คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 : 2 Month
Chapter 15 : 2 month
“เฮีย ผมเจอเด็กเฮียมากะคนที่เคยมีเรื่องกะผมปีที่แล้ว”
“อืม”
“เฮียไม่ตกใจหน่อยหรอวะ”
“กูเลิกไปนานแล้ว” ปลายสายเอ่ยตอบเสียงเรียบ ในน้ำเสียงไม่มีความเศร้าหรืออะไรแฝงอยู่ คงเพราะเป็นชเวซึงฮยอนคนนี้ เรื่องในอดีตจึงไม่มีผลอะไรสำหรับเขาเท่าไหร่นัก
แจ็คสันเข้าไปหลังร้านและโทรศัพท์หาลูกพี่ของเขาทันทีที่รับออเดอร์เสร็จ ด้วยความแค้นในเหตุการณ์วันนั้นที่ยังคงฝังใจแจ็คสันอยู่ ทำให้เรื่องเล็กๆที่มันน่าจะจบได้แล้วแต่เขาก็ยังเก็บมาเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟในครั้งใหม่ให้ลุกโชนขึ้นอีกได้
“เห้ยเฮีย…… แต่เรื่องวันนั้นมันยังไม่จบน่ะ จะให้ผมไปทวงมันอีกรอบปะ”
“คือกูอะจบแล้ว เด็กนั่นมันไม่เอารูปไปส่งตำรวจก็ดีแล้วไง แต่มึงนั่นแหละที่ยังติดค้าง มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง ปรึกษาไอบ๊อบมันก่อนก็ดี”
“โอเคเฮีย ขอบใจมาก” กดวางสายแล้วยกยิ้มขึ้นมุมปาก ด้วยความไม่ชอบหน้าในตัวคังซึงยุนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเหตุให้แจ็คสันไม่คิดที่จะหยุดปัญหาที่จบแล้วไว้แค่นั้น นิ้วเรียวตัดสินใจกดเบอร์โทรใหม่แล้วกดโทรออกไป
“ฮยอง มาหาผมที่ร้านหน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เช้าสดใสในวันครบรอบสองเดือนของจินวูและซึงยุน วันสุดท้ายที่คอนโดของจินวู แสงแดดสีเหลืองนวลเล็ดลอดผ่านรูม่านเข้ามากระทบเปลือกตานูนของคนตัวเล็ก จินวูพลิกตัวไปอีกทางเพื่อหลบแสงแดดที่กำลังยียวนกวนใจเขา หัวทุยกระทบเข้ากับแผ่นอกกว้างและแขนยาวที่โอบกอดตัวเขาอยู่ จินวูกระพริบตาถี่ๆเพื่อจะมองภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้น แล้วรอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นมาเมื่อพบว่าเป็นคังซึงยุน จินวูหลับตาลงอีกครั้งเพราะสัมผัสแผ่วเบาบนกลุ่มผมนุ่ม
ตั้งแต่คืนที่เขาฝันร้าย หมอนข้างถูกโยนเก็บลงตู้โดยคังซึงยุนทันที ด้วยเหตุผลที่ว่าคนตัวเล็กสามารถเยียวยาอาการฝันร้ายของเขาได้ดีกว่าหมอนข้างเป็นไหนๆ อ้อมกอดอบอุ่นที่ซึงยุนมอบให้จินวูทุกคืนเปรียบเสมือนตัวปรับอุณหภูมิให้ร่างกายไม่เย็นเกินไปจากไอเย็นของแอร์ที่มากระทบ ซึงยุนลืมตาตื่นเมื่อคนในอ้อมกอดยุกยิกไปมา มอบสัมผัสหวานที่หน้าผากมน ซึงยุนทำแบบนี้ทุกเช้า จูบที่หน้าผากของคนตัวเล็กไม่ก็หอมเข้าที่แก้มนิ่ม ซึงยุนไม่คิดที่จะทำอะไรเกินเลยกว่านั้นเลย ซึงยุนอยากให้จินวูเชื่อใจ เชื่อว่าเขารักจินวูจากภายใน ไม่ใช่แค่ภายนอกแบบฉาบฉวย ซึงยุนไม่ได้ต้องการแค่ร่างกาย แค่ความรักที่จริงใจของจินวูเท่านั้นที่เขาต้องการ
“อืออ ทำแบบนี้ทุกเช้าเลยไม่เบื่อรึไง” จินวูเอ่ยถามเสียงเนือยๆทั้งๆที่ตายังปิดอยู่
“ไม่” ตอบเสียงยิ้มแล้วบีบปลายจมูกมนของคนตัวเล็ก จินวูยู่หน้าแล้วผลักซึงยุนออก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา “อื้อออ หิว ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ครับผม” ยอมลุกแต่โดยดีเพราะอยากกินอาหารฝีมือจินวู ร่างสูงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป
มื้อเช้าของทั้งคู่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งความสุขเช่นเดิม ซึงยุนกินข้าวเสร็จก็รีบออกไปข้างนอก เห็นบอกว่าจะไปหาซื้อเลนส์กล้องใหม่ จะกลับมาอีกทีก็ตอนเย็น จินวูผู้ที่ไม่รู้เรื่องกล้อง จะไปด้วยก็กลัวว่าจะเกะกะเปล่าๆ เลยขอตัวอยู่คอนโดนอนพักดีกว่า แต่นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของคนตัวเล็กเท่านั้น
ทันทีที่ซึงยุนปิดประตูห้องลง จินวูก็รีบเดินไปที่โซฟากลางห้อง หยิบกีต้าร์ตัวโปรดและเปิดโน๊ตบุคที่วางบนโต๊ะรับแขกขึ้นหาคอร์ดเพลง
วันนี้เป็นวันครบรอบสองเดือนของเขาและซึงยุน จินวูก็อยากจะทำหน้าที่แฟนที่น่ารักโดยอาศัยจังหวะที่ซึงยุนไม่อยู่นี่แหละ อัดคลิปตัวเองเล่นกีต้าร์แล้วลงยูทูป ถึงจินวูจะเคยอัดไว้แล้วหลายเพลง แต่ทุกคลิปที่เคยอัดจินวูจะเล่นเป็นเพลงบรรเลง ถ่ายให้เห็นแค่มือและสายกีต้าร์เท่านั้น ไม่เคยจะถ่ายเห็นหน้าเลยสักครั้ง ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกที่จินวูจะถ่ายให้เห็นทั้งหน้าและกีต้าร์ ถึงจะเขินและกลัวว่าจะเกร็งทำให้ออกมาไม่ได้แต่จินวูก็ต้องทำ เพื่อให้ออกมาดีที่สุด จินวูหวังว่าคลิปนี้จะเป็นของขวัญวันครบรอบสองเดือนที่ซึงยุนชอบที่สุด
นิ้วเรียวคลิกเม้าส์เลื่อนหาเพลงที่คิดว่าเหมาะที่สุดสำหรับคลิปนี้ ใช้เวลานานจินวูก็ยังเลือกเพลงไม่ได้สักที เหมือนอย่างที่ใครๆบอกไว้ ‘การเลือกเพลงเล่นที่ดีที่สุดมันยากกว่าการเล่นกีต้าร์ให้เป็นซะอีก’ คำกล่าวที่จินวูเคยได้ยิน สงสัยว่าวันนี้มันจะเป็นจริงๆ ดวงตากลมเพ่งจ้องที่หน้าจอคอม ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะหาเพลงไม่ได้สักที ทันใดนั้นทำนองเพลงที่คุ้นหูก็ดังเข้ามาในหัวของจินวู
เพลงที่คุ้นเคย ภาพซึงยุนที่กำลังร้องเพลงนี้บนเวทีพร้อมผองเพื่อนอีกสามคนแวบเข้ามาในหัว เสียงกีตาร์หวานๆขอแทฮยอนและเสียงร้องนุ่มของซึงยุนยังคงติดหูเขายังไม่หาย จินวูคิดว่าเพลงนี้คงเป็นเพลงที่เหมาะที่สุดแล้ว ทั้งความหมายและความทรงจำในเพลง เป็นเหตุผลที่ทำให้จินวูเลือกเพลงนี้ นิ้วเรียวกดลงบนแป้นพิมพ์ คีย์ชื่อเพลงเพื่อจะหาคอร์ด….กะทันหัน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
ขายาวก้าวตามทางเดินในห้าง สายตาสอดส่องหาร้านกล้องที่มียี่ห้อเลนส์ที่เขาต้องการ ซึงยุนเดินจนจะหมดทั่วโซนกล้องในห้างแล้วก็ยังไม่เจอ วันนี้คงจะเป็นวันโชคร้ายของซึงยุนจริงๆ
ซึงยุนเดินออกจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังด้วยความผิดหวัง จากที่คิดไว้ว่าวันนี้จะได้เลนส์กล้องใหม่กลับไปเชยชมตามที่หวังไว้ แต่โชคชะตาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ซึงยุนเดินคอตกมาตามทาง ทางนี้ซึงยุนใช้เดินกลับบ้านประจำตอนอยู่โรงเรียนเก่า เมื่อก่อนที่ตรงนี้เปลี่ยวมาก ไฟข้างทางจะมีแค่ดวงสองดวง ติดบ้างไม่ติดบ้าง มันดูน่ากลัว แต่ซึงยุนคงหนีไม่พ้นเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะพาซึงยุนกลับบ้านได้ และมันก็เป็นทาง....ที่ทำให้ซึงยุนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
แต่เดี๋ยวนี้อะไรๆก็ถูกเปลี่ยน ทางเดิมที่เปลี่ยวกลับถูกเปลี่ยนให้เป็นย่านการค้า คงเพราะการขยายตัวของชุมชนทำให้มีความคึกคัก มีคนหนาแน่นขึ้น สองฟากฝั่งตอนนี้จึงเต็มไปด้วยร้านขายตุ๊กตา ของกินและของจุกจิกมากมาย เดี๋ยวนี้ทางตรงนี้วัยรุ่นมักจะมาเดินกันเยอะ จึงไม่แปลกที่จะมีร้านน่าสนใจตั้งอยู่มาก
