คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Chapter 3]My Mafia's Love...
“พี่มิน คิบอมแกล้งฮยอค” พอไปถึงฮยอคแจก็วิ่งเข้าไปฟ้องพี่ชายคนโตทันที ทำให้ซองมินยุติการปะทะวาจากับคยูฮยอนก่อนจะหันไปหาเรื่องคิบอมแทน
“นายแกล้งอะไรน้องฉัน ห๊า” เสียงใสแหวดังลั่นห้องวีไอพีของภัตตาคารก่อนจะกระโจนทีเดียวถึงตัวคิบอม มือสวยกระชากเสื้อของคิบอมอย่างหาเรื่อง แต่คิบอมกลับยิ้มเฉยๆ ก่อนจะดึงมือของซองมินออกอย่างสุภาพ แล้วเดินตรงเข้าไปหาฮยอคแจที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเก้าอี้ตัวในสุด
“ด็อง ฮยอคมันเป็นอะไร” พอเอาเรื่องคิบอมไม่ได้ก็หันไปถามน้องคนรองแทน
“ก็คิบอมออกรถเร็ว ฮยอคยังไม่ทันตั้งหลักเลยเอาหัวไปโหม่งกับขอบรถน่ะสิ โมโหใหญ่เลยพอคิบอมหันไปง้อก็งับแขนคิบอมเข้าไปอีก คิบอมก็ไม่ว่าอะไรนะ เค้าเลยเป็นคนดึงแขนคิบอมออกมาเอง ฮยอคก็เลยหาว่าเค้าเข้าข้างคิบอม” ดงเฮเล่าไปเรื่อยๆ คยูฮยอนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเต็มๆ ก่อนจะหันไปมองลูกชายมาเฟียใหญ่ที่เย็นชาถึงที่สุดกำลังง้อคนตัวเล็กอยู่อีกมุมห้อง นี่เพื่อนเขายอมนั่งเฉยๆ ให้คนอื่นทำร้ายเนี่ยนะ ใส่ใจคนอื่นขณะที่กำลังขับรถเนี่ยนะ โอว ใครก็ได้บอกคยูฮยอนทีว่านั่นใช่คิม คิบอมเพื่อนรักของโจวคยูฮยอนจริงๆ
“นี่ไอ้หมาป่า กินไรอ่ะ” ซองมินถามขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวสั่งแทบจะเหมามาทั้งภัตตาคาร
“ไม่เอาอ่ะ แค่ที่นายสั่งมาก็กินให้หมดก่อนเถอะ” ตอบเสร็จก็เจอมะเหงกเข้าไปอีกที
“คอยดูแล้วกัน” ซองมินพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหันไปคุยกับดงเฮ ปล่อยให้คยูฮยอนนั่งเป็นหมาหงอยอยู่คนเดียว ไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของคยูฮยอนก็ดังขึ้น เจ้าตัวเลยรีบลุกไปรับบริเวณระเบียงด้านนอก
“คยูฮยอนพูดครับ”
“คุณชายครับ ผมคิมเยซองครับ”
“ได้เรื่องว่าไงครับคุณนักสืบคนเก่ง อ่อแล้วแกก็ไม่ต้องมาเว่อร์เรียกฉันว่าคุณชายด้วยไอ้เพื่อนบ้า”
“เออๆ แหมแหย่นิดๆหน่อยๆ ทำเป็นโมโห สืบมาแล้วเว้ยเรื่องคุณหนูตระกูลลี”
“ว่าไงเล่า ไอ้นี่ท่ามากจริง”
“ให้เรียวอุคสุดที่รักฉันกลับมาสาขาใหญ่ก่อน ฉันถึงจะบอกแก”
“เออๆ ครับเพื่อน เดี๋ยวผมโจวคยูฮยอนจะจัดการให้ครับ”
“เออดีมาก ตระกูลลีมีลูกชายที่น่ารักแค่สองคน ส่วนอีกคนเป็นลูกบุญธรรมท่านเจ้าสัวเก็บมาเลี้ยงเพราะพ่อของเด็กคนนั้นฆ่าตัวตายหนีหนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป็นคนรองหรือคนเล็ก”
