Chapter 4
มุมมองใหม่
“เฮ้...นี่ๆ ตื่นได้แล้วมานอนอะไรอยู่นี่” โถ่เว้ย...ใครว่ะ คนกำลังหลับเพลินๆ เดี๋ยวพ่อฆ่าทิ้งซะหรอก ผมปัดมือที่มาสะกิดออกก่อนจะนอนต่อ ง่วงจะตายอยู่แล้ว
ครืด...เสียงประตูนี่ท่าทางอาจารย์จะเข้ามาแล้วสิ - - ช่างเถอะต่อให้เป็นอาจารย์ใหญ่ผมก็ไม่สนใจหรอก คนง่วงจะตาย เพราะเจ้าพวกนั้นแท้ๆ ที่ทำให้ไม่ได้นอนทั้งคืน ก็ไอ้ใบงานคณิตศาสตร์กว่า 20 ชุดแถมแต่ละชุดมีตั้ง 5 แผ่นคิดไปคิดมายังปวดมือไม่หายเลย -*-
“หา~!!!” โอ๊ย...ตะโกนอะไรกันหนวกหูจะตายเงียบๆ หน่อยได้มั้ย
“หนวกหู เงียบๆ หน่อยได้มั้ย” ผมตะโกนออกไปอย่างหัวเสีย และดูเหมือนจะได้ผล เสียงรบกวนพวกนั้นเงียบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เฮ้อ...แบบนี้สิความสุขของการนอน
หาว....-0- ผมลืมตาขึ้นพลางบิดขี้เกียจพร้อมกับหาวอีกครั้ง หลับสบายจริงๆ เลยไม่ได้สัมผัสคำว่า นอนเต็มอิ่ม มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย เอ๋~!!! ผมมองไปรอบตัว นี่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวเหรอ 0.0 เพื่อนๆ ในห้องนั่งจ้องผมกันเป็นตาเดียว เอ๊ะ~!!! 0.0 ไอ้พวกนี้มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“พวกนายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“พวกฉันต่างหากที่ต้องถามนายว่า มานอนอยู่ที่นี่ทำไม” ซีวอนถามขึ้นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าผม พร้อมกับจ้องเขม็ง ผมไปทำความผิดอะไรไว้เหรอเนี่ย...- -“
“ก็ง่วง ไม่งั้นจะนอนทำไมเล่า” ผมเถียงกลับ
“อย่านอกเรื่องได้มั้ย” คยูฮยอนขึ้นเสียงก่อนจะเอามือเท้าโต๊ะเสียงดัง ปัง~!!! ยึ้ย~!!! คยูฮยอนน่ากลัวชะมัด
“...” ขอให้สมองผมประมวลผลก่อนได้มั้ยล่ะ คนเพิ่งจะตื่นอยู่ๆ มาเค้นถามแล้วใครจะไปตอบให้ได้ทันทีเล่า หาว...คิดไปคิดมากลับบ้านพักไปนอนต่อดีกว่าไม่สนใจพวกนายหรอก ผมคว้ากระเป๋าเป้ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องแต่เจ้าพวกนั้นดึงให้ผมนั่งลงกับที่
“ทำการบ้านเลขให้พวกฉันใช่มั้ย” ดงเฮถามขึ้น เออ...ผมไม่ทำแล้วหมาตัวไหนจะทำให้ล่ะ
“...มีอะไรเหรอ...ง่วงจะกลับบ้านไปนอน” ผมตอบเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่เสียหลักเซขึ้นมา ดีที่ดงเฮเข้ามาช่วยประคองไว้ทัน
“นอนไม่พอน่ะสิ” คิบอมพูดเบาๆ แล้วดันไหล่ผมให้นั่งลงอยู่กับที่พร้อมกับถามด้วยเสียงที่อ่อนลง
“ใช่หรือเปล่าล่ะ”