ตุ๊กตารูปสัตว์มากมายตั้งโชว์ในตู้กระจก ร้านขายตุ๊กตาตั้งอยู่ติดกันเต็มไปหมด ของที่ขายก็ซ้ำๆกัน ซึงยุนได้แต่งงว่าจะมาตั้งติดกันทำไม แบบนี้ลูกค้าจะเข้าร้านไหนก็เหมือนกันอยู่ดี ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ขายาวของซึงยุนก็ต้องหยุดกึกเมื่อสายตาเผลอไปสะดุดกับตุ๊กตาตัวนึงในร้าน
ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขนาดใหญ่กว่ากำปั้นซึงยุนสักสามเท่า ดูหน้าตาก็เหมือนกับตุ๊กตาหมีทั่วไป แต่จุดสำคัญมันก็ตรงที่ว่า หน้าตามันเหมือนหมีตัวที่เขาเคยปาเป้าให้จินวูเป็นของขวัญเมื่อวันงานโรงเรียนนั่นเอง
“มีแบบนี้สีขาวมั้ยครับ” หยิบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขึ้นมาดูแล้วถามคนขาย
“อ่อ….เหลือตัวนี้ตัวเดียวแล้วแหละฮะ” ซึงยุนยืนนิ่งฟังด้วยสีหน้าเรียบ ดวงตาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย
“ร้านอื่นก็ไม่มีแล้วนะ ตัวนี้ตัวสุดท้ายในย่านนี้แล้วจริงๆน้อง” คำพูดของคนขายทำให้ซึงยุนที่กำลังจะก้าวขาออกจากร้านหยุดชะงัก หันกลับมายืนหน้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลบนชั้นวางอีกครั้ง สายตาเว้าวอนอยากกลับบ้านของมันทำให้ซึงยุนนึกถึงจินวู สุดท้ายร่างสูงจึงต้องจำยอมจ่ายเงินและพามันกลับบ้านด้วยกัน และระหว่างที่ซึงยุนกำลังจะหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาควักเงินจ่าย สายตาก็เหลือบไปมองวันที่บนแป้นนาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือตัวเอง “เอ่อ…..รบกวนห่อให้ด้วยได้มั้ยฮะ”
เดินออกจากร้านด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าขาว ซึงยุนถือกล่องของขวัญสีแดงที่พันด้วยริบบิ้นสีชมพูออกมาจากร้านขายตุ๊กตาด้วยใบหน้าเอิบอิ่ม เขาเกือบลืมไปซะสนิทว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสองเดือนที่เขาคบกับจินวูมา เวลาที่เขาได้อยู่กับจินวูมันทำให้เขามีความสุขมากจนลืมวันลืมคืนไปเลย เพราะสำหรับซึงยุนแล้วทุกๆวันที่อยู่กับจินวูมันมีค่ามากเท่ากันสำหรับเขาหมด
ซึงยุนหยุดที่ทางแยก มีช่องแคบระหว่างตึกอยู่ข้างหน้า ซึงยุนจำตรงนี้ได้แม่นถึงสถานที่รอบข้างจะเปลี่ยนไปมากแล้วก็ตาม คืนๆนั้น ถ้าเขาไม่โชคร้ายลืมเปิดแฟลชกล้องไว้ เขาคงไม่ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจนต้องย้ายโรงเรียนมาที่นี่ แต่ก็ถือเป็นโชคชะตา ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในคืนนั้นเขาคงไม่ได้มาเจอจินวูที่โรงเรียนนี้เป็นแน่
คังซึงยุน นักเรียนชายธรรมดาๆเรียนชั้นม.3ที่โรงเรียนมัธยม PJ ถึงเขาเป็นคนที่ไม่ได้จะเรียนแย่แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีมาก และเรื่องที่เขาไม่เป็นสองรองใครเลยนั่นก็คือเรื่องกล้อง
“ซึงยุน เลิกเรียนแล้วตามฉันมาที่ห้องพักครู”
“ครับ” ซึงยุนเดินตามจงชิน อาจารย์ที่รักและสนใจในการถ่ายรูปมาก จงชินเห็นแววในตัวซึงยุน เลยคอยสนับสนุนซึงยุนมาตลอด หาเวทีประกวดให้ หางานให้ทำ จงชินรักและเอ็นดูซึงยุนเหมือนลูกมาก
“มีเวทีประกวดอยู่เวทีนึง ไม่รู้นายจะสนใจป่าว” ซึงยุนเบิกตากว้าง ดวงตาฉายแววดีใจที่ปิดไว้ไม่อยู่เมื่อจงชินพูดถึงเรื่องเวทีประกวด ทุกครั้งที่มีเวทีประกวดเข้ามา ซึงยุนจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะดูเป็นการท้าทาย ทำให้เขาได้ลองทำในสิ่งใหม่ๆ ซึงยุนชอบมาก ส่งยิ้มกว้างให้จงชิน
