NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินของข้า (Re-up)

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 12 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.17K
      87
      17 ม.ค. 66

    "...หมั่นโถว"

    “หมั่นโถว”

    เสียงที่ดังซ้ำๆ อยู่ไม่ไกลปลุกสติให้เฟิงชิงถิงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงทุ้มนั้นฟังดูแหบพร่าและเหนื่อยล้าอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน  เมื่อลืมตาขึ้นมาก็มีแค่ความมืดที่รายล้อม

    หมั่นโถวเสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับร่างของนางที่ถูกกระชับแรง

    แรงกระชับของอ้อมแขนนั้นทำให้นางรู้ว่ายามนี้ร่างของนางนั่งอยู่บนตักของร่างใหญ่ สองแขนแข็งแรงยังกอดนางไม่คลาย นางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดเงยหน้ามองผ่านความมืดจึงเห็นว่าเป็นผู้ใด

    สือซานเหลียงนางเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนล้า แม้จะตกใจที่รู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่ยามนี้นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเพียงแค่ขยับกายเล็กน้อยความเจ็บระบมก็แล่นปราดไปทั่วร่างพร้อมกับอาการเจ็บร้าวที่หัวไหล่

    เมื่อสำรวจรอบด้านจึงรู้ว่านางกลับมาอยู่ในห้องพักอันมืดสนิท ยามนี้ค่ำแล้วแต่ในห้องกลับไม่ได้จุดตะเกียงหรือเทียนไขแม้สักดวง นางพยายามแหงนหน้าขึ้นเพ่งมอง เห็นว่าสือซานเหลียงที่นั่งกอดร่างนางอยู่นั้นกำลังพิงหัวเตียงอยู่ ดวงตาของเขาจ้องนิ่งมาที่นางด้วยแววตาที่นางไม่เข้าใจ แต่นางกลับรู้สึกว่ายามนี้เขากำลังสำนึกผิด

    ข้าไม่เป็นอะไร สือซานเหลียงปล่อยข้าลงนางบอกเสียงเบาเพราะยังเจ็บไปทั่วร่าง

    แม่นางเลี่ยง ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะเสียงชุ่ยเอ๋อร์ดังอยู่หน้าห้องพร้อมกับแสงตะเกียงที่สว่างวาบ

    ชุ่ยเอ๋อร์หรือนางพยายามเค้นเสียงให้ดังขึ้น แต่ก็ดังได้ไม่มากเพราะเพียงแค่ส่งเสียงออกมาก็สามารถกระทบกระเทือนอาการบาดเจ็บของนางได้แล้ว

    เจ้าค่ะเสียงตอบกลับมาอย่างดีใจก่อนจะรีบเอ่ยต่อ แม่นางเลี่ยง ชุ่ยเอ๋อร์เข้าไปได้หรือไม่เจ้าค่ะ

    รอสักครู่เฟิงชิงถิงขยับร่างอันเจ็บระบม เงยหน้ามองสือซานเหลียงที่ยังไม่คลายอ้อมกอดออก

    สือซานเหลียงปล่อยข้าลง ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว

    หมั่นโถวดวงตาดุร้ายมีประกายจ้ายอมปล่อยนางลงจากร่างด้วยท่าทางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    แม้สือซานเหลียงจะวางร่างของนางลงบนเตียงด้วยความระมัดระวังเพียงใด ใบหน้าอันซีดขาวก็ต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บร้าวที่เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี นางพยายามขยับเขยื่อนให้น้อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดก็ยังถาโถมเข้ามาจนหน้าผากมนเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น

    แม่นางเลี่ยงชุ่ยเอ๋อร์ถือตะเกียงเปิดประตูโผล่หน้าเข้ามามอง เห็นเฟิงชิงถิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงหลังเดียวกับสือซานเหลียงก็เอ่ยถาม หากข้าเข้าไปแล้วท่านเหลียงจะไม่ทำอะไรข้า ใช่หรือไม่เจ้าคะ