“เออ ไปสืบมาเร็วๆ ด้วย”
“ได้ๆ แต่ข้อมูลหายากมากเพราะเจ้าสัวสั่งทุกคนปิดเป็นความลับ ฉันว่าแกถามจากพ่อแกง่ายกว่า”
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจโดนพ่อซักขอบใจมากแค่นี้นะ” พอวางปุ๊บก็รีบเดินเข้ามาประจบซองมินทันที ยังไงซองมินก็ตระกูลลีแท้แน่นอน คยูฮยอนมองดงเฮทีฮยอคแจทีก่อนจะเริ่มประมวลผลด้วยหัวสมองอัจฉริยะระดับประเทศของตัวเอง สงสัยได้คุยกับคิบอมยาวแน่ๆ เรื่องนี้สนุกกว่าที่คิดแล้วสิ
“ไม่กิน อย่ามายุ่ง” ฮยอคแจแหวใส่คิบอมที่ตักนั่นตักนี่มาให้ก่อนจะปัดช้อนของคิบอมจนตกพื้นท่ามกลางความตกใจของพนักงานในร้าน ผู้จัดการร้านแทบจะถลาเข้ามาหาคุณชายคิม คิบอมทันที ก่อนจะมองร่างบางที่นั่งอยู่อย่างเคืองๆ
“อย่ามองผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาแบบนั้นอีกนะ ผู้จัดการจาง” เสียงเย็นๆ ของคิบอมทำให้คนฟังเสียววาบไปทั้งตัว ฮยอคแจมองคิบอมตาค้างน้ำเสียงแบบเมื่อกี้เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ทำไมถึงได้ดูทรงอำนาจและเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนั้นนะ ฮยอคแจมองคิบอมก่อนจะหันไปมองซองมินที่มองฮยอคแจอยู่ก่อนแล้ว ส่วนคยูฮยอนก้มหน้ากินต่อเพราะเห็นเป็นเรื่องปกติ ไอ้เรื่องไม่ปกติที่ต้องสนใจน่ะคือการที่คุณชายคิมคิบอมยิ้มต่างหากล่ะ
“ออกไป” เสียงทุ้มบอกออกไปอีกครั้งก่อนที่ผู้จัดการจะรีบลุกลี้ลุกลนวิ่งออกไป
“คิบอม นายน่ากลัวจัง” เสียงหวานของฮยอคแจพูดขึ้นก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาของคิบอม
“เหรอ แล้วนายกลัวไหมล่ะ” คิบอมหันมายิ้มให้รอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่น้อยคนนักจะได้รับ จะมีก็แต่คุณหนูคิม ฮีซอล พี่ชายของคิบอมเท่านั้นที่ได้รับเป็นประจำ ส่วนคนที่สองที่ได้รับก็คงไม่พ้นคนที่นั่งมองตาแป๋วอยู่ตอนนี้
“ถ้าตอนนี้ไม่กลัว แต่เมื่อกี้ก็กลัว” ฮยอคแจบอกตามตรง
“แล้วนายหายโกรธฉันแล้วเหรอ”
“อ๊า ใช่สิฉันต้องโกรธนายนี่นา” พอนึกขึ้นได้ฮยอคแจเลยรีบหันกลับไปมองอีกทางทันที สร้างเสียงหัวเราะให้คิบอมได้อีกครั้ง
“โกรธฉัน วันนี้จะอิ่มไหมน่ะ” คิบอมแหย่ก่อนจะใช้ช้อนของฮยอคแจมาตักข้าวกินซะเอง คนตัวเล็กเลยเริ่มงอแงอีกครั้ง
“ก็นายทำช้อนฉันหล่นนี่”