“สนครับ”
“แต่….มันดูอันตรายนะ” จงชินพูดเสียงเบาลง ทำให้ซึงยุนไม่เข้าใจ คิ้วขมวดเข้าหากันทำท่างุนงง
“มันอันตรายยังไงหรอครับ”
“ก็มันต้องเป็นภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดน่ะสิ ฉันกลัวว่ามันจะอันตรายไปสำหรับนาย นายยังเด็กเกินไป ไม่สิ จะอายุเท่าไหร่มันก็ดูอันตรายทั้งนั้น”
“อ่า…” ตาเรียวหลุบมองต่ำ ดวงตาฉายแววผิดหวังขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อมูลที่จงชินพูด
“ยังไงก็ขอบคุณที่หาเวทีดีๆมาให้ผมนะครับ” กล่าวขอบคุณ โค้งให้จงชินอย่างสุภาพแล้วเดินออกจากห้องพักครูไป
เมื่อเข้าหน้าหนาวแล้วกลางวันมักจะสั้นกว่ากลางคืน แม้ว่าตอนนี้จะแค่หกโมงแต่ท้องฟ้ากลับมืดเหมือนหนึ่งทุ่ม ลมเย็นพัดมากระทบผิวกาย แต่ก็คงทำอะไรร่างสูงไม่ได้เพราะมีเสื้อกันหนาวชั้นดีคอยหุ้มเอาไว้ ซึงยุนกำลังเดินกลับบ้าน ความจริงบ้านของซึงยุนก็มีฐานะ พ่อแม่ของซึงยุนเป็นถึงผู้บริหารโรงแรมหรู มีรถนับสิบคันได้ แต่ซึงยุนไม่ค่อยอยากให้ที่บ้านขับรถหรูเหล่านั้นมารับ เพราะกลัวว่าเพื่อนที่โรงเรียนจะหมั่นไส้ เลยเป็นสาเหตุให้ซึงยุนต้องเดินกลับบ้านเองอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวัน
ซึงยุนคิดไม่ตกกับคำพูดของจงชิน เวทีใหม่นี้เป็นงานที่อันตรายก็จริง แต่คงจะพลาดมากถ้าไม่ได้ลองใช้ความสามารถที่มีอยู่ลองพิสูจน์ในงานๆนี้ แต่มันก็เป็นการยากอีกเพราะว่าจะหาอะไรที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ที่ไหน เขาคงไม่ต้องไปตามโกดังที่ขายยาเสพติดหรอกนะ แบบนั้นมันคงอันตรายไปสำหรับเขา
ซึงยุนคิดหาวิธีที่เขาจะได้ลองทำงานๆนี้ แต่ดูเหมือนว่าคิดไปคิดมาแล้วคงจะต้องหมดหนทาง เพราะไม่เห็นว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้เขาได้รูปมาแบบไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเลยสักวิธีเดียว ร่างสูงเดินคอตก ยกกล้องที่ห้อยคอตัวเองไว้ขึ้นมาลูบเบาๆ “ฉันจะทำยังไงดีล่ะบูบู”
“เร็วๆดิวะ เดี๋ยวตำรวจมาแม่งก็ไม่รอด”
“เห้ยไอแจ็คเงียบๆ มึงอะแหละที่จะทำให้ตำรวจมา เสียงดังสัส อยากให้เร็วก็มาช่วยกันดิวะ”
“เออๆ”
เสียงตะโกนคุยกันของชายปริศนาทำให้ซึงยุนอดไม่ได้ที่จะเดินตามเสียงนั้นไป ร่างสูงก้าวช้าๆไปตามตรอกซอกแคบระหว่างตึก แสงไฟสลัวๆทำให้ซึงยุนเห็นเค้าหน้าของชายปริศนาเหล่านั้นไม่ชัดเท่าไหร่แต่ถึงยังไงก็ปิดความอยากรู้ของซึงยุนไม่ได้ ขายาวพยายามก้าวช้าๆและให้เสียงเบาที่สุด และความพยายามของซึงยุนก็เป็นผล
แสงไฟอันน้อยนิดสะท้อนให้เห็นยาเม็ดสีชมพูวางเกลื่อนบนพื้น ชายปริศนาสองคนกำลังรีบเก็บโกยยาเม็ดเหล่านั้นลงกล่อง ท่าทีลับๆล่อๆทำให้ซึงยุนรู้ว่ายาเม็ดเหล่านั้นคงไม่ใช่ยาธรรมดาที่ใช้รักษาในทางการแพทย์แน่ๆ ดวงตาเรียวเบิกโตขึ้นฉายแววดีใจที่ปิดไว้ไม่อยู่ จับกล้องที่ห้อยคอตัวเองมากดซูมเข้าและ
“แชะ” แสงแฟลชสีขาววาบสะท้อนเข้าดวงตาของชายปริศนาสองคน ซึงยุนกดถ่ายโดยลืมปิดแฟลชกล้อง
“เหี้ย อะไรวะ” ชายร่างสูงสองคนหันมามองที่ซึงยุนเป็นตาเดียว ขายาวย่างสามขุมเข้ามาหาซึงยุนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตอนนั้นสมองส่วนกลางของซึงยุนสั่งงานให้หนี เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามบรเวณฝ่ามือและใบหน้าปิดความกลัวไว้ไม่มิด ซึงยุนหันหลังและวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
