คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : !!POINT 9!!
“อื้ม..” ผมขยี้ตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียในวันรุ่งขึ้น ก็พบว่าผมกลายเป็นฝ่ายไปกอดอีตานั่นแทน โดยที่หัวของผมวางอยู่บนอกกว้าง นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย คิดได้แค่นั้นผมก็เด้งผึงลุกขึ้นมานั่งทันที
“จะรีบตื่นไปไหนน่ะ วันนี้วันอาทิตย์นะ” เสียงงัวเงียของดงเฮดังขึ้นพร้อมกับตาที่พยายามลืมขึ้นอย่างสุดกำลัง
“ฉันไม่ง่วงนี่”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า นายจะนอนกอดฉันอีกทั้งวันฉันก็ไม่ว่านะ ฉันเต็มใจ”
“ฝันไปเถอะ” ผมพูดเสียงสูงก่อนจะปาหมอนใบใหญ่ไปใส่หน้าหล่อนั่นแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้ใจผมมันเต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูกจนต้องยืนสงบสติอยู่ชั่วครู่ก่อนจะอาบน้ำ นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย! ไม่นานนักผมก็ออกมายืนแต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อยืดสีขาวพับแขนขึ้นพอเป็นพิธีกับกางเกงยีนส์ที่ดูมันจะหลวมไปหน่อยแต่ก็เอาเถอะไม่หลุดเป็นพอ
“นายรอฉันห้านาทีนะ” พูดจบร่างสูงก็เด้งออกจากที่นอนหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ไม่ถึงห้านาทีก็ออกมายืนพร้อมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ เท่ห์ชะมัด !
“มองอยู่ได้ ฉันรู้แล้วน่าว่าฉันหล่อ” เสียงทุ้มที่พูดออกมาทำให้ผมละสายตาแทบไม่ทัน
“มองปลาต่างหากล่ะ”
“เวลานายเขินนี่ตลกชะมัด ฮ่าๆๆ” >///< หมอนั่นพูดแล้วหัวเราะตบท้าย
“วันนี้เราจะไปไหนกันดีล่ะ” หมอนั่นถามแล้วเดินลงนั่งข้างๆผมบนเตียง
“ฉันจะกลับบ้าน” ผมพูดเสียงเรียบพยายามไม่ให้ใจเต้นเสียงดังกลัวคนที่นั่งอยู่ด้านข้างจะได้ยินเข้า
“หรือว่าเราจะมาทำอย่างว่ากัน” ดงเฮพูดแล้วดันไหล่ผมลงไปติดเตียงโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว
“อ๊ากกกกกกก…ไอ้หื่น” ผมกรีดร้องเสียงดัง 0_o คงจะเป็นเพราะหมอนั่นแค่ต้องการแหย่ผมเล่นเท่านั้นทำให้ผมผลักหมอนั่นออกไปอย่างง่ายดาย
“ฮ่าๆๆๆ”
“ขำให้กรามค้างตายไปเลยนะ ไอ้บ้า”
“นายตลกชะมัด มีแต่สาวๆเค้าผลักฉันลงบนเตียง”
“เค้าผลักเพื่อจะได้เหยียบได้ให้มันถนัดๆต่างหากล่ะ” ><!
“โอเคๆ ฉันจะไม่แกล้งนายแล้วว่าแต่ว่านายอยากรู้ bad point ข้อแรกของฉันไหมล่ะ” ดงเฮถามขึ้นทำให้ผมหันขวับไปมองทันที
“อะไรล่ะ” ผมถามขึ้นทันทีอย่างอยากรู้ 0_0?
