คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมื่อฉันพลาดท้อง
2. เมื่อฉันพลาดท้อง
ย้อนกลับมาปัจจุบัน
"หื้อ!!!"
เสียงครางที่ดังออกจากลำคอ รวมถึงการขยับตัวถีบยันผ้าห่มตกลงจากเตียง เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าและมังกรยักษ์! ซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนั้นระหว่างฉันกับเขาขึ้นแล้วจริงๆ ฉันมองตาค้างก่อนจะหันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็ว
ถึงเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ฉันคิดถึงมากที่สุดหลังจากสูญเสียพ่อไป ถึงฉันจะยังจดจำน้ำเสียง จดจำคำพูดและอยากบังเอิญเจอเขาอีกครั้งแต่ฉันก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ฉันเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันพลาด ฉันเมาไม่รู้สึกตัว ส่วนเขาเองก็อาจจะแบบเดียวกัน ตอนนั้นเขาเป็นหมอซึ่งน่าจะเรียนจบใหม่ๆ อายุคงยี่สิบห้ายี่สิบหก ส่วนตอนนี้มันก็ผ่านมาตั้งห้าปีเขาคงอายุเกือบสามสิบหรืออาจจะถึงสามสิบไปแล้ว เขาอาจจะมีคนรักหรือมีครอบครัวรออยู่ เพราะฉะนั้นฉันจึงจะเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ พอฉันเดินออกไปจากที่นี่ทุกอย่างมันก็จะกลับไปเป็นปกติ ฉันกับเขาก็จะกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน หมอผ้าเช็ดหน้าก็จะยังเป็นหมอผ้าเช็ดหน้าในความทรงจำของฉันต่อไป
ใช่...อย่างนั้นมันถูกต้องที่สุดแล้ว
เพราะคิดได้ดังนั้นฉันจึงต้องรีบออกมาจากห้องก่อนที่เขาจะตื่นมาเจอฉันก่อน
ครืดๆ ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋า ทำให้ฉันซึ่งพยายามหอบสังขารที่ทั้งเจ็บทั้งจุก ในขณะที่ขาเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรงแทบเดินไม่ไหว มันเจ็บจนฉันต้องนั่งลงไปกับพื้นแล้วค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋ามากดรับสาย
"พี่เอม สวัสดีค่ะ"ฉันทักคนปลายสายด้วยเสียงแหบแห้ง รู้สึกเหมือนจะเป็นลมขึ้นทุกขณะ
"นี่ ขิม แกอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ป่านนี้ถึงยังไม่มาทำงาน นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ ข่าวที่ฉันให้ไปหาน่ะถึงไหนแล้ว สคริปต์ที่ฉันให้ไปเขียนมาเสร็จหรือยัง อีกสองชั่วโมงฉันต้องได้ใช้แล้วนะ"
"พี่เอม ขิมขอโทษนะคะ คือขิมไม่ค่อยสบาย..."
