ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not a boy ขอโทษที พอดีผมเป็นผู้หญิง

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 57


    Chapter 3

                    ใครกันล่ะเนี่ย-_-;;

                    “เป็นไง ดูดีใช่มั้ยล่ะ ของมันแน่อยู่แล้วล่ะนะ”ฉันมองหน้าภาคภูมิใจของมาสเตอร์สลับกับเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาฉันเอง เงาที่ทำเอาฉันอึ้งกิมกี่ไปหลายวิเลยทีเดียว

                    สาวผมสีน้ำตาลทองทิ้งตัวยาวตรงถึงกลางหลัง สวมเสื้อไหมพรมคอกว้างสีดำทับเสื้อกล้ามสีเดียวกัน คอเสื้อถูกจัดให้ย้วยลงมาข้างหนึ่ง เผยให้เห็นไหล่เนียนสีน้ำผึ้งที่เกิดจากการเล่นกีฬากลางแจ้ง ทั้งเสื้อและเสื้อกล้ามเป็นสีดำทั้งคู่ทำให้หญิงสาวในกระจกดูเซ็กซี่ไม่น้อย แมทซ์กับสกินนี่ยีนส์เก๋ๆสีซีดที่มีรอยขาดตั้งแต่โคนขา รวมถึงเครื่องประดับทั้งสร้อยคอสร้อยข้อมือที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป แถมเข้ากับชุดสุดๆ ส่วนรองเท้าเป็นผ้าใบหุ้มข้อสุดเท่ห์ ด้วยส่วนสูงของเธอคนนั้นแล้วยิ่งขับให้ชุดนี้ดูเท่ห์ขึ้นอีกหลายขุม

                    บอกได้คำเดียวว่ายัยคนที่อยู่ในกระจกนี่ ทั้งเท่ห์ทั้งเซ็กซี่ ดูดีสุดๆเลย!!...และที่สำคัญ ยัยนั่นน่ะ คือฉันเอง>_<


                    “สุดยอด”ฉันพึมพำแบบเกือบจะไม่มีเสียง เรียกเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์จากมาสเตอร์ได้ทันที

                    “ถ้าจะกรี๊ดเพราะปลื้มก็เก็บเอาไว้หลังจากแต่งหน้าเสร็จนะ”

                    ไม่ได้จะกรี๊ดสักหน่อย-_- ถึงจะปลื้มปริ่มจนน้ำตาแทบไหลแล้วก็เหอะ ไม่คิดไม่ฝันว่าฉันจะแต่งชุดผู้หญิงได้ดูดีขนาดนี้ ด้วยความที่ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง เลยคิดมาตลอดว่าไม่เหมาะกับเสื้อผ้าผู้หญิง แต่เงาที่เห็นอยู่ตรงหน้านี่ก็ยืนยันได้แล้วว่า ถ้าเลือกชุดเป็น ก็ดูดีได้ล่ะนะแต่เรื่องแต่งหน้านี่คงไม่ไหวหรอก เดี๋ยวได้เหมือนกระเทยแต่งหญิงแน่ ไอ้เรื่องหุ่นมันใช้ชุดพลางตากันได้ แต่หน้าที่ไม่มีเค้าผู้หญิงเอาซะเลยนี่ล่ะ? ขืนละเลงเครื่องสำอางลงไป มันก็พิลึกกันพอดี!!