“นายก็ให้เค้าหยิบมาให้ใหม่สิ ทำตัวเป็นเด็กไปได้” ฮยอคแจว่าคิบอมทำให้ซองมินหันมามองหน้ากับคยูฮยอนขำๆ ใครเด็กกันแน่นะนั่น ทั้งคิบอมและฮยอคแจไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนนั่งมองจากฝั่งตรงข้ามด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นคิบอมไม่ยอมเรียกพนักงานก่อนจะกินเองคำนึงป้อนอีกคนคำนึงจนฮยอคแจขี้เกียจจะแย่งเลยนั่งอ้าปากรออย่างเดียว คิบอมที่ตอนแรกกินไปด้วยเลยกลายเป็นหันมาป้อนฮยอคแจอย่างเดียว ร่างบางก็ได้ใจชี้เอากับข้าวทั่วโต๊ะไปหมด
“นี่คยูฮยอน คิบอมนี่ใช่ คุณชายคิม คิบอมตระกูลใหญ่รึเปล่า” กระต่ายน้อยหันมาถามหลังจากที่นั่งมองคิบอมที่ว่าคุ้นๆ หน้าอยู่นาน แต่ตามหนังสือที่ซองมินเห็นจะเป็นคิบอมคนที่แววตาไร้ความรู้สึก น่ากลัว ไม่ใช่คิบอมที่อ่อนโยนขนาดนี้นี่นา
“นั่นแหละเป๊ะเลย”
“แล้วนายก็ตระกูลโจวสินะ” ดงเฮถามบ้าง ใครๆ ก็รู้ว่าคุณชายสองตระกูลสนิทกันขนาดไหน ดังไปจนถึงอังกฤษจะมีก็แต่ฮยอคแจเนี่ยแหละที่ไม่ได้ตามข่าวทางเกาหลีเลยไม่เอะใจอะไร
“พี่มิน พี่ด็อง ฮยอคไปเรียนล่ะนะ” เสียงใสของน้องเล็กดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะวิ่งเข้าไปกอดซองมินและดงเฮ
“ตั้งใจเรียนนะ” ดงเฮพูดก่อนจะหอมแก้มใสของฮยอคแจไปฟอดใหญ่
“เลิกเรียนแล้วเข้าบริษัทด้วยนะ” ซองมินย้ำอีกที
“ไม่เอาอ่ะพี่มิน ฮยอคไม่อยากกลับบ้าน ฮยอคอยากอยู่ที่นี่อ่ะ กลับบ้านไปพอก้าวเข้าบ้านก็แห่กันออกมารับยังกับฮยอคเป็นเทวดานางฟ้า” คนพูดบ่นหน้าง้ำในขณะที่ซองมินและดงเฮผลัดกันผูกไทด์ให้อีกคน
“พี่รู้แล้ว ป๊ากับหม๊ารู้แล้วว่าเรากลับมา ท่านให้เข้าไปพบเฉยๆ ไม่ได้จะบังคับให้กลับบ้าน” ซองมินอธิบายก่อนที่เจ้าตัวยุ่งจะพยักหน้ารับเซงๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
“ดงเฮ เราจะบอกน้องยังไงดี” จากใบหน้ายิ้มแย้มของซองมินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันทีที่ฮยอคแจก้าวพ้นประตูห้อง
“เรื่องที่บริษัทเราโดนโกงจนเกือบล้มใช่ไหมฮะพี่” เสียงหวานตอบกลับมาก่อนคนเป็นพี่จะพยักหน้ารับ
“พี่ว่าพี่จะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนฮยอคแจจะเรียนจบ” ซองมินพูดด้วยแววตามุ่งมั่น ดงเฮเลยยิ้มให้พี่ชายคนโตอย่างให้กำลังใจก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป
บริษัทลีกรุ๊ป สาขาใหญ่
