ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AEACUS ก๊วนป่วนคนมีพลังจิต

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : เงื่อนไข

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 58


    เงื่อนไข

    หึๆ ในที่สุดฉันก็ได้ตื่นมาเสียที

    กลิ่นเหม็นสาปเน่าๆทำให้แชลินมึนหัว ตอนนี้ถ้าให้เธอเดา เธอคงต้องอยู่ในความฝันประหลาดแน่นอน เสียงหัวเราะแหบพร่าดังอยู่ภายในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความเย็นยะเยือกเหมือนแท่งเหล็กสัมผัสกับต้นคอของแชลินอย่างแผ่วเบาผ่านนิ้วมือใครบางคน แต่พอเธอหันไปก็พบแต่ความมืดเพียงเท่านั้น คิ้วสีน้ำตาลขมวดแน่นเพื่อบอกว่าเจ้าของมันกำลังสงสัยในสิ่งนั้น

    คุณเป็นใครกันแน่

    ฉันรึ ฉันก็คือเธอ เธอก็คือฉัน เราคือกันและกันไงล่ะ

    คำถามที่แชลินถามทุกครั้งที่เธอเข้ามาในความฝันนี้และก็ได้คำตอบเดิมทุกที

     มาสิ ไขว่คว้าหาฉัน หาพลังของเธอ …’

    ความมืดเริ่มดูดตัวแชลินลงไป ทำให้เธอสติแตก ร่างบางหวังจะตะโกนให้ใครช่วยแต่ก็เหมือนเสียงเธอหายไป สองมือพยายามหาสิ่งยึดเกาะแต่ไม่ว่าจะอะไรก็ว่างเปล่าไปเสียหมด

    แล้วเราจะได้เจอกัน

     

     

    เฮือก!

    แชลินกระเด้งตัวออกมาจากเตียงนุ่มขนาดใหญ่ แสงสว่างจากหลอดไฟทำให้เธอต้องกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพ ร่างบางพยายามยืนขึ้นแต่ก็ล้มเหลว เธอจำต้องล้มตัวลงนอนกับหมอนอีกรอบเพราะอาการปวดหัวแล่นเข้ามา

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ที่นี่ที่ไหนกัน

    แชลินพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดแต่เพราะอาการปวดหัวทำให้ไม่ได้ผลรับที่น่าพึงพอใจนัก แต่จิตใต้สำนึกเธอก็ทำงานเป็นอย่างดีแล้วภาพที่ประมวลออกมาในเวลานี้คือ

    “แรลีย์! ใช่ เขาไปอยู่ไหนกันนะ”

    คราวนี้แชลินไม่ประมาทเหมือนรอบที่แล้ว เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ทำให้พบกับเพดานสีขาว หันไปรอบๆผนังก็เป็นสีขาว ทุกอย่างในห้องนี้เป็นสีขาวจนทำให้เธอรู้สึกแสบตา มีเพียงประตูตรงหน้าเธอเท่านั้นที่เป็นสีดำสนิท แชลินก้าวเท้าลงจากเตียงเพื่อหวังจะไปสำรวจห้องแต่ขาเธอก็ไม่มีแรงเสียอย่างนั้นทำให้เธอล้มลงไปกองกับพื้น

    “โฮ่ ในที่สุดเธอก็ฟื้นมาจนได้ แม่เด็กน้อยมหัศจรรย์”

    แชลินหันขวับไปทั่วเพื่อมองหาบริเวณกำเนิดเสียง แต่ห้องนี้ก็ไม่มีใครนอกจากเธอ ไม่มีแม้แต่ลำโพงเลยด้วยซ้ำ

    “เสียงใคร”

    “ฉันเอง อย่ามองหาฉันเลย นี่เป็นเทคโนยีที่เธอคงไม่รู้จักแน่”

    “งั้นเหรอ! ถ้าอย่างนั้น บอกฉันมาสิ ตาฉันอยู่ที่ไหนกัน ที่นี่ที่ไหน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

                “ฮ่าๆ เห็นนิ่งๆแบบนี้ เก็บอาการเก่งเหมือนกันนี่ เอาละ ฉันชื่อคูแวนซ์ เป็นคนพาเธอมาที่นี่ และฉันจะบอกทุกสิ่งที่เธอสมควรรู้ ไม่ใช่ต้องการจะรู้ เอาละ ฟังให้ดี ในอีกยี่สิบนาทีจะมีคนมารับเธอที่นี่”

                “มารับ รับทำไม”