                    “ไม่เอาอ่ะ-_-

                    “หมายความว่าไงไม่เอา”มาสเตอร์ถือพัพค้างห่างจากหน้าฉันไม่กี่เซ็น ก่อนที่ฉันจะเบือนหน้าหนีแถมด้วยเบะปากแบบไม่เอาด้วย

                    “ไม่แต่ง-O-

                    “ไม่ได้!! ผลงานของฉันจะต้องงดงามสมบูรณ์แบบ จะออกสู่สายตาสาธารณะชนแบบครึ่งๆกลางๆไม่ได้! มั่นใจหน่อยสิ เธอเองก็สวยออกขนาดนี้”

                    เกลียดสายตากับน้ำเสียงกรุ้มกริ่มของมาสเตอร์เป็นบ้า ขนลุก! แล้วอะไรนะ สวย? นั่นน่ะเป็นคำนิยามที่ตรงข้ามกับฉันมากที่สุดเลยเหอะ

                    “ไม่เอาอ่ะ-_-

                    “เธอนี่จะหน้ามึนไปถึงไหน ฉันไม่แต่งให้เธอกลายเป็นงิ้วหรอกน่า หรือเธอไม่เชื่อในฝีมือฉัน”มาสเตอร์พูดอย่างสบายๆพร้อมชี้ให้ดูหลักฐานในกระจก อ่ามันก็จริงที่มาสเตอร์มีฝีมือในการเลือกชุด แต่

                    “เอาล่ะ เสร็จแล้ว”

                    “ห๊ะO_O

                    “ฮะๆ ทำหน้าตกใจก็เป็นนี่ ดีนะที่เธอหน้านิ่ง ฉันก็เลยฉวยโอกาสตอนที่เธอกำลังคิดอยู่ แต่งหน้าให้เธอเรียบร้อยแล้วล่ะ^O^

                    “

                    ฉันหันควับไปมองกระจกคอแทบเคล็ด แล้วก็เกิดอาการกึ่งโล่งใจกึ่งอึ้งเมื่อเห็นเงาที่สะท้อนในกระจก โล่งใจที่มันไม่เหมือนกระเทยคาบาเร่ และอึ้งตรงที่มันดูไม่เหมือนฉันเลย!! ใครวะเนี่ย!? เวทมนต์แห่งสีสัน(เครื่องสำอาง)!!?

                    “โอเคล่ะ ถึงจะเสียดายผลงานชิ้นเอก แต่อาจจะมีคนจำเธอได้ คงต้องเพิ่มพรอพอีกหน่อย เอ้า เครื่องพรางตัว”ฉันหันกลับมามองมาสเตอร์อีกครั้งและพบกับของที่เขายื่นให้ มันคือ หมวกไหมพรมทรงฟักทองสีเทาขุ่นๆกับแว่นกันแดดเท่ห์ๆ

                    ถ้าจะปิดเกือบหมดหน้าขนาดนี้ จะแต่งหน้าให้ทำด๋อยอะไรฟะ-_-^

     

                    “เจ้าของร้านครับ”มาสเตอร์ที่เดินนำฉันลงมาชั้นล่างเรียกเจ้าของร้านที่กำลังยืนตรวจความเรียบร้อยหลังเวทีอยู่ อืมจากที่มองไปรอบๆแล้ว บริเวณนี้คงเป็นหลังเวทีที่ให้วงดนตรีขึ้นไปเล่น จากตรงนี้ฉันยังไม่เห็นบรรยากาศภายในร้าน แต่เท่าที่เงี่ยหูฟัง คาดว่าคงมีแขกเข้าร้านแล้ว เพราะเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจพอสมควรและนี่ก็เลยสามทุ่มมาหลายนาทีแล้วด้วย ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ตอนนี้ขาฉันสั่นกึกๆแบบหยุดไม่อยู่ ยิ่งเห็นกลุ่มคนที่คิดว่าเป็นสมาชิกในวงที่ฉันจะต้องร้องนำกำลังเดินตามหลังเจ้าของร้านตรงมาทางนี้ด้วยแล้วประหม่าสุดๆT^T

                    “อืม ทำได้ดีไม่เปลี่ยนเลยนะเจ้าจิ้งจอก”

                    “ถ้าไม่เรียกมาสเตอร์ ก็ช่วยเรียกผมด้วยชื่อเถอะครับ”

