คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #128 : Story 38 Ugly Lovely 3 (HaeEun, KyuHyuk, BumHyuk, WonHyuk)
Part Hyukjae
ผมเกลียด!!!
เกลียดไอ้พวกรวมเดือนสี่ตัวนั่นมากที่สุด
เปลี่ยนชื่อผมเป็นขี้เหร่ แถมยังบังคับนู่นนี่ เอาแต่ใจ
แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมต้องเป็นเฉพาะกับผมคนเดียว ซองมิน เรียวอุค
ฮีชอลไม่เห็นโดนบ้างเลย
แถมเมื่อวานยังตะโกนใส่หน้าผมแบบพร้อมเพียงกันอีก
“ขี้เหร่จะตาย”
เหอะ...
แค่คิดน้ำตาก็รื้นมาที่ขอบตา
จะบอกว่าชินก็ไม่เชิง แต่ที่ผมรู้สึกได้คือผม
น้อยใจ...
ผมกอดฮีชอลร้องไห้มาตลอดทางจนถึงบ้าน
พอไปถึงบ้านผมก็ลากเพื่อนสนิทอีกสามคนให้ค้างที่บ้านพร้อมกับโทรตามช่างทำผมส่วนตัว
และมีฮีชอลเป็นคนเลือกทรงผมและสีผมให้ พอๆกับที่ซองมินและเรียวอุคขับรถออกไปซื้อคอนแทคเลนส์มาให้ผม
ตอนนี้ผมเลยต้องนั่งตัวลีบอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกคณะ
กับหัวสีแดงเข้มดัดหยิก กับคอนแทคเลนส์ใส คนที่ผ่านไปมาได้แต่มองหรือจ้องมาทางผม
จนผมต้องยกมือขึ้นไปจับหัวจับหูตัวเองด้วยความสงสัย
ก็ฮีชอลบอกว่าน่ารักมากแล้วนี่นา
แถมพี่โซรายังชมออกหน้าออกตาขนาดนั้น
แต่ทำไมคนในมหาวิทยาลัยมองผมเหมือนตัวประหลาดงี้ล่ะ
ความมั่นใจที่พกมาตั้งแต่อยู่บ้านค่อยๆริดรอนจนแทบไม่เหลือ
“เมื่อไหร่
พวกฮีชอลจะมาล่ะเนี่ย” ผมก้มหน้าบ่นกับตัวเองเบาๆ
ไม่รู้ว่าพวกนั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันถึงไหน ถึงได้มาช้าแบบนี้
“น้องฮยอกแจ”
เสียงนุ่มๆดึงให้ผมเงยหน้าขึ้นจากสมาร์ทโฟนเพื่อมาสบตากับคนดังของมหาวิทยาลัย
พี่ฮยอนจุง
คณะแพทยศาสตร์ ปี 3
หล่อ รวย
เรียนเก่ง อ่อนโยน สุภาพ
สารพัดจะมีแต่ข้อดีที่ทำให้ใครต่อใครต่างเต็มใจมอบตำแหน่งขวัญใจไปให้ครอง
ว่าแต่
พี่ฮยอนจุงมาทำอะไรที่คณะวิศวะ
“ครับ”
ผมขานรับงงๆ
ก็เห็นคนตัวสูงลงนั่งมาข้างๆพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่แอบชำเลืองมองมาด้วยความอยากรู้ขั้นสุด
“ทำผมสีนี้แล้วน่ารักมากเลยนะครับ”
เสียงนุ่มตอบกลับ แถมด้วยรอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปาก ผมกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
ผมไปสนิทกับพี่เค้าเมื่อไหร่ละเนี่ย
“เอ่อ
ขอบคุณครับ” ผมได้แต่มองไปรอบๆด้วยความอึดอัดเล็กๆ
พี่ฮยอนจุงก็นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆเท่านั้น ไร้บทสนทนาใดๆจากเราทั้งคู่
แต่ผมรู้สึกได้ว่าพี่เค้าจ้องผมไม่วางตา จนผมรู้สึกเขินขึ้นมาบ้างแล้ว
“หน้าผมมีอะไรติดรึเปล่าครับ”
ผมเป็นฝ่ายทนไม่ได้จนต้องออกปากถาม หนุ่มขวัญใจมหาชนขยับยิ้มเล็กน้อย
ก่อนที่มือกว้างจะยกขึ้นมาแตะที่แก้มผมแผ่วเบา
แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนที่หน้าได้
“มีความน่ารักเต็มไปหมดเลยครับ”
“อ่า...”
จะไม่เขินก็จะไร้อารมณ์ไปหน่อยแล้ว มีหนุ่มหล่อมานั่งชมขนาดนี้ คิดแล้วก็แค้นไอ้พวกสี่คนนั้น
ขนาดพี่ฮยอนจุงยังชมว่าผมน่ารักเลยเหอะ
มีแต่พวกนั้นที่เรียกผมว่า...
