจดับเครื่อง พูดถามคนด้านหลังโดยที่สายตายังมองที่กระจกอยู่
“ถึงแล้ว ทำไมไม่ลง”
“….”
“แทฮยอน ทำไมไม่ลง”
“…..” ยังคงเงียบ ไร้ซึ่งการตอบกลับจากด้านหลัง มินโฮดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่จบง่ายๆ เขาตัดสินใจหันหน้าไปคุยกับแทฮยอน
“นายเป็นอะไร”
“ห้ะ”
“นายเย็นชาใส่ฉันทำไม”
“….”
“มาบอกให้ฉันทำตัวปกติ ห้ามเย็นชา แล้วนายมาเย็นชาใส่ฉันทำไมมินโฮ” แทฮยอนขึ้นเสียง ขอบตาเริ่มมีน้ำเอ่อคลอ ความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน วันนี้เขาได้ถามออกไป และหวังจะได้คำตอบที่ดี
“เปล่าหนิ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว มินโฮ ฉันรู้จักนายดี นายไม่เคยเป็นแบบนี้ แล้วตอนนี้นายเป็นอะไร”
“เรื่องเมื่อก่อนมันเป็นยังไง”
“…”
“เล่าให้ฟังได้มั้ยแทฮยอน ฉันไม่รู้จริงๆ”
“วันอื่นได้มั้ย”
“ไม่ ต้องวันนี้”
“แต่….”
“งั้นไปคุยบนห้องนาย”
ชะแว้บบบ คุยกันหน่อยย
ตอนนี้เป็นตอนที่ไรท์ชอบมากที่สุดเลย เขียนยาวสุดด้วย แต่งไปอมยิ้มไป ซึงยุนขี้หยอด หยอดได้ทุกสถานการณ์ แล้วเหมือนจินวูจะเริ่มมีใจให้แล้วด้วยสินะ หึ้ยยย
แทฮยอนกับมินโฮจะเคลียร์กันได้มั้ยย มีการไปคุยกันบนห้องด้วย จะได้คุยมั้ยน้า 55555
แล้วก็บางคนอาจจะงงตัวละครกันนะว่าใครเป็นใครอะไรยังไง เพราะตัวละครเริ่มเยอะแล้ว แต่มาบอกซะตอนที่9แล้วจะทันมั้ยเนี่ย 5555
อย่างที่รู้กันนะว่าโรงเรียนมัธยมYGจะเปลี่ยนห้องกันครั้งเดียวคือตอนม.3 เพราะงั้นเดี๋ยวไรต์จะบอกห้องตอนม.3ให้เนอะ เผื่อจะงงความสัมพันธ์
ม.3/1 : จินวู ดงฮยอก ฮงซอก จินฮวาน แทฮยอน
ม.3/2 : บิ๊บบี ฮันบิน จุนฮเว ยุนฮยอง จินฮยอง ชานอู
ส่วนอีกสามคน ซึงฮุน ซึงยุนแล้วก็มินโฮเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาตอนม.4เนอะ
แล้วก็ห้องม.4นั้นก็จะมีการคละคนใหม่ การจัดห้องเป็นแบบนี้น้า
ม.4/1 : จินวู แทฮยอน ฮงซอก จุนฮเว ยุนฮยอง และเด็กใหม่สามคนซึงยุน ซึงฮุน มินโฮ
ม.4/2 : จินฮวาน ฮันบิน บ๊อบบี้ ดงฮยอก จินฮยองและชานอู
ไม่งงกันแล้วน้า 5555 ไรต์ขอโทษนะที่เขียนงง
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ที่เข้ามาเลยนะคะ ไรต์จะได้เอาไปปรับปรุงในตอนต่อไปได้อีก
ขอบคุณทุกวิวทุกแชร์ทุกคอมเม้นท์เลยน้า รักรีดเดอร์ทุกคนเหมือนเดิมเลยย จุ้บบ
ความคิดเห็น