    หมายความว่าอย่างไรเฟิงชิงถิงไม่เข้าใจที่ชุ่ยเอ๋อร์เอ่ย

    ชุ่ยเอ๋อร์มองสือซานเหลียงที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงท่าเดิมด้วยแววตาหวาดๆ ตอนที่แม่นางเลี่ยงได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ฮูหยินรู้เรื่องก็ให้ตามหมอมา แต่ไม่มีใครเข้าใกล้แม่นางเลี่ยงได้เจ้าค่ะ ท่านเหลียงเอาแต่กอดแม่นางเลี่ยงเอาไว้ตลอด ทำท่าจะทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้เขาและแม่นาง แล้วเขาก็พาแม่นางเลี่ยงมาที่ห้องนี้ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามาเจ้าค่ะ นี่ข้าก็รออยู่ด้านนอกตลอดเพื่อรอฟังว่าเมื่อใดแม่นางเลี่ยงจะฟื้นขึ้นมา

    เฟิงชิงถิงนิ่วหน้า ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เป็นเพราะนางรู้สึกว่าที่สิ่งที่นางพยายามทำเมื่อครู่นี้ไม่ได้ช่วยให้นางดูดีขึ้นแม้แต่น้อย นางอุตส่าห์ข่มความเจ็บเพื่อไม่ให้ชุ่ยเอ๋อร์เห็นว่านางถูกสือซานเหลียงกอด แต่กลายเป็นว่าทุกคนต่างเห็นนางถูกเขากอดหมดแล้ว อีกทั้งเขากอดนางนาน...นานเท่าใดกัน

    "ข้าสลบไปนานหรือไม่"

    "สองชั่วยามเจ้าค่ะ ท่านเหลียงกอดแม่นางเลี่ยงไม่ยอมปล่อยสองชั่วยามกว่าๆ เจ้าค่ะ"

    สองชั่วยามกว่าๆ...

    หมดกัน...ชื่อเสียงของนาง... นางอยากจะยกมือกุมขมับ แต่ยามนี้แค่ขยับก็เจ็บไปหมดทั้งตัวจึงเลิกคิดที่จะขยับกาย

    นางหันไปมองสือซานเหลียงที่ยามนี้ก็ยังไม่ละสายตาไปไหน แววตาที่มองมานั้นเต็มด้วยความรู้สึกหลากหลายจนเดาไม่ออก แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือแววตาที่บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาง  “อาเหลียงกอดข้าไว้เพื่ออะไรกัน

    "หมั่นโถว" แม้ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงคำถาม แต่เขาก็ยังมองนางอยู่ อีกทั้งนางเพิ่งเห็นว่ามือข้างหนึ่งของเขากำชายกระโปรงนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เห็นท่าทางรู้สึกผิดของเขาเช่นนี้แล้วหัวใจนางก็ปวดแปลบขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เอ่ยกับเขาทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือไม่ว่านางไม่เป็นอะไรเดี๋ยวก็หายดี เอาเถิดถูกเขากอดต่อหน้าผู้อื่นก็ไม่เป็นไรเช่นกัน 

    หมอกลับไปแล้ว เดี๋ยวชุ่ยเอ๋อร์ไปตามหมอมาใหม่นะเจ้าคะเห็นเจ้าของร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียงดูไม่ได้ดุร้ายเหมือนเมื่อครู่ ชุ่ยเอ๋อร์จึงเดินเข้ามาจุดเทียนเพื่อให้ห้องสว่างขึ้น

    ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นอะไรมากเฟิงชิงถิงเอ่ยพร้อมตรวจอาการของตนเอง ร่างที่ชนกำแพงไปครึ่งแถบยังมีหัวไหล่ด้านหลังที่ถูกสือซานเหลียงฟาดมือใส่ ผลคือ เลือดคั่ง ช้ำใน กระดูกร้าวโชคดีที่ไม่หัก และไม่มีอวัยวะภายในที่ฉีกขาด คาดว่าเขาคงยั้งมือแล้ว แต่คงต้องพักนานหน่อยเพราะแรงของสือซานเหลียงนั้นไม่น้อยเลย

    แค่นางขยับกายจะหยิบห่อสัมภาระของตนเองก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด จึงเรียกให้ชุ่ยเอ๋อร์หยิบมาให้นางแทน

    ยากินนั้นไม่เท่าใดนักเพราะเฟิงชิงถิงกินเองได้ แต่ยาทานางต้องให้ชุ่ยเอ๋อร์ช่วย นางไม่กังวลเรื่องสือซานเหลียงเท่าใดนัก เพราะยามที่อาบน้ำนางก็ให้สือซานเหลียงหันหลัง เขาก็หันหลังนั่งเหม่อไม่ได้สนใจนาง ครั้งนี้นางจึงทำเช่นเดิม