โถ่เอ้ย...จะอะไรนักหนาก็แค่ทำการบ้านให้ทำไมเจ้าพวกนี้ดูจะทำเป็นเรื่องใหญ่อย่างกับผมเป็นฆาตกรฆ่าคนมายังไงอย่างงั้นแหละ แถมทำอย่างกับผมไปฆ่าหนึ่งในเพื่อนในห้องมาซะอีก ...นี่เลิกจ้องแบบเอาเป็นเอาตายได้ไหมเนี่ย
“เรื่องแค่นี้ ถามทำไมนักหนา” ผมถามด้วยความง่วงงุน อยากจะกลับไปนอนเต็มแก่
“เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ตอบเล่า” ฮีชอลขึ้นเสียงใส่ผมอีกคน
“ก็แค่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่อะไรมากมายเล่า แล้วก็เลิกจ้องฉันอย่างเอาเป็นเอาตายซะทีสิ ฉันไม่ใช่ฆาตกรค่าหัวร้อยล้านนะ” ผมตะโกนเสียงดังก่อนจะรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ให้ตายสิ...ทำให้ผมโมโหจนได้เกือบฟิวส์ขาดไปซะแล้วด้วย
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจยาวก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว ร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายพร้อมกับแสงไฟหลากสี นี่ผมแต่งเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเอสเอ็มขึ้นขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย ผมมองตัวเองในกระจกที่ใส่เครื่องแบบนักเรียนเมะของโรงเรียนเอสเอ็ม ยูนิฟอร์มสีดำสนิทเสื้อแขนยาวคอตั้งๆ กับกางเกงขายาวสีดำหลวมๆ
พูดก็พูดเถอะคนน่ารักใส่ชุดไหนก็น่ารักเหมือนกันหมดนั่นแหละ ^^คิกๆ...
“เฮ้ย...คยูฮยอนเป็นอะไรไปว่ะเห็นเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” เอ๊ะ~!!! เสียงนี้ของดงเฮนี่ ผมหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ก่อนจะมองไปยังกลุ่มของคิบอมที่นั่งอยู่บนฝากระโปรงรถยนต์กว่า 5 คัน ไปนั่งบนรถคนอื่นเค้าเดี๋ยวก็ถูกไล่ตะเพิดหรอก
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” คยูฮยอนตอบก่อนจะกระโดดลงมายืนที่พื้น
“แกอีกคนคิบอมเป็นอะไรเงียบเชียว หรือว่าเพราะเรื่องฮยอกแจ” เอ๊ะ~!!! เรื่องของผมงั้นเหรอ แหม...ดงเฮก็...ไม่ต้องแย่งกันหรอกผมจะให้ความรักแก่ทุกๆ คนเลย พรืด...ผมส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆ ออกไป แล้วที่พวกนั้นเงียบกันทำไมถึงมาเกี่ยวกับผมด้วยล่ะ - -“
“หรือว่าแกไม่สงสัยบ้างหรือไง ว่าหมอนั่นมาทำให้ทำไม” คยูฮยอนหันมาถามกลับทำเอาซีวอนเงียบลง นี่...เรื่องของผมมันทำให้พวกนั้นเครียดกันขนาดนี้เลยเหรอไง
