ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not a boy ขอโทษที พอดีผมเป็นผู้หญิง

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 56


    Chapter 1

    แฮ่กๆ แฮ่กๆ ฮึบ!!

    ปึง!!

    ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    “หมดเวลาการแข่งขัน ทีมAชนะไปด้วยสกอร์ 25-20

    Shit!

    “เฮ้ ให้ตายสิแอลดี เธอนี่มันสุดยอดชะมัด”ตัวฉันปลิวไปตามแรงดึงพร้อมกับแขนล่ำๆที่โอบรอบคอจนเกือบขาดอากาศหายใจ แต่ที่จริงมันก็ไม่ต่างกับขาดอากาศหรอก เมื่อบวกกับกลิ่นเหงื่อเหม็นๆของผู้ชายวัยรุ่นที่เพิ่งออกกำลังกายมาใหม่ๆ โจ๊กเกอร์ขยี้ผมฉันอย่างเมามันส์ด้วยมือใหญ่ๆหยาบๆของมัน มันคิดว่าแรงมันน้อยรึไง! สาบานสิว่าที่รัดคอฉันอยู่นี่คือแขนคนไม่ใช่ท่อนซุง!!

    ให้ตาย ไม่ต้องขยี้มันก็ยุ่งพออยู่แล้วน่าฉันอยากจะโกนใส่หน้าหมอนี่แบบนั้น แต่นั่นก็เป็นแค่สิ่งที่อยากทำล่ะนะ เพราะจริงๆฉันทำแค่ทำหน้าเบื่อโลกใส่ไอ้เบื้อกกล้ามโตตำแหน่งเซ็นเตอร์ของทีมแล้วดันตัวออกแบบเซ็งๆเท่านั้น ทำไมจะต้องเปลืองแรงเปลืองน้ำลาย พูดน้อยๆไว้แหละดีจะได้ไม่เหนื่อย โดยเฉพาะกับไอ้พวกนี้น่ะนะ-_-

    “สุดยอดยังไงก็แพ้อยู่ดี-_-

    ตอนนี้อารมณ์ฉันติดลบแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต่อให้ถูกรางวัลที่หนึ่งตอนนี้ก็คงไม่ดีขึ้น(พูดไปงั้นแหละ ไม่เคยถูก เลยไม่รู้ว่ามันดีใจแค่ไหน) ให้ตายสิ นี่ฉันวิ่งวุ่นทั่วสนามแถมเร่งทำคะแนนแทบตาย แต่ก็ยังไม่ชนะ! หึ่ย-_-^

    “ไม่เอาน่า ใครเอาชนะฮอร์คได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว หมอนั่นเทพเกินไป”เซ็นเตอร์ตบบ่าฉันเบาๆ หมอนี่ชื่อเซ็นเตอร์แต่ชอบเล่นตำแหน่งพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด บางครั้งฉันก็สับสนเหมือนกัน เซ็นต์แกะหนังยางที่ผูกขาแว่นตัวเองออกพร้อมปาดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผาก หล่อไปแล้วเพื่อน สาวๆรอบสนามจะหัวใจวายตายเอานะ

    “สักวันเหอะ-_-*

    สายตาฉันจับจ้องไปที่คนตัวสูงสุดในทีมตรงข้ามที่กำลังยืนทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกเหนื่อยสักนิดทั้งที่ฉันหอบจนรู้สึกปวดสีข้างเพราะต้องวิ่งวุ่นไปทั่วสนาม ไล่แย่งลูกกลมๆสีส้มจากมือหมอนั่นจนเกือบเหมือนลิงชิงบอลมากกว่าบาสเก็ตบอล แต่กลับแย่งแทบไม่ได้ แถมที่สำคัญ หมอนั่นแทบไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย! หึ่ย หงุดหงิดชะมัด