“หยุดนะเว่ย กูบอกให้หยุดไง” ซึงยุนไม่ฟังคำขอของเสียงที่ไล่หลังมาทั้งนั้น สัญชาตญานของซึงยุนบอกให้วิ่งก็ต้องวิ่ง ซึงยุนก้าวขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต เขาต้องรักษาทั้งชีวิตตัวเองและผลงานภาพถ่ายที่เขาเพิ่งได้มาโดยไม่รู้ตัว
“ปึก” แต่พระเจ้าก็ยังคงกลั่นแกล้ง ซึงยุนสะดุดก้อนหินบนทางล้มถลาลงกับพื้น เพราะทางเปลี่ยวและมืดมาก แสงไฟจากข้างทางสลัวๆจึงทำให้ซึงยุนไม่ทันมอง ขาและแขนเป็นแผลถลอกเลือดซิบหมด สภาพดูไม่ได้ ยกเว้นก็แต่กล้องลูกรักของซึงยุน ที่ร่างสูงยังคงประคองไว้ไม่ปล่อย “มึงถ่ายอะไรไว้”
ขายาวเตรียมจะก้าวลุกแต่ก็หนีไม่พ้น ชายปริศนาสองคนวิ่งตรงมายังซึงยุน มือกร้านคว้าคอเสื้อของซึงยุนและกระชากให้ร่างบางลงกลับไปนอนบนพื้นอีกครั้ง ชายคนนึงนั่งคร่อมเขาไว้ทำให้ซึงยุนลุกหนีไปไหนไม่ได้ เสียงตะโกนถามตรงหน้าพร้อมหมัดหนักที่เข้ามาปะทะอย่างจังกับใบหน้าขาวทำให้ซึงยุนเอียนจนอยากจะอ้วก
“กูถามไง มึงถ่ายอะไรไว้ ตอบสิวะ” ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ซึงยุนไม่ตอบคำถามและไม่คิดที่จะตอบ หมัดหนักถาโถมเข้ามาที่ใบหน้าและท้องน้อย ซึงยุนตะเกียกตะกายใช้เท้าถีบแต่ก็ไม่เป็นผล มือเรียวสองข้างยังคงจับกล้องไว้แน่น “โอ๊ย เจ็บ พอๆ ปล่อยกูไปเถอะนะ”
ทนความเจ็บไม่ไหวซึงยุนจึงยอมปริปากพูดออกมา ชายร่างหนาหยุดกำปั้นที่เตรียมจะต่อยใบหน้าของซึงยุนไว้กลางอากาศ จ้องมองลึกไปในตาเรียวด้วยสายตาอาฆาต “ลบรูปซะถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“ฝันไปเหอะว่ะ” ซึงยุนใช้เท้าถีบเข้าที่หน้าอกและรีบลุกวิ่งหนีไม่คิดชีวิต หนทางเดียวที่จะรอดในวันนี้ได้คือป้อมตำรวจ ซึงยุนวิ่งหนีไปยังป้อมตำรวจ สถานที่ที่คิดว่าใกล้ที่สุดและคงปลอดภัยสำหรับเขามากในเวลานี้ ชายปริศนาสองคนยังคงวิ่งตามมาอย่างไม่มีทีท่าที่จะลดละ แต่ทันทีที่ซึงยุนถึงป้อม เสียงฝีเท้าไล่หลังก็เงียบลงทันที
ซึงยุนผ่านความอันตรายในวันนั้นมาได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซึงยุนจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข ทุกวันหลังเลิกเรียนที่ทางเดินตรงนั้น ซึงยุนยังรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ตลอดเวลา และถึงขั้นมีจดหมายขู่ไปที่บ้านและให้ลาออกจากโรงเรียนหลังจากที่ซึงยุนส่งภาพประกวดนั้นและได้รางวัลมา ซึงยุนกลัว กลัวว่าเรื่องนี้จะลามไปทำให้ครอบครัวของเขาเกิดอันตราย เขาไม่รู้ว่าควรจะแก้ปัญหานี้ยังไงเลยปรึกษาจงชิน
“ฉันบอกแล้วว่ามันอันตราย” พูดเสียงเนือยๆแต่แฝงความเป็นห่วงอยู่ มันดีที่ซึงยุนได้รางวัลมาจากภาพถ่ายอันนี้ แต่มันก็ไม่ดีเพราะมันเป็นอันตรายต่อซึงยุน
“ผมรู้ฮะ แต่ตอนนั้นมันได้จังหวะพอดีนี่ ถ้าผมไม่ลืมปิดแฟลชกล้องเรื่องมันคงไม่มาถึงขนาดนี้”
“เอาเถอะๆ แล้วนี่จะทำยังไง”
“ไม่รู้สิครับ แต่ตอนนี้ผมเหมือนจะเป็นบ้า มีคนจ้องมองผมทุกวันแต่ไม่รู้ว่ามองมาจากตรงไหน จดหมายขู่ฆ่าทำให้พ่อแม่ผมเป็นห่วงมาก ผมควรทำไงดีอะจารย์”
“อืม…..แจ้งตำรวจมั้ยล่ะ”
“ไม่เอาอ่ะครับ ผมไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เกิดเค้าจับไม่ได้ขึ้นมาก็หาว่าผมแกล้งเค้าเล่นอีก หลักฐานก็ไม่มี วันเกิดเหตุตอนนั้นไฟแถวนั้นเสีย กล้องวงจรปิดก็ไม่มี ผมทำอะไรไม่ได้เลย”