    สือซานเหลียง ท่านช่วยหันหลังไปก่อนได้หรือไม่สือซานเหลียงไม่ได้ขยับกาย นางจึงเอ่ยอีกครั้ง หันหลังกลับไปก่อนเขาหันหลังให้นางแต่ไม่คลายมือจากกระโปรงของนาง ทำให้นางต้องเอ่ยกับเขาอีกครั้ง คลายมือจากกระโปรงข้าก่อน

    เขาหันมามองนางอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือ นางจึงให้ชุ่ยเอ๋อร์พยุงตนเองไปนั่งที่กลางห้อง คลายสาบเสื้อ เพื่อให้ชุ่ยเอ๋อร์ทายาที่หลังให้

    แม่นางเลี่ยง เป็นรอยฝ่ามือเลยเจ้าค่ะ

    เฟิงชิงถิงส่งเสียงอืมไปคราหนึ่ง โชคดีที่สือซานเหลียงไม่ได้ใช้กำลังภายใน หากเขาใช้กำลังภายในนางคงจะได้ไปทักทายกับท่านปู่แล้ว

    หลังจากที่ข้าสลบไป เกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง คนงานร้านผ้าเล่า เขาหวาดกลัวหรือไม่เฟิงชิงถิงแกล้งถามถึงคนงานร้านผ้า ที่จริงนางต้องการรู้ว่าชายที่มีรอยบากใต้ตานั้นใช่คนงานร้านผ้าจริงหรือไม่

    พวกเขาก็ตกใจเจ้าค่ะ แต่ก็กลับไปทำงานของเขาตามปกติ แต่ว่านายท่านต้วนนะสิเจ้าค่ะ มาโวยวายกับฮูหยินเรื่องลูกชายของเขาถูกทำร้าย บอกว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเจ้าค่ะ ทั้งที่ไม่มีผู้ใดเป็นอะไรแท้ๆ คนของเขาก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย คุณชายต้วนผู้นั้นก็แค่มีแผลถลอก แต่คนที่เจ็บหนักคือแม่นางเลี่ยงต่างหากชุ่ยเอ๋อร์เล่าไปมือก็ทายาไปด้วย

    ข้าทำให้ฮูหยินของเจ้าลำบากเสียแล้วเฟิงชิงถิงรู้สึกผิดต่อซย่าเจี่ยลุ่ย ส่วนคนร้านผ้านั้นนางอาจจะคิดมากไปเอง

    เรื่องนี้ฮูหยินสั่งข้าให้บอกแม่นางเลี่ยงว่าไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ทุกคนเป็นพยานได้ว่าคุณชายน้อยต้วนนั้นหาเรื่องคุณหนูของเราก่อน อีกทั้งยังหาเรื่องท่านเหลียงด้วย ฮูหยินบอกว่าอย่างมากก็เลิกติดต่อการค้ากับคนแซ่ต้วน เพราะเขาเองก็ชอบกดราคาผ้าปักของพวกเรา

    ฝากขอบคุณฮูหยินของเจ้าด้วยเฟิงชิงถิงเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ

    ทายาเสร็จแล้วเจ้าค่ะชุ่ยเอ๋อร์บอก

    ขอบใจเจ้ามากเฟิงชิงถิงคิดจะรวบสาบเสื้อกลับเข้าไป แต่สาบเสื้อกลับถูกรั้งเอาไว้ นางคิดว่าเป็นชุ่ยเอ๋อร์ที่ไม่ยอมให้นางรวบสาบเสื้อกลับ แต่กลายเป็นชุ่ยเอ๋อร์ที่เอ่ยอย่างหวาดกลัวปนร้อนรน

    ท่านเหลียงทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ

    เฟิงชิงถิงได้ยินก็เหลียวหลังไปมอง แต่หันไปได้เล็กน้อยนางก็แทบหมดแรงเพราะเคลื่อนไหวรวดเร็วไปทำให้ความเจ็บปวดจากบาดแผลถาโถมเข้ามาอีกครั้ง แต่จากหางตานางเห็นว่าสือซานเหลียงกำลังจับสาบเสื้อของนางพร้อมกับก้มมองหัวไหล่ข้างที่บาดเจ็บ