    “แอล ฉันเห็นเธออาฆาตไอฮอร์คมาตั้งนานแล้ว แทนที่จะซ้อมกับพวกผู้หญิงกลับมาซ้อมกับผู้ชาย แถมจงใจเล่นทีมตรงข้ามกับมันตลอด มันไปทำอะไรให้เธอหรอ”เจ้าของตำแหน่งพอยด์การ์ดพ่วงหัวหน้าทีมตัวจริงผู้มีนามว่ากุ๊นและเป็นคนเดียวที่เรียกฉันสั้นๆว่าแอลเสยผมแรงๆแล้วเหล่มองหัวหน้าทีมฝั่งตรงข้าม ฉันมองหน้ามันอย่างเอือมๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมันยอมสละตำแหน่งไปเล่นสมอล ฟอร์เวิร์ดเพื่อให้ฉันสวมรอยเป็นหัวหน้าชั่วคราวอย่างไม่อิดออดล่ะก็ จะด่าให้เปิงเลย เพราะเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้งที่มันถามคำถามประมาณนี้ แม้ไม่เคยได้คำตอบจากฉัน มันก็ยังเพียรพยายามถามได้ทุกวี่ทุกวัน!

    ทำไมฉันที่เป็นนักกีฬาบาสฯหญิงของโรงเรียนถึงต่อฝืนสังขารมาซ้อมกับพวกผู้ชายร่างบึ๊กและกลิ่นเหงื่อมหาปะลัยเกินจะทนน่ะหรอ(ข้อหลังนี่ยกให้ไอ้โจ๊กอันดับหนึ่ง) ทำไมฉันจะต้องวิ่งจนขาขวิดไล่ตามลูกในมือคนบางคนน่ะหรอ! ทำไมฉันที่แสนจะสุขุม ไร้อารมณ์ และมีเหตุผลต้องมาอารมณ์เสียแบบควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะหรอ!!! เหตุผลมันเพราะ

    “ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยน่ะซี่^O^”เสียงเล็กๆใสๆเข้ากับขนาดตัวของคนพูดแทรกขึ้นกลางวง เราลดสายตาลงเล็กน้อยเพื่อมองคนที่เตี้ยกว่า จัสติน ตำแหน่งชูตติ้งการ์ด หนึ่งในเขี้ยวเล็บของไอ้ฮอร์ค! และหนึ่งในเพื่อนบ้านตั้งแต่เด็กของฉัน -^-

    “หมายความว่าไงครับคุณจัส ถ้าคุณฮอร์คไม่ได้ทำอะไรคุณแอลดี แล้ว”ชูตติ้งการ์ดทีมฉันถามแล้วละไว้เท่านั้นเมื่อหันมาเจอสายตาปรามของคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาอย่างฉัน หมอนี่ชื่ออ่า อะไรนะ? จำไม่ได้แฮะ แต่พวกเราเรียกมันว่าแว่นมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนลืมชื่อเล่นจริงๆ(???)ของมันไปแล้ว-_-

    “ก็เพราะฮอร์คน่ะ

    “พอแค่นั้นแหละจัส!

    ไอเตี้ยนี่คิดจะพูดอะไรถ้าฉันไม่ห้ามน่ะ!!

    “โอ๋ๆ แอลดี อย่าโกรธน่า ฉันไม่พูดแล้วนะๆ”ไอ้ลิงจิ๋วเอาแก้มมาถูไถๆที่แขนฉันอย่างออดอ้อน มุกเดิมเวลาหมอนี่ทำให้ฉันโกรธ เพราะรู้น่ะสิว่าฉันใจอ่อนกับสัตว์เล็กๆน่ารักๆ(???)

    “พอเลยไอ้จัส ถ้าไม่ใช่เพราะแกวิ่งส่งลูกเป็นลิงแบบนั้น ทีมฉันก็คงทำแต้มได้มากกว่านี้ไปแล้ว”โจ๊กเกอร์ผลักหัวจัสตินอย่างหมั่นไส้ แน่ล่ะ ถ้าจัสตินเป็นลิง ไอ้โจ๊กก็เหมือนหมีควายตัวโตๆที่ไล่จับลิงไปทั่วสนามนั่นแหละ

    “กรี๊ดดดดดดด แอลดี วันนี้ก็เท่ห์สุดๆเลยนะคะ”ฉันถอนหายใจพรืดเมื่อได้ยินเสียงนี้ ยัยนี่ไม่เบื่อบ้างรึไงนะ ฉันยังเบื่อเธอเลยนะเว้ย!