“ก็สงสัยแล้วทำไงได้ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้ซะหน่อย แถมคำว่าขอบคุณพวกเราก็พูดกันไม่เป็นซะด้วยนี่สิ” ฮีชอลตอบแทนซีวอนออกมาว่าพลางเอามือลูบผมซอยสั้นสีดำนั้นเบาๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรดี ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างเลี่ยงไม่ได้เจ้าพวกนั้นที่เมื่อเย็นกักตัวผมไว้ ก็เพราะจะ...ขอบคุณผมเหรอ...^///^ เขินจัง
“ที่ฉันจะพูดไม่ใช่คำว่า ขอบคุณ หรอกนะแต่ฉันจะถามว่าต้องการอะไรกันแน่ต่างหาก” คิบอมว่าพลางเปิดประตูรถยนต์สีดำออก เอ๋...รถพวกนี้เป็นของเจ้าพวกนั้นเหรอ 0.0 โอ๊ย...ยังจะสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก คิบอมต้องการถามผมว่าต้องการอะไรงั้นเหรอ -*-
ฮึ้ย~!!! น่าโมโหนัก ระแวงคนอื่นไม่เข้าท่า พวกนายคิดว่าฉันทำไปเพื่อหวังอะไรงั้นเหรอ
“แต่ฉันว่าฮยอกแจ ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรอก” ดงเฮค้านขึ้น T^T ฮือๆ...ปลาน้อยที่รักช่างน่ารักจริงๆ เลย สงสัยคงมีแต่นายคนเดียวเท่านั้นแหละที่เข้าใจ คิบอมนี่ก็ระแวงคนอื่นเค้าไม่เข้าท่า เชอะ...หน้าตาก็ไม่ดี(มั้ง) แถมนิสัยยังแย่อีกต่างหาก
“ด๊อง ฉันคิดว่าแกคงไม่ลืมเรื่องของจุนกิหรอกนะ” คิบอมพูดก่อนจะมองไปที่เพื่อนๆที่ยืนอึ้ง จุนกิ...เป็นใครกันล่ะ จะบอกว่าผมกับจุนกิเหมือนกันเหรอไงพูดให้มันหายข้องใจหน่อยสิ -*-
“...” ทุกคนเงียบก่อนจะพยักหน้ารับ เฮ้...พูดให้มันเคลียร์กว่านี้หน่อยสิ
“ยังไงจุนกิก็เป็นแค่อดีตแล้วอีกอย่างฉันว่าจุนกิกับฮยอกแจไม่ได้เหมือนกันเลย” คยูฮยอนเถียงก่อนจะเปิดประตูรถอย่างหัวเสีย แล้วพูดต่อ “ใช่ถึงจุนกิจะเคยทำการบ้านให้พวกเราแต่มันก็แค่ภาพหลอกลวง ความจริงจุนกิเป็นคนที่ทำให้คังอินต้องตาย แต่พวกแกยังให้อภัยเค้าได้แล้วทำไมถึงได้ระแวงฮยอกแจอีกล่ะดูดีๆ แล้วคนที่พวกเราระแวงอาจเป็นคนที่ห่วงพวกเราจริงๆ ก็ได้”
TT^TT งืด...คยูฮยอนนายนี่ก็น่ารักจริงๆ เลย แต่...คังอินกับจุนกินี่ทำไมถึงเกี่ยวข้องกันได้ล่ะ อย่าเอาเรื่องปวดหัวมาโยนให้ได้ไหมเนี่ย -- --“ผมถอนหายใจเฮือกก่อนจะสาวเท้าเดินออกมาขืนอยู่นานมีหวังผมต้องคิดกับเรื่องบ้าๆ จนสมองระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แน่
“หาว...” ผมเปิดปากหาวหวอด อุตส่าห์จะไม่คิดถึงเรื่องนี้แล้วนะกลับทำให้ผมคิดจนนอนไม่หลับจนได้ แถมเมื่อคืนวานยังต้องทำการบ้านให้พวกนั้นจนนอนไม่หลับไปคืนหนึ่งแล้วเมื่อคืนนี่ก็เพราะเรื่องของ คังอิน กับ จุนกิอีก โอ๊ย...ปวดหัวตะหงิดๆ แฮะ
