คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #123 : Story 39 : Be your boy 3 KyuHyuk
“นอนได้แล้ว” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นคนข้างๆเอาแต่นอนมองผมตาแป๋ว
ทำไมผมถึงมานอนอยู่บนเตียงของฮยอกแจได้น่ะเหรอ ก็เพราะคู่หูตัวเตี้ยมันบังคับมา
เพราะมันสองคนจะไปต่อกับพวกดงเฮอีกผับจนถึงเช้า ถึงได้ฝากคนเมาเอาไว้กับผม
แล้วผมจะปล่อยให้ฮยอกแจนอนคนเดียวได้เหรอ
คนน่ารักตอนนี้ใส่ชุดนอนสีฟ้าอ่อน
ส่วนผมใส่สีน้ำเงินเข้ม ผมตะแคงข้างมองใบหน้าใสที่อยู่ไม่ห่างนัก
พร้อมๆกับข้อนิ้วที่เกลี่ยไปบนแก้มนุ่มของคนเมา
“หมาโจว” เสียงใสครางเรียกผม
ปากแดงๆนั่นยังคงเจ่ออยู่นิดหน่อย
“หืม...”
“เสียดายไหม”
ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อได้ยินคำถาม แถมตากลมๆนั่นก็เริ่มสั่นไหวจนผมต้องช้อนร่างเล็กขึ้นมานอนก่ายบนตัวผม
ฮยอกแจตัวร้อนหน่อยๆเพราะยังคงมีแอลกอฮอล์อยู่เต็มร่างกาย
“เสียดายอะไร”
“ที่มึงไม่ได้จูบกับซูจี” พอได้ยินคำอธิบาย
พร้อมกับใบหน้าน่ารักที่ยกขึ้นมามองผม
ผมได้แต่หัวเราะในลำคอให้กับท่าทางหงอยๆของคนบนตัว
จุ๊บ
แล้วมันอดไม่ได้จริงๆที่ต้องผงกหัวขึ้นไปกดจูบหน้าผากคนคิดมากเบาๆ
ฮยอกแจแก้มแดงแต่ก็ยังสบตาผมอยู่อย่างนั้นเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ
“กูไม่เสียดาย”
“...”
“เพราะกูได้จูบคนที่กูอยากจูบไปแล้ว”
ผมพูดเสียงเรียบ แต่ดวงตาของผมกำลังสะท้อนภาพของคนบนตัวออกมาอย่างชัดเจน ปากอิ่มระบายยิ้มหวาน
รอยยิ้มที่ผมชอบมองก่อนที่อีกคนจะซบหน้าแนบไปกับอกของผม
“กูเมาจริงๆสินะคืนนี้”
เสียงพึมพำของคนบนตัวเรียกเสียงหัวเราะจากผมได้เป็นอย่างดี
มือของผมลูบไปที่แก้มนุ่มกล่อมให้คนที่บอกว่าตัวเองเมาหลับฝันดี
“กูชอบนะ ที่มึงเมาแล้วเป็นแบบนี้” ผมพูดออกมาเบาๆ
แล้วกอดร่างน้อยแนบแน่น
ฮยอกแจขยับตัวขยุกขยิกจนผมคลายอ้อมกอดออกก่อนที่ร่างเล็กๆจะกลิ้งลงจากตัวผม
ผมนอนมองนิ่งๆด้วยความไม่เข้าใจ
“นอนไม่ถนัด” คนน่ารักพูดออกมา
ตาใสจ้องมองผมนิ่งๆ แต่ผมคงทำหน้าหงอยคนมองถึงได้ระบายยิ้มออกมา
ก่อนที่แขนเล็กจะเป็นฝ่ายกอดเอวของผมเอาไว้
แถมท้ายด้วยการจับแขนผมกางออกแล้วเลื่อนหัวมานอนทับ
ผมยิ้มกว้างแล้วพลิกตัวมากอดร่างเล็กแนบแน่น
“กูละเมอนะเมื่อกี้”
และอีกประโยคของคนน่ารักทำให้ผมต้องกดจูบหนักๆที่ผมนุ่มแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอให้กับความน่ารักของอีกคน
จะเมาหรือละเมอ ก็เอาเถอะ
กูเต็มใจอยู่แล้ว
“พวกมึง!!!”