    “อีกแล้วหรอพัพเพอร์ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไอ้แอลดีมันเป็นผู้หญิง ถึงมันจะไม่มีนม สูงชะลูด แถมหล่อสุดใจขาดดิ้นขนาดนี้ แต่โครโมโซมมันน่ะเหมือนเธอนะ^^

    โป๊ก!!

    “โอ้ย! เจ็บน่ะเว้ย เคาะมาได้ นี่หัวคนนะครับคุณผู้หญิง”ไอ้โจ๊กคลำหัวป้อยๆ หน้าเหยเกของมันคงถูกใจพัพเพอร์ที่เกาะแขนของฉันอยู่ เพราะเธอยิ้มเยาะไอ้โจ๊กอย่างออกนอกหน้าจนไม่ได้สังเกตเลยว่าจัสตินที่เกาะแขนอีกข้างของฉันนั้นกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คุณเธออยู่เหมือนกัน โอ้ย ทำไมรอบตัวฉันถึงมีแต่ตัวป่วนอยู่เต็มไปหมดเลย(วะ) สงสัยชาติที่แล้วฉันคงทำฟาร์มเพาะลิง(??)ขาย ชาตินี้ถึงได้ตามมารังควานกันทั้งฝูง!!

                    “แอลดี เธอหนีซ้อมของทีมหญิงมาซนแถวนี้อีกแล้วนะ กลับไปเก็บลูกที่สนามนู้นเป็นการลงโทษ!

                    “โธ่ เปปเปอร์ ไม่เอาน่า การที่แอลดีมาซ้อมที่นี่ก็ดีออก ฉันจะได้มอง เอ้ย! หมายถึง แอลดีก็เล่นเก่งมากจนเทียบพวกผู้ชายได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย พวกผู้ชายก็ได้ฝึกตามปกติ แอลดีก็ได้ฝึกให้เก่งขึ้นไปด้วย เอ่อ มันก็ดีทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรอ!!

                    พัพเพอร์หันไปพูด(แก้ตัว)อย่างเก้ๆกังๆ(เพราะต้องชักแม่น้ำทั้ง5)กับเปปเปอร์พี่ชายฝาแฝดของเธอเอง ทั้งสองคนเป็นผู้จัดการทีมบาสของโรงเรียน พัพเพอร์เป็นผู้จัดการทีมบาสชาย เปปเปอร์เป็นผู้จัดการทีมบาสหญิง และทั้งสองทีมจะแยกกันซ้อมคนละโรงยิม ซึ่งอยู่ห่างกันคนละฝากโลก การที่เปปเปอร์ลงทุนตามมาจัดการฉันถึงนี่แสดงว่าเหลือทนแล้วนั่นเอง อ่า ฉันก็คงเป็นลิงตัวหนึ่งในสายตาหมอนี่ เหมือนที่ฉันมองไอ้พวกตัวป่วนในชีวิตฉันสินะ สาบานเลยว่าฉันรู้สึกผิดจากใจ-_-

                    “นั่นสิเปป หรือถ้านายเป็นห่วงแอลก็แค่ย้ายทีมหญิงมาซ้อมที่นี่ก็ได้ สนามที่นี่ใหญ่กว่าซะอีก เราไม่เกี่ยงหรอก”

                    “ไม่ได้!”เอาล่ะสิ ผู้จัดการผู้แสนจะเข้มงวดกับกัปตันผู้แสนจะไม่ยอมคนกำลังปะทะคารมกันเพราะเรื่องเล็กๆอีกแล้ว ไปเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหนเนี่ย เฮ้อ ไร้สาระจริงๆ(ได้ข่าวว่าเธอเป็นต้นเหตุ? : ผู้แต่ง)

                    “ทำไมจะไม่ได้!

                    “เพราะยัยนี่เป็นผู้หญิง!!