"สรุปคือแกยังไม่ทำใช่ไหม ถ้าไม่ทำก็บอก ฉันจะได้ให้ลิลเป็นคนทำแทน แล้วคราวนี้โอกาสที่แกจะได้เข้าทำงานต่อที่นี่ก็จะถูกปัดไปเป็นโอกาสของลิลมัน"
"พี่เอม ขิมขอเวลา"
"ฉันให้เวลาแกครึ่งชั่วโมง ต้องมาให้ถึงที่ทำงาน ถ้ายังมาไม่ถึงฉันจะไม่สนับสนุนอะไรแกอีกแล้ว"
พี่เอมพูดจบก็ตัดสายไป ส่วนฉันเมื่อได้ยินดังนั้นก็ต้องพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเพื่อจะวิ่งลงไปที่หน้าโรงแรมแล้วเรียกแท็กซี่พาไปส่งห้อง โชคดีที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ฉันกลับไปถึงห้องพักในยี่สิบนาที ไปถึงก็จัดเตรียมเอกสารและโน้ตบุ๊กซึ่งร่างงานไว้เข้าใส่กระเป๋าเตรียมจะออกไป ฉันไปถึงที่ทำงานเลยเวลาที่พี่เอมกำหนดไว้เกือบสิบนาทีแต่ยังโชคดีที่พี่เอมให้โอกาส หลังจากนั้นฉันจึงต้องรีบทำงานส่งจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นไปชั่วขณะ หลังจากส่งงานพี่เอมเสร็จก็ยังมีอีกหลายๆ งานต่อคิวกันมาให้ทำทั้งวัน ฉันที่รู้สึกเหมือนตัวเองมีไข้แต่ไม่มีโอกาสได้พักยังคงโหมงานเรื่อยๆ จนถึงตอนเย็น
เพราะฉะนั้นตั้งแต่กลับมาถึงห้องและหัวถึงหมอนฉันจึงหลับยาวมาเลยจนถึงอีกวัน
ร่างกายที่แข็งแรงและตื่นตัวอยู่เสมอ วันนี้กลับอ่อนแอถึงที่สุดอย่างไม่เคยเป็น และ...ในตอนเช้าของอีกวันนั่นแหละที่ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า...
ฉันมีอะไรกับหมอผ้าเช็ดหน้าคนนั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาได้ป้องกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ฉันลืมเรื่องที่ฉันต้องกินยาคุมฉุกเฉินไปเสียสนิท...
รับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้น จึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด
ฉันอ่านคำแนะนำในการรับประทานยาคุมฉุกเฉินครั้งแรกในชีวิตแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอก
คิดว่าอย่างน้อยก็ยังคิดได้แล้วไปหาซื้อมาทานได้ทัน ถึงจะเลย 24 ชั่วโมงมาแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าป้องกันได้75% ก็ถือว่าป้องกันได้เยอะมากเลยทีเดียว ฉันคิดว่าฉันคงจะไม่โชคร้ายขนาดที่จะพลาดมีอะไรกับผู้ชายครั้งเดียว กินยาคุมฉุกเฉินทัน แต่เด็กยังทะลุยาคุมมาเกิดได้แบบงงๆ เผลอๆ บางทีคืนนั้นเขาก็อาจจะไม่ได้ปล่อยข้างในจนฉันต้องเสี่ยงเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงยิ่งดี...
แต่แล้วสิ่งที่ฉันคิดกับความเป็นจริง...
จากวันที่เกิดเรื่องวันนั้น ผ่านมาถึงวันนี้ถ้าให้ฉันนับคงสองเดือนเศษ ตอนนี้ฉันฝึกงานจบและก็เรียนจบเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งเมื่อวานฉันยังได้รับข่าวดีจากพี่เอมว่าฉันจะได้ทำงานต่อที่นี่ในฐานะผู้ช่วยพี่เอม เมื่อวานฉันยังดีใจกับการได้งาน ยังโทรไปเล่าให้แม่ฟังด้วยความภาคภูมิใจ อวดอ้างน้องชายว่าได้งานแล้ว วาดหวังถึงเงินเดือนก้อนแรกที่จะส่งกลับไปให้แม่ที่บ้านทั้งหมดเพื่อเป็นของขวัญตอบแทนบุญคุณ ฉันยังมีความสุขกับความสำเร็จขั้นแรกและขั้นที่สองคือการเรียนจบแล้วได้งานทำโดยไม่รู้มาก่อนว่าในวันนี้ฉันจะต้องมานั่งอ้าปากค้างในโรงพยาบาลด้วยเรื่องที่ฉันต้องช็อกที่สุด
ยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรภ์ได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว...
คำบอกกล่าวแสดงความยินดีจากหมอที่พูดตรงหน้า ไม่รู้ว่าฉันควรจะขอบคุณ ดีใจ หรือว่าร้องไห้เป็นอันดับแรก ตอนนี้ฉันมึนงงสับสนไปหมด
ฉันท้อง!