                “เธอชื่อ แชลิน บราวน์ อยู่กับตาที่ชื่อแรลีย์สองคน โดนพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก  อาศัยอยู่ที่เมืองลีคาร์เซนส์ เรียนที่โรงเรียนเอกชนประจำเมือง มีประวัติการวิวาทมาไม่ต่ำกว่าสามสิบครั้ง เราค้นพบเธอวันที่1พฤศจิกายน ไม่สามารถระบุได้ว่าเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษประเภทไหน

                คูแวนซ์พูดโดยไม่สนใจคำถามของแชลินแม้แต่น้อย ทำให้เธอจำต้องฟังเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้ว่าต้องเก็บอารมณ์ความโกรธและหงุดหงิดไว้ข้างในก็ตาม คูแวนซ์เลยตอบคำถามที่เขาคิดว่าเธอน่าจะอยากรู้ที่สุดตอนนี้

                “เอาล่ะๆ ฉันจะบอกเธอเรื่องหนึ่งก่อนก็ได้ ตาของเธอมีอาการบาดเจ็บเป็นอย่างหนัก ทั้งยังมีโรคเรื้อรัง แต่ก็ได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากหน่วยแพทย์ของเราแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้ที่ตาเธอไปยืมมา ตอนนี้ทางเราก็ได้จ่ายไปให้หมดแล้ว เป็นเงินทั้งหมด หนึ่งล้านโอเยนถ้วน แต่มีข้อแม้คือเธอต้องทำตามสัญญาของเรา”

             “เดี๋ยวนะ.. โรคงั้นหรอ โรคอะไร”

                “ฉันยังไม่สามารถบอกเธอได้เพราะตอนนี้หน่วยแพทย์กำลังค้นหาอยู่ ว่ายังไง ถ้าเธอไม่ทำตามสัญญา ตาของเธอคงต้องตายแน่ๆ เพราะเงินก็ไม่มี บ้านก็ไม่มีให้อยู่อาศัย ให้ออกไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย”

                แชลินรู้ ตอนนี้เธอกำลังเสียเปรียบ พวกเขาถือไพ่เหนือกว่าเธอ ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นลูกไก่ในกำมือ ถ้าไม่รับข้อตกลงแรลีย์ต้องตาย ซึ่งเธอยอมไม่ได้เด็ดขาด เขาเป็นคนสำคัญเพียงหนึ่งเดียวของเธอ

                “ว่ามาสิ ถ้าทำให้แรลีย์รอด ไม่ว่าอะไรฉันก็ยอมหมด ขอร้องล่ะช่วยดูแลเขาที”

                “มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วล่ะ แต่เธอควรรู้ก่อนนะว่าทำไมเธอถึงมีสภาพแบบนี้”

                ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์ที่บ้านเธอถูกไฟเผาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเหมือนมีเครื่องฉายภาพอยู่ข้างหลัง ทุกอย่างดูเหนือจินตนาการไปทั้งหมด ไฟที่พัดกระหน่ำ ลมที่เหมือนจะเป็นใจ เสียงหวีดร้องของใบไม้ สายฟ้าที่ส่งเสียงเหมือนกำลังสนุกสนาน แต่น่าแปลก .. เธอกลับรับรู้ว่าเสียงเหล่านี้กำลังพูดว่าอะไร

             ‘นายหญิง

                “ดูก็น่าจะรู้นะว่านั่นเป็นฝีมือของเธอทั้งหมด ของเธอคนเดียวเลย นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำให้เธอได้สิทธิพิเศษ เพราะเธอเป็นคนพิเศษยังไงล่ะ”

             ภาพทั้งหมดตอกย้ำลงกลางใจของแชลิน ไหล่บางของเธอสั่นสะท้าน ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มันต่อกับจิกซอว์ที่หายไปในหัวได้อย่างลงตัว แต่ลึกๆแล้วเธอก็ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่แชลินจะอ้าปากถามถึงเรื่องพลังบ้าๆนั่น คูแวนซ์ก็พูดแทรกเธอขึ้นมาอย่างเสียมารยาท

    “เธออาจจะมีคำถามในหัวมากมาย ฉันรู้ แต่เธอจะได้ค้นพบคำตอบต่อจากนี้เองล่ะ เธอรู้จักโรงเรียนเดอราโรซไหม”

                แชลินเบิกตากว้างเมื่อได้ยินชื่อโรงเรียน

                “แน่นอน หนึ่งในสามโรงเรียนที่ดีที่สุด”

                “ใช่ เธอต้องไปอยู่ที่โรงเรียนนั่น นั่นแหละข้อตกลงของเรา”

                “แค่นี้น่ะเหรอ”

                แชลินส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาหมดเงินไปกับเธอมาก ทั้งยังให้เธอไปอยู่โรงเรียนที่สุดยอดแบบนั้นอีก สวรรค์เห็นใจเธอหรืออย่างไรกัน

                “เปลี่ยนชุดสิ หน้าที่ของฉันจบลงแต่เพียงเท่านี้”

                ตุบ!

