ชื่นชีวาสี่ขาสื่อรัก - นิยาย ชื่นชีวาสี่ขาสื่อรัก : Dek-D.com - Writer
×

    ชื่นชีวาสี่ขาสื่อรัก

    หนึ่งสาวที่ชีวิตพ่วงมาด้วยสาวแก่แต่ยังมีไฟ กับเจ้าสองตัวแปดขามะหมาจอมป่วน บ้านใกล้เรือนเคียงหนุ่มสุขุมนุ่มลึกที่มีภรรยาจอมวีน ความหรรษาจึงบังเกิด

    ผู้เข้าชมรวม

    70

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    70

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.ค. 64 / 14:38 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ปกติจะเป็นนักอ่านมาตลอด อ่านทุกแนว เลยลองมาเป็นนักเขียนดูบ้าง เรื่องไม่ใกล้ไม่ไกล มาจากชีวิตประจำวัน ที่ต้องสู้รบกับเจ้ามะหมาแปดขาสองตัวที่บ้านนั่นเอง รวมถึงท่านแม่ที่บทจะดีก็ดีจนน่าขนศรีษะตั้งชัน แต่บทจะร้ายนั้นทั้งลูกสองขาและสี่ขากระเจิดกระเจิงกันเลยทีเดียว ส่วนพระเอกของเรื่องนั้นขออุบไว้ก่อนว่าจากชีวิตจริงหรืออิงการมโนหรืออย่างไร...

    ตอนที่ 1แรกเริ่มเดิมที

    “เอ้าลูกบอมบ์กินข้าวอีกคำสิลูก อ้าม....อีกคำลูก เก๊งเก่ง”

    ทุกเช้ากับเย็นต้องได้ยินคำนี้มิลล์ถอนหายใจวันละสิบรอบ เฮ้อ...ชีวิตนี้เปลี่ยนแม่ เปลี่ยนน้อง ๆ ยังทันไหมนี่

    “เอ้ามิลล์กลับมาแล้วเหรอลูกมาป้อนข้าวน้องบอมบ์แทนแม่หน่อยเร็ว”

    แม่บอกพลางวางชามข้าวของบอมบ์บนพื้นข้างลำตัว

    “โธ่!แม่ไม่ต้องป้อนมันหรอกเดี๋ยวหิวมันก็กินเองละน่าป้อนงี้ทุกมื้อมันก็เคยตัวหมดสิ”

    มิลล์พยายามกดเสียงเบื่อหน่ายไว้

    “ก็แม่เป็นห่วงมันกลัวปวดท้องหิวข้าวตอนดึก เมื่อคืนท้องร้องจ๊อก ๆ เลยต้องลงมาปอกแอปเปิลให้กินกลางดึก” เสียงแม่ชักจะสั่นเครือเข้าทุกที

     “โอเค ๆ แม่ เดี๋ยวมิลล์ป้อนมันเอง”

     เพื่อจะจบคำถกเถียงกับแม่จึงยอมสานต่อภารกิจของแม่ให้จบแต่...ชามข้าวของบอมบ์ที่ยังมีอาหารเต็มปรี่เมื่อกี้คงเหลือแต่ความเงาวับของชามอลูมิเนียมกับปากที่มันแผล่บของเจ้าบิ๊กกี้

    “แม่...ไอ้บิ๊กกี้มันแอบกินของไอ้บอมบ์อีกแล้ววววววววววว”

    เหตุการณ์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ของบ้านมิลล์เหมือนหนังที่ฉายวนเวียนแต่เรื่องเดิมๆสาวสองวัยกับหมาสองตัวที่นิสัยต่างกันสุดขั้วบอมบ์เป็นหมาสายมังสวิรัติชอบกินผักเลี้ยงยากกินยากชอบกินอาหารของคนไม่ชอบอาหารหมาขี้น้อยใจเป็นที่หนึ่งส่วนบิ๊กกี้เป็นจอมสวาปามกินทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำบ่นคำด่าใด ๆ ทั้งสิ้น ขอแค่ได้กิน กิน และกิน ไม่ชอบกินผักแต่ถ้าเห็นบอมบ์กินมีส่วนร่วมเพราะกลัวเสียเปรียบ เวลาจะลูบหัวต้องลูบพร้อมกันทั้งสองตัวมิฉะนั้นอาการงอนสุดขีดก็จะบังเกิดไม่ไปนอนใต้บันได ก็จะเป็นใต้เตียงที่มิลล์ต้องเป็นคนมุดเข้าไปลากออกมา เพราะคุณนายสมรศรีอ้างว่าแก่แล้ว ก้ม ๆ เงย ๆ มาก กระดูกกระเดี้ยวจะผิดรูปเอา 