ครืด...ทันทีที่ผมเปิดประตูออกเจ้าพวกนั้นก็เงียบลงอย่างอัตโนมัติ แล้วมองผมเหมือนตัวประหลาด ฮึ้ย~!!! เลิกมองกันแบบนี้ซะทีไว้ใจกันบ้างไม่ได้หรือไง โมโหแล้วนะ ผมกระแทกกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง คิบอมหันมามองผมอย่างจับผิด
ให้ตายสิ...ผมหมดความอดทนแล้วนะ -*-
“คิบอมนี่นายจะจ้องฉันอีกนานไหม” ผมพูดก่อนจะเอามือเท้าโต๊ะดังปังอย่างความอดทนสิ้นสุด ทุกอย่างแทบจะระเบิดออกมา ขอบตาของผมร้อนผ่าว...โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้วนะ
“นายทำไปเพื่ออะไรกันแน่” คิบอมถามขึ้นเสียงเรียบ
“ทำไปเพื่ออะไรงั้นเหรอ นายคิดว่าฉันแสร้งทำดีเพื่อกลบเกลื่อนความผิดเหรอไง ขอโทษนะที่ทำให้นายผิดหวังฉันไม่ใช่คนที่ทำอะไรเพื่อลบความผิด ถ้าฉันทำผิดฉันก็จะยอมรับไม่จำเป็นต้องทำดีเพื่อกลบเกลื่อนความผิด เพราะสำหรับฉันความผิดกับความดีน่ะมันอยู่คนละส่วนกันไม่มีทางมาลบกันได้หรอก” ผมถอนหายใจเฮือก ให้ตายสิ...เรื่องที่อยู่ในหัวสมองของผมมันยุ่งตีกันไปหมดแล้วนะ เลิกเอาเรื่องบ้าๆ มาใส่หัวผมซะที~!!!
“เอาอะไรมายืนยันว่านายไม่ใช่พวกประเภทนั้น” คิบอมะขึ้นเสียงเถียงกลับ
“ก็เพราะฉันไม่ใช่ จุนกิไงเล่า” ผมย้ำคำหลังหนักแน่น เพื่อนๆ ในห้องดูจะช็อคกับเรื่องที่ผมพูดออกมากันเกือบจะทุกคนโดยเฉพาะคิบอมที่ตรงเข้ามาหาผมจ้องอย่างเอาเรื่อง
“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” คิบอมถามขึ้นพลางกระชากคอเสื้อผม
“รู้ได้ยังไงมันก็เรื่องของฉันแต่เรื่องที่พวกนายควรรู้ก็คือ ฉันไม่ใช่จุนกิะ ฉันชื่อฮยอกแจ จำไว้ด้วย” ผมพูดพลางแกะมือหมอนั่นออก คิบอมมองผมเขม็งก่อนจะกระชากคอเสื้อผมขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันจะมากไปแล้วนะ นายไม่รู้เหรอไงว่าเสื้อนี่กว่าจะรีดให้เรียบมันลำบากขนาดไหน
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น นายรู้ได้ยังไง” หมอนั่นตวาดเสียงดัง ฮีชอลพยายามมาห้ามแต่ก็ถูกสะบัดออก
หมดความอดทนจริงๆแล้วนะ~!!!...ผมเชิดหน้ามองกลับก่อนจะปล่อยหมัดตรงเข้าที่แก้มซ้ายของหมอนั่นจนล้มคว่ำ คยูฮยอนรีบเข้ามารั้งผมเอาไว้
“ฉันไม่ใช่จุนกิ จำไว้~!!! อดีตไม่ได้ให้มีไว้แก้ไข แต่มีไว้ให้นายจดจำแล้วอย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกต่างหาก สิ่งที่นายจะทำได้ก็แค่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดต่างหากเล่า” ผมตวาดก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องโดยไม่หันไปมองเจ้าพวกนั้นอีก