“ป๊าฮะ เรียกผู้จัดการฝ่ายการตลาดมาพบผมด้วย” หลังจากที่ซองมินนั่งมองรายงานการซื้อขายอย่างละเอียดมาครึ่งวัน ซองมินก็ตัดสินใจเรียกผู้จัดการฝ่ายการตลาดเข้ามาพบเนื่องจากเห็นความผิดปกติของตัวเลขในรายงาน
“เดี๋ยวนี้เลยเหรอลูก” เจ้าสัวลีถามลูกชายเสียงอ่อนโยน เขาภูมิใจในตัวซองมินและดงเฮมาก เพราะขณะที่ไปเรียนต่อก็ช่วยงานทางบ้านไปด้วยอย่างแข็งขัน
“หรือพ่อจะรอให้เราโดนโกงจนหมดก่อนละฮะ” ซองมินเอ่ยถามผู้เป็นพ่อยิ้มๆ เล่นเอาเจ้าสัวลีหุบยิ้มฉับ ถอนคำพูดที่เอ่ยชมไปแทบไม่ทัน
“ไม่ใช่ป๊าหมายถึงวันนี้เรามีประชุมกับตระกูลใหญ่”
“อ่อ ฮะกี่โมงฮะ ตระกูลใหญ่นี่หมายถึงตระกูลโจวกับตระกูลคิมใช่ไหมฮะ” ซองมินถามในขณะที่ยังไล่สายตาไปตามรายงานการซื้อขายฉบับนั้น
“บ่ายโมง ลูกชายคนเล็กของตระกูลคิมเพิ่งกลับมาจากอเมริกาน่ะ เค้าเลยอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับและนำมาแนะนำกับพันธมิตรทางการค้าก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจเต็มตัว” เจ้าสัวลีตอบ ซองมินเพียงพยักหน้ารับรู้ ผิดกับดงเฮที่อมยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงคิบอม รอยยิ้มที่พรากหัวใจไปจากเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
“งั้นผมขอห้านาที เรียกผู้จัดการมาฮะพ่อ” ซองมินบอก
“โอ๊ย ฉันพ่อแกหรือแกพ่อฉันวะเนี่ยสั่งจริง” เจ้าสัวลีโวยวายก่อนจะกดเรียกเลขาเข้ามาเอาคำสั่ง ไม่นานนักผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็เดินเข้ามา
“ผมถามว่านี่อะไรฮะ” ซองมินลุกเดินออกจากโต๊ะก่อนจะโยนแฟ้มอันใหญ่ใส่หน้าผู้จัดการอย่างไม่ไว้หน้า พร้อมกับกระดาษที่หล่นสู่พื้นมีรอยแดงที่ซองมินกาเอาไว้หมด ผู้จัดการมองก่อนจะหน้าซีดเผือดลงทันที ดงเฮมองการทำงานของพี่ชายอย่างอึ้งๆ ไม่มีคำว่าสงสารและโอกาสสำหรับคนที่ทำความผิด
“ตัวเลขพวกนี้หมายถึงอะไรกัน คุณจะเอาไปหลอกเด็กอนุบาลเหรอไง” ร่างบางพูดก่อนจะเปิดจอใหญ่กลางห้องใช้นิ้วเรียวชี้ไปเรื่อยๆ ตามระบบสัมผัส
“เอ่อ พวกวิศวกรเป็นคนจัดซื้ออุปกรณ์น่ะครับ”
“แล้วคุณก็เซนต์ผ่านทั้งๆ ที่ของราคาขึ้นมาถึงสิบเท่าตัวเนี่ยนะ” ซองมินตวาดเสียงดังลั่น
“ดี วิศวกรใช่ไหม แยอีไปตามวิศวกรที่จัดซื้ออุปกรณ์ตัวนี้มา” ซองมินหันไปสั่งเลขาของพ่อตัวเองทันที วิศวกรคนนั้นวิ่งเข้ามาอย่างเร็วที่โดนเรียกพบ
“ทำไมของถึงได้ราคาขึ้นถึงสิบเท่าตัว” ซองมินไม่รอช้าเพราะเจ้าตัวเริ่มจะโมโหหิวไปด้วยเลยรีบจัดการให้เสร็จๆ ไป