    อาเหลียงปล่อยมือเถิดเฟิงชิงถิงเอ่ยอย่างอ่อนแรง แต่เขาไม่ปล่อย

    สือซานเหลียงมองรอยแดงช้ำที่กำลังจะเป็นสีม่วงด้วยดวงตาที่แดงก่ำ รอยฝ่ามือตัดกับผิวขาวเนียนอย่างชัดเจน เขามองเหม่อนิ่งอยู่นานโดยไม่ทำสิ่งใด

    เฟิงชิงถิงเห็นเขาไม่ยอมปล่อยมืออีกทั้งยังมองแผ่นหลังของนางไม่เลิก จึงคิดว่าเขาคงต้องการเห็นว่านางบาดเจ็บเพียงใด และตอนนี้คงจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แม้ใบหน้าจะร้อนผ่าวเพราะถูกบุรุษมองแผ่นหลังเปลือยเปล่า แต่นางก็รู้ว่าสือซานเหลียงนั้นไม่ได้คิดอกุศล นางจึงเอ่ยปลอบเขาด้วยเสียงอ่อนโยน

    ข้าไม่เป็นอะไร ท่านไม่ต้องห่วง

    หลังจากเอ่ย สาบเสื้อที่ถูกรั้งไว้ก็กลับเป็นอิสระอีกครั้ง

    เมื่อจัดการกับเรื่องบาดแผลเสร็จ ชุ่ยเอ๋อร์ก็ถามว่าจะให้ยกของว่างหรืออาหารมาให้หรือไม่ เพราะทั้งเฟิงชิงถิงและสือซานเหลียงต่างไม่ได้กินอาหารเย็นกันทั้งคู่

    พอรู้ว่าสือซานเหลียงไม่ได้กินข้าวเย็นเฟิงชิงถิงก็มองเขาแต่ไร้คำพูด

    คืนนั้นเฟิงชิงถิงแทบจะไม่ได้หลับ เพราะอาการระบมตามร่างกายและเจ็บที่หัวไหล่ตลอดเวลา สือซานเหลียงนั้นก็ไม่ได้ต่างจากนางนัก เพราะเขานั่งอยู่บนเตียงเดียวกับนางมองนางตลอดเวลาโดยไม่หลับเช่นกัน แม้นางจะบอกเขาว่าไม่เป็นอะไรให้เขาหลับไป แต่ก็คล้ายว่าเขาไม่รับรู้เอาแต่มองหน้านางตลอดจนนางเหนื่อยจะบอก เพราะแค่อาการช้ำต่างๆ ก็ทรมานมากแล้ว จนใกล้รุ่งสางเฟิงชิงถิงก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

    เฟิงชิงถิงไม่ได้รู้ตัวว่าแม้นางจะหลับลงไปแล้วแต่ก็ยังครางออกมาด้วยความทรมาน ร่างใหญ่ที่นั่งนิ่งมองนางเริ่มขยับเข้ามาใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มานอนอยู่ข้างกายหญิงสาว มือหนายื่นออกไปคิดจะไปลูบคิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นให้คลายออก แต่เมื่อจ่อเกือบถึงหัวคิ้ว มือนั้นก็หยุดชะงัก ก่อนจะหดกลับมา แล้วไม่ขยับเข้ามาใกล้อีกเลย

    วันต่อมาเฟิงชิงถิงก็มีอาการไข้ขึ้น โชคดีที่นางพอจะรู้สภาพร่างกายของตนเองอยู่บ้างจึงสั่งชุ่ยเอ๋อร์ให้ต้มยาเตรียมไว้ให้

    ขณะที่หญิงสาวหลับอยู่ เสียงของชุ่ยเอ๋อร์และซินฝูที่เอ่ยด้วยความร้อนใจก็ปลุกให้นางตื่นขึ้นมา

    ท่านเหลียง ไม่ได้นะเจ้าคะ แม่นางเลี่ยงไม่สบายต้องดื่มยานะเจ้าคะ ยาชามนี้ก็เป็นแม่นางเลี่ยงก็สั่งให้ข้าต้มให้เอง