    ตั้งแต่เล็กจนโตมิลล์ตั้งใจไว้แล้วว่าชีวิตนี้จะไม่เลี้ยงหมู หมา กา ไก่ ใด ๆ ทั้งสิ้นให้เป็นภาระ แต่แม่นี่สิดันเป็นคนรักสัตว์ทุกประเภทเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แม่ไปเจอ บิ๊กกี้แล้วถูกชะตาจึงซื้อกลับมาที่บ้าน

     มิลล์บอกให้แม่เอาไปคืนร้านโดยไม่ต้องขอเงินคืนปรากฏว่าแม่โดนร้านขายหมาเล่าถึงความรันทดของบอมบ์ว่าเป็นหมาสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เกิดท้องเดียวกันกับบิ๊กกี้รักกันมากอยากให้อยู่ด้วยกันจากที่จะเอาหมาไปคืนกลับได้มาเพิ่มอีกตัว

     ‘แม่อยากเลี้ยงก็เลี้ยงไปเลยนะแต่มิลล์ไม่เอาด้วยหรอกเลี้ยงหมาเป็นภาระจะตายดูดิไอ้ตัวเล็กตาแฉะๆดูขี้โรคจะตายไอ้ตัวโตก็ดูกร่างขากางเอาเรื่องเชียวนะแม่’มิ้ลล์บอกแม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    ‘น้องชื่อบิกกี้กับบอมบี้น่ะเค้ามีชื่อ’แม่บอกด้วยความรักใคร่เอ็นดูอย่างปิดไม่มิด

    ‘เอ๋า มิลล์มีน้องเป็นหมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยแม่ พ่อก็ตายตั้งนานแล้วนิ’ มิลล์อดแขวะแม่ไม่ได้

    ‘เออเอ็งไม่เลี้ยงก็อย่ามายุ่งกับข้าหมาของข้าๆ เลี้ยงเองได้’

     ถ้าคุณนายสมรศรีขึ้นคำว่าข้ากับเอ็งเมื่อไหร่สัญญาณอันตรายเริ่มบังเกิดแล้ว มิลล์มองหมาตัวเล็กกับตัวใหญ่ในกล่องมีที่ไหนบอกว่าท้องเดียวกันตัวนึงเล็กจิ๋วขนหยิกหยอยสีเทาๆ เหมือนพันธุ์พุดเดิลหน้าตาน่ารักดูเป็นหมาเด็กตลอดกาล อีกตัวตาโตขนตรงยาวสีน้ำตาลทองเหมือนพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ แม่โดนเค้าหลอกมาแน่ๆแต่ช่วงกำลังรักกำลังหลงบอกไปก็ป่วยการ มิลล์ถือคติเสียว่านิ่งเสียตำลึงทองแล้วก้มหน้าก้มตาเลี้ยงน้องสองตัวแปดขาให้แม่ชื่นใจดีกว่า เจ้าหมาน้อยสองตัวนี้ก็เหมือนจะอยู่เป็นรีบเลียมือไพรพนาอย่างเอาอกเอาใจแรกๆเจ้าหมาสองพี่น้องเป็นหมาที่กินอยู่อย่างมีวินัย ขับถ่ายเป็นระเบียบ สอนสั่งได้ดั่งใจทุกอย่างเจ้าของเดิมน่าจะฝึกมาดี คุณนายสมรศรียังเกรงใจมิลล์อยู่บ้างจึงให้นอนชั้นล่างแต่ค่อยๆคืบคลานจากชั้นล่างมานอนหน้าห้องนอนก็ค่อยๆคืบคลานมานอนหน้าเตียงจนบัดนี้ยึดเตียงนอนไปครึ่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว บางทีครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนผีอำหนักที่อกกับหัว ที่ไหนได้บอมบ์นั่งบนหัวส่วนบิ๊กกี้นั่งป๋อหลอบนตัวอยู่รอให้ตื่นพาไปเดินเล่นทำให้ไพรพนาหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่เช้าส่วนแม่น่ะเหรอร้องเพลงหงุงหงิง ๆ ทำกับข้าวให้ลูก ๆ ในครัวอย่างมีความสุข