                เสียงอะไรบางอย่างตกลงมาบนเตียงโดยที่สร้างความงุนงงให้กับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ปิดความสงสัยไว้ไม่มิด เธอเอื้อมตัวไปคว้าสิ่งนั้นมาแล้วก็พบว่ามันเป็นชุดของโรงเรียนเดอราโรซ

                เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวที่ถูกคลุมทับด้วยสูทสีแดงหม่นพร้อมกับมีเข็มกลัดรูปดอกกุหลาบและตัวอักษรD.R.กลัดอยู่ ส่วนกระโปรงเป็นกระโปรงสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยตามแบบนักเรียนหญิงทั่วไป

                “พวกเขาจะไม่แอบดูฉันใช่ไหมเนี้ย”

                ในขณะที่แชลินกำลังถอดเสื้อออกทำให้เธอสัมผัสกับไอเย็นๆที่เข้าปะทะผิว ทันใดนั้นเองประตูบานสีดำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าของนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก

             “เรียกฉันทำไม”

    แชลินยืนพิจารณาร่างสูงของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ผมสีทองประกายสวยงามกำลังหยอกล้อกับไฟในห้อง เมื่อเธอจ้องตากับเขา ก็พบกับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ฉายแววหงุดหงิดไม่น้อย สันจมูกโด่งที่เหมือนคนเอาแต่ใจเมื่อผสมกับปากสีแดงที่สบถออกมา

             “บ้าเอ้ย ผิดห้อง”

             “กรี๊ด”

                ทันที่ที่แชลินสัมผัสได้ว่าตอนนี้เธอยังไม่ได้สวมเสื้อ เสียงกรีดร้องก็ออกมาจากปากเธออย่างห้ามไม่ได้ แชลินรีบยกเสื้อปิดบังตัวเธอจากสายตาที่คนตรงหน้ามองอย่างเขินๆ

             “คนโรคจิต!

                “เธอสิโรคจิต มายืนโชว์ให้ผู้ชายเขาดู”

                “นายเปิดประตูเข้ามาเองนะ!

                “ก็จริง งั้นฉันไปล่ะ คุณลูกแมว”

                แชลินเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าลูกแมวแต่ก็ต้องหน้าแดงออกมาเมื่อก้มมองดูเสื้อในของเธอที่เป็นลายลูกแมวน้อยน่ารัก

                “นะ.. นาย .... อะ ไปแล้วเหรอ บ้าเอ้ย คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหมอนั่นแม่จะกัดหูให้ขาดเลย”

                ร่างบางสบถออกมาอย่างหัวเสียแล้วรีบจัดการใส่เสื้อผ้าต่อจนเสร็จ แชลินหมุนตัวรอบหนึ่งเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย

                “เอ... มันเหมือนขาดอะไรบางอย่างไปเลย”

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจของแชลินจากเสื้อผ้าใหม่ไป เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหมุนประตูลูกบิด แต่หมุนแล้วหมุนอีกก็เปิดไม่ได้เสียทีจนเสียเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ เธอจึงถอยห่างจากประตูแล้วตะโกนว่า

                “ค่ะ เชิญเข้ามาได้ค่ะ”

                สิ้นเสียงของแชลิน ประตูสีดำก็เปิดออก เผยให้เห็นถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กผิวสีขาวสะอาดสะอ้านภายใต้ชุดนักเรียนของโรงเรียนเดอราโรซเหมือนเธอ แต่ดวงตานั้นถูกปิดภายใต้ผมม้ายาวสีชมพูอ่อน ผมสั่นประบ่าที่เป็นลอนคลายๆทำให้เธอดูเหมือนกระต่ายน้อยขนนุ่มนิ่มแต่ติดที่ว่ามันยุ่งเหมือนคนไม่ได้สระผมมาหลายวัน

    เด็กผู้หญิงตรงหน้าสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยทักทายแชลินด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนไม่มั่นใจว่า

                “อะ... เอ่อ... สวัสดีจ้ะ... ฉะ.. ฉันคาร่าจ้ะ”

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×