                    “ก็โวลเปมันแปลว่าจิ้งจอกนี่ แถมยังออกเสียงยากจะตายชัก เรียกจิ้งจอกง่ายกว่าเป็นไหนๆ”โวลเป? นั่นชื่อจริงของมาสเตอร์เรอะ ออกเสียงยากชะมัด ดีแล้วล่ะที่เค้าให้ฉันเรียกว่ามาสเตอร์ ไม่งั้นจะเรียกกันทีคงลำบากลิ้นพิลึก แต่จะว่าไปมาสเตอร์ก็ดูไม่ใช่คนไทยแท้จริงๆนั่นล่ะ ถึงจะไม่ฝรั่งจ๋าก็เถอะ ถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวทีเดียว

                    “เอ้าๆ เข้าเรื่อง เสียเวลาไปมากละ”เจ้าของร้านโบกมือเหมือนไม่อยากจะใส่ใจมาสเตอร์ไปมากกว่านี้

    ฉันล่ะสงสารมาสเตอร์จริงๆ ถูกเมินซึ่งๆหน้าเลย สองคนนี้ก็ดูอายุไม่น่าจะห่างกันนะ ทำไมมาสเตอร์ถึงหงอให้เจ้าของร้านขนาดนี้ จะเพราะหน้าที่การงานก็ไม่น่าจะถึงขั้นนี้นะ ดูๆไปแล้วมาสเตอร์ก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้ยอมอ่อนให้ผู้หญิงสักเท่าไร สงสัยจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง-w-

                    “นี่คือวงดนตรีประจำร้านนะ วงที่วันนี้เธอจะต้องมาเป็นนักร้องนำจำเป็น พวกเขาเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเป็นรุ่นพี่เธอสัก 2-3 ปีล่ะมั้ง ส่วนพวกชื่อหรือรายละเอียดอื่นๆไปคุยกันเอาเอง ฉันยุ่ง”

                    พูดเสร็จเจ๊แกก็เดินจากไป หลังจากสะโพกดินระเบิดนั่นลับสายตาออกไปจากหลังเวทีแล้ว พวกเราก็หันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง มาสเตอร์หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พอหมดธุระก็ทิ้งกันเลยนะ แบบนี้ฉันก็แย่สิ-_-;;

                    “ไม่ต้องเกร็งนะ พวกเราก็เป็นรุ่นพี่เธอไม่กี่ปี แล้วก็ไม่ใช่พวกน่ากลัวอะไรด้วย ฟังจากเจ้าของร้านมาแล้วว่าเธอมีเสียงแหบแต่น่าฟัง คล้ายกับนักร้องนำของเรา แต่ถ้าให้ดี ช่วยร้องให้ฟังสักเพลงสิ”หนึ่งในกลุ่มนักดนตรีที่ดูหน้าตาเป็นมิตรที่สุดพูดกับฉันยิ้มๆ เขาตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม มีผมสั้นๆสีดำที่ดูนุ่มสลวย แถมเตี้ยกว่าฉันซะอีก-_-ถึงจะนิดหน่อยก็เหอะ บรรยากาศรอบตัวคล้ายๆคนที่ฉันรู้จักจัสติน ใช่เลย ดูขี้เล่น ซนๆ ตัวเล็กๆ อ่า…-////- ฉันนี่แพ้อะไรที่เล็กๆน่ารักๆจริงๆด้วย

                    “เดี๋ยวก่อนสิโมล เราจะไม่แนะนำตัวให้น้องรู้จักก่อนเรอะ รีบไปป้ะ?”หนุ่มผมยาวสลวยถึงบ่าขยุ้มผมของเจ้าตัวเล็ก(รุ่นพี่แกนะนั่น ; ผู้แต่ง)ก่อนจะดึงไปให้พ้นทาง แล้วเปลี่ยนเป็นเค้าที่ก้าวขึ้นมาอยู่ตรงหน้าฉันแทน อืม หมอนี่ดูนิ่งๆและเป็นผู้ใหญ่สมเป็นรุ่นพี่กว่าคนเมื่อกี้เยอะ ถึงผมเค้าจะปิดหน้าปิดตาดูน่ารำคาญหน่อยๆก็เหอะ แต่ด้วยส่วนสูงและการแต่งตัวแล้ว เท่ห์ฝุดๆ-.,-