    เมื่อพาเจ้าสองตัววิ่งรอบหมู่บ้านกลับมาแม่ทำกับข้าวเสร็จพอดีไพรพนากินเบคอน ไข่ดาว บิ๊กกี้กับบอมบ์นั่งตาเชื่อมสะกิดอยู่ปลายเท้า ตะกายก็แล้ว สะกิดก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววจะได้กิน จึงส่งเสียงประท้วง แม่กำลังผสมอาหารหมาให้อยู่ เจ้าบอมบ์มองแบบเมินเสียเถอะจะกินในเมื่อมีอาหารคนแสนอร่อยอยู่ตรงหน้าส่วนบิ๊กกี้กินของคนเสร็จค่อยจัดการของหมาต่อถือเป็นโบนัสรอบแรกของวัน

    “นี่เอ็กซ์บ้านยายมิลล์ทะเลาะกันเรื่องหมาอีกแล้วนะ เสียงดังน่ารำคาญจังแพทเริ่มไม่ไหวแล้วนะ”

    แพทหรือประภาวิไลภรรยาคนสวยของอารัณย์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสะบัด ๆ

    “เอาน่าแพท ใจเย็น ๆเดี๋ยวพรุ่งนี้เอ็กซ์จะไปคุยกับน้าหมอนให้เค้าคงไม่ตั้งใจรบกวนเราหรอกยิ่งรู้ว่าแพทท้องอยู่อย่างนี้ด้วย”

    อารัณย์บอกอย่างใจเย็น

    “ก็ไม่รู้ล่ะแต่ก่อนยายมิลล์ก็แอบชอบตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ เห็นวิ่งเข้าออกในบ้านตั้งนาน”ประภาวิไลยังคงอารมณ์คุกรุ่นอยู่

    “แพทอย่าคิดมากสิมิลล์เค้าเป็นเพื่อนกับยายอาร์มสองคนนี้ก็วิ่งไปมาทั้งสองบ้านแหละ”อารัณย์ยังเอ่ยแบบรอมชอมให้ประภาวิไลอารมณ์ดีขึ้น

     “ก็ไม่รู้ล่ะอย่าให้แพทรู้นะว่ายายอาร์มยังแอบเชียร์เพื่อนให้เอ็กซ์อยู่ไม่งั้นแพทหอบลูกกลับไปอยู่บ้านพ่อซะเลยแล้วเอ็กซ์ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าลูกนะแพทจะให้พ่อจัดการขั้นเด็ดขาดเลย” เสียงประภาวิไลดังแว่วเข้าหูเหมือนจงใจให้ข้างบ้านได้ยิน

    มิลล์พาอารมณ์อันขุ่นมัวไปทำงานด้วยยังดีที่ถึงแม้ทำงานหน่วยงานราชการก็ไม่ต้องพบปะประชาชนไม่อย่างนั้นคงโดนข้อร้องเรียนเป็นหางว่าวโทษฐานเจ้าพนักงานหน้าตูม

    “เฮ้ยมิลล์เป็นไรวะหน้าบูดเป็นตูดลิง” พี่นาฟฉายาบุรุษปากปีจอทักขึ้นมา

    “เบื่อน่ะพี่ อะไรไม่รู้โดนลูก ๆ ของแม่อำจนฝันร้ายทั้งคืนแล้ว ตอนเช้ายังโดนข้างบ้านหาว่าบ้านมิลล์เสียงดังด้วยอ่ะพี่ทีเค้าโมโหกรี๊ดลั่นจนหมาเห่าตาม มิลล์กับแม่ยังไม่เคยไปว่าเค้าเลย” มิลล์บอกด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด

    “ไอ้เรื่องที่เอ็งเล่าเรื่องข้างบ้านน่ะยังพอเข้าใจ แต่ลูกๆของแม่เอ็งคือไรวะไหนว่าเป็นลูกสาวคนเดียว” นาฟเริ่มซักไซ้

    “ก็เจ้าบิ๊กกี้กับบอมบ์แหละพี่เดี๋ยวนี้มันขึ้นมานอนบนเตียงแล้ว ถ้ามิลล์ตื่นสายขึ้นบนหัวเลยอ่ะพี่”

    “เออ เจริญ ๆ นะน้อง หมาให้พรแต่เช้าเลย ว่าแต่เอ็งอายุเท่าไหร่แล้วนี่” นาฟถามด้วยแววตาวาว ๆ

    "ฮั่นแน่ สมัยโบราณถ้าถามถึงอายุผู้หญิงนี่ เค้าจะเอาไปดูดวงแต่งงานนะพี่" มิลล์ตอบกลับ แต่แววตาเริ่มหวั่นไหวในคำถามพี่นาฟจะมาไม้ไหนกันนะ


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น