    ท่านเหลียงเจ้าคะ ให้ชุ่ยเอ๋อร์ป้อนยาแม่นางเลี่ยงเถิดเจ้าค่ะ

    เสียงคำรามอย่างไม่พอใจ ทำให้เฟิงชิงถิงต้องพยายามลืมตาอันหนักอึ้งขึ้นมา สือซานเหลียง

    แค่เสียงแผ่วเบาก็ทำให้เจ้าของร่างใหญ่หันกลับมาสนใจนางได้อย่างง่ายดาย เขาเดินกลับมาที่เตียงนอนพร้อมกับเรียกนาง หมั่นโถว

    ชุ่ยเอ๋อร์เมื่อชุ่ยเอ๋อร์ได้ยินเฟิงชิงถิงเรียกนางก็รีบเข้ามาในห้องทันที

    แม่นางเลี่ยง ดีเหลือเกินที่ท่านตื่นขึ้นมา ท่านเหลียงไม่ยอมให้ใครเข้ามาในห้องนี้เลยเจ้าค่ะชุ่ยเอ๋อร์บอก ตาก็ยังคอยมองสือซานเหลียงด้วยความระแวง กลัวเขาจะทำร้าย แต่เห็นเขาเอาแต่ยืนมองแม่นางเลี่ยง ชุ่ยเอ๋อร์จึงคลายความหวาดระแวงลงไปได้บ้าง

    มาเจ้าค่ะ ดื่มยาเจ้าค่ะซิงฝูรีบเข้ามาประคองเฟิงชิงถิงให้ลุกขึ้นนั่ง รับชามยามาจากชุ่ยเอ๋อร์และป้อนให้เฟิงชิงถิงดื่มอย่างเอาใจใส่

    สือซานเหลียงมองดูสองสาวใช้ปรนนิบัติเฟิงชิงถิงด้วยแววตาดุดันแต่เขาก็ไม่ขัดขวาง

    พิษไข้ทำให้ร่างกายของเฟิงชิงถิงมีเหงื่อออกมาก อีกทั้งชุดของนางยังมีคราบเลือดติดอยู่ด้วย นางอยากเช็ดตัวแต่ทำเองไม่ไหว สือซานเหลียงเองก็ไม่ยอมออกจากห้องไปที่ใดด้วย นางจึงให้ซินฝูและชุ่ยเอ๋อร์ยกฉากกั้นมาบังเตียงเอาไว้ ให้ชุ่ยเอ๋อร์ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ ส่วนสือซานเหลียงนั้นที่เสื้อของเขาก็มีคราบเลือด แต่นางบอกอย่างไรเขาก็ไม่ถอดออก จะให้ผู้อื่นถอดให้เขาก็คงไม่ยอม ดังนั้นเฟิงชิงถิงจึงคิดว่ารอให้อาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเสื้อให้เขา

    ให้ยกอาหารมาให้เลยดีหรือไม่เจ้าคะชุ่ยเอ๋อร์ถามหลังจากที่เช็ดตัวและเปลี่ยนชุดใหม่ให้เฟิงชิงถิงเสร็จ

    ใบหน้าหวานที่ซีดขาวส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง ข้าไม่หิว แต่รบกวนพวกเจ้าช่วยยกอาหารของอาเหลียงมาในห้องได้หรือไม่

    เจ้าค่ะสาวใช้ต่างวัยรับคำ

    ไม่นานอาหารของสือซานเหลียงก็จัดวางอยู่เต็มโต๊ะ หลังจากที่สาวใช้ทั้งสองออกไปแล้วเฟิงชิงถิงก็เอ่ยกับสือซานเหลียงด้วยดวงตาปรือปรอยจากพิษไข้

    ท่านกินเสีย ไม่ต้องห่วงข้าเอ่ยแล้วนางก็ขยับตัวลงนอนอีกครั้ง ไม่นานก็หลับไป

    สือซานเหลียงมองอาหารบนโต๊ะครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงขยับร่างขึ้นไปนอนอยู่ข้างร่างบาง มองนางหลับโดยไม่สนใจอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้อย