จุ๊บ…
หมอนั่นมันจุ๊บแก้มซ้ายผมแทนคำตอบ มันหื่นเป็นเซเว่นเลยครับมันหื่นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ไอ้ปลา ไอ้คนหลอกลวง ออกไปไกลๆเลยนะ ฉันไม่ใช่ของเล่นของนายนะ” ผมโวยวายเสียงดังแล้วลุกขึ้นเดินเตรียมจะออกจากห้องนอนใหญ่นั่นทันที แต่ว่าดงเฮดึงตัวผมไว้พร้อมกับดันผมติดประตู
“จะทำอะไร ถอยไปอยู่มุมห้องเลยนะ” ผมแหวใส่พร้อมกับมือเรียวทั้งสองข้างที่ถูกยกขึ้นมาดันอกกว้างอย่างอัติโนมัติ
“ก็นี่ไง bad point ของฉัน” หมอนั่นพูด
“ไอ้ที่ชอบลวนลามคนอื่นน่ะนะ” ผมสวนกลับหมอนั่นพยักหน้ารับ
“แล้วมันต่างกับที่ฉันรู้ตรงไหน มันก็ข้อเดียวกันนั่นแหละ” ผมเชิดหน้าตอบทำให้หน้าของผมอยู่ใกล้กับนายนั่นมากขึ้น
“เอาเป็นว่าวันที่ต้องส่ง bad point ฉันจะเป็นคนเขียนมันให้นายเอง” เสียงทุ้มพูดพร้อมกับเลื่อนมือมาจับมือผมไว้
“นายไม่ได้เป็นของเล่นของฉัน จำไว้” ดงเฮพูดเสียงจริงจังก่อนที่จะเปิดประตูพาผมเดินออกจากห้องไป ทั้งๆที่ยังจับมือผมอยู่
“ฉันจะไปซื้อกางเกงในก่อน” เมื่อรถเคลื่อนตัวพ้นบริเวณบ้านนายนั่นก็พูดขึ้น
“นายก็ไปสิ ฉันจะกลับบ้าน”
“นายลืมไปแล้วเหรอไง ว่านายต้องอยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา”
“นายจะให้ฉันไปเดินซื้อกางเกงในกับนายเหรอไง” ><
“ปิ๊งป่อง ถูกต้อง” ว้าก…เวรกรรมอะไรของผมเนี่ย ผมเป็นผู้บิสุทธิ์น๊า ผมนั่งเงียบจนรถสปอร์ตสีดำจอดสนิทอยู่ภายในที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านคังนัม
“นี่ทำหน้าเป็นตูดไปได้ ฉันจะพานายมาดูหนังต่างหากเล่า” ดงเฮพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ อย่ายิ้มแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวผมต้องแบ่งเป็นสามใจเพื่อมาให้หมอนี่ด้วย >///<
“ฉันไม่ดู”
“ฉันจะดูเพราะฉะนั้นนายต้องดู” ไอ้คนบ้าอำนาจเอ๊ย
“งั้นฉันเดินเล่นรออยู่ข้างนอกแล้วกัน” ผมพูดแล้วเปลี่ยนทิศการเดินทันที แต่ว่ามือเรียวนั่นจับมือผมไว้ก่อน
“ปล่อยน๊า นี่มันที่สาธารณะนะ”
“งั้นถ้าที่ลับตาคนก็ได้น่ะสิ” >///<
“ไม่ใช่โว้ย หมายความว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันนายไม่มีสิทธิ์มาจับมือฉัน”
“เป็นสิ เราเป็นศัตรูกันไง”
“เออ แล้วมันเกี่ยวกับจับมือตรงไหนฟระ”
“ก็นายบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันเลยอุตส่าห์หาความสัมพันธ์ของเราให้” แป่ว นายนี่มันแถเก่งจริงๆ
“เหรอ”
“จ้ะ” ไอ้ปลามันพูดจ้ะกับผมด้วย แถมมือเรียวนั่นก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยเลยด้วยซ้ำ ทำให้ผมจำใจต้องเข้าไปดูหนังสยองขวัญในโรงกับนายนั่นจนได้
“T_T”
“นายเป็นอะไรนั่งทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้” ดงเฮก้มลงมาถามในขณะที่หนังกำลังเริ่มฉาย