ทันที่ผมกับฮยอกแจก้าวเท้าเข้ามาบริเวณคณะเสียงเรียกโวยวายก็ดังขึ้น
พร้อมกับเพื่อนสนิทอีกสี่คนที่แทบจะวิ่งเข้ามา
จนผมต้องดึงไหล่บางเข้าหาตัวกันพวกมันชน
“อะไรของพวกมึงเนี่ย”
คนตัวเล็กออกปากว่าคนที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา แต่ก็ยอมยืนนิ่งๆในอ้อมแขนของผม
“พวกมึงมาช้าจะมาโทษพวกกูไม่ได้นะ”
ชางมินออกตัวเป็นคนแรก อีกสามคนพยักหน้ารับตามไปด้วย
“อะไรวะ” ผมถามออกไป
แต่ยังเนียนโอบแขนไปรอบไหล่เล็กของคนข้างๆไปเรื่อยๆ
“เมื่อกี้อาจารย์โบอาให้จับกลุ่ม 7 คน” ดงเฮเหมือนคนมีสติที่สุดพยายามอธิบายออกมา
“แล้วยังไง”
“ก็พวกเรามี 6 คน”
“ก็ทำ 6 คนไม่ได้เหรอ” คนน่ารักเป็นคนถาม
เมื่ออีกสี่คนเอาแต่อึกๆอักๆจนเริ่มน่ารำคาญ
“กูก็กะไว้อย่างนั้น แต่อาจารย์ไม่ยอม
แล้วดันมีคนเสนอตัวมาอยู่กับเรา” เฮนรี่พูดรัวเร็ว
ก่อนจะมองหน้าขาวใสอย่างหวาดกลัว จนผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องไม่ดีกับฮยอกแจแน่ๆ
“ใคร...”
“อึนจอง”
ชิบหาย....
ทันทีที่รู้ว่าเป็นใครผมรีบปล่อยไหล่เล็กออกเปลี่ยนมากอดเอวคอดแทบไม่ทัน
เมื่อคนตัวเล็กแทบจะถลาเข้าไปในตึกคณะด้วยความโมโห
จนดงเฮต้องเข้ามาช่วยผมรั้งฮยอกแจเอาไว้อีกแรง
“ฮยอกแจ มึงใจเย็นก่อน” มินโฮเดินเข้ามาขวาง
พยายามลูบไหล่อีกคนอย่างปลอบโยน
“กูไม่เย็น กูเกลียดมัน!” เสียงกระด้างเอ่ยตอบ
ก่อนจะหอบหายใจหนักเนื่องจากพยายามออกแรงดิ้นมาซักระยะ ผมยิ่งกระชับกอดให้แน่นขึ้น
ดงเฮเห็นว่าผมเอาอยู่ถึงได้ผละออกไปยืนทำหน้าเครียด
“ก็แค่เอาชื่อมาใส่ ไม่ต้องร่วมงานกันหรอก”
ชางมินพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
ตาหวานตวัดมองอย่างขุ่นเคืองก่อนจะหมุนตัวกลับมาหาผมจนผมสะดุ้งไปเล็กน้อย
“มองหน้ากูทำไม” ผมถามงงๆ
ก่อนที่มือเล็กจะวางทาบลงมาบนแก้มของผมทั้งสองข้าง
“มึง...”
“...”
“ห้ามอยู่ใกล้มัน กูขอสั่งเป็นคำขาดเลย”
คำสั่งห้วนๆเอ่ยออกมา ผมจ้องตาคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ
ผมรู้ว่าอึนจองชอบผมมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว
แต่ผมไม่เคยให้ความหวังเธอซักครั้ง
“โอ้โห โมโหแทบตายที่แท้หวงผัว”
เฮนรี่สบถออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่คนในอ้อมกอดผมจะได้ยิน ร่างเล็กดิ้นปั๊ดเพื่อออกจากแขนผม
แต่ผมไวกว่ารั้งเอาไว้ได้ทันก่อนจะเกิดเหตุการณ์นองเลือด
แต่ฮยอกแจไม่คิดจะแก้คำพูดของเฮนรี่
มันยิ่งทำให้ผมอยากยิ้มกว้างๆ
ก่อนจะกระซิบใบหูขาวของคนในอ้อมกอด
“ถ้าหึงมากนัก จับกูจูบแบบเมื่อคืนก็ได้นะ”
“อะ ไอ้บ้า!!!”