“เห้อ โชคร้ายของนายจริงๆนะ ฉันเองก็ผิดแหละที่หาเวทีอันตรายๆแบบนี้มาให้นาย”
“ไม่ครับ ผมต้องขอบคุณมากกว่า”
“แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี….เอางี้มั้ยล่ะ นายย้ายไปอยู่โรงเรียนของเพื่อนฉัน เดี๋ยวฉันติดต่อให้ เอารางวัลที่นายเคยได้มาไปยื่นขอเป็นกรณีพิเศษน่าจะได้ สนมั้ย”
“สนฮะ ขอบคุณครับจารย์ ขอบคุณมากๆ จารย์ช่วยผมได้มากเลยอะ กอดทีดิ” ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปกอดอาจารย์สุดที่รักทันที จงชินเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของซึงยุน หนี้บุญคุณครั้งนี้ทำให้ซึงยุนได้ย้ายมาอยู่โรงเรียน YG ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโดที่พ่อเคยซื้อให้ ไม่มีจดหมายขู่ฆ่าหรือสายตาที่มองมาจากรอบข้าง ซึงยุนเหมือนมีชีวิตใหม่ และจากเหตุการณ์ในวันนั้นคงเป็นบทเรียนที่ล้ำค่ามากสำหรับซึงยุน ว่างานอะไรที่ยากเกินความสามารถก็อย่าไปลองท้าทายกับมัน ไม่งั้นมันจะส่งผลต่อซึงยุนแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ร่างสูงบิดลูกบิดประตูบานใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องสีขาว แสงไฟสลัวจากหลอดไฟเพียงสองดวงเท่านั้น มีเพียงเสียงแอร์และกลิ่นหอมของเส้นพาสต้าในหม้อ ร่างเล็กกำลังง่วนอยู่กับการทำน้ำซอสของสปาเก็ตตี้เลยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูของซึงยุน ซึงยุนลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ ร่างสูงรีบก้าวยาวๆเดินเข้าไปในห้อง ซ่อนกล่องของขวัญสีแดงไว้ในตู้เสื้อผ้า วางโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ไว้บนเตียงแล้วรีบไปชำระร่างกาย
ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวที่ปิดส่วนล่างไว้ มือขวาจับผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเช็ดผมตัวเองอย่างลวกๆ
“ครืด ครืด” เสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูที่วางบนเตียงเรียกความสนใจของซึงยุนที่กำลังใส่กางเกงขาสั้นหั้นไปมอง
-Minohugeboy : ส่งลิงก์ –
มองข้อความตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา สงสัยจะเป็นลิ้งก์หนังโป๊ที่เจ้าตัวเคยส่งมาให้อยู่บ่อยๆ แต่ช่วงนี้ห่างหายไปนานเพราะตั้งแต่มีแฟนก็ถูกแทฮยอนคุมประพฤติเลยไม่ค่อยได้ส่ง ซึงยุนกดล็อกหน้าจอไม่สนใจกับลิ้งก์ที่เพื่อนรักตัวดำส่งมา
-Minohugeboy : น่ารักเหี้ยๆ-
-Minohugeboy : อิจฉามึงอะ-
มองข้อความที่ได้รับมาใหม่ด้วยความงง อิจฉา อิจฉาอะไรของมันวะ ความสงสัยที่ปิดไม่อยู่ทำให้นิ้วเรียวสไลด์ปลดล็อคหน้าจอแล้วคลิกลิ้งค์ที่มินโฮส่งมาให้ดู
“หวัดดียุนยุน” เสียงใสของคนตัวเล็กที่ผมจำได้ดี จินวูนั่งหน้าแป้นแล้นโบกมือทักทายผมพร้อมกีต้าร์ตัวใหญ่บนตัก ฉากหลังเป็นโซฟาสีเรียบที่คุ้นเคย ผนังห้องสีขาว นี่มันห้องผมนี่
“จำได้มั้ยวันนี้วันอะไร”
“สุขสันต์ครบรอบสองเดือนนะ” คนในคลิปพูดแล้วส่งยิ้มกว้างแต่ก็กลับไปหัวเราะเหมือนเดิมด้วยความเขิน ร่างเล็กพูดไปยิ้มไป ซึงยุนยืนมองคนในจอโทรศัพท์แล้วยิ้มกว้างจนแก้มเกร็งไปหมด ทันทีที่จินวูพูดจบ เสียงเมโลดี้อินโทรของเพลงก็ดังขึ้น ซึงยุนหัวเราะออกมาทั้งที่ปากก็ยังยิ้มอยู่ หัวเราะในความน่ารักใสซื่อของคนตัวเล็ก ที่จินวูไม่ออกไปกับเขาวันนี้ก็เพราะมาเตรียมคลิปเซอร์ไพรส์เขาอย่างนั้นหรอ แผนลึกไม่เบา ซึงยุนหัวเราะให้กับความนึกไม่ถึง มองคนตัวเล็กในจอที่กำลังร้องเพลงไป
