คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รอนแรมๆ
นักร้องดูโอสองพี่น้องสุดฮอต “เกียร์-บอมบ์” กับการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิต
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีสำหรับคอนเสิร์ต ‘GB we’re brother concert with U’ ของสองพี่น้อง เกียร์- พิชากร และ บอมบ์-พีรภัทร์ ศุภเวชกิติกุล มีแฟนคลับมากมายโดยเฉพาะสาวๆมากันอย่างหนาตา กรี๊ดกันฮอลล์แทบแตก กับความสามารถในการลิปซิงค์ เอ๊ย..การร้อง เต้น การแสดงความสามารถทางดนตรี อีกทั้งยังมีแขกรับเชิญพิเศษคนสนิท และแขกรับเชิญที่ใครๆคาดไม่ถึง วันนี้เรามาสัมภาษณ์ความรู้สึกของทั้งสองคนดีกว่าค่ะ
ฉันกำลังนอนอ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง ที่มีหน้าปกเป็นคนที่ฉันช้อบ..ชอบ เกียร์กับบอมบ์นั้นเอง ภายในเล่มมีรูปการแสดงคอนเสิร์ตของทั้งสองคนอย่างละลานตา และบทสัมภาษณ์ทั้งสองหนุ่มกับแฟนคลับสาวๆที่ไปชมการแสดงคอนเสิร์ต
“อยากไปดูบ้างจัง”
ฉันบ่นกับตัวเอง ฮือๆๆ ก็ฉันไม่ได้ไปดู ฉันมันเป็นเด็ก ตจว. อยู่ตั้งภูเก็ต จะไปดูได้ยังไงล่ะ ไม่ได้รวยถึงขนาดลงทุนค่ารถไปดูหรอก แถมยังต้องเสียค่าบัตรอีก หุๆ ออกแนวงกนั้นแหละ
“ติดตามชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ในรูปแบบ VCD เร็วๆนี้นะค่ะ” ฉันอ่านประโยคสุดท้ายของบทสัมภาษณ์
“ต้องเก็บเงินซื้อซะแล้ว”
ก๊อกๆๆ เสียงใครคนหนึ่งเคาะประตูห้องนอนของฉัน
“ไม่ได้ล็อกค่ะ” ฉันตะโกนบอกเป็นเชิงอนุญาต
“นี่ วีนัส อ่านอยู่ได้หนังสือพวกนี้อยู่ได้ หนังสือเรียน แตะบ้างมั๊ย” แม่ของฉันเดินเข้ามาแล้วเริ่มสวดร่ายยาวทันที
“แตะค่ะแม่ เพิ่งอ่านก่อนที่จะอ่านหนังสือนี่ค่ะ” ฉันเปลี่ยนอิริยาบทมาเป็นนั่ง
“แล้วผลสอบออกแล้วยัง”
“สอบเข้ามหาลัยน่ะเหรอ ยังเลยแม่”
“เออๆ ไปช่วยแม่ทำงานหน่อยซิ”
“ค้า~”
“ขอขอบคุณทุกคนที่มาในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้นะครับ เป็นเรื่องที่พวกเราสองคนประทับใจมาก เราจะจดจำวันนี้ไว้ตลอดไปครับ”
เสียงของชายหนุ่มคนพี่กล่าวจบการแสดงคอนเสิร์ต