                    “พี่ชื่อ โป เป็นมือเบส ส่วนไอ้ตัวเมื่อกี้ชื่อ โมล คีย์บอร์ด นั่น ไอ้ตู้ มือกลอง และนี่ ชิ มือกีต้าร์สุดฮอตของวง”ดูพี่โปจะนำเสนอเพื่อนคนนี้สุดๆด้วยการกอดคอพี่ชิแล้วทำหน้าภูมิอกภูมิใจ ยอมรับเลยว่าพี่ชิหล่อจริง แต่ความหล่อมันไม่ได้เผื่อแผ่ไปที่พี่นะ พี่จะภูมิใจไปด้วยเพื่อ?

                    “อืม แอลดี-_-“ฉันบอกแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเอง เป็นการแนะนำตัวที่เสียมารยาทไปหน่อย แต่ก็นะ กับคนคุ้นเคยฉันยังพูดน้อยจนนับคำได้ แล้วกับคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่ใช้ภาษามือด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว

                    “น้องเฮียโรม?”เสียงเฉื่อยๆเป็นเชิงคำถามดังมาจากมือกีต้าร์สุดฮอตของวง(เรียกตามพี่โป) ฉันพยักหน้าตอบและจ้องคนถามเพื่อพิจารณาอยู่พักหนึ่ง

                    พี่ชิหนุ่มหล่อหุ่นดีผมสั้นกระเซิงๆเหมือนอำลาหวีมานาน หน้าตาง่วงๆเหมือนยังไม่ตื่นนอนดีแต่ก็ดูเท่ห์แบบมึนๆดีนะ-_- ไหนจะส่วนสูงที่สูงที่สุดในวง สูงกว่าฉันหลายเซ็นทีเดียว ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่แนวนี้สาวๆอาจจะชอบล่ะมั้ง(แกไม่ใช่สาวเรอะ? ; ผู้แต่ง) เขาส่งยิ้มแบบง่วงๆมาให้ฉัน ฉันก็เลยยิ้มตอบกลับไป แล้วคนที่ส่งเสียงขึ้นมาก็คือพี่ตู้ ผู้ที่ฉันมองข้ามไปเมื่อไรก็ไม่รู้ อาจเพราะออร่าไอ้พี่คนนี้ คล้ายไอ้โจ๊กอย่างน่าประหลาด คนประเภทนี้มีอยู่ในชีวิตแค่คนเดียวก็เกินจะพอ-_-^

                    “โอ้โหเฮะ พูดน้อยจังนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอย่างเฮียโรมเนี่ยจะมีน้องสาวสวยขนาดนี้ แบบนี้มาเป็นนักร้องนำวงเราแบบถาวรเลยก็ได้นะคร้าบบบ”

                    นั่นไง ภาพไอ้โจ๊กลอยขึ้นมาเลยทีเดียว นี่ถ้าเผลอโบกกะโหลกไปสักทีก็อย่าว่ากันเลยนะ

                    “พอๆเลิกแซวน้องเค้าได้แล้ว เอาเป็นว่าพี่ขอฟังเสียงน้องหน่อยนะ แล้วจะได้ตกลงกันหลายๆเรื่อง เวลามีน้อยน่ะ เดี๋ยวก็ต้องขึ้นเล่นแล้ว”แล้วก็เป็นพี่โปอีกครั้งที่ทำให้บทสนทนามีสาระขึ้น และทำให้พี่ตู้รอดพ้นจากการถูกฉันโบกแบบข้ามรุ่น-_- ฉันร้องท่อนฮุคของเพลงเดิมที่ร้องให้เจ้าของร้านฟัง พอจบท่อนพี่โปก็บอกให้หยุด สีหน้าพออกพอใจเชียว