    เฟิงชิงถิงนอนพักไปนานเท่าใดก็หารู้ไม่ นางตื่นขึ้นมาอีกคราเพราะเสียงแอะอะโวยวายที่หน้าเรือนพัก อาการไข้ของนางเหมือนจะดีขึ้นบ้าง เมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็เห็นสือซานเหลียงนอนลืมตามองนางอยู่ เฟิงชิงถิงไม่มีแรงต่อว่าเขา ไม่มีแม้แต่แรงจะขยับลุกหนี อีกทั้งเห็นแววตาที่เป็นประกายด้วยความยินดีที่เห็นนางลืมตาขึ้นมา เฟิงชิงถิงก็เอ่ยปากห้ามปรามไม่ลง

    หมั่นโถวเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยทักทาย

    นางยิ้มให้เขาอย่างอ่อนแรง ชุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงสือซานเหลียงจึงเอ่ยถามเช่นกัน แม่นางเลี่ยงตื่นแล้วหรือเจ้าค่ะเพราะตอนเช้าก่อนชุ่ยเอ๋อร์กับซินฝูจะออกจากห้องไป พวกนางบอกว่าจะคอยผลัดกันเฝ้าอยู่หน้าประตู หากเฟิงชิงถิงตื่นเมื่อใดจะได้เรียกใช้ได้ตลอดเวลา

    เฟิงชิงถิงคิดถึงเมื่อวานที่นางถูกสือซานเหลียงกอดตลอดเวลาต่อหน้าผู้อื่น นางก็คงไม่มีหน้าเหลือไปพบผู้ใดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นจะให้ชุ่ยเอ๋อร์มาเห็นว่านางและสือซานเหลียงนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมลุกก็คงไม่เหมาะ ส่วนนางเองนั้น ลุกไม่ไหว

    ชุ่ยเอ๋อร์ ด้านนอกมีสิ่งใดเกิดขึ้นเฟิงชิงถิงถามด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก แต่ชุ่ยเอ๋อร์ที่เงี่ยหูฟังอย่างดีก็ได้ยิน

    นายท่านต้วนผู้นั้นมาอีกแล้วเจ้าค่ะ วันนี้ขู่ว่าถ้าไม่นำตัวท่านเหลียงออกไปจะให้มือปราบมาจับตัวไปเจ้าค่ะ แต่แม่นางเลี่ยงไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ฮูหยินอยู่ด้านนอกรับมือได้เจ้าค่ะ พยานก็ยืนยันว่าคุณชายน้อยต้วนหาเรื่องก่อน หากเรื่องถึงมือปราบ คนที่ผิดก็ต้องเป็นคุณชายน้อยต้วนผู้นั้นเจ้าค่ะ

    เฟิงชิงถิงถอนหายใจ ไม่คิดว่านางจะนำความวุ่นวายมาให้ผู้อื่นเช่นนี้ เสียงด้านนอกเงียบไปแล้ว ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินมาทางห้องของนาง

    ฮูหยินเสียงชุ่ยเอ๋อร์เอ่ยอยู่ด้านนอก

    แม่นางเลี่ยงตื่นแล้วหรือไม่เป็นซย่าเจี่ยลุ่ยที่มาเยี่ยมเฟิงชิงถิงนั่นเอง

    ตื่นแล้วเจ้าค่ะ

    ได้ยินว่าเป็นซย่าเจี่ยลุ่ย เฟิงชิงถิงจึงรวบรวมแรงขยับร่างลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง สือซานเหลียงที่เห็นนางลุกขึ้นนั่งเขาจึงลุกขึ้นนั่งเช่นกัน

    แม่นางเลี่ยง ข้าเองเจี่ยลุ่ย

    เชิญฮูหยินนางเอ่ยเสียงแหบแห้ง

    ซย่าเจี่ยลุ่ยเข้ามาพร้อมกับลี่เอ๋อร์และเดินตรงมาที่เตียงใหญ่

    แม่นางเลี่ยงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เห็นบ่าวบอกว่าเจ้าไม่กินอาหาร ข้าเลยให้คนต้มน้ำแกงเตรียมไว้ให้” 

    ฮูหยิน เป็นข้าที่นำความเดือดร้อนมาให้พวกท่าน ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะเฟิงชิงถิงก้มหน้าในเชิงขออภัยเพราะนางลุกไม่ไหว