“เห้ย ผมส่งใบเบิกราคาของมาแค่ชิ้นละ 500000 วอนนะครับไม่ใช่ห้าล้าน” วิศวกรหนุ่มมองตัวเลขบนจอก่อนจะร้องลั่น
“อ่อ ขอบใจมากไปทำงานได้แล้ว” ซองมินหันมายิ้มให้ก่อนที่วิศวกรคนนั้นจะเดินกลับออกไป ผู้จัดการยังคงนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่บนพื้นห้อง ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ซองขาวได้ถูกโยนไปตรงหน้าร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องก่อนที่ซองมินจะจูงมือดงเฮและดันเจ้าสัวลีออกไปทานข้าวกลางวัน ใบหน้าบึ้งตึงแย้มยิ้มขึ้นมาทันทีผิดกับคนที่ทำงานเคร่งเครียดเป็นคนละคน ใบหน้าของซองมินที่ทำงานด้วยความเคร่งเครียดมีฮยอคแจคนเดียวที่ไม่ค่อยจะได้เห็น เพราะถ้าฮยอคแจเห็นซองมินหรือดงเฮทำหน้าเครียดขึ้นมาเมื่อไหร่ เจ้าตัวจะมาดึงแฟ้มออกไปเผาทิ้งก่อนจะโวยวาย ว่าป๊าชอบเอาเรื่องเครียดมาใส่พี่ตัวเอง ซองมินกับดงเฮเลยพยายามที่จะไม่เอางานกลับไปทำที่บ้าน
“ป๊าฮะ มีอะไรก็รีบๆพูดสิฮะเดี๋ยวน้องจะมาแล้วนะ” ซองมินเร่งเจ้าสัวลีเมื่อเห็นว่าเข้ามาในห้องประชุมแล้วไม่ยอมพูดอะไรซักคำนอกจากยิ้มไปยิ้มมา มองคยูฮยอนทีก็ยิ้มมองคิบอมก็ยิ้ม
“เออ เร่งจริงไอ้ลูกคนนี้หัดนั่งเงียบๆ เรียบร้อยแบบดงเฮมั่งสิ” เจ้าสัวลีพูดขึ้นก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณชายใหญ่ประจำตระกูลคิมและโจว
“ผมพาน้องๆ มาทำความรู้จักกับบรรดาพันธมิตรรุ่นต่อไปฮะ” คิมฮีซอลพูดขึ้นก่อนใบหน้าสวยจะตวัดมองน้องอีกสองคนที่ยังนั่งนิ่งๆ คิบอมเป็นคนแรกที่แนะนำตัวกับเจ้าสัวลี ตามด้วยคยูฮยอน
“ซองมิน” เสียงทุ้มของเจ้าสัวลีดังขึ้นเพื่อเตือนให้ซองมินแนะนำตัวบ้าง
“ซองมิน” คนตัวเล็กเบ้ปากเซ็งก่อนเสียงใสจะเอ่ยแนะนำตัวเองเสียงห้วน
“ดงเฮครับ” เอ่ยอย่างสุภาพ ฮีซอลมองคนน่ารักสองคนตรงหน้าก่อนจะอมยิ้ม สมคำร่ำลือคุณหนูตระกูลลีมีความงดงามเกินสตรีจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่คยูฮยอนมาอ้อนตั้งแต่เมื่อวานให้พามาทำความรู้จัก
“เนื่องจากทางเรายังไม่ค่อยมีความสามารถทางด้านการค้า ทางเราเลยขอให้คยูฮยอนและคิบอมมาศึกษางานอยู่ที่บริษัทลีไปก่อน ไม่ทราบว่าทางคุณอาจะว่าอะไรไหมครับ” ฮีซอลพูดถึงธุระทันที
“อ่าได้เลยๆ ให้ซองมินดูแลคยูฮยอนแล้วกัน ส่วนดงเฮให้ดูแลคิบอม”
“ครับ” สี่คนรับคำออกมาอย่างว่าง่ายแม้ซองมินจะไม่เต็มใจก็ตามแต่เพื่อครอบครัวร่างบางจำใจรับคำก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวให้คยูฮยอนที่กำลังมองอยู่