                    “โห่~~ ไม่เอาน่าเปป นอกจากแก ที่นี่ไม่มีใครเค้ามองแอลดีเป็นผู้หญิงหร๊อก ช่วยแหกตาดูหน่อยเถอะครับเพ่! ยอมรับแบบไม่อายเลยน่ะเว้ย ไอ้เนี่ย มันหล่อกว่าฉันซะอีก! ทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งเนื้อแต่งตัว กระทั่งนิสัย ต่างอะไรกับผู้ชายวะครับ”ไอ้โจ๊กพูดไปก็ชี้ไล่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะชะงักแล้วพูดต่อ “ถ้าไม่ติดว่าเคยเห็นมันเป็นลมเพราะปวดท้องเมนส์ล่ะก็ ให้ตายก็ไม่เชื่อว่ามันเป็นผู้หญิง!! เอ๊ะ หรือวันนั้นเธอแค่หาข้ออ้างโดดซ้อมวะแอลดี ไม่จริ๊ง นี่แกเป็นผู้ชายจริงๆใช่มั้ย ใช่ม้าย ย ย”

                    “น้อยๆหน่อยไอ้โจ๊ก ปากดีเดี๋ยวก็โดนแอลดีมันเคาะกะโหลกเอาอีกหรอก”ขอบใจมากเซ็นต์ แต่แกเตือนมันสายไปแล้วว่ะ

                    โป๊ก!!

                    “เฮ้ย จะทำอะไรบอกกันบ้างดิวะ จะได้ตั้งรับทัน ไอ้นิสัยพูดน้อยต่อยหนักนี่ก็อีก ผู้หญิงน่ะต้องหัดโวยวายเหมือนยัยพัพเพอร์บ้าง!

                    “เดี๋ยวนอกจากหมัด จะโดนตบด้วยนะยะ!!”พัพเพอร์ถลึงตาใส่โจ๊กเกอร์อย่างเคืองๆ เอ่อ ฉันว่าฉันเริ่มเห็นด้วยกับไอ้โจ๊กแล้วนะ เพราะตั้งแต่เริ่มเรื่องฉันบทน้อยพอๆกับตัวประกอบเลย นี่ฉันเป็นตัวเอกไม่ใช่หรอ?? หรือฉันเข้าใจอะไรผิด สงสัยตั้งแต่ได้ค่าตัวน้อยแล้วนะ(อย่านอกเรื่อง ค่าตัวเดี๋ยวเคลียร์หลังไมค์ ; ผู้แต่ง)

                    “พอๆ แยกย้ายได้แล้ว วันนี้ซ้อมเสร็จแล้ว ส่วนเธอแอลดี ไปเก็บอุปกรณ์อย่างที่ฉันบอกแล้วค่อยกลับ ต่อไปถ้าจะมาซ้อมกับพวกผู้ชายต้องขออนุญาตก่อน อย่าหายมาเฉยๆแบบนี้อีก”เปปเปอร์

                    “อืม-_-

                    “แอลดี งั้นฉันขอกลับก่อนนะ มีงานพิเศษหลังเลิกเรียนอ่ะ*-*”จัสติน

                    “อืม-_-

                    ช่วงนี้ดูหมอนี่จะยุ่งๆแฮะ เลิกซ้อมทีไรก็รีบแจ้นไปทำงานพิเศษ แถมกลับบ้านดึกดื่นทุกคืน ทางบ้านเดือดร้อนเรื่องเงินรึไงนะ

                    “ช่วงนี้ไอ้จัสมันเดือดร้อนอะไรรึเปล่า เห็นทำงานพิเศษตลอด ทำอะไรก็ไม่ยอมบอก”เซ็นต์พูดสิ่งที่ทุกคนคิดออกมา พวกเราอยู่ทีมเดียวกัน ซ้อมด้วยกันมาก็นาน(ถึงฉันจะเป็นสมาชิกแบบงงๆก็เหอะ) พอใครมีปัญหาก็ช่วยกันเสมอ การที่จัสแปลกไปแบบนี้ พวกนี้คงจะเป็นห่วงกันมาก

                    “ไม่รู้สิ-_-

                    “โอ้ยยยย พูดเยอะๆหน่อยเถอะครับ แม่คู้ณณณ”

                    โป๊ก!!!

                    “อ๊ากกกกกก ครั้งที่สามแล้วนะโว้ย!

                    “สมน้ำหน้า!!”เสียงประสานของเราสะท้อนก้องโรงยิมอยู่ไม่กี่วินาที แต่คาดว่าคงจะก้องอยู่ในหูไอ้โจ๊กไปอีกนาน ฮ่าๆ

                    ว่าแต่ ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำฉันอารมณ์เสียมันหายหัวไปไหนแล้วเนี่ย พอชนะก็สะบัดตูดกลับไปก่อนใครเพื่อนเลยนะ!!