ฉันเปิดดูแผ่นVCD คอนเสิร์ต ‘GB we’re brother concert with U’ ที่เพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆ สนุกดีนะ แต่ว่าเขาตัดบางตอนออก รู้สึกเสียความรู้สึกเล็กน้อย แต่ช่างเถอะ เราเสียตังค์แค่ ร้อยกว่าบาท ไม่เหมือนคนที่เสียตังค์ หลายๆร้อยเพื่อเข้าไปเบียดๆเสียดๆดูคอนเสิร์ต ฮือๆๆเสียดายอ่ะ อุตส่าห์ซื้อ ดันตัดตอนที่เราอยากดูด้วย (ไหนบอกว่าไม่เป็นไรแล้วแกบ่นทำไมเนี่ย) แหม..ก็มันเสียดายอ่ะ แต่ก็ดีมีเบื้องหลังคอนเสิร์ต การฝึกซ้อม มีตอนที่บอมบ์ไม่สบายก่อนมีคอนเสิร์ตไม่กี่สัปดาห์ด้วย ดูแล้วซึ้งบวกทึ่งในความพยายามเลย มีตอนที่ทั้งสองคนเป็นเด็กแล้วเข้ามาเรียนร้องเพลง เต้น การแสดงต่างๆด้วย น่ารักมาก สรุปแล้วว่า รักนะ..เกียร์-บอมบ์ หุๆ แต่ชอบบอมบ์มากกว่า บอมบ์น่ารักสุดๆ หน้าหว้าน..หวาน ยิ้มแต่ละครั้ง ดูแล้วโลกสดใส ใจสดชื่นซะ (เว่อร์ๆ) อยากร้องเพลง เลิฟๆของโฟร์-มดให้ฟังเลย แหะๆ
“ยิ่งอยู่ยิ่งเพี้ยนนะเรา แค่เป็นแฟน(คลับ)ห่างๆก็พอแล้ว ดูผล Ent’ ดีฟ่า”
“พิริสา วัฒนาคณารักษ์ รหัส 19599
..” ฉันพิมพ์ชื่อและรหัส กดenter ที่เหลือก็คือรอกับลุ้นๆๆ
“มาแล้วๆๆ ไหนๆ ดูหน่อย” ฉันตั้งใจอ่านอย่างตั้งใจสุดๆ และแล้วก็ถึงจุดสำคัญ
“แม่ๆๆ” ฉันตะโกนเรียกแม่พลางวิ่งลงบันไดไปหาแม่ที่กำลังทำขนมยุ่งๆห้องครัว และหยุดตรงข้างๆแม่
“แม่ๆๆ แฮ่กๆ” ฉันพูดไปหอบไป
“อะราย” แม่พูดอย่างรำคาญ ประมาณว่าคนกำลังกำลังนวดแป้งอยู่ยุ่งจะอะไรนักหนา
“แม่ วี Ent’ ติดแม่ วี Ent’ ติด ดีใจมั๊ย”
แม่หันมายิ้มแก้มแทบปริ
“จริงเหรอ เก่งจริงเลยลูกแม่” แม่เอื้อมมือมาลูบผมแล้วลงมายังแก้มใสๆของฉํน
“ลูกแม่เก่งอยู่แล้ว อิๆ แม่..หน้าวีเลอะแป้งหมดเลยอ่ะ”
“กะว่าจะทาแป้งให้ทั้งตัวเลย ดีมั๊ย”
“ไม่ดีอ่ะ เดี๋ยวอดกินขนมปังหอมกรุ่นจากเตา ฝีมือแม่”
“เอ่อ..คณะอะไร ที่ไหนล่ะ”
“ออกแบบนิเทศน์ศิลป์ มหาวิทยาลัย
ที่กรุงเทพ”
“อืม ดีแล้ว” แล้วแม่ก็หันกลับไปนวดแป้งต่อ ฉันเลยเดินไปล้างหน้า
ค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้นอีกซินะ ไหนจะส่งพี่เรียน ส่งน้องสาวตัวแสบ แล้วต้องส่งเราเรียนอีก
ฉันเดินไปกอดแม่จากด้านหลัง “หนูจะตั้งใจเรียน จะประหยัด จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังเลย”
“จ้า~ ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน”
“กรุงเทพแสนวุ่นวาย ฉันคิดถูกรึเปล่าที่มาเรียนที่นี่” ฉันกำลังมองสภาพแวดล้อม ผู้คนมากมายเดินไปเดินมา อากาศเสียจากควันรถ(เหม็นชะมัด) ฉันเลือกอยู่อพาร์ตเม้นที่อยู่ไกลจากมหาลัยสองป้ายรถเมล์(พอดีมันถูกกว่า อพาร์ตเม้นที่อยู่หน้ามหาลัยน่ะ อย่างที่บอกเรามิได้ร่ำรวยอะไร