ผมทรุดตัวลงนั่งในสวนสาธารณะ ก่อนจะมองไปรอบๆ อยากกลับบ้านจริงๆ เลย ที่นี่มีแต่คนที่ไม่เคยไว้ใจใครโดยเฉพาะหมอนั่น ...คิม คิบอม ถ้าอยู่เมืองเดิมคนที่ผมจะฆ่าคนแรกก็คือนายนั่นแหละ
โอ๊ย~!!! เจ็บมือหมอนั่นผอมจนผมต่อยเจอแต่กระดูกเจ็บจะตายอยู่แล้ว TT^TT แต่ที่น่าเจ็บกว่าก็คือเจ็บใจผมน่าจะต่อยหมอนั่นไปอีกซักหมัด -*- ยึ้ย~!!! ยิ่งคิดยิ่งโมโห อยู่ๆ ก็มีแก้วน้ำเย็นๆ มาแนบที่แก้มของผม อ่อย...ใครว่ะมาเล่นอะไรตอนคนอารมณ์ไม่ดีนี่
“..ฮันกยอง...” ผมออกเสียงเรียกคนที่นั่งลงด้านข้าง
“คิดอะไรอยู่เจอกันทีไรเห็นนั่งเหม่อทุกที” ฮันกยองว่าพลางส่งโกโก้ร้อนที่เพิ่งซื้อมาจากตู้กดริมถนนมาให้ ผมรับพลางเอ่ยขอบคุณ
“เปล่าหรอก” ผมตอบ แต่อยู่ๆ คนด้านข้างก็หัวเราะขึ้น
“นี่ฮยอกแจรู้หรือยังว่าอาทิตย์หน้ามีงานแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียน” ฮันกยองว่าพลางฉีกยิ้มกว้าง
“เอ๋...จริงเหรอ” ผมถามกลับพยายามเหมือนจะสนใจเต็มที่ เฮ้อ...ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าต่อยหน้าคิบอมให้คว่ำอีกซักหมัด -*-
“อื้อ...แข่งที่โรงเรียนเจวายพี มีโรงเรียนอื่นกว่า 10 โรงเรียนเข้าร่วมแข่งด้วยนะ” เอ๊ะ~!!! เมื่อกี้ฮันกยองบอกว่าไปแข่งที่โรงเรียนเจวายพีเหรอ *-* ว้าว...ปิ๊งๆ - - แต่ที่ว่ามีโรงเรียนอื่นเข้าร่วมด้วยก็มีโรงเรียนเนคิดันด้วยน่ะสิ - -“เฮ้อ...ไม่ไปดีกว่าไหมเนี่ย
“จะไปเชียร์ไหม วันที่จัดงานโรงเรียนจะหยุดให้เป็นกรณีพิเศษ” ฮันกยองยังคงพูดต่อ
“อื้อ...อาจจะนะ” ผมตอบแล้วลุกขึ้นยืน “เอ่อ...เย็นแล้ว ขอตัวก่อนนะฮันกยอง ไว้เจอกันใหม่นะ” ผมว่าแล้วกำลังจะสาวเท้าเดินแต่อยู่ๆ ฮันกยองก็คว้าข้อมือผมเอาไว้
“เอ่อ...ขอโทษนะ คือ จะบอกว่าวันจันทร์เจอกันที่หน้าโรงเรียนเจวายพี 8 โมงเช้านะแล้วไม่ต้องใส่เครื่องแบบนะใส่ชุดวอร์มมาเลยแล้วกัน” ฮันกยองพูดรัวเร็วปล่อยมือออก
“แล้วไม่ใส่เครื่องแบบได้เหรอ” ผมถามกลับ ไม่ใส่เครื่องแบบจะรู้ได้ไงเล่าว่าผมอยู่โรงเรียนอะไรเดี๋ยวหนุ่มๆ ก็ตามมาจีบผมผิดโรงเรียนหรอก คิกๆ ^^
“เอาเถอะน่าแล้วเจอกันนะ” ฮันกยองพูดแล้วเดินกึ่งวิ่งกลับไป ^^ อืม...ก็ดีนะอย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งโกรธเลือดขึ้นหน้าทุกวันๆ แค่เจออยู่ทุกวันนี้ก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น