เสียงเพลงที่ดังออกมาจากในห้องนอนทำให้จินวูที่กำลังคนซอสในหม้อต้องเดินเข้าไปดู
“อ้าว ยุนกลับมาตอนไหน” ถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ตาโตเบิกโพลงกว้างเมื่อเห็นคนตัวสูงยืนอยู่ในห้องนอน ซึงยุนไม่ตอบ ยืนอมยิ้มมองคนตัวเล็กหน้าประตูห้องนอนแล้วดูคลิปต่อ
“ซึงยุน!!!!” รีบเดินเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากซึงยุนเมื่อได้ยินเสียงตัวเองในคลิป ซึงยุนหัวเราะออกมา ยืดแขนจนสุดหวังให้คนตัวเล็กเอื้อมไม่ถึง และแน่นอน จินวูเขย่งปลายเท้ายืดแขนจนสุดคว้าโทรศัพท์จากมือซึงยุน แต่ร่างเล็กก็ทำได้แค่ไขว่คว้าอากาศเท่านั้น เสียงของตัวเองในคลิปยังคงดังต่อเนื่องเรื่อยๆ ทำให้ทวีคูณความแดงฝาดของเลือดที่สูบฉีดทั่วใบหน้าของจินวูตอนนี้ มือเล็กจับไหล่คนตัวสูงไว้แล้วกระโดดสุดตัว แรงที่กดลงมาบนบ่าทำให้ซึงยุนยอมแพ้ ล้มตัวบนเตียง หัวเราะไม่หยุดแล้วส่งโทรศัพท์ให้คนตัวเล็กแต่โดยดี
“ดูได้ไง” คนตัวเล็กกดปิดคลิปแล้วกอดโทรศัพท์ไว้กับตัวเอง ใบหน้าแดงขมวดคิ้วเข้าหากัน
“มินโฮส่งมาให้” ตอบพลางส่งยิ้มกว้างให้คนตัวเล็กที่ยู่หน้าใส่เขาอยู่ ซึงยุนเขยิบเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่ทำหน้ามุ่ยงุดหน้าอยู่กับโทรศัพท์ที่ตัวเองกอดไว้
“เค้ากะเปิดให้ดูเองนี่” จินวูพูดออกมาด้วยเสียงเศร้า
“ฮ่าๆ แต่สุดท้ายเค้าก็ได้ดูเหมือนกันไม่ใช่หรอ” กอดปลอบคนตัวเล็กแล้วโคลงตัวไปมา สักพักร่างสูงก็คลายกอดและลุกไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบกล่องสีแดงไว้ในมือแล้วพาจินวูที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ให้ลุกขึ้น “ไปกินข้าวกัน ป่านนี้สปาเก็ตตี้นายเย็นหมดแล้ว”
จินวูลุกตามไปโดยไม่ได้พูดอะไร นั่งที่โต๊ะกินข้าวขนาดย่อมตรงข้ามกับซึงยุน จานสีขาวถูกวางไว้ที่หน้าของคนตัวเล็กและซึงยุน จินวูก้มลงกินข้าวเงียบๆไม่พูดอะไร ท่าทางของคนตัวเล็กที่แปลกไปไม่เหมือนทุกวัน ปกติจะมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แต่วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนเช่นทุกวัน จินวูคงอยากเซอร์ไพร์สเขาด้วยตัวเองมาก แต่นี่เขาแอบมาดูก่อนเลยงอนตุ๊บป่อง ซึงยุนไหวหัวน้อยๆแล้วถามจินวูออกไป “ไม่อร่อยหรอ”
“ป่าว” ตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่ จินวูก้มหน้าก้มต่อช้อนเส้นสปาเก็ตตี้ในจานเข้าปากตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“งอนเค้าหรอ”
“ป่าว” กลั้วหัวเราะออกมากับคำโกหกที่ไม่แนบเนียนเลยของจินวู ปากบอกว่าเปล่าแต่กลับก้มหน้าก้มตากินอาหารโดยไม่พูดกับเขาสักคำเนี่ยนะที่ไม่ได้เรียกว่างอน
“หัวเราะอะไร” สุดท้ายจินวูก็ยอมเงยหน้ามาคุยกับผมซะที
“หัวเราะคนปากแข็ง”
“อะไร ใครปากแข็ง”
“งอนก็บอกว่างอน มานั่งก้มหน้าก้มตาคุยกับเส้นสปาเก็ตตี้แบบนี้แล้วเขาจะมาง้อมั้ยล่ะ” ประโยคเมื่อครู่ทำเอาคนตัวเล็กยู่ปากกว่าเดิม คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ปากเล็กอ้าออกจะพูดเถียงแต่ก็ต้องหยุดเมื่อซึงยุนคว้าเอากล่องสีแดงข้างล่างโต๊ะขึ้นมาวาง