     

     

                    “เฮ้ เก็บเสร็จแล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะ”

    อ่าหมอนี่จะตามรังควานไปถึงไหนเนี่ย คิดว่าเป็นผู้จัดการแล้วจะบงการคนอื่นเค้าตลอดเลยรึไง เสียงเข้มๆของผู้จัดการทีมที่คุณก็รู้ว่าใครดังขึ้นเหนือหัวฉันที่นอนแผ่หลาอยู่กลางสนาม ข้างตัวมีลูกบาสหนึ่งลูกที่ยังไม่เก็บเข้าที่ เพราะฉันใช้มันซ้อมชู้ตจนถึงเมื่อ 10 นาทีก่อน ก่อนที่ฉันจะหมดแรงนอนแผ่อยู่ตรงนี้

                    “ยังไม่เสร็จ”ฉันตอบนิ่งๆพร้อมเหล่ไปทางลูกบาสข้างตัว

                    “เกลียดไอ้การกวนหน้าตายของเธอชะมัด เอาเหอะ กลับบ้านได้แล้วมั้ง เย็นมากแล้วนะ”        

                    “ช่างฉันเหอะ”

                    “คิดมากรึเปล่า ที่โจ๊กเกอร์พูด มันก็ปากหมานแบบนั้นมานานแล้ว”

                    “เปล่า มันพูดเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้คิดมากหรอก”

                    ฮึบ!

                    “นั่นจะไปไหนน่ะ”

                    เปปเปอร์ตะโกนตามหลังฉันที่จู่ๆก็ลุกพรวดแล้วจ้ำเอาจ้ำเอา

                    “กลับบ้านน่ะสิ ฝากเก็บลูกบาสนั่นด้วย ขอบใจ”ฉันหันไปบอกผ่านๆ จะเอาไงกันแน่ บอกให้กลับ พอกลับก็ยืนงง หมอนี่ท่าจะเพี้ยน

                    “เฮ้อ ฉันล่ะตามอารมณ์เธอไม่ทันเลยจริงๆ”

     .

     ..
     ...

                    เฮ้อบอกเปปไปว่าไม่คิดมาก แต่จริงๆก็แอบคิดแฮะ ถึงฉันจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นปมด้อย แต่ก็ใช่ว่าจะชอบหรอกนะที่เกิดมาเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เล็กๆแล้วที่ฉันสูงที่สุดในกลุ่มผู้หญิง ตอนแรกก็ไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่ยิ่งโตก็ยิ่งสูง สุดท้ายก็เด่นจนโดนล้อ ถึงฉันจะไม่ใส่ใจแต่เพราะเพื่อนผู้หญิงที่สนิทมีแต่คนตัวเล็กกว่า ฉันเลยต้องค้อมตัวลงเรื่อยๆเพื่อให้คุยกับเพื่อนได้สะดวก จนติดเป็นบุคลิกที่ไม่ดี คนตัวสูงตั้งแต่เด็กส่วนใหญ่ก็คงเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมาเจอกีฬาบาสฉันก็คงกลับมายืดหลังตรงแบบนี้ไม่ได้อีก แน่ล่ะ ในทีมบาส แม้แต่ทีมผู้หญิงก็มีแต่คนสูงๆ ฉันเลยไม่จำเป็นต้องค้อมตัวให้เมื่อย ถึงฉันจะสูงที่สุดในทีมหญิงอยู่ดีก็เหอะนะ-_-;

                    แต่นอกจากเรื่องสูงแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันห่างไกลกับคำว่าผู้หญิง ก็อย่างที่ไอ้โจ๊กพูดนั่นแหละ เพราะฉันขี้ร้อนเลยตัดผมสั้น ถึงจะไม่สั้นมาก แต่ก็ไม่ค่อยมีผู้หญิงที่ไหนเค้าไว้ทรงนี้กันหรอก แถมพวกผู้ชายสมัยนี้ก็ชอบไว้ผมยาวๆ บางคนยาวและรุงรังกว่าฉันซะอีก ไหนจะรูปร่างที่แทบจะไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งกับเสียงแหบๆนี่อีก เหอะ ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงแน่หรอเนี่ย!!