                    “โอเคเลยนะ ถึงเสียงจะแหบกว่านักร้องของเราอยู่มาก แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”

                    เราคุยกันต่อเรื่องเพลงหลักที่ต้องร้องซึ่งมีประมาณ 5 เพลง ปกติจะมีเพลงที่วงพี่เค้าแต่งเองด้วย แต่คืนนี้จะเปลี่ยนเป็นเพลงทั่วๆไปที่ฉันคุ้นเคยทั้งหมด ที่เหลือก็จะเป็นเพลงที่แขกในร้านรีเควส โดยรวมก็ไม่มีอะไรที่ฉันลำบากใจ นอกซะจาก เพลงสุดท้ายเพลงจังหวะแรงๆที่เอาไว้ปิดท้ายให้ลูกค้าได้เต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง พี่ๆในวงขอว่าช่วยร้องแบบมีฟิลลิ่ง เอาให้มันส์จนอดกระโดดตามไม่ได้ เอ่อ ขอโทษนะ ฟิลลิ่ง? แค่แสดงออกทางสีหน้ายังยากเลย นี่ให้แสดงออกทางเสียง ฉันจะไปทำได้เรอะ?

                    “ไม่เป็นไรน่า นี่ไง อย่างไอ้ชิเนี่ย มันก็เป็นคนแสดงอารมณ์ไม่เก่ง แต่เสียงกีต้าร์ของมันสื่อสารได้ดีกว่าคำพูดอีก เราก็แค่คิดตามเนื้อแพลง แล้วก็ปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะเพลง นะ?”พี่โมล

                    “ไม่รับปาก แต่จะพยายาม-_-

                    “ก็ยังดี^^”พี่โป

                   

                    แปะ แปะ แปะ

                    เสียงปรบมือรัวๆดังมาก่อนตัว พวกเราที่ยืนสุมหัวกันอยู่หันไปมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง คุณเจ๊เจ้าของร้านเดินตรงาหาพวกเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดูอำมหิตชอบกล-_-;;

                    “เตรียมตัวกันเสร็จรึยังเด็กๆ ได้เวลาขึ้นเวทีแล้วนะ อ้อ สำหรับเธอนะแอลดี ถ้าคืนนี้เธอทำได้ดี พี่ชายเธอจะรอดพ้นจากความตาย แต่ถ้าเธอทำล่ม พี่เธอได้ลาโลกแน่ๆจ้ะ^^ “สาบานได้ว่านี่เป็นรอยยิ้มที่เหี้ยมที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา ฉันเชื่อว่าถ้าฉันทำให้ร้านเจ๊แกเสียชื่อ พี่ชายฉันได้ลาโลกจริงๆแน่ๆ โทษฐานที่ลักพาตัวนักร้องนำตัวจริงไป เหอะ ไอ้พี่บ้าที่ติดตั้งระบบติดตามตัวในมือถือน้องโดยพลการ แถมยังส่งน้องมารับผิดชอบสิ่งที่ทำตัวเองทำเรื่องเดือดร้อนไว้อย่างพี่ชายฉันเนี่ย โดยเจ๊เจ้าของร้านเชือดทิ้งไปซะก็ดีหรอก!

                    แต่ถ้าเกิดฉันแกล้งทำทุกอย่างพัง กลัวว่าจะไม่ใช่แค่พี่ชายน่ะสิที่จะดับดิ้น มีหวังฉันได้ดับตามไปติดๆแหง ก็ดูหน้าเจ๊แกดิ ยมทูตชัดๆ!!