ท้องได้ยังไงในเมื่อวันนั้นฉันก็กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว...
"คุณหมอตรวจผิดหรือเปล่าคะ"ฉันยื่นมือไปจับมือหมอมาถามอีกรอบ หมอขำน้อยๆ ก่อนจะยืนยันในสิ่งที่ฉันไม่อยากให้พูด
"ไม่ผิดหรอกค่ะ คุณท้องจริงๆ"
...ตั้งแต่นั้นฉันก็เหมือนคนไม่มีสติ ไม่รู้ว่าออกมาจากห้องตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเรียกทักจากใครคนหนึ่ง
"ขิม แกมาทำอะไรที่นี่"
เป็นเสียงยายลิลที่เรียกถามฉัน ลิลถามเสร็จก็เดินมาหา ฉันต้องรีบซ่อนซองยาที่ถือในมือไปไว้ด้านหลัง
"แกซ่อนอะไร"
"เปล่า"
"เอามาให้ฉันดู"
"ไม่มีอะไร แค่ยาแก้หวัด"
"ถ้ายาแก้หวัดแกก็เอามาให้ฉันดูสิ แกกำลังปิดบังอะไรฉัน ไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วใช่ไหมจึงคิดจะมีความลับ"ยายลิลตัดพ้ออย่างที่ชอบทำ มันทำให้ฉันใจอ่อนเหมือนกับทุกครั้ง ยอมส่งซองยาบำรุงครรภ์ไปให้ลิลดู
"นี่มันยา...บำรุงครรภ์นี่ แกท้อง!!"ลิลถามเสียงดังจนฉันต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากเธอ
"อย่าเสียงดังสิ"
"แล้วแกท้องกับใคร แกยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ หรือว่าวันนั้น...แต่วันนั้นสามคนนั้นก็บอกว่าไม่ได้..."ลิลพูดสีหน้าสงสัยแล้วก็หยุดพูดไปแบบดื้อๆ
"ไม่ได้อะไร..."
"เปล่าๆ ไม่มีอะไร แล้วทีนี้แกจะเอายังไง แกรู้ไหมว่าพ่อเด็กเป็นใคร"ลิลถามฉันต่อ
"มะ ไม่ ไม่รู้..."ฉันเลือกที่จะโกหกเพราะคิดว่าเรื่องที่คุณหมอคนนั้นเป็นพ่อของลูกในท้องของฉันเป็นเรื่องที่ฉันควรจะเหยียบมันให้มิดที่สุด
"แล้วแกจะทำยังไง หรือแกจะทำแท้ง แกเพิ่งได้งานที่บริษัทมาด้วย ที่นั่นขีดเส้นแดงห้ามไว้ชัดเจนในวันยื่นใบสมัครว่าพนักงานที่จะเข้าใหม่ต้องห้ามมีลูกในระยะเวลาสองปีที่เข้าเป็นพนักงานใหม่ เรื่องนี้แกคงไม่ลืมใช่ไหม"
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันคิดมากที่สุด ฉันเพิ่งได้งานในบริษัทที่ฉันอยากเข้าที่สุด ฉันมีความฝันจะเป็นผู้ประกาศข่าวในช่อง ถึงแม้ต้องเข้ามาเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ช่วยผู้ประกาศข่าวแต่โอกาสไต่ขึ้นไปเป็นผู้ประกาศข่าวได้ก็คงไม่ยากเกินความสามารถ...แต่ที่นั่นก็มีกฎข้อบังคับขีดไว้ชัดเจนว่าพนักงานที่จะเข้ามาใหม่ สามารถแต่งงานหรือมีแฟนได้ แต่ห้ามมีลูกจนกว่าจะพ้นช่วงเวลาสองปีแห่งการทดลองงานที่กำหนดไว้
ความคิดเห็น