“ฉันไม่ชอบดูหนังผี ฉันกลัวผี” ผมกัดฟันตอบออกไปแต่ผลลัพธ์คือนายนั่นพยายามกลั้นหัวเราะ ผมเลยหยิกหมับเข้าที่สีข้างอย่างหมั่นไส้ จนนายนั่นร้อง
“นายก็นั่งหลับตาไปสิ”
“ไม่อ่ะฉันอยากแอบดูบ้าง” ตึง…
“อ้ากกกกกกกก” ผมร้องเสียงดังเมื่ออยู่ดีๆผีก็โผล่มาในขณะที่ผมลืมตาอยู่พอดี ทำให้ผมรีบยกมือขึ้นปิดตาพร้อมกับเอียงหน้าลงไปซบกับไหล่กว้างของคนด้านซ้ายเพื่อเป็นเกราะกำบังทันที ดงเฮจับมือซ้ายของผมไว้แน่นพร้อมกับยกมือขวาขึ้นมาเพื่อช่วยผมปิดตาอีกแรง นายนี่มันก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย อย่าน๊า…ผมจะไม่นอกใจรุ่นพี่ซีวอนเด็ดขาด(แล้วแกไปเป็นแฟนกับรุ่นพี่ซีวอนเมื่อไหร่<---คนเขียนหมั่นไส้)
“จบซะที ไอ้หนังบ้าอะไรเนี่ยตายทั้งเรื่อง” ผมบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเดินออกมาจากโรงหนัง
“ก็หนังผีไง” ดงเฮตอบ
“แล้วนายจะจับมือฉันไว้อีกนานมะ” ผมถามพร้อมกับยกมือข้างที่ถูกจับขึ้นมาแต่นายนั่นกลับดึงมันลงไป
“แหมทีในโรงหนังไม่เห็นสะบัดออกเลย” มันอ้างอีกแล้ว ใครจะมีเวลามาห่วงตัวเองผมเอาเวลามาหลับตาหลบผีหมดน่ะสิ
“ฉันจะกลับบ้าน” เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ผมเลยพูดจุดประสงค์ของผมทันที ในขณะที่หมอนั่นเดินดูของซ้ายขวาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เมื่อนายนั่นปล่อยมือผมเพื่อดูรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งทำให้ผมได้โอกาสรีบเผ่นแนบทันที
“ถ้านายไม่หยุดเดินเห็นดีกันแน่” เสียงทุ้มคุ้นหูลอยตามหลังมา ใครจะหยุดให้โง่ว่าแล้วจากเดินผมก็เตรียมวิ่งทันที
“คนอะไรใจร้าย” เสียงผู้คนที่เดินผ่านผมพูดขึ้น แต่เสียงอีตาดงเฮเงียบหายไปแล้ว
“ท่าจะรักมากเนอะ” อีกคนแล้วใครมาเลิกกับใครแถวนี้วะ
“ดูสิทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้แล้ว” แล้วก็อีกหลายเสียงแต่ทำไมต้องมองผมเหมือนผมไปฆ่าคนมาแบบนั้นล่ะ ผมตัดสินใจหันไปมองตรงที่ที่จากมาเมื่อครู่ก็พบเกาหลีมุงอยู่ตรงนั้น ทำให้ผมรีบเดินกลับไปดู
“นี่ไง คนใจร้ายคนนั้น” พนักงานสาวที่อยู่ตรงนั้นชี้นิ้วมาที่ผม ><? เฮ้นี่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยท่ามกลางความสงสัยทำให้คนที่มุงตรงนั้นแหวกทางเดินตรงกลางออก เห้ย!…ผมเห็นไอ้บ้าดงเฮนั่งกับพื้นพร้อมกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชาย ชี้มือชี้ไม้มาที่ผมบอกว่าผมกำลังทิ้งเค้าไปหาคนอื่น ไอ้คนหน้าด้าน ไอ้มารยาล้านเล่มเกวียน คิดได้ไงวะนั่น 0..0
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
Katomnam Talk:
เสียใจกับรางวัลที่เอสเจไม่ได้มากๆๆ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
รักเอสเจเสมอนะคะ
ต้มไม่ดีใจไปกับโซยอชีแดนะคะ เพราะต้มไม่ใช่โซวอน
รู้สุกแค่เสียใจเพราะเอสเจไม่ได้เท่านั้น
เศร้าจริงๆเลย
อ่านฟิคแก้เครียดกันเถอะค่ะ
ความคิดเห็น