                          ♩♬    

                    Intro เพลงแรกของวันนี้ขึ้นมาแบบช้าๆ ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้บนเวที โดยมีพี่ๆมีที่ยืนประจำเครื่องดนตรีของตัวเอง กำลังเล่นเพลงที่คุ้นหูคนส่วนใหญ่ ผู้คนในร้านยังมีไม่มากนัก อาจจะเพราะร้านเพิ่งเปิดได้เพียงไม่กี่นาที แต่คนทั้งหมดนั้นก็หันมาให้ความสนใจกับกลุ่มคนบนเวทีที่กำลังเล่นเพลงสบายๆนี้อยู่ อ่า ไม่เคยกลายเป็นจุดสนใจตรงๆแบบนี้ซะด้วยดิ เวลาวิ่งอยู่ในสนามฉันก็ไม่ได้สนใจว่าคนดูมองอยู่รึเปล่า แต่ไอ้แบบนี้เนี่ย ต่อให้ไม่สนใจ แต่มันก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนหลายสิบคนกำลังจ้องเราอยู่

                    ฉันอ้าปากร้องคำแรกอย่างประหม่าเล็กน้อย เนื้อเพลงถูกขับร้องออกไปด้วยความเคยชินเพราะมันเป็นเพลงฮิตที่ฟังบ่อย ดูเหมือนว่าเสียงฉันมันก็ไม่ได้แย่ถึงกับฟังไม่ได้นะ เพราะคนในร้านก็ไม่ได้ส่งเสียงโห่ไล่ แถมคนสวนใหญ่ก็กลับไปสนใจวงสนทนา อาหาร และเครื่องดื่มของตัวเองแล้ว แบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อยT^T

                    “ไม่ใช่นักร้องคนเดิมนี่ แต่ก็เพราะดีเนอะ”เสียงผู้หญิงโต๊ะติดเวทีคุยกับเพื่อนสาวโต๊ะเดียวกัน เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังจ้องฉันอยู่และโยกตัวไปตามจังหวะเพลงอย่างสบายอารมณ์ ตอนนี้กลายเป็นว่าเพื่อนเธอหันมาจ้องฉันด้วยอีกคน แถมยังจ้องแบบพินิจพิเคราะห์ตั้งแต่หัวจรดเท่า เล่นเอาฉันต้องเบือนหน้าไปมองทางอื่นแก้เขิน จะจ้องอะไรหนักหนา ผู้ชายหล่อๆในวงตั้งเยอะก็จ้องไปสิ ฉันนี่ผู้หญิงเหมือนหล่อนนะยะ-*-

                    “ถึงจะใส่หมวกกับแว่นจนแทบไม่เห็นหน้า แต่ลุคเท่ห์กว่านักร้องคนเดิมเยอะเลยเนอะ แบบนี้เข้ากับวงมากกว่าอีก คนก่อนตัวเล็กๆน่ารักๆไม่เข้ากับแนวเพลงของวงเลยอ่ะ”

                    “จริงด้วย เสียงก็แหบๆเป็นเอกลักษณ์มากเลยเนอะ”

                    คราวนี้ทั้งโต๊ะเลยหันมาสนใจฉันกันหมด เฮ้ๆ ก็ดีหรอกนะที่ชม แต่จ้องกันแบบนี้ มือใหม่หัดขึ้นเวทีมันประหม่านะเฟ้ย!

                    “หึหึ ใจเย็นๆ”เสียงพี่ชิที่ยืนใกล้ฉันที่สุดพูดแบบขำๆ ตายล่ะ ดันร้องเร่งจังหวะเพราะตื่นเต้นซะได้ ดีนะที่เป็นท่อนสุดท้ายพอดี

                    แปะ แปะ แปะ

                    “วี๊ดวิ้ว นักร้องใหม่หรอ เจ๋งดีนี่”

                    “ขอบคุณครับพี่โอม”

                    ดูเหมือนคนที่ส่งเสียงผิวปากแถมด้วยคำชมนั่นจะเป็นลูกค้าประจำ เพราะพี่โปตอบกลับแบบเป็นกันเองแถมมีรางวัลเป็นเหล้าส่งตรงจากโต๊ะนั้นอีก ดูพี่โปจะถูกใจใหญ่เชียว เดี๋ยวเมาแล้วเล่นเป๋จะทำไงเนี่ย!!