“ถึงซะที” ฉันกระโดดลงจากรถเมล์ ที่นั่งเบียดเสียดกันมายังกะปลากระป๋อง
ฉันยืนมองเป้าหมายก่อนก้าวเดินเข้าไป มหาวิทยาลัย
ที่ฉัน Ent’ ติด วันนี้เป็นวันรับน้องซะด้วย หึๆ ฮือๆ จะโหดมั๊ยเนี่ย
ฉันเดินไปยังจุดที่ทางมหาวิทยาลัยได้ไว้นัดหมาย
“นั้นมัน เกียร์นี่นา” ฉันเห็นคนๆหนึ่งในระยะไกลที่คุ้นตา(ดูในรูปจนคุ้นน่ะ)
“คงไม่ใช่มั๊ง
” ฉันส่ายหัวจนผมที่มัดเป็นหางม้าอยู่ด้านหลังปลิ้วไปตามแรง
คิดๆไปแล้ว เกียร์dropเรียนไปปีนึง แสดงว่าปีนี้เกียร์ก็ต้องเรียนปีหนึ่งเหมือนเรา นายจะได้เรียนที่ไหนเอ่ย
“นักศึกษาใหม่ที่มาแล้วกรุณาเข้าแถวตามคณะ ซึ่งจะมีป้ายบอกอยู่ตรงข้างสนามนะค่ะ” เสียงตามสายประกาศสั่งนักศึกษาที่กำลังยืนหนาแน่นบริเวณสนาม
หลังจากสิ้นเสียงประกาศไม่นาน นักศึกษาทุกคนก็วิ่งตามหาแถวของตน แน่นอนว่าฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น
“วิศวะ มนุษย์ ศึกษา สถาปัต ออกแบบ.. เจอแล้วอยู่นี่เอง” ฉันมองหาป้ายออกแบบจนเจอ เลยรีบเดินไปรวมกลุ่มกะเขาบ้าง
โครม!! ชายร่างสูงหันกลับมาชนฉันพอดี
ฉันล้มลงนั่งพับเพียบ จนคนหันมามอง
“ขอโทษครับ” ชายคนนั้นเอื้อมมือมาให้ฉันจับ ฉันจับมือเขา ดึงตัวเองขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ โดนชนจนเซล้มลงนั่งพับเพียบ จนอายคนอื่นเขาแค่นั้นเอง ดีนะค่ะที่ไม่เท้าแพลง” ฉันพูดแกมประชดพลางปัดหญ้าที่ติดกระโปรง
“ประชดอยู่เหรอ” เสียงนุ่มๆ ออกมาจากปากชายคนนั้น
“ประมาณนั้นแหละค่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองบุรุษนำโชค(ร้าย)ของฉัน คงจะเป็นรุ่นพี่ล่ะมั๊ง
“ขอโทษอีกทีก็ได้ครับ”
“ช่างมันเถอะค่ะ ล้มไปแล้ว จะย้อนกลับไปให้พี่เอื้อมมือมารับตัวน้องอย่างละครอย่างที่พระเอกช่วยนางเอกไม่ให้ล้มไม่ได้หรอก แหะๆๆ อย่าคิดมากเลย”
“แหะๆๆ น้องนี่คิดอะไร ตลกดีนะ พี่ชื่อ หม่อน อยู่ปีสอง คณะออกแบบนิเทศน์ศิลป์”
“ชื่อ หม่อน ชื่อน่ารักจังนะค่ะ ตัวไหมหลายตัวคงอยากกิน อิๆ”
“น้องชื่ออะไรล่ะ”
“แม่ไม่ให้บอกชื่อกับคนแปลกหน้าซะด้วย แต่ไม่เป็นไรต่อไปคงไม่แปลกหน้าแล้ว เพราะน้องอยู่ปีหนึ่งคณะเดียวกับพี่ น้องชื่อ วีนัส เรียกสั้นๆว่า วี ก็ได้ค่ะ”
“ครับ น้อง วี”
“ค่ะ พี่หม่อน”
“ไปเข้าแถวทางนี่เลยครับ” มีเสียงชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่พูดผ่านโทรโข่งแทรกขึ้น
“น้องไปเข้าแถวแล้วนะค่ะ โชคดีค่ะพี่”
“ครับ”
ความคิดเห็น