“วันนี้ทางบ้านเรามีงานเลี้ยงต้อนรับคิบอม อยากเชิญคุณอาไปด้วยครับ”
“อ่อ มีแต่เด็กๆ ทั้งนั้นอาไม่สันทัดแล้วแหละ เอางี้แล้วกันเดี๋ยวให้ซองมินกับดงเฮไปแทนแล้วกัน” เจ้าสัวลีเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี ไม่ถามความสมัครใจของลูกชายเลย คิบอมเอาแต่อมยิ้มนิสัยเหมือนใครบางคนที่คิบอมกำลังคิดถึงอยู่จริงๆ
“ฮัน ยังไงนายก็ต้องไปงานเลี้ยงของตระกูลใหญ่ใช่มะ” ฮยอคแจถามฮันกยองเสียงหวานแววตาเป็นประกาย จนคนฟังอดจะยิ้มออกมาไม่ได้
“จะทำไมล่ะ ไก่น้อย” หนุ่มจีนถามขณะที่เดินออกจากลิฟต์ไปพร้อมกับฮยอคแจ
“ก็ ฮันไปกับเรามะ พี่มินเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้เองว่าไม่ต้องเข้าบริษัทแล้ว”
“หือ ฮยอคไม่ได้เอารถมาเหรอ” ฮันกยองถามทำหน้างง
“เอามา แล้วฮันน่ะเอารถมาป่ะ”
“ป่าว เมื่อเช้าลงเครื่องก็ตรงมาเรียนเลยไม่มีเวลากลับบ้าน”
“อ๊า ดีจัง ฮันไปกับฮยอคนะ ไปพร้อมกันเถอะนะฮยอคจะได้มีเพื่อน” เสียงหวานเอ่ยอ้อนๆ จนฮันกยองอดไม่ได้ที่จะลูบหัวคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู นักศึกษาหญิงชายหลายคนมองสองคนด้วยความอิจฉา ส่วนหนึ่งอิจฉาฮันกยองที่สามารถไปไหนมาไหนและจับเนื้อต้องตัวคุณหนูลีผู้น่ารักได้ อีกส่วนหนึ่งอิจฉาฮยอคแจที่สามารถทำให้ฮันกยองยิ้มได้แม้ฮันกยองจะอารมณ์เสียมากแค่ไหนเพียงแค่เจอหน้าฮยอคแจสิ่งแรกที่ฮันกยองทำคือยิ้มแย้มทักทาย
“จะอ้อนทำไมเนี่ย ยังไงฉันก็ไม่เคยขัดนายอยู่แล้วนี่” ฮันกยองพูดยิ้มๆ ก่อนจะจูงมือคนตัวเล็กไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดเด่นอยู่หน้าตึกคณะ ก่อนจะเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้ฮยอคแจ แล้ววิ่งอ้อมไปประจำที่คนขับ
“ฮันขับช้าๆ หน่อย” เสียงใสโวยลั่นเมื่อเห็นตัวเลขดิจิตอลบ่งบอกความเร็วคงที่ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“อ้าว ถนนออกจะโล่ง” ฮันกยองหันมาตอบแต่ก็ยอมผ่อนคันเร่งลง
“เดี๋ยวผมเสียทรงน่ะ” คนตัวเล็กบอกก่อนจะจับทรงผมที่อุตส่าห์ตื่นมาเซตแต่เช้าหน้ากระจกทำเอาฮันกยองแทบอยากจะเอาหัวโหม่งลงไปบนพวงมาลัย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เนตเน่ามากเลยค่ะ ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกคอมเม้นท์นะคะ
อีกสองเรื่องจะรีบอัพให้ค่า ^____^
ความคิดเห็น