“อะ” ยื่นกล่องสีแดงให้แล้วส่งยิ้มกว้าง คนตัวเล็กคลายคิ้วออก จากหน้ามุ่ยเปลี่ยนมาทำหน้ามึนแทน รับมาแบบงงๆแล้วแกะ
“สุขสันต์วันครบรอบสองเดือน หายงอนนะตัวเล็ก” ทันทีที่จินวูแกะกล่องออก ดวงตาโตถึงกับเบิกโพลงเก็บกลั้นความสุขเอาไว้ไม่อยู่ ยกตุ๊กตาหมีในกล่องมากอดไว้อย่างน่าเอ็นดู
“เจอที่ไหนมา ตัวนี้เค้าอยากได้มากกว่าสีขาวอีกนะ” พูดกับซึงยุนพลางเอาตุ๊กตามาแนบแก้มถูไถไปมา ซึงยุนถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“เค้าไล่แจก”
“กวนตีนละ” ตวัดตามามองที่ซึงยุน แต่ก็ยังคงค้างกับความรู้สึกดีใจ กอดตุ๊กตาแน่นแล้วถลึงตาใส่ซึงยุน
“ฮ่าๆ ล้อเล่น เดินเจอพอดีอะ คนขายบอกว่าเหลือตัวสุดท้ายแล้วด้วย”
"งั้น.... ตัวสีขาวในห้องฉันให้นาย จะได้กอดเวลาคิดถึงฉัน" พูดไปยิ้มไปจนแก้มสองข้างเบียดถุงใต้ตาหมดแล้ว
"อยากให้เป็นงั้นก็ได้"
“ชอบป่าว”
“อื้อ มาก”
“คลิปที่อัดให้อะ ก็ชอบมากนะ” จินวูหยุดหน้าที่กำลังแนบถูไถกับตุ๊กตาแล้วหันมามองซึงยุน นึกว่าคนตปากบวมจะไม่ได้สนใจกับเรื่องคลิปนั้นซะแล้ว
“ชอบมากจนไม่รู้จะพูดว่าอะไรเลยอะ มันบรรยายออกมาไม่ถูก” ดวงตาโตจ้องมองลึกเข้าไปในตาเรียว ความมุ่งมั่นจริงใจที่ซึงยุนปิดเอาไว้ไม่มิดทำให้จินวูยิ้มออกมา
“ก็บอกตั้งแต่ทีแรกไม่ได้รึไง แค่คำว่าชอบอะ พูดยากมากหรอ” น้ำเสียงประชดประชันแต่แฝงความดีใจไว้ออกมาจากปากเรียวของใบหน้าหวาน
“ก็มันพูดอะไรไม่ออกจริงๆนี่ ไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้” ซึงยุนพูดไปยิ้มไป การได้แกล้งคนตัวเล็กนี่มันงานอดิเรกของเขาจริงๆ ซึงยุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แคปหน้าจอตอนที่จินวูกำลังเล่นกีต้าร์แล้วตั้งเป็นรูปล็อคหน้าจอ
“มันอธิบายไม่ได้ งั้นแสดงออกให้ดูละกันว่าชอบมากขนาดไหน” ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้จินวูดู คนตัวเล็กลอบยิ้มออกมา แก้มขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อและลามไปยังจมูก เม้มปากเป็นเส้นตรงเพราะไม่อยากหลงกลไปกับการแกล้งของซึงยุน แต่แววตาที่ฉายแววมีความสุขนั้นปิดไว้ไม่มิด จินวูกำลังยิ้ม จินวูมีความสุข จินวูชอบ ซึงยุนรู้ แค่คนตัวเล็กฟอร์มจัดก็เท่านั้น
“อิ่มแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวเอาจานไปล้างให้นะ” รีบคว้าจานเปล่าที่เลอะคราบซอสของซึงยุนไปซ้อนกับจานของตัวเอง มือเล็กรวบช้อนและส้อมมาไว้ที่จานบนสุดแล้วลุกไปที่ซิ้งค์น้ำทันที ซึงยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้แผ่นหลังบางของจินวู คิมจินวูน่ารักจริงๆ…
วันครบรอบสองเดือนที่แสนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเพราะมีจินวูอยู่ข้างๆ ถึงจะเป็นวันสุดท้ายที่คอนโดของจินวู แต่ซึงยุนก็หวังว่าจะมีวันครบรอบแบบนี้ตลอดไปทุกเดือนจนแก่….
แชป15~~
ยังคงบริการส่งความฟินอยู่นะฮัฟ แต่คงเห็นกันแล้วใช่มั้ยว่าเค้าลางความดราม่าเริ่มมาเยือนแล้ว ไรต์บอกเลยว่าดราม่าจะมาตอนไหนไม่รู้ อยู่ดีๆจะมาก็มา เอาให้รีดเดอร์ช็อคตายกันไปข้าง 5555
ขอบคุณสำหรับแท็ก #ฟิคเมมโมรี่ ในทวิต ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณยอดวิวที่เพิ่มขึ้นถึงจะไม่เยอะก็ไม่เป็นไร ขอบคุณจริงๆ ทุกๆอย่างทำให้ไรต์มีกำลังใจในการแต่งตอนต่อไปต่อมากๆ รักและขอบคุณทุกคนจริงๆนะ // กอดแน่นๆ
ความคิดเห็น