“ขี้เหร่!!!!!” เสียงประสานดังลั่น
ทำให้ผมหันไปมองอีก 4 คนที่วิ่งเข้ามาตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมมองนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ
เรื่องเมื่อวาน
ผมยังโกรธอยู่นะ
“ขี้เหร่
ไปกินข้าวเช้ากัน” มาถึงซีวอนก็จับแขนผมให้ลุกขึ้นยืน
คิบอมคว้าเอากระเป๋ากับหนังสือของผมไปถือไว้ ในขณะที่พี่ฮยอนจุงลุกขึ้นมามองงงๆ
“ไม่ไป”
ผมสะบัดตอบเสียงห้วน พร้อมกับดึงแขนออกจากมือของซีวอน
“ขี้เหร่อ่า
ยังงอนอยู่อีกเหรอ” ซีวอนถามผมเสียงเศร้า หน้าหล่อๆนั่นก็พลอยหมองไปด้วย
“ไม่ได้งอน”
“...”
“แต่ไม่ไป”
ผมพูดเรียบๆ จะบอกว่างอนก็ได้ ผมพาตัวเองไปยืนข้างพี่ฮยอนจุง
อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ใกล้สี่คนนั้น
พี่ฮยอนจุงลูบไหล่ผมไปมาคงเพราะเห็นว่าเหตุการณ์ดูไม่ปกติเท่าไหร่
“ใครอนุญาตให้พี่ แตะขี้เหร่” ดงเฮร้องขึ้นมาดังลั่น
ตัวหนาๆก็แทบจะถลาเข้ามาแยกผมออกจากรุ่นพี่
“แล้วนายเป็นอะไรกับฮยอกแจ”
น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นอีกครั้งอย่างคนใจเย็น
มือของพี่ฮยอนจุงยังวางนิ่งอยู่บนไหล่ผม ช่างแตกต่างกับหน้าของอีกสี่คนที่มองมา
“เป็นเพื่อนร่วมคณะ”
คยูฮยอนตอบออกมาแทบจะทันที ผมมองใบหน้าหล่อนิ่งงัน
พร้อมๆกับที่หัวใจของผมมันเริ่มรู้สึกหน่วงๆขึ้นมา
คิบอมตบหัวคยูฮยอนอย่างแรงก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรไม่สำคัญ
แต่พี่ปล่อยขี้เหร่ได้แล้ว” คิบอมพูดออกมาเสียงเย็น
แต่พี่ฮยอนจุงกับกระชับมือให้แน่นมากขึ้น ผมช้อนตามองคนด้านข้างด้วยความไม่เข้าใจ
“ฮยอกแจยังไม่ว่าอะไรเลย
พวกนายเดือดร้อนทำไม”
“ถ้าพี่พูดไม่รู้เรื่องแบบี้
ผมต่อยคว่ำเลยนะ” ซีวอนเดินมาประจันหน้า ผมมองเหตุการณ์ที่เริ่มบานปลายอย่างวิตก
ผมดันมือพี่ฮยอนจุงออกจากไหล่
มองคนสองฝั่งไปมาก่อนจะตัดสินใจเดินหนีออกมาจากตรงนั้น และทิ้งสายตาผิดหวังไว้ทางฝั่งคนที่มากกว่า
เป็นเพื่อนร่วมคณะ
แล้วมาหวงออกนอกหน้าทำไม...
“กระเป๋าไปไหนน่ะฮยอกแจ”
ฮีชอลทิ้งตัวลงนั่งข้างผมก่อนจะมองหากระเป๋าใบเก่งของผมไปด้วย
ซองมินกับเรียวอุคเองก็นั่งไปยังเก้าอี้ที่เหลือด้วยความเหนื่อยจัด
ก็คงจะตามหาผมไปทั่วเพราะผมไม่ยอมขึ้นเรียนแถมยังหลบมานั่งในห้องสมุดอีก
“ไม่รู้สิ
อยู่ที่ใครซักคน” ผมตอบ ไม่ได้ต้องการกวนประสาทแต่ไม่รู้จริงๆ
ตั้งแต่เดินออกมาก็ไม่ได้เจอใครอีกเลย กระเป๋าสะพาย
โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี มีแต่ตัวจริงๆ
“เป็นอะไร”
ซองมินถามผมเสียงอ่อน ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบไหล่ผมไปมา
“เปล่า”
“โกหก”
ร่างอวบสวนกลับทันควันจนผมได้แต่มองค้อนเคืองๆ
“เป็นอะไรทำไมหลบมาอยู่นี่
ไอ้พวกบ้านั่นวิ่งหากันให้วุ่น”เรียวอุคพูดออกมาอีกคน ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่รู้สิ”
“...”
“อยู่ดีๆไอ้ความรู้สึกบ้าๆนี่ก็เกิดขึ้น
อยู่ดีๆฉันก็น้อยใจ” และผมก็ต้องยอมรับกับเพื่อนสนิทเสียงอ่อย
มีอีกสามคนมองมาด้วยความเข้าใจ
“พวกมันก็แค่ปากหมาน่า”
ฮีชอลเอ่ยออกมาคนแรก ผมเงยขึ้นไปสบตาเพื่อนนิ่งๆ
“ใช่
ดูจากการกระทำพวกมันแทนสิ” ซองมินเสริม มีเรียวอุคยิ้มให้กำลังใจผม
ดูจากการกระทำงั้นเหรอ
-------------------------
Katomnam Talk:
มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววว
ขี้เหร่มาแล้ววว
ความคิดเห็น