                    ครืด ครืด ครืด ครืด

                    “ฮัลโหล”

                    “เลเอ่อ แอลดี วันนี้กินข้าวมาจากข้างนอกเลยนะ หม่าม๊ามีงานด่วนเลยไม่ได้กลับบ้าน  ส่วนพวกเจ้กับเฮียก็กินมาหมดแล้ว ถ้าไง ฝากซื้อขนมเข้ามาด้วยนะ บาย”

                    -O-; โทรฯมาพูดอยู่คนเดียวแล้วก็วาง ถึงเบอร์จะเป็นเบอร์บ้าน แต่ฉันฟันธงได้เลยว่าต้องเป็นเจ้าแม่แสนเผด็จการของบ้านเราแน่ๆ ไม่ใช่แม่นะ เพราะหม่าม๊าเป็นเหมือนนางฟ้าของบ้าน แต่คนนี้น่ะพี่สาวคนโต

                    บ้านฉันมีกัน6คน ถือเป็นครอบครัวใหญ่สินะ แต่พ่อตายไปนานแล้ว เลยเหลือแค่หม่าม๊าที่ต้องทำงานหนักเลี้ยงลูกอีก4คนในขณะที่อุ้มท้องอยู่อีกหนึ่งคน ซึ่งคนสุดท้องก็คือฉันเอง พี่คนโตเป็นพี่สาวผู้แสนเผด็จการ พี่คนที่สองเป็นพี่สาวผู้แสนอ่อนโยน ได้เลือดแม่มาเต็มๆ คนที่สามกับสี่เป็นพี่ชาย คนแรกม๊าบอกว่าถอดแบบพ่อมาเป๊ะ คือสะอาด เนี๊ยบ ขรึม และเป็นผู้ใหญ่ แต่อีกคนนี่สิ แหกคอกผ่าเหล่าอย่างกับม๊าหยิบผิดจากโรงพยาบาล เพราะมันทั้งบ้า ทั้งไม่เอาไหนสุดๆเมื่อเทียบกับพี่ชาย แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น พี่ฉันทุกคน(ไม่เว้นแม้แต่คนสุดท้าย)ก็โตๆกันหมดแล้ว มีการมีงานทำกันหมด

    พี่สาวสองคนช่วยกันเปิดร้านเสื้อผ้าและรองเท้ารวมถึงเครื่องประดับอื่นๆ เป็นร้านที่สาวๆผู้คลั่งไคล้แฟชั่นติดกันหนึบหนับ ส่วนพี่ชายคนแรกช่วยแม่ทำงานในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์มาตั้งแต่ยังเรียนจนถึงปัจจุบัน และสุดท้าย พี่ชายคนรอง ทั้งที่ม๊าตื๊อให้ช่วยงานอยู่นาน แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพี่แกเล่นลงทุนเปิดร้านอาหารร่วมกับเพื่อน ถึงคนในบ้านจะไม่เคยเห็นกิจการของพี่แก แต่ดูจากเงินในบัญชีที่เพิ่มทุกเดือนก็เลยเชื่อว่าพี่แกมีงานมีการทำจริงๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เคยพาเราไปที่ร้าน แต่ช่างเหอะ พี่แกก็มีความคิดประหลาดๆที่เราไม่เข้าใจมาตั้งนานแล้วล่ะ-_-

    อันที่จริงถ้าพูดถึงเรื่องแปลกแยกแล้วล่ะก็ ฉันนี่ล่ะแปลกแยกที่สุด เพราะเป็นลูกหลงที่อายุห่างกับพี่ๆสุดๆ แถมพี่สาวฉันแต่ละคนรักแฟชั่นและสวยน่ารักชนิดที่หัวกระไดบ้านไม่เคยแห้ง กับฉันที่ห่างไกลคำว่าสวยน่ารักแถมเอนๆมาทางพวกพี่ชายที่ทั้งหล่อทั้งเท่ห์กันทั้งคู่ แล้วไหนจะไอ้นิสัยห้าวๆที่ไม่รู้ไปติดใครมานี่อีก เฮ้อ ความจริงฉันไม่มีสิทธิ์ไปว่าพี่ชายคนรองเลยนะ เพราะฉันก็ประหลาดเหมือนกัน เคยโดนพี่ๆแซวว่าเพราะฉันอยู่ในท้องแม่ช่วงสู้ชีวิต เลยกลายเป็นลูกสาวที่ไม่เหมือนลูกสาวเกี่ยวเรอะ!?