อึดอัด...
เป็นคำๆเดียวที่ตอนนี้พวกผมกำลังรู้สึกอยู่
ผมได้แต่นั่งมองสบตาพวกดงเฮไปๆมาๆ เราเงียบกันซะจนได้ยินเสียงมดหายใจ
อึนจองนั่งอยู่ทางซ้ายมือของผมในขณะที่ฮยอกแจนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
จ้องหน้าหญิงสาวคนเดียวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อจนพวกผมเผลอกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ
“คยูฮยอนคะ เราแบ่งงานกันดีไหม”
อยู่ดีๆอึนจองก็หันมาพูดกับผมเสียงหวาน แถมด้วยมือที่เกาะมาที่แขนของผมอ้อนๆ
ผมเผลอเหลือบมองใบหน้าน่ารักของคนฝั่งตรงข้ามหวาดๆ
แล้วก็ไม่ผิดหวัง
เมื่อฮยอกแจจ้องหน้าผม พร้อมเม้มปากแน่น
มีชางมินกับดงเฮคอยจับไหล่เอาไว้คนละข้าง
“ไม่แบ่ง!” เสียงใสตวาดกร้าวจนพวกผมแอบสะดุ้งไปเล็กน้อย
“ทำไมล่ะฮยอกแจ แบ่งงานไปทำคนละส่วนไง
แล้วค่อยเอามารวมกันเร็วจะตาย”
เหมือนอึนจองจะลืมฤทธิ์เดชของฮยอกแจไปแล้วถึงได้กล้าพูดจาแบบนี้
“...”
“ฮยอกแจนี่ฉลาดน้อยจัง
มิน่าต้องคอยให้คยูฮยอนติวให้ตลอดเลย” พูดออกมาอีกครั้งพร้อมเหยียดปากหน่อยๆ
ผมได้แต่มองคนตรงข้ามอย่างหวาดหวั่น มือเล็กกำแน่นจนเส้นเลือดปูด
แต่ติดที่ว่าถูกจับยึดเอาไว้ถึงได้ไม่ถลาข้ามฝั่งมาตบอีกคน
“อมตีนหน่อยไหม ปากจะได้ไม่ว่าง”
“อู้ว...” พวกผมแอบร้องกันออกมาเบาๆเมื่อคนน่ารักหนึ่งเดียวพูดจบ
“คยูฮยอนดูสิคะ ฮยอกแจหยาบคาย”
อึนจองหันมาจีบปากจีบคอฟ้องผม แถมท้ายด้วยถูใบหน้ามาที่แขนของผมอีก
“ไอ้หมาโจว!!!” คนน่ารักตะโกนเสียงดังลั่นจนผมเองยังตกใจ
“ครับ” ตอบรับไปแบบอัตโนมัติ
ลูกผู้ชายอย่างผม
กลัวว่าที่เมียอยู่แล้ว T_T
“มึงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้มึงต้องทำอะไร”
ประโยคคำถามสั้นๆ ทำให้ผมเหงื่อตกได้ไม่ยาก ตาหวานจ้องมองผมแกมบังคับในที
และไม่ต้องให้คนน่ารักพูดซ้ำสอง
ผมจัดการแกะมือปลาหมึกออกจากแขน พร้อมกับ
ลุกพรวดออกจากเก้าอี้ก้าวเดินไปหาคนที่ทำหน้าบึ้งแทบไม่ทัน
ผมยกมือขึ้นลูบแพรผมนุ่มเพื่อให้คนตัวเล็กใจเย็น ก่อนจะเลื่อนมาลูบเบาๆที่แก้มใส
ซึ่งตอนนี้เพื่อนสนิทอีกสี่คนได้แต่นั่งมองเงียบๆ
เพราะบรรยากาศแบบนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาแซวกัน
ต้องเอาศัตรูตัวร้ายของฮยอกแจออกไปก่อน
“นั่ง!”
คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้สายตามองไปยังเก้าอี้ที่เพิ่งผละมาเมื่อครู่
และผมก็ลงนั่งอย่างรวดเร็วด้วยความงุนงง ฮยอกแจกระแทกตัวเดินมาตรงหน้าผม
แล้วทรุดตัวลงนั่งบนตักผม ผมโอบแขนไปรอบเอวคอดทันที
แต่สายตายังจับจ้องใบหน้าน่ารักเอาไว้
ผมอยากจะยิ้มกว้างๆ
แต่แก้มแดงๆของคนบนตักทำให้ผมต้องกลั้นยิ้มเอาไว้
โดยที่มีสายตาล้อเลียนจากอีกสี่คนส่งมาไม่ขาด
“คยูฮยอนกับฮยอกแจ...” อึนจองมองมาที่เราสองคนพร้อมเบิกตากว้าง
ชี้มือชี้ไม้ไปมาระหว่างผมกับฮยอกแจ ใบหน้าขาวเชิดขึ้นเยาะเย้ย
ปากแดงเหยียดออกอย่างผู้ชนะ
“จะถามอะไร ถามมาสิรอตอบอยู่”
เสียงใสพูดแทรกออกไปเมื่อดูเหมือนอึนจองจะสติหลุด ไปแล้ว
“พวกนาย คบกันเหรอ” พอหญิงสาวหาเสียงเจอ ก็ถามออกมาเสียงเบา
คำถามที่ผมเองก็อยากได้ยินคำตอบเหมือนกัน
“แล้วเธอคิดว่าไง”
“...”
“ต้องจูบให้ดูไหมถึงจะเลิกยุ่งกับคนของฉันซักที”
อ่า >///<
คนของฉัน...
ถึงแม้ฮยอกแจจะพูดเพื่อเอาชนะอริของตัวเอง
แต่มันก็ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอผม ผมเงยขึ้นสบตาถึงทำให้มองเห็นแก้มสีระเรื่อของอีกคน
ฟอด...
ถือซะว่าผมเล่นเนียนละกันก็ผมอดไม่ได้นี่นาที่จะกดจมูกลงไปบนแก้มใสนั่น
ฮยอกแจนั่งอมยิ้มน้อยๆไม่ว่าอะไร แถมยังแนบแก้มลงมาบนหน้าผากของผมอีก
มือน้อยๆนั่นก็จับผมของผมขึ้นมาเล่นไปด้วยแก้เขิน
“ฉันต้องตาฝาดแน่ๆ วันนี้กลับก่อนละกัน”
หลังจากที่นั่งอึ้งไปนานอึนจองก็กระวีกระวาดกวาดของตัวเองมาหอบไว้
แถมท้ายวิ่งออกไปอย่างเร็ว คนบนตักผมหัวเราะเสียงใส
แต่ก็ไม่ขยับลุกออกจากตักผมแม้แต่น้อย
“เหมือนจริงมาก” เฮนรี่พูดออกมาคนแรก
“นี่ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงกำลังไล่อึนจองกูเชื่อละนะ”
มินโฮเสริมออกมาอีกคน
“กูแม่งขนลุกเลย”
ชางมินอีกคนที่ลูบแขนตัวเองไปมาประกอบคำพูด
“ผัวเมียชัดๆ” ดงเฮปิดท้าย
.
.
.
.
.
“แน่ล่ะสิ ไม่งั้นกูไม่อยู่เอกการแสดงหรอก”
ฮยอกแจตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่คนฟังอย่างผมรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาถนัดตา
มือของผมปล่อยออกจากเอวเล็ก และตาของผมคงจะเศร้ามากจริงๆ
จนทำให้คนบนตักหุบยิ้มแล้วมองผมด้วยสายตาห่วงใย
มือน้อยๆเลื่อนขึ้นมาขยี้ผมของผมไปมา
ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้หัวใจของผมกลับมาเต้นอีกครั้ง
“แต่การแสดงมันก็ต้องมีความรู้สึกร่วมด้วยไม่ใช่เหรอ”
------------------------------
Katomnam Talk:
ลงเฉยๆ อยากลงค่ะ เผื่อมีคนเห็นเนาะ
เลิฟๆ
ความคิดเห็น