    ซย่าเจียลุ่ยก็คิดจะเข้าไปห้ามไม่ให้เฟิงชิงถิงขยับตัวมาก แต่ก็ชะงักอยู่กับที่เพราะเห็นว่าสือซานเหลียงยังคงนั่งอยู่บนเตียงไม่ห่างเฟิงชิงถิงเท่าใดนัก

    เกี่ยวกับแม่นางเลี่ยงที่ใดกันเล่า ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะลี่เอ๋อร์ที่วิ่งไปหาเจ้า และหากไม่ใช่คุณชายน้อยต้วนผู้นั้นไปล้อเลียนท่านเหลียง แม่นางเลี่ยงก็คงไม่เป็นเช่นนี้

    ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านน้าลี่เอ๋อร์บอกด้วยเสียงสั่นเครือ

    ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วเฟิงชิงถิงคลี่ยิ้มให้เด็กน้อย

    คุยได้อีกคำสองคำ ซย่าเจี่ยลุ่ยก็ให้คนนำอาหารบนโต๊ะไปเปลี่ยนและนำน้ำแกงมาให้เฟิงชิงถิง

    ดูสิ อาหารบนโต๊ะไม่ได้พร่องไปเลย ท่านเหลียงคงห่วงแม่นางเลี่ยงจนไม่ได้กินสิ่งใดเลยเป็นแน่ แม่นางเลี่ยงดื่มน้ำแกงเสียหน่อย ท่านเหลียงจะได้สบายใจยอมกินอาหารตั้งแต่รู้ว่าเฟิงชิงถิงบาดเจ็บเพราะลี่เอ๋อร์ของนางเป็นต้นเหตุ ท่าทีของซย่าเจี่ยลุ่ยก็ยิ่งเกรงใจและเป็นมิตรกับเฟิงชิงถิงมากขึ้น

    เฟิงชิงถิงมองดูอาหารที่ยกออกไป นางเองก็เพิ่งรู้ว่าสือซานเหลียงไม่ได้กินอาหารเช้า เขาอดอาหารเพื่อสิ่งใดกัน เมื่ออาหารชุดใหม่ถูกยกเข้ามาเฟิงชิงถิงจึงบอกให้สือซานเหลียงกินอาหาร เขาไปนั่งที่โต๊ะกลางห้องแต่ก็ยังไม่แตะอาหารเอาแต่มองนาง จนซย่าเจี่ยลุ่ยนำน้ำแกงมาป้อนให้เฟิงชิงถิงจนหมด สือซานเหลียงจึงยอมลงมือกินอาหาร

    แม้ท่านเหลียงจะสติไม่ดี แต่เขาก็ห่วงแม่นางเลี่ยงไม่น้อยซย่าเจี่ยลุ่ยบอกพลางมองสือซานเหลียงที่ยามนี้ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารอย่าดุเดือด เมื่อวานตอนข้ามาก็เห็นเขาคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าคนบ้า คงจะรู้สึกผิดและตกใจมากที่พลั้งมือทำร้ายเจ้า

    เฟิงชิงถิงรับคำ คิดในใจว่าเขาอาจจะกลัวไม่มีผู้ใดหาอาหารให้เขากินก็ได้ แต่เมื่อนึกถึงแววตาตกใจสุดขีดที่เขามองมาหลังจากพลั้งมือทำร้ายนาง รวมถึงการกระทำที่ผ่านมาในช่วงนี้ เฟิงชิงถิงเองก็คิดเช่นกันว่าเขาคงจะรู้สึกผิดไม่น้อยและดีใจที่เห็นนางฟื้น เช่นนั้นแปลว่านางก็มีความสำคัญต่อเขามากกว่าการเป็นคนคอยหาอาหารให้ใช่หรือไม่

    หลังจากมองดูเฟิงชิงถิงดื่มยาจนหมด ซย่าเจี่ยลุ่ยและลี่เอ๋อร์ก็ขอตัวกลับไป เพื่อให้เฟิงชิงถิงได้พักผ่อน แต่บอกว่าตอนเย็นจะมาเยี่ยมอีกครั้ง

    เย็นนั้นก็ไม่ต่างกัน หลังจากซย่าเจี่ยลุ่ยป้อนน้ำแกงให้เฟิงชิงถิงจนหมด สือซานเหลียงจึงยอมกินอาหารของตน ส่วนคืนนั้นเขาก็กลับขึ้นมานอนบนเตียงข้างนางเช่นเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×