    ตุบ!

    “โอ้ย!

    “ขอโทษนะขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่า พอดีฉันกำลังรีบน่ะ เฮ้ย!! ให้ตายสิ ฉันไปก่อนนะ อ๊ากกกกกกก อย่าตามมา!!!

    อะไรของเค้า-O-??? จู่ๆก็วิ่งมาชนแล้วก็พูดอะไรรัวๆ แถมยังรีบวิ่งเหมือนหนีอะไรมาอีกฉันยังงง(และเจ็บ)อยู่เลยนะ!! เอ๊ะ เหมือนว่าเค้าจะทำกระดาษอะไรตกไว้นะ

    “อะไรวะเนี่ย-_-^ คาเฟ่น้ำชาและคลับ เปิดรับสมัครเด็กเสริฟ สนใจติดต่อ 08X-XXX XXX หรือมาที่ร้าน งานไม่หนัก รายได้ดีอะไรคือคาเฟ่น้ำชาและคลับวะ?? แถมคำโฆษณาตอนท้ายนี่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ ”นี่ฉันพูดคนเดียวได้เป็นประโยคยาวขนาดนี้เลย? ทีเวลาพูดกับคนอื่นล่ะสั้นเชียว ว่าแต่ฉันเริ่มสงสัยไอ้ที่มาของใบปลิวนี่ซะแล้วสิ หรือมันจะเป็นต้นเหตุให้คนเมื่อกี้วิ่งหางชี้(???)ไปแบบนั้น

    อูยยย เจ็บก้นเหมือนกันแฮะฉันค่อยๆลุกขึ้นเพื่อประคับประคองก้นที่แสนน่ารักซึ่งตอนนี้ระบมสุดๆ ให้ตายสิ ซวยจริง นี่ถ้าช่วงล่างฉันพังจนมีลูกไม่ได้ล่ะก็ ฉันก็ไม่เหลือความเป็นหญิงแล้วนะเว้ย!!

    “เฮ้ยยย หยู๊ดดดดดดดด หยุดก่อนนน กลับมาก่อนนนน”

    โครม!

    วันนี้มันต้องเป็นวันซวยในรอบปีของฉันแน่ๆเลย!! อะไรอีกวะเนี่ย โดนชนล้มอีกแล้ว แถมกระแทกแผลเก่าเต็มๆTOT อูยยยย ก้นช้านนนนน!

    “เฮ้ย ขอโทษนะน้อง พี่รีบ หึ่ย! หายไปซะแล้ว เห็นหลังไวๆอยู่แท้ๆ น้องไม่เป็นไรนะ”

    “ไม่เป็นไร-_-

    ฉันตอบเซ็งๆแล้วยืนขึ้นช้าๆ นี่แหละน้า พอคุยกับคนอื่นทีไรเป็นต้องรำคาญจนพูดสั้นๆทุกที

    “น้องเห็นคนที่ถือกระดาษคล้ายๆกับที่น้องถือวิ่งผ่านมาทางนี้มั้ยเฮ้ย! กระดาษนี้มัน!! น้องสนใจงานนี้หรอ ดีเลยๆ คนพี่กำลังขาด แถมคนที่เข้ามาติดต่อแต่ละคน คุยกันอยู่ดีๆก็วิ่งหนีไปซะงั้น คนเมื่อกี้ก็เหมือนกัน พี่ละไม่เข้าใจเล้ย!! นี่ก็ใกล้จะเปิดร้านรอบดึกแล้ว ยังไงพี่ให้น้องทำงานเลย ไม่ต้องสัมภาษณ์แล้วนะ ไปๆ ไปเปลี่ยนชุดที่ร้าน”

    -O-;;

    เอ่อเดี๋ยวนะ สมองฉันประมวลผลไม่ทัน นี่ฉันกำลังเจอกับเรื่องอะไรวะเนี่ย!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×