                    “นี่คร้าบบบ รีเควสจากลูกค้า”พนักงานของร้านวิ่งหลุนๆเข้ามาหน้าเวทีพร้อมส่งเสียงใสๆเรียกให้ฉันไปรับกระดาษที่เขียนชื่อเพลง โอ้โห เพิ่งได้เห็นใกล้ๆนี่แหละ นี่มันเด็กผู้ชายจริงดิ!? น่ารักสุดๆ คนที่เดินเข้ามายื่นกระดาษให้ฉันนั้นแต่งตัวแบบเด็กนักเรียนญี่ปุ่น กระโปรงสั้นเหนือเข่ากับถุงเท้ายาว ตัวเล็กๆ ตาโตๆ ผมยาวเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อนที่น่าจะเป็นวิก แน่ล่ะ เป็นวิกแหงๆก็นี่มันผู้ชายนี่นา สมกับที่มาสเตอร์พูดไว้จริงๆ พอมองดูดีๆแล้วพนักงานคนอื่น ทั้งผู้ชายที่แต่งเป็นผู้หญิง และผู้หญิงที่แต่งเป็นผู้ชาย ทุกคนดูดีมากจริงๆ ตอนขึ้นเวทีมาใหม่ๆมัวแต่ประหม่าก็เลยไม่ได้สนใจคนข้างล่างเท่าไร แต่นี่มันโอย โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันแฮะ บางคนนี่ถ้าแต่งแบบนี้แล้วเจอกันข้างนอก แล้วไม่บอกก่อนว่าแต่งตัวสลับเพศนะ ก็ไม่รู้เพศที่แท้จริงเลยนะเนี่ย

                    “พี่ครับๆ”

                    “อ้อ ขอโทษ”

                    ฉันหันมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อกี้มัวแต่เหม่อมองพนักงานคนอื่นก็เลยลืมไปว่ายังไม่ได้รับกระดาษรีเควสเพลงมาจากหนุ่มน่ารักหน้าเวที-////- อ่า ฉันนี่มันแพ้สิ่งมีชีวิตเล็กๆจริงๆด้วย แต่ทำไมคุ้นหน้าเด็กคนนี้จังวะ? คุ้นมากๆ แต่จะว่าไม่คุ้นก็ได้นะ เหมือนอิมเมจมันไม่ตรงกับความทรงจำ จริงสิ ถ้าเคยเจอกันข้างนอก ก็ต้องเป็นในชุดผู้ชาย ผมสั้น ไม่แต่งหน้า

                    ถ้าลองลบความเป็นผู้หญิงที่ถูกเติมแต่งลงบนเด็กคนนี้ออกแล้วล่ะก็ก็เหมือนกับ

                    “ไอ้จัสO_O

                    “ห๊ะO_O

                    “อ้อ เปล่าๆ แค่กๆ เมื่อกี้พี่จามน่ะ ไม่มีอะไร”แถหน้าด้านๆเลยฉันT^T

                    “อ้อครับๆ”

                    แล้วพนักงานคนนั้นก็เดินออกไปแบบงงๆบนระแวงๆ

    โอ้ว คุณพระ นี่มันอะไรกันเนี่ย เมื่อกี้นี้มันใช่ ต้องใช่แน่ๆ ฉันเห็นหน้ามันมาตั้งแต่จำความได้ ต่อให้มันจะแต่งหน้าเข้มกว่านี้ ติดขนตาหนากว่านี้ ฉันก็ยังจำมันได้

                    ไอ้จัสติน!!!

                    นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องปิดบังตัวตนของตัวเองเพื่อความปลอดภัยของพี่ชายและความห่างไกลคุกของเจ้าของร้านกับมาสเตอร์แล้วล่ะก็ ฉันคงระเบิดหัวเราะดังที่สุดในรอบปีออกไปแล้วแน่ๆ ก็ไอ้จัสติน เพื่อนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงมันจะน่ารักแต่ก็ไม่ใช่ตุ๊ดแน่นอน แต่ต้องมาเจอมันแต่งหญิงแบบนี้!! ไปไม่เป็นเลยฉัน อึ้งกิมกี่!!!

                    ในทางตรงกันข้าม นี่ถ้าไม่มีแว่นไม่มีหมวกอำพรางหน้าตาอยู่ล่ะก็ มันก็คงจำฉันได้เหมือนกันO_O;; อ๊ากกกก รับไม่ได้ มันต้องระเบิดหัวเราะดังกว่าฉันเป็นสิบเท่าแน่ๆ ที่มาเห็นฉันแต่งหญิงแบบนี้

    ไม่ได้!! ยังไงก็ไม่ได้!!! จะให้ความแตกไม่ได้เด็ดขาด!!!!!!

                    “เฮ้ย!! เป็นอะไร ใจเย็นๆ”ฉันสะดุ้งสุดตัวตอนโดนมือเย็นๆของพี่ชิแตะที่หลังมือ ดูเหมือนฉันจะช็อคไปหน่อย แถมกำไมค์แน่น เหงื่อแตกพรากทั้งที่แอร์ในร้านก็โคตรจะเย็น แหงล่ะ ตอนนี้ในหัวฉันตีกันเป็นผึ้งแตกรังเลย นอกจากเรื่องที่ได้รู้ว่าไอ้จัสทำงานอยู่ที่นี่ แถมต้องมากังวลว่ามันจะจำฉันได้ แล้วไหนจะความสงสัยว่าทำไมมันถึงต้องมาทำงานในที่แบบนี้ แล้วมาสเตอร์รับมันเข้ามาทำงานได้ไงทั้งที่มันอายุไม่ถึง แล้วไหนจะต้องตั้งสติร้องเพลงอีกเฮ้ย! แล้วไอ้จัสมันจะจำเสียงฉันได้มั้ยเนี่ย อิ๊บอ๋ายแล้วววว

                    “เฮ้ยๆ ทำไมเหงื่อแตกงี้อ่ะ เป็นไรมั้ยเนี่ย”คราวนี้เสียงพี่ชิดังกว่าเดิม เรียกให้คนอื่นๆในวงหันมามองเราสองคนแบบสงสัย แถมพวกคนในร้านก็เริ่มหันมามองแล้วว่าทำไมดนตรีเงียบไปนาน ข้างเวทีเจ๊เจ้าของก็เดินออกมาดูด้วยความสงสัยเหมือนกัน ตายล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเป็นเรื่องแน่ ฉันต้องตั้งสติ แล้วทำงานนี้ให้เสร็จอย่างดีที่สุด เรื่องอื่นจะเป็นไงก็ค่อยว่ากัน!!!!

                    “ไม่เป็นไรพี่ เล่นต่อเลย เอ้า นี่เพลงที่ลูกค้าขอ”ฉันยื่นกระดาษให้พี่ชิ ไม่นานดนตรีก็ดังขึ้น ฉันขยับตัวให้ตัวเองผ่อนคลายยิ่งขึ้น เพลงที่ถูกขอเข้ามายังคงเป็นเพลงช้าๆสบายๆ ฉันจึงยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเดิม โชคดีที่เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ฟังบ่อย เลยร้องได้แม้สติจะยังกลับมาไม่ครบ


    ให้ตายเหอะไอ้แอลดีเอ้ยยย จบคืนนี้แกต้องกลับไปเคลียร์กับหลายคนเลยนะเนี่ย!





    ตอนที่3 หลังจากหายไป 3 เดือน ช่วยติชมด้วยนะจ